Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย

 

” พี่ชาย!” ชูฮันที่ทนความตึงเครียดนี้ไม่ไหวอีกต่อไปก็เอ่ยขึ้นขัดการกระทําของอีกฝ่าย “พี่ช่วยเปลี่ยนจังหวะที่ เหลามีดอยู่อย่างนั้นจนมีดจะซื้อเอา แล้วฟังแต่เสียงแบบนี้ฉันจะเป็นบ้าแทน!”

 

หวังไคอึดอัด มองซูฮันด้วยสายตาตกใจ ตอนนี้ทั้งมันและซูฮันต่างมีพลังเป็นศูนย์ ถ้าอีกฝ่ายโจมตีใส่พวกเขาขึ้นมาจะทํายังไง ยังจะกล้าปากดีอีก ไม่กลัวตายรึไง?

 

ไม่รู้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้อยู่ตัวคนเดียวมาถึงสองปีของโลกวินาศเลยหรือยังไงกัน แต่ทันทีที่ซูฮันพูดออกไป ชายคนนั้นก็หยุดการกระทําของตัวเองทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด เหลือไว้แต่เพียงเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงของซูฮันและหวังไค

 

ครั้งนี้ มันยิ่งวังเวงหนักกว่าเดิมอีก!

 

ชายแปลกหน้าที่กําลังตะลึงจู่ๆก็เงยหน้าขึ้น สายตาทั้งคมกริบและไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยตายและความเย่อหยิ่งราวกับนกอินทรี

 

เฮือก!

 

หวังไคกลืนน้ําลายอีก ตัวสั่นเทิ้ม

 

ซูฮันส่ายหัวและปล่อยตัวตามสบาย ผู้ชายคนนี้คือใครเขาไม่รู้และเขาก็ไม่พลังพอจะมาทดสอบพลังของอีกฝ่ายในตอนนี้

 

ในเวลานั้นเอง ชายแปลกหน้าก็เลิกคิ้วขึ้น แววตาประหลาดใจมองมาที่ชูฮันและเอ่ยขึ้นเป็นป ะโยคแรก “ฉันก็รู้สึกว่าจังหวะมันน่าเบื่อ แต่ฉันมีแค่มีดนี้เล่มเดียว!”

 

หวังไคสีหน้างุนงง หัวข้อการสนทนาที่ไม่มีประเด็นสําคัญแบบนี้ก็เอาคุยกันได้งั้นเหรอ?

 

ซูฮันเม้มปาก เขาก็พูดไปงั้นๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดตามอย่างจริงจัง แสดงว่ามันก็เรื่องจริงที่ผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่มาเดียวดายและยาวนานขนาดนี้?

 

“โอ้ ใช่ นายมีบุหรี่มั้ย?” ชายแปลกหน้าถามขึ้น เปลี่ยนหัวข้อไปอย่างรวดเร็วจนซูฮันงง

 

ซูฮันล้วงมือลงไปในกระเป๋าและหยิบซองบุหรี่ในประตูมิติออกมา จากนั้นก็โยนไปให้อีกฝ่ายทันทีโดยไม่พูดอะไร

 

“จริงดิ?!” ตาของชายแปลกหน้าเป็นประกายอย่างดีใจ และมองซูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นายหนีตายจากฝูงซอมบี้มหาศาลขนาดนั้นแต่ยังเก็บซองบุหรี่รอดมาได้ยังไงกัน?”

 

ซูฮันขี้เกียจจะตอบคําถาม และเขาเองก็รู้สึกอาย “สูบๆไปเถอะ อย่าปล่อยควันใส่ฉัน”

 

“ฟู!” ชายแปลกหน้าเจอไฟแช็กที่เสียบอยู่ในซองบุหรี่ก็รีบจุดสูบทันที

 

การสูบบุหรี่เป็นการสร้างมิตรให้แก่คนแปลกหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ คนแปลกหน้าทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เพราะบหรี่ “ไอ้หนุ่ม นายจะวิ่งหนีฝูงซอมบี้ตัวคนเดียวแบบนี้ไม่ได้ อย่าเข้าไปในเมืองหนานตู้ นายก็เห็นแล้วว่าซอมบี้มันเยอะขนาดไหน?”

 

ชายแปลกหน้าที่คิดเอาเองว่าอันคือชาวบ้านของเมืองหนานตู้ในยุคศิวิไลซ์ ฝูงซอมบี้มหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในเมืองตลอดเวลาทําให้ชายแปลกหน้าไม่มีโอกาสจะหนีออกไปได้ทัน

 

ขณะพูด ชายแปกลหน้าก็แอบเหลือบมองซูฮันและหวังไคไปด้วย “แล้วกระต่ายตัวโตแบบนี้มันไม่น่าจะใช่สัตว์เลี้ยงในยุคศิวิไลซ์ มันน่าจะเป็นสัตว์ที่กลายพันธุ์เพราะสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงในโลกาวินาศใช่มั้ย?”

 

สีหน้าของหวังไคงองทันที ใครคือสัตว์เลี้ยง? แกสไอ้สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์

 

ซูฮันเลียริมฝีปาก และเอ่ยกฎของโจรขึ้น “พี่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันให้บุหรี่หนึ่งซอง เราเจ้ากัน”แต่

 

ชายแปลกหน้าตะลึง มองซูฮันอย่างไม่เจอเคยเจอแบบนี้มาก่อน

 

จากนั้นชูฮันก็สบตากับอีกฝ่าย และดึงบุหรีอีกซองออกมาจากกระเป๋าตัวเอง โยนเข้าใส่มืออีกฝ่าย “ซองสุดท้าย ที่นี่พี่ชายติดหนี้ฉัน ฉันจะนอนพักเดี๋ยวนี้เพราะงั้นช่วยเงียบๆหน่อย”

 

“เฮ้ ให้ฉันพูด…” ชายแปลกหน้าพยายามพูด

 

“อย่าส่งเสียง อย่าเสนอความคิดอะไรทั้งนั้น” หลังจากพูดจบ ซูฮันก็เตะหวังไค “หวังไคคอยเฝ้าเขาเอาไว้ ฉันจะนอนสักพัก”

 

ฮัลโหล?! ชายแปลกหน้าร้องตะโกนอยู่ในใจ

 

ฮัลโหล?! เสียงประท้วงอย่างโมโหของหวังไคอยู่ในหัวซูฮัน

 

ในขณะที่ซูฮันเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าที่ชั้นยี่สิบของอาคารสูงแห่งหนึ่งที่ซอมบี้ไม่สามารถขึ้นมาได้ถึง ทีมกุ้งเสือดําก็กําลังเผชิญกับวิกฤตแห่งประวัติศาสตร์อยู่ในขณะนี้

 

มันเป็นถนนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองหนานพอสมควร แต่ถึงจะไกลขนาดไหลมันก็ยังมีฝูงซอมบี้จํานวนมหาศาลอยู่ดี!

 

หลังจากตั้งสติได้ ทีมกุ้งเสือดําก็กระจายตัวกันไปประจําตามจุดต่างๆบนถนน ในขณะที่มีฝูงซอมบี้กําลังเคลื่อนตัวเข้ามาพวกเขาไม่หยุด ทีมกุ้งเสือดําที่คอยซุ่มโจมตีอยู่ข้างถนนก็จัดการลอบฆ่าซอมบี้ ทําให้ตอนนี้ทุกที่มีแต่ซากศพซอมบี้นอนตายเต็มพื้นไปหมด หากมันกลับดูไม่มีผลอะไรเพราะด้านหลังก็ยังมีฝูงซอมบี้อีกมหาศาลกําลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาเหมือนเดิม

 

ทีมกุ้งเสือดําได้ทําการไล่ฆ่าซอมบี้ตั้งแต่ทางเข้าจนเข้าเมืองมาเรื่อยๆไม่หยุด

 

“พักสิบนาที” เสี่ยวเดินกระซิบออกคําสั่ง แม้กําลังอยู่ในช่วงโกลหล หากเขาก็ยังใช้ความคิดอย่างรอบคอบ “หวังหลิน นายเร็วที่สุด เพราะงั้นไปดูรอบๆว่ามีที่ไหนให้เราผ่านไปได้ การไล่ฆ่า พวกมันไม่หยุดแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ซอมบี้ทั้งเมืองมันเกินกว่าเราจะรับไหว”

 

“ครับ” หวังหลินตอบรับเบาๆ จากนั้นก็กระโดดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จุดประสงค์ของพวกเขาคือการตามหาหัวหน้าชูฮัน ไม่ใช่การกวาดล้างซอมบี้ในเมืองหนานตู้

 

“จางโบฮั่น เธอไหวมั้ย?” เสี่ยวเดินมองดูจางโบฮั่นที่กําลังเหงื่อแตกอยู่ข้างเขา

 

แม้เธอจะเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในทีมกุ้งเสือดํา แต่สมรรถภาพทางกายของเธอนั้นไม่แพ้ใครเลยในการฝึกฝนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ยิ่งความสามารถพิเศษไมนการพรางกายของเธอ ยิ่ง ตอนนี้ตัวเธอก็เป็นพรสวรรค์ระยะ 4 แล้ว ทําให้ความสามารถในการพรางกายของเธอครอบคลุมในรัศมี 5 เมตร ซึ่งมันครอบคลุมทีมกุ้งเสือดํา 50 คนที่ยืนอยู่ข้างถนนขณะที่ฝูงซอมบี้มหาศาลเดินผ่านหน้าทุกคนไปโดยไม่รู้ถึงตัวตนของทุกคน

 

“แค่สิบนาที ฉันไม่ได้แก่นะ อย่างฉัน 20 นาทีก็ไหว” น้ําเสียงล้อเล่นของจางโบฮั่นเอ่ย ขึ้นเพื่อคลายความเครียด

 

ทันใดนั้นแรงใจของสมาชิกทีมกุ้งเสือดําก็ฮักเฮิมขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดของจางโบฮั่น ลักษณะนิสัยของสมาชิกในทีมส่วนใหญ่จะเลือดร้อนและดุเดือด หากจางโบฮั่นกลับแตกต่างไปจากทุกคนซึ่งสาเหตุที่ซูฮันให้จางโบฮั่นอยู่ทีมนี้ก็เพราะบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอนั้นเอง และที่ทีมกุ้งเสือดําเป็นกุ้งเสือดําอย่างทุกวันก็เพราะความสามารถพิเศษของจางโบฮั่นนั่นเอง

 

มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะสามารถพรางลมหายใจและความร้อนจากร่างกายของทุกคนให้พ้นจากซอมบี้ได้ มันเป็นความสามารถที่ยิ่งกว่าพิเศษ

 

และได้หาได้ยากมาก!

 

บรรยากาศเริ่มค่อยๆสงบลง ทุกคนใช้เวลาสิบนาที่อันแสนจะมีค่าเพื่อฟื้นพลังของตัวเองกลับมาซอมบี้ทั้งหลานก็เดินผ่านหน้าพวกเขาไปเรื่อยโดยไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเขาเลยนั่นก็เพราะความสามารถพิเศษของจางโบฮั่นนั่นเอง

 

ขณะที่ฝูงซอมบี้ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านทุกคนไปอย่างช้าๆ จู่ๆร่างของหวังหลินก็โพล่ออกมาในพื้นที่ปลอดภัย ร่างของหวังหลินนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อโชกและดูเหนื่อยอย่างมาก หากแววตากลับอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น “ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เจอว่าเสาหินอยู่ที่ไหน แต่ผมเจอสัญญาณของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นของผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้”

 

เสี่ยวเดินกระพริบตา หากยังไม่ตัดสินใจทันที เขาเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “มีซอมบี้อยู่กี่ตัว? เราจําเป็นต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์หรือลูกผสม”

 

“ตรวจสอบแล้วครับว่าไม่ใช่ลูกผสม” หวังหลินปาดเหงื่อที่หน้าออก “มันเป็นอาคารสูงที่ผ้ายาวซึ่งเขียนตัวอักษร SOS แขวนอยู่ แล้วข้างล่างทางเข้าก็ยังมีซากศพซอมบีนอนกองตายอยู่ครับ”

 

เสี่ยวเดินเลิกคิ้วและออกคําสั่ง “ไปดูกัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 696 ฉันจะนอน เงียบหน่อย

 

” พี่ชาย!” ชูฮันที่ทนความตึงเครียดนี้ไม่ไหวอีกต่อไปก็เอ่ยขึ้นขัดการกระทําของอีกฝ่าย “พี่ช่วยเปลี่ยนจังหวะที่ เหลามีดอยู่อย่างนั้นจนมีดจะซื้อเอา แล้วฟังแต่เสียงแบบนี้ฉันจะเป็นบ้าแทน!”

 

หวังไคอึดอัด มองซูฮันด้วยสายตาตกใจ ตอนนี้ทั้งมันและซูฮันต่างมีพลังเป็นศูนย์ ถ้าอีกฝ่ายโจมตีใส่พวกเขาขึ้นมาจะทํายังไง ยังจะกล้าปากดีอีก ไม่กลัวตายรึไง?

 

ไม่รู้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้อยู่ตัวคนเดียวมาถึงสองปีของโลกวินาศเลยหรือยังไงกัน แต่ทันทีที่ซูฮันพูดออกไป ชายคนนั้นก็หยุดการกระทําของตัวเองทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด เหลือไว้แต่เพียงเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงของซูฮันและหวังไค

 

ครั้งนี้ มันยิ่งวังเวงหนักกว่าเดิมอีก!

 

ชายแปลกหน้าที่กําลังตะลึงจู่ๆก็เงยหน้าขึ้น สายตาทั้งคมกริบและไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยตายและความเย่อหยิ่งราวกับนกอินทรี

 

เฮือก!

 

หวังไคกลืนน้ําลายอีก ตัวสั่นเทิ้ม

 

ซูฮันส่ายหัวและปล่อยตัวตามสบาย ผู้ชายคนนี้คือใครเขาไม่รู้และเขาก็ไม่พลังพอจะมาทดสอบพลังของอีกฝ่ายในตอนนี้

 

ในเวลานั้นเอง ชายแปลกหน้าก็เลิกคิ้วขึ้น แววตาประหลาดใจมองมาที่ชูฮันและเอ่ยขึ้นเป็นป ะโยคแรก “ฉันก็รู้สึกว่าจังหวะมันน่าเบื่อ แต่ฉันมีแค่มีดนี้เล่มเดียว!”

 

หวังไคสีหน้างุนงง หัวข้อการสนทนาที่ไม่มีประเด็นสําคัญแบบนี้ก็เอาคุยกันได้งั้นเหรอ?

 

ซูฮันเม้มปาก เขาก็พูดไปงั้นๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดตามอย่างจริงจัง แสดงว่ามันก็เรื่องจริงที่ผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่มาเดียวดายและยาวนานขนาดนี้?

 

“โอ้ ใช่ นายมีบุหรี่มั้ย?” ชายแปลกหน้าถามขึ้น เปลี่ยนหัวข้อไปอย่างรวดเร็วจนซูฮันงง

 

ซูฮันล้วงมือลงไปในกระเป๋าและหยิบซองบุหรี่ในประตูมิติออกมา จากนั้นก็โยนไปให้อีกฝ่ายทันทีโดยไม่พูดอะไร

 

“จริงดิ?!” ตาของชายแปลกหน้าเป็นประกายอย่างดีใจ และมองซูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นายหนีตายจากฝูงซอมบี้มหาศาลขนาดนั้นแต่ยังเก็บซองบุหรี่รอดมาได้ยังไงกัน?”

 

ซูฮันขี้เกียจจะตอบคําถาม และเขาเองก็รู้สึกอาย “สูบๆไปเถอะ อย่าปล่อยควันใส่ฉัน”

 

“ฟู!” ชายแปลกหน้าเจอไฟแช็กที่เสียบอยู่ในซองบุหรี่ก็รีบจุดสูบทันที

 

การสูบบุหรี่เป็นการสร้างมิตรให้แก่คนแปลกหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ คนแปลกหน้าทั้งสองคนสามารถคุยกันได้เพราะบหรี่ “ไอ้หนุ่ม นายจะวิ่งหนีฝูงซอมบี้ตัวคนเดียวแบบนี้ไม่ได้ อย่าเข้าไปในเมืองหนานตู้ นายก็เห็นแล้วว่าซอมบี้มันเยอะขนาดไหน?”

 

ชายแปลกหน้าที่คิดเอาเองว่าอันคือชาวบ้านของเมืองหนานตู้ในยุคศิวิไลซ์ ฝูงซอมบี้มหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในเมืองตลอดเวลาทําให้ชายแปลกหน้าไม่มีโอกาสจะหนีออกไปได้ทัน

 

ขณะพูด ชายแปกลหน้าก็แอบเหลือบมองซูฮันและหวังไคไปด้วย “แล้วกระต่ายตัวโตแบบนี้มันไม่น่าจะใช่สัตว์เลี้ยงในยุคศิวิไลซ์ มันน่าจะเป็นสัตว์ที่กลายพันธุ์เพราะสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงในโลกาวินาศใช่มั้ย?”

 

สีหน้าของหวังไคงองทันที ใครคือสัตว์เลี้ยง? แกสไอ้สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์

 

ซูฮันเลียริมฝีปาก และเอ่ยกฎของโจรขึ้น “พี่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันให้บุหรี่หนึ่งซอง เราเจ้ากัน”แต่

 

ชายแปลกหน้าตะลึง มองซูฮันอย่างไม่เจอเคยเจอแบบนี้มาก่อน

 

จากนั้นชูฮันก็สบตากับอีกฝ่าย และดึงบุหรีอีกซองออกมาจากกระเป๋าตัวเอง โยนเข้าใส่มืออีกฝ่าย “ซองสุดท้าย ที่นี่พี่ชายติดหนี้ฉัน ฉันจะนอนพักเดี๋ยวนี้เพราะงั้นช่วยเงียบๆหน่อย”

 

“เฮ้ ให้ฉันพูด…” ชายแปลกหน้าพยายามพูด

 

“อย่าส่งเสียง อย่าเสนอความคิดอะไรทั้งนั้น” หลังจากพูดจบ ซูฮันก็เตะหวังไค “หวังไคคอยเฝ้าเขาเอาไว้ ฉันจะนอนสักพัก”

 

ฮัลโหล?! ชายแปลกหน้าร้องตะโกนอยู่ในใจ

 

ฮัลโหล?! เสียงประท้วงอย่างโมโหของหวังไคอยู่ในหัวซูฮัน

 

ในขณะที่ซูฮันเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าที่ชั้นยี่สิบของอาคารสูงแห่งหนึ่งที่ซอมบี้ไม่สามารถขึ้นมาได้ถึง ทีมกุ้งเสือดําก็กําลังเผชิญกับวิกฤตแห่งประวัติศาสตร์อยู่ในขณะนี้

 

มันเป็นถนนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองหนานพอสมควร แต่ถึงจะไกลขนาดไหลมันก็ยังมีฝูงซอมบี้จํานวนมหาศาลอยู่ดี!

 

หลังจากตั้งสติได้ ทีมกุ้งเสือดําก็กระจายตัวกันไปประจําตามจุดต่างๆบนถนน ในขณะที่มีฝูงซอมบี้กําลังเคลื่อนตัวเข้ามาพวกเขาไม่หยุด ทีมกุ้งเสือดําที่คอยซุ่มโจมตีอยู่ข้างถนนก็จัดการลอบฆ่าซอมบี้ ทําให้ตอนนี้ทุกที่มีแต่ซากศพซอมบี้นอนตายเต็มพื้นไปหมด หากมันกลับดูไม่มีผลอะไรเพราะด้านหลังก็ยังมีฝูงซอมบี้อีกมหาศาลกําลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาเหมือนเดิม

 

ทีมกุ้งเสือดําได้ทําการไล่ฆ่าซอมบี้ตั้งแต่ทางเข้าจนเข้าเมืองมาเรื่อยๆไม่หยุด

 

“พักสิบนาที” เสี่ยวเดินกระซิบออกคําสั่ง แม้กําลังอยู่ในช่วงโกลหล หากเขาก็ยังใช้ความคิดอย่างรอบคอบ “หวังหลิน นายเร็วที่สุด เพราะงั้นไปดูรอบๆว่ามีที่ไหนให้เราผ่านไปได้ การไล่ฆ่า พวกมันไม่หยุดแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ซอมบี้ทั้งเมืองมันเกินกว่าเราจะรับไหว”

 

“ครับ” หวังหลินตอบรับเบาๆ จากนั้นก็กระโดดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จุดประสงค์ของพวกเขาคือการตามหาหัวหน้าชูฮัน ไม่ใช่การกวาดล้างซอมบี้ในเมืองหนานตู้

 

“จางโบฮั่น เธอไหวมั้ย?” เสี่ยวเดินมองดูจางโบฮั่นที่กําลังเหงื่อแตกอยู่ข้างเขา

 

แม้เธอจะเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในทีมกุ้งเสือดํา แต่สมรรถภาพทางกายของเธอนั้นไม่แพ้ใครเลยในการฝึกฝนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ยิ่งความสามารถพิเศษไมนการพรางกายของเธอ ยิ่ง ตอนนี้ตัวเธอก็เป็นพรสวรรค์ระยะ 4 แล้ว ทําให้ความสามารถในการพรางกายของเธอครอบคลุมในรัศมี 5 เมตร ซึ่งมันครอบคลุมทีมกุ้งเสือดํา 50 คนที่ยืนอยู่ข้างถนนขณะที่ฝูงซอมบี้มหาศาลเดินผ่านหน้าทุกคนไปโดยไม่รู้ถึงตัวตนของทุกคน

 

“แค่สิบนาที ฉันไม่ได้แก่นะ อย่างฉัน 20 นาทีก็ไหว” น้ําเสียงล้อเล่นของจางโบฮั่นเอ่ย ขึ้นเพื่อคลายความเครียด

 

ทันใดนั้นแรงใจของสมาชิกทีมกุ้งเสือดําก็ฮักเฮิมขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดของจางโบฮั่น ลักษณะนิสัยของสมาชิกในทีมส่วนใหญ่จะเลือดร้อนและดุเดือด หากจางโบฮั่นกลับแตกต่างไปจากทุกคนซึ่งสาเหตุที่ซูฮันให้จางโบฮั่นอยู่ทีมนี้ก็เพราะบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอนั้นเอง และที่ทีมกุ้งเสือดําเป็นกุ้งเสือดําอย่างทุกวันก็เพราะความสามารถพิเศษของจางโบฮั่นนั่นเอง

 

มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะสามารถพรางลมหายใจและความร้อนจากร่างกายของทุกคนให้พ้นจากซอมบี้ได้ มันเป็นความสามารถที่ยิ่งกว่าพิเศษ

 

และได้หาได้ยากมาก!

 

บรรยากาศเริ่มค่อยๆสงบลง ทุกคนใช้เวลาสิบนาที่อันแสนจะมีค่าเพื่อฟื้นพลังของตัวเองกลับมาซอมบี้ทั้งหลานก็เดินผ่านหน้าพวกเขาไปเรื่อยโดยไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเขาเลยนั่นก็เพราะความสามารถพิเศษของจางโบฮั่นนั่นเอง

 

ขณะที่ฝูงซอมบี้ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านทุกคนไปอย่างช้าๆ จู่ๆร่างของหวังหลินก็โพล่ออกมาในพื้นที่ปลอดภัย ร่างของหวังหลินนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อโชกและดูเหนื่อยอย่างมาก หากแววตากลับอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น “ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เจอว่าเสาหินอยู่ที่ไหน แต่ผมเจอสัญญาณของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นของผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้”

 

เสี่ยวเดินกระพริบตา หากยังไม่ตัดสินใจทันที เขาเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “มีซอมบี้อยู่กี่ตัว? เราจําเป็นต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์หรือลูกผสม”

 

“ตรวจสอบแล้วครับว่าไม่ใช่ลูกผสม” หวังหลินปาดเหงื่อที่หน้าออก “มันเป็นอาคารสูงที่ผ้ายาวซึ่งเขียนตัวอักษร SOS แขวนอยู่ แล้วข้างล่างทางเข้าก็ยังมีซากศพซอมบีนอนกองตายอยู่ครับ”

 

เสี่ยวเดินเลิกคิ้วและออกคําสั่ง “ไปดูกัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+