Elixir Supplier 828 เทพเซียน เทพธิดา

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 828 เทพเซียน เทพธิดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับความคิดของฝ่ายหญิงและครอบครัวของเธอด้วยหวังเฟิงฮวาก็พอใจในตัวหญิงสาวมากยิ่งเขามองก็ยิ่งพอใจ

“พี่สาวของเชียนเชิงเลือกเพื่อนเจ้าสาวรียังคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม “ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย!”

“ได้สิ แม่จะบอกพี่สาวเดี๋ยวนี้เลย!” จางซิวหยิงรีบตัดสินใจแทนลูกสาวถึงจะเลือกเอาไว้แล้วลูกสาวของเธอก็ต้องเปลี่ยนจะมีใครเหมาะสมไปกว่าลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอกัน?

“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกพรุ่งนี้ผมจะบอกพี่เอง”หวังเย้าพูด

ซูเสี่ยวซวีนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

หลังจากมื้อกลางวัน ทั้งสองก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก

“ตั้งแต่ที่ฉันป่วย งานนี้ถือเป็นงานแต่งงานแรกที่ฉันได้เข้าร่วมเลยนะคะ” ซูเสียวซวีพูด

“จริงเหรอ? แล้วเธอดีใจมากไหม?” หวังเย้าถาม

“ค่ะ ฉันมีความสุขมากเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด

“แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว” หวังเย้าพูด

เมื่อทั้งสองเดินไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน พวกเขาก็เจอเข้ากับเจี้ยจื้อจายเขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและเดินฮัมเพลงไปด้วยเมื่อเห็นพวกเขาสองคนเขาก็รีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นซูเสียวซวี ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

“เป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ” เขาพูด “สวัสดีครับ เชียนเชิง”

“อืม สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด

“นี่ใครเหรอ? ภรรยาของเชียนเชิงใช่ไหม?” เจียจื้อจายถาม

“หา?” ซเสี่ยวซวีตกใจ แรกเริ่มเธอคิดว่า คําพูดที่เขาใช้เรียกเธอออกจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่หลังจากคิดไปสักพักสองข้างแก้มของเธอก็แดงเรื่อ

“เอ่อ ไม่สิ แฟนของเชียนเชิงเหรอ?” เจี้ยจื้อจายรู้สึกว่าค่าที่เขาใช้เรียกเธอดูจะไม่เหมาะสมนักเขาเลยเปลี่ยนคําเรียกใหม่

“ใช่ เธอเป็นแฟนของผมเอง แล้วก็จะเป็นภรรยาของผมเร็วๆนี้ด้วย” หวังเย้าพูดอย่างเปิดเผยท่าให้ใบหน้างามของซูเสี่ยวซวีแดงยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ เชียนเชิง” เจี่ยจื้อจายพูด “อย่าลืมบอกผมด้วยล่ะ”

“แน่นอน” หวังเย้าพูด

“ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว” เจี้ยจื้อจายเดินกลับไปด้วยรอยยิ้มเขาตรงไปที่บ้านของจงหลิวชวนและเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่คิดจะเคาะประตู

จงหลิวชวนกําลังนั่งสมาธิอยู่บนเบาะนั่ง

“ว้าว นายเตรียมจะเป็นนักพรตเต๋จริงๆสินะเนี้ย”เจียจื้อจายพูด

“นายมีเรื่องอะไร?” จงหลิวชวนลืมตาและถามออกไป

“ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะสิ” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันเห็นภรรยาของเชียนเชิงด้วยล่ะ!”

“ภรรยาอะไรกัน?” จงหลิวชวนถาม

“ก็เมื่อกี้น่ะสิ ฉันเห็นเชียนเชิงเดินมากับสาวสวยอย่างกับนางฟ้าในหมู่บ้าน เชียนเชิงยอมรับเองเลยว่าเธอเป็นแฟนแล้วก็ภรรยาในอนาคตของเขา”เจี้ยจื้อจายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับได้ค้นพบเรื่องยิ่งใหญ่เข้า

“แล้วยังไง?” จงหลิวชวนถามด้วยท่าที่นิ่งเฉย

“เฮ้ย หรือว่านายจะรู้มานานแล้ว? ทําไมถึงได้เฉยขนาดนี้ล่ะ?” เจี้ยจื้อจายถาม

“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เชียนเชิงจะมีแฟน” จงหลิวชวนพูดในขณะที่ลุกขึ้นยืน “แล้วเชียนเชิงก็ยอดเยี่ยมและไม่ต่างอะไรจากเทพเซียนการที่เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยราวเทพธิดาก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วจะต้องตกใจไปทําไมกัน?ส่วนนายฉันเคยได้ยินมาจากคนอื่นว่านายเคยแช่ตัวอยู่ในหลุมโคลนนานสามวันเพื่อลอบโจมตีเป้าหมาย ตอนนั้นทําไมนายถึงใจเย็นและสงบขนาดนั้นได้ล่ะ? แล้วทําไมตอนนี้ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทําให้นายตกใจได้แล้วล่ะ? หรือนายจะเป็นคนอื่นปลอมตัวมา?นายใส่หน้ากากมนุษย์อยู่ใช่ไหม?ให้ฉันดูหน่อยซิ”

“เฮ้ย นายหมายความว่ายังไง?” เจี้ยจื้อจายถาม

“มาให้ฉันดูหน่อย” จงหลิวชวนพูด

“อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันก็เป็นตัวฉัน ไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

อยู่ๆจงหลิวชวนก็ขยับตัว เจียจื้อจายมองตามความเร็วของเขาไม่ทันแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“เฮ้ย! เอาจริงเหรอเนี้ย?”

เจี้ยจื้อจายอยากหลบ แต่ก็รับรู้ได้ว่าหมัดของจงหลิวชวนนั้นดูแปลกประหลาด เขากระโดดหลบแต่หมัดก็ยังพุ่งเข้าที่ใบหน้าของเขาอยู่ดี

มันไม่ใช่เพราะเขาช้า แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนไปแล้ว

หมัดถูกชกเข้าใส่หน้าท้องของเขาอย่างจัง มันไม่ได้หนักอย่างที่คิด แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี
“จริงเหรอเนี้ย?” เจียจื้อจายถาม

“เป็นนายจริงเหรอ?” จงหลิวชวนถามด้วยรอยยิ้ม

“นายกําลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?” เจี้ยจื้อจายถาม

จงหลิวชวนถอยหลังออกมาและสังเกตเจี้ยจื้อจายอย่างละเอียด

“อืม ดูเหมือนนายจะเป็นตัวจริง” จงหลิวชวนพูด

“นาย…”เลี้ยจื้อจายลูบท้องของเขาด้วยอาการตกตะลึง เพราะหมัดของจงหลิวชวนถึงเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งเล่น แต่หมัดนั้นก็ทําให้เขาต้องประหลาดใจอยู่ดีเขาหลบมันไม่ได้เลยถ้าจงหลิวชวนออกแรงมากกว่านี้มันคงสร้างความเจ็บปวดแก่เขาอย่างมาก

“นั่นเป็นวิชากังฟูที่เชียนเชิงสอนนายเหรอ?”เจี้ยจื้อจายถาม

“ใช่” จงหลิวชวนพูด

“นายสอนฉันได้รึเปล่า?” เลี้ยจื้อจายถาม

“นายคิดว่ายังไงล่ะ?” จงหลิวชวนถาม

“ก็ได้ ถ้าเชียนเชิงแต่งงาน บอกฉันล่วงหน้าด้วยล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ได้สิ” จงหลิวชวนพูด

“ฉันไปล่ะ นายฝึกคนเดียวไปเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ฉันไม่ส่งนะ” จงหลิวชวนพูด

เจี้ยจื้อจายจากไปพร้อมกับฮัมเพลงที่ดูเหมือนจะขาดความน่าสนใจและความรื่นเริงไปเล็กน้อย

“ไม่คิดเลยว่า ช่องว่างจะใหญ่ขนาดนี้” เจี้ยจื้อจายพูดขึ้นมาในตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน “นานแค่ไหนแล้วนะ?”

“ช่องว่างอะไรเหรอ?” เมื่อได้ยินเสียงที่เขาพูดกับตัวเอง หูเหมยก็เอ่ยถามขึ้นมา

“จงหลิวชวนน่ะสิ! ถึงฉันจะไม่เคยสู้กับเขามาก่อน แต่ฉันก็จําได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะล้มเขา”เจี้ยจื้อจายพูด“เวลาที่เขามองฉัน มันทําให้ฉันรู้ว่าเขากําลังมองว่าฉันคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่สําหรับเขาแต่ตอนนี้ แม้แต่หมัดของเขาฉันก็ยังหลบไม่พ้นมันเป็นเพราะเขาพัฒนาเร็วเกินไปหรือว่าเป็นตัวฉันเองที่เฉื่อยชาเกินไป?”

“ตัวนายน่ะสิ!” หูเหมยยื่นมือไปเคาะหน้าผากของเขา

“ถ้าเขาพัฒนาขึ้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ?” เธอถาม “เขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา เราโบกมือลาชีวิตก่อนหน้านั้นมาแล้วนะ มันถูกตัดขาดแล้วเราไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไปเราไม่จําเป็นต้องคอยคิดว่าจะจัดการกับศัตรูด้วยวิธีไหนอีกต่อไปแล้ว!”

“อืม เธอจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” เจี้ยจื้อจายพูด “มันเหมือนกับเวลาที่เธอมักจะรังแกคนคนหนึ่งอยู่เสมอ และชินกับการรังแกเขามาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับกลายเป็นคนที่เหยียบหน้าเราที่นอนอยู่บนพื้นแทนความแตกต่างมันมากเกินไป แล้วมันก็ยอมรับไม่ได้ง่ายๆด้วย!”

“นายมันคิดไร้สาระจริงๆ!” หูเหมยกรอกตาใส่เขา

“จริงด้วย เธอรู้ไหมว่าเชียนเชิงมีแฟนสวยมากเลยล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพูด หล่อนแย่กว่าเธอแค่นิดเดียวเท่านั้น!วันนี้ฉันไปเห็นมาเธอสวยอย่างกับนางฟ้าแล้วเธอยังเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ด้วย”

“จริงเหรอ? นายได้ถามรึเปล่าว่าพวกเขาจะแต่งกันเมื่อไหร่?” หูเหมยถาม

“ฉันถามแล้ว แต่เขายังไม่ได้คิด” เจี่ยจื้อจายพูด “ฉันเลยบอกเขาไปว่า ถ้าพวกเขาแต่งเมื่อไหร่ก็ให้บอกพวกเราด้วย แล้วพวกเราก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ถ้าเขาแต่งเมื่อไหร่เราก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่เราควรเตรียมของขวัญแบบไหนให้เขาดี?”

“ช่วงนี้ ความคิดของนายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเร็วมากเลยนะ” หูเหมยพูด “มันเร็วไปที่จะคิดเรื่องนี้จริงไหม?”

“มันไม่เร็วเกินไปหรอก” เจี้ยจื้อจายพูด “เขาคือคนที่จะกลายเป็นอาจารย์ของฉันในอนาคตของขวัญชิ้นนี้ต้องมีน้ำหนักมากพอดังนั้นฉันก็ต้องคิดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆช่วงนี้ความคิดของฉันกระโดดไปมาไม่หยุดทําไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?ไม่ใช่เพราะดาบที่แขวนอยู่เหนือหัวของพวกเราหายไปแล้วหรอกเหรอ?ตอนนี้เราเป็นอิสระและสามารถใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการแล้วความคิดของฉันมันก็เลยเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ!มันแปลกตรงไหนกัน?”

“มันไม่แปลกเลย ขอแค่นายมีความสุขก็พอแล้ว”หูเหมยตอบ

“เมียของฉันดีที่สุด!” เจี้ยจื้อจายจูบเธอ

“ไปไกลๆเลย” เธอพูด

หวังเย้ากับซูเสียวซวีเดินออกจากหมู่บ้าน พวกเขาเดินไปเรื่อยๆและมาถึงถนนที่จะนําไปสู่เนินเขาหนานชาน

“เอาต้นไม้พวกนี้มาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีชี้ไปที่ต้นไม้แถวใหม่ที่ถูกปลูกไว้ตรงตีนเขา

“เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง” หวังเย้าตอบ

“ปลูกต้นไม้ตอนฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้จะเหมาะเหรอคะ?” เธอถาม

“เหมาะสิ สภาพอากาศตรงนี้ต่างจากข้างนอก ถึงจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ยังปลูกได้หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ บนเขามีผลไม้อยู่ด้วยนะเราไปลองชิมดูดีไหม?”

“เอาสิคะ!”

ทั้งสองเดินจับมือขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

ซานเซียนวิ่งลงมาหาพวกเขาที่ตีนเขา มันส่ายหางไปมาอย่างยินดี และส่งเสียงทักทายซูเสี่ยวซวี

“ฉันคิดว่า มันกําลังยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยความแปลกใจ เธอเห็นรอยยิ้มบนหน้าของซานเซียนจริงๆ

“จริงเหรอ? ผมขอดูหน่อยสิ”หวังเฝ้ามองดูมันอย่างละเอียด

โฮ่ง! โซึ่ง!

ซานเซียนดูเหมือนจะถามว่าเขากําลังมองมันทําไม

“มันกําลังยิ้มจริงๆด้วย” หวังเย้าพูด “ดูเหมือนว่ามันจะยินดีต้อนรับเธอมากเลยนะนี่ซานเซียนทําไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เห็นนายยิ้มให้บ้างเลยล่ะ?”

โฮ่ง! โฮ่ง!

“ก็ได้ ก็ได้ เราขึ้นไปบนเขากันเถอะ” หวังเย้ายิ้มแล้วลูบหัวของมัน

“แปลก ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาลูกนี้ต่างไปจากครั้งก่อนที่ฉันมานะ?” ซูเสี่ยวซวีพูด

“ต่างยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม

“ฉันรู้สึกว่าพลังของมันหนาแน่นขึ้น แถมมันยังดูเหมือนจะสูงขึ้นด้วยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบ

“ใช่แล้วล่ะ มันสูงขึ้นมานิดหน่อยแล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“มันยังโตอยู่อีกเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

“มันยังโตได้อีก แล้วมันก็ยังสูงขึ้นมากกว่า 1 เมตรในข้ามคืนด้วย” หวังเย้าพูด“ตอนนั้นผมยังคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวอยู่เลย!”

“แล้วมันโตได้ยังไงเหรอคะ?” เธอถาม

“ผมก็ไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน”หวังเย้าตอบ“มันขึ้นอยู่กับความคิดของมันเอง!”

“ความคิดของมัน?”ซูเสี่ยวซวีสับสนเล็กน้อย

“เขาลูกนี้มีความฉลาดและมีความคิดของมันเอง มาชิมผลไม้นี้ดีกว่า มันเก็บมาจากต้นไม้พวกนี้รสชาติของมันดีมากเลยล่ะ!”หวังเย้าเอาจานใส่ผลไม้ที่มีองุ่น,แอปเปิ้ล,พุทรา, และลูกแพรสิ่งที่เหมือนกันของผลไม้เหล่านี้ก็คือขนาดที่ใหญ่,สีสันสดใส,และดูชุ่มน้ำพวกมันมีกลิ่นหอมหวานของผลไม้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสชาติที่อร่อยโดยที่ไม่ต้องลองชิมก่อน

“ลองชิมดูสิ” หวังเย้าพูด

“ค่ะ!” ซูเสียวซวีหยิบองุ่นใส่ปาก มันจ่าน้ำและหวานมาก
“อร่อย!”เธออดที่จะหยิบขึ้นมากินอีกไม่ได้

“ลองอย่างอื่นด้วยสิ พวกมันอร่อยหมดเลย” หวังเย้าพูด

ซูเสียวซวีลองผลไม้ทุกชนิดในจาน ทั้งหมดรสชาติอร่อย มันต่างจากที่เธอเคยกินมาก่อนมาก

“มันอร่อยมากเลยค่ะ!”

“ถ้าอร่อย ไว้ผมส่งไปให้กินดีไหม?” หวังเย้าถาม

“ดีสิคะ!”

กริ้งกริ้งกริ้ง!ตี้ด…มือถือของหวังเย้าส่งเสียงดัง เป็นพี่สาวของเขาโทรมา เธอบอกว่าเธออยากให้ซูเสี่ยวซวีไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาว

“ได้สิคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “ฉันซื้อของขวัญมาให้เธอด้วย!”

“ของขวัญอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม

“ตอนนี้ ฉันขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เจอเธอเมื่อไหร่ฉันจะเอาให้เธอเอง”

“ก็ได้ เราไปกันบ่ายนี้เลยเถอะ” หวังเย้าพูด “พรุ่งนี้ เธอคงจะยุ่งมาก”

“ค่ะ”

ทั้งสองลงจากเขา พวกเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน และไปยังสถานที่ที่นัดกันเอาไว้

“เสี่ยวซวีมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?” หวังรุ่ยมองเสี่ยวซวีและถามเธอหลายค่าถามด้วยท่าที่เป็น มิตร

“ฉันเพิ่งมาถึงวันนี้เองค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน พวกเขาก็ช่วยกันเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวสําหรับซูเสี่ยวซวี

“เด็กคนนี้สวยมาก!” คนในร้านชุดแต่งงานอุทานออกมาเมื่อได้เห็นซูเสียวซวีเธอเคยเห็นคนสวยมาแล้วหลายแบบแต่ความสวยแบบนี้หาได้ยากมาก

หวังรุ่ยเลือกชุดที่แพงที่สุด ซูเสี่ยวซวีรับไปลองสวม ทําให้ทุกส่วนของเธองดงามยิ่งขึ้นไปอีก

“แบบนี้ไม่ได้” เพื่อนสนิทของหวังรุ่ยที่มาด้วยกันพูดขึ้นมา

“ทําไมไม่ได้ล่ะ?” หวังรุ่ยถาม

“นี่เป็นน้องสะใภ้ของเธอเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม

“ใช่ น้องสะใภ้ในอนาคตน่ะ” หวังรุ่ยพูด

“ก็ดสิว่าเธอสวยขนาดไหน” เพื่อนของเธอพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าเธอไม่สวยนะ แต่เธอมาเป็น เพื่อนเจ้าสาว เธอจะขโมยความสนใจจากเจ้าสาวไปหมดน่ะสิ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 828 เทพเซียน เทพธิดา

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 828 เทพเซียน เทพธิดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับความคิดของฝ่ายหญิงและครอบครัวของเธอด้วยหวังเฟิงฮวาก็พอใจในตัวหญิงสาวมากยิ่งเขามองก็ยิ่งพอใจ

“พี่สาวของเชียนเชิงเลือกเพื่อนเจ้าสาวรียังคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม “ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย!”

“ได้สิ แม่จะบอกพี่สาวเดี๋ยวนี้เลย!” จางซิวหยิงรีบตัดสินใจแทนลูกสาวถึงจะเลือกเอาไว้แล้วลูกสาวของเธอก็ต้องเปลี่ยนจะมีใครเหมาะสมไปกว่าลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอกัน?

“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกพรุ่งนี้ผมจะบอกพี่เอง”หวังเย้าพูด

ซูเสี่ยวซวีนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

หลังจากมื้อกลางวัน ทั้งสองก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก

“ตั้งแต่ที่ฉันป่วย งานนี้ถือเป็นงานแต่งงานแรกที่ฉันได้เข้าร่วมเลยนะคะ” ซูเสียวซวีพูด

“จริงเหรอ? แล้วเธอดีใจมากไหม?” หวังเย้าถาม

“ค่ะ ฉันมีความสุขมากเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด

“แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว” หวังเย้าพูด

เมื่อทั้งสองเดินไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน พวกเขาก็เจอเข้ากับเจี้ยจื้อจายเขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและเดินฮัมเพลงไปด้วยเมื่อเห็นพวกเขาสองคนเขาก็รีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นซูเสียวซวี ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

“เป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ” เขาพูด “สวัสดีครับ เชียนเชิง”

“อืม สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด

“นี่ใครเหรอ? ภรรยาของเชียนเชิงใช่ไหม?” เจียจื้อจายถาม

“หา?” ซเสี่ยวซวีตกใจ แรกเริ่มเธอคิดว่า คําพูดที่เขาใช้เรียกเธอออกจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่หลังจากคิดไปสักพักสองข้างแก้มของเธอก็แดงเรื่อ

“เอ่อ ไม่สิ แฟนของเชียนเชิงเหรอ?” เจี้ยจื้อจายรู้สึกว่าค่าที่เขาใช้เรียกเธอดูจะไม่เหมาะสมนักเขาเลยเปลี่ยนคําเรียกใหม่

“ใช่ เธอเป็นแฟนของผมเอง แล้วก็จะเป็นภรรยาของผมเร็วๆนี้ด้วย” หวังเย้าพูดอย่างเปิดเผยท่าให้ใบหน้างามของซูเสี่ยวซวีแดงยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ เชียนเชิง” เจี่ยจื้อจายพูด “อย่าลืมบอกผมด้วยล่ะ”

“แน่นอน” หวังเย้าพูด

“ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว” เจี้ยจื้อจายเดินกลับไปด้วยรอยยิ้มเขาตรงไปที่บ้านของจงหลิวชวนและเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่คิดจะเคาะประตู

จงหลิวชวนกําลังนั่งสมาธิอยู่บนเบาะนั่ง

“ว้าว นายเตรียมจะเป็นนักพรตเต๋จริงๆสินะเนี้ย”เจียจื้อจายพูด

“นายมีเรื่องอะไร?” จงหลิวชวนลืมตาและถามออกไป

“ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะสิ” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันเห็นภรรยาของเชียนเชิงด้วยล่ะ!”

“ภรรยาอะไรกัน?” จงหลิวชวนถาม

“ก็เมื่อกี้น่ะสิ ฉันเห็นเชียนเชิงเดินมากับสาวสวยอย่างกับนางฟ้าในหมู่บ้าน เชียนเชิงยอมรับเองเลยว่าเธอเป็นแฟนแล้วก็ภรรยาในอนาคตของเขา”เจี้ยจื้อจายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับได้ค้นพบเรื่องยิ่งใหญ่เข้า

“แล้วยังไง?” จงหลิวชวนถามด้วยท่าที่นิ่งเฉย

“เฮ้ย หรือว่านายจะรู้มานานแล้ว? ทําไมถึงได้เฉยขนาดนี้ล่ะ?” เจี้ยจื้อจายถาม

“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เชียนเชิงจะมีแฟน” จงหลิวชวนพูดในขณะที่ลุกขึ้นยืน “แล้วเชียนเชิงก็ยอดเยี่ยมและไม่ต่างอะไรจากเทพเซียนการที่เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยราวเทพธิดาก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วจะต้องตกใจไปทําไมกัน?ส่วนนายฉันเคยได้ยินมาจากคนอื่นว่านายเคยแช่ตัวอยู่ในหลุมโคลนนานสามวันเพื่อลอบโจมตีเป้าหมาย ตอนนั้นทําไมนายถึงใจเย็นและสงบขนาดนั้นได้ล่ะ? แล้วทําไมตอนนี้ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทําให้นายตกใจได้แล้วล่ะ? หรือนายจะเป็นคนอื่นปลอมตัวมา?นายใส่หน้ากากมนุษย์อยู่ใช่ไหม?ให้ฉันดูหน่อยซิ”

“เฮ้ย นายหมายความว่ายังไง?” เจี้ยจื้อจายถาม

“มาให้ฉันดูหน่อย” จงหลิวชวนพูด

“อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันก็เป็นตัวฉัน ไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

อยู่ๆจงหลิวชวนก็ขยับตัว เจียจื้อจายมองตามความเร็วของเขาไม่ทันแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“เฮ้ย! เอาจริงเหรอเนี้ย?”

เจี้ยจื้อจายอยากหลบ แต่ก็รับรู้ได้ว่าหมัดของจงหลิวชวนนั้นดูแปลกประหลาด เขากระโดดหลบแต่หมัดก็ยังพุ่งเข้าที่ใบหน้าของเขาอยู่ดี

มันไม่ใช่เพราะเขาช้า แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนไปแล้ว

หมัดถูกชกเข้าใส่หน้าท้องของเขาอย่างจัง มันไม่ได้หนักอย่างที่คิด แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี
“จริงเหรอเนี้ย?” เจียจื้อจายถาม

“เป็นนายจริงเหรอ?” จงหลิวชวนถามด้วยรอยยิ้ม

“นายกําลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?” เจี้ยจื้อจายถาม

จงหลิวชวนถอยหลังออกมาและสังเกตเจี้ยจื้อจายอย่างละเอียด

“อืม ดูเหมือนนายจะเป็นตัวจริง” จงหลิวชวนพูด

“นาย…”เลี้ยจื้อจายลูบท้องของเขาด้วยอาการตกตะลึง เพราะหมัดของจงหลิวชวนถึงเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งเล่น แต่หมัดนั้นก็ทําให้เขาต้องประหลาดใจอยู่ดีเขาหลบมันไม่ได้เลยถ้าจงหลิวชวนออกแรงมากกว่านี้มันคงสร้างความเจ็บปวดแก่เขาอย่างมาก

“นั่นเป็นวิชากังฟูที่เชียนเชิงสอนนายเหรอ?”เจี้ยจื้อจายถาม

“ใช่” จงหลิวชวนพูด

“นายสอนฉันได้รึเปล่า?” เลี้ยจื้อจายถาม

“นายคิดว่ายังไงล่ะ?” จงหลิวชวนถาม

“ก็ได้ ถ้าเชียนเชิงแต่งงาน บอกฉันล่วงหน้าด้วยล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ได้สิ” จงหลิวชวนพูด

“ฉันไปล่ะ นายฝึกคนเดียวไปเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ฉันไม่ส่งนะ” จงหลิวชวนพูด

เจี้ยจื้อจายจากไปพร้อมกับฮัมเพลงที่ดูเหมือนจะขาดความน่าสนใจและความรื่นเริงไปเล็กน้อย

“ไม่คิดเลยว่า ช่องว่างจะใหญ่ขนาดนี้” เจี้ยจื้อจายพูดขึ้นมาในตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน “นานแค่ไหนแล้วนะ?”

“ช่องว่างอะไรเหรอ?” เมื่อได้ยินเสียงที่เขาพูดกับตัวเอง หูเหมยก็เอ่ยถามขึ้นมา

“จงหลิวชวนน่ะสิ! ถึงฉันจะไม่เคยสู้กับเขามาก่อน แต่ฉันก็จําได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะล้มเขา”เจี้ยจื้อจายพูด“เวลาที่เขามองฉัน มันทําให้ฉันรู้ว่าเขากําลังมองว่าฉันคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่สําหรับเขาแต่ตอนนี้ แม้แต่หมัดของเขาฉันก็ยังหลบไม่พ้นมันเป็นเพราะเขาพัฒนาเร็วเกินไปหรือว่าเป็นตัวฉันเองที่เฉื่อยชาเกินไป?”

“ตัวนายน่ะสิ!” หูเหมยยื่นมือไปเคาะหน้าผากของเขา

“ถ้าเขาพัฒนาขึ้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ?” เธอถาม “เขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา เราโบกมือลาชีวิตก่อนหน้านั้นมาแล้วนะ มันถูกตัดขาดแล้วเราไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไปเราไม่จําเป็นต้องคอยคิดว่าจะจัดการกับศัตรูด้วยวิธีไหนอีกต่อไปแล้ว!”

“อืม เธอจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” เจี้ยจื้อจายพูด “มันเหมือนกับเวลาที่เธอมักจะรังแกคนคนหนึ่งอยู่เสมอ และชินกับการรังแกเขามาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับกลายเป็นคนที่เหยียบหน้าเราที่นอนอยู่บนพื้นแทนความแตกต่างมันมากเกินไป แล้วมันก็ยอมรับไม่ได้ง่ายๆด้วย!”

“นายมันคิดไร้สาระจริงๆ!” หูเหมยกรอกตาใส่เขา

“จริงด้วย เธอรู้ไหมว่าเชียนเชิงมีแฟนสวยมากเลยล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพูด หล่อนแย่กว่าเธอแค่นิดเดียวเท่านั้น!วันนี้ฉันไปเห็นมาเธอสวยอย่างกับนางฟ้าแล้วเธอยังเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ด้วย”

“จริงเหรอ? นายได้ถามรึเปล่าว่าพวกเขาจะแต่งกันเมื่อไหร่?” หูเหมยถาม

“ฉันถามแล้ว แต่เขายังไม่ได้คิด” เจี่ยจื้อจายพูด “ฉันเลยบอกเขาไปว่า ถ้าพวกเขาแต่งเมื่อไหร่ก็ให้บอกพวกเราด้วย แล้วพวกเราก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ถ้าเขาแต่งเมื่อไหร่เราก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่เราควรเตรียมของขวัญแบบไหนให้เขาดี?”

“ช่วงนี้ ความคิดของนายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเร็วมากเลยนะ” หูเหมยพูด “มันเร็วไปที่จะคิดเรื่องนี้จริงไหม?”

“มันไม่เร็วเกินไปหรอก” เจี้ยจื้อจายพูด “เขาคือคนที่จะกลายเป็นอาจารย์ของฉันในอนาคตของขวัญชิ้นนี้ต้องมีน้ำหนักมากพอดังนั้นฉันก็ต้องคิดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆช่วงนี้ความคิดของฉันกระโดดไปมาไม่หยุดทําไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?ไม่ใช่เพราะดาบที่แขวนอยู่เหนือหัวของพวกเราหายไปแล้วหรอกเหรอ?ตอนนี้เราเป็นอิสระและสามารถใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการแล้วความคิดของฉันมันก็เลยเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ!มันแปลกตรงไหนกัน?”

“มันไม่แปลกเลย ขอแค่นายมีความสุขก็พอแล้ว”หูเหมยตอบ

“เมียของฉันดีที่สุด!” เจี้ยจื้อจายจูบเธอ

“ไปไกลๆเลย” เธอพูด

หวังเย้ากับซูเสียวซวีเดินออกจากหมู่บ้าน พวกเขาเดินไปเรื่อยๆและมาถึงถนนที่จะนําไปสู่เนินเขาหนานชาน

“เอาต้นไม้พวกนี้มาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีชี้ไปที่ต้นไม้แถวใหม่ที่ถูกปลูกไว้ตรงตีนเขา

“เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง” หวังเย้าตอบ

“ปลูกต้นไม้ตอนฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้จะเหมาะเหรอคะ?” เธอถาม

“เหมาะสิ สภาพอากาศตรงนี้ต่างจากข้างนอก ถึงจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ยังปลูกได้หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ บนเขามีผลไม้อยู่ด้วยนะเราไปลองชิมดูดีไหม?”

“เอาสิคะ!”

ทั้งสองเดินจับมือขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

ซานเซียนวิ่งลงมาหาพวกเขาที่ตีนเขา มันส่ายหางไปมาอย่างยินดี และส่งเสียงทักทายซูเสี่ยวซวี

“ฉันคิดว่า มันกําลังยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยความแปลกใจ เธอเห็นรอยยิ้มบนหน้าของซานเซียนจริงๆ

“จริงเหรอ? ผมขอดูหน่อยสิ”หวังเฝ้ามองดูมันอย่างละเอียด

โฮ่ง! โซึ่ง!

ซานเซียนดูเหมือนจะถามว่าเขากําลังมองมันทําไม

“มันกําลังยิ้มจริงๆด้วย” หวังเย้าพูด “ดูเหมือนว่ามันจะยินดีต้อนรับเธอมากเลยนะนี่ซานเซียนทําไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เห็นนายยิ้มให้บ้างเลยล่ะ?”

โฮ่ง! โฮ่ง!

“ก็ได้ ก็ได้ เราขึ้นไปบนเขากันเถอะ” หวังเย้ายิ้มแล้วลูบหัวของมัน

“แปลก ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาลูกนี้ต่างไปจากครั้งก่อนที่ฉันมานะ?” ซูเสี่ยวซวีพูด

“ต่างยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม

“ฉันรู้สึกว่าพลังของมันหนาแน่นขึ้น แถมมันยังดูเหมือนจะสูงขึ้นด้วยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบ

“ใช่แล้วล่ะ มันสูงขึ้นมานิดหน่อยแล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“มันยังโตอยู่อีกเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

“มันยังโตได้อีก แล้วมันก็ยังสูงขึ้นมากกว่า 1 เมตรในข้ามคืนด้วย” หวังเย้าพูด“ตอนนั้นผมยังคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวอยู่เลย!”

“แล้วมันโตได้ยังไงเหรอคะ?” เธอถาม

“ผมก็ไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน”หวังเย้าตอบ“มันขึ้นอยู่กับความคิดของมันเอง!”

“ความคิดของมัน?”ซูเสี่ยวซวีสับสนเล็กน้อย

“เขาลูกนี้มีความฉลาดและมีความคิดของมันเอง มาชิมผลไม้นี้ดีกว่า มันเก็บมาจากต้นไม้พวกนี้รสชาติของมันดีมากเลยล่ะ!”หวังเย้าเอาจานใส่ผลไม้ที่มีองุ่น,แอปเปิ้ล,พุทรา, และลูกแพรสิ่งที่เหมือนกันของผลไม้เหล่านี้ก็คือขนาดที่ใหญ่,สีสันสดใส,และดูชุ่มน้ำพวกมันมีกลิ่นหอมหวานของผลไม้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสชาติที่อร่อยโดยที่ไม่ต้องลองชิมก่อน

“ลองชิมดูสิ” หวังเย้าพูด

“ค่ะ!” ซูเสียวซวีหยิบองุ่นใส่ปาก มันจ่าน้ำและหวานมาก
“อร่อย!”เธออดที่จะหยิบขึ้นมากินอีกไม่ได้

“ลองอย่างอื่นด้วยสิ พวกมันอร่อยหมดเลย” หวังเย้าพูด

ซูเสียวซวีลองผลไม้ทุกชนิดในจาน ทั้งหมดรสชาติอร่อย มันต่างจากที่เธอเคยกินมาก่อนมาก

“มันอร่อยมากเลยค่ะ!”

“ถ้าอร่อย ไว้ผมส่งไปให้กินดีไหม?” หวังเย้าถาม

“ดีสิคะ!”

กริ้งกริ้งกริ้ง!ตี้ด…มือถือของหวังเย้าส่งเสียงดัง เป็นพี่สาวของเขาโทรมา เธอบอกว่าเธออยากให้ซูเสี่ยวซวีไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาว

“ได้สิคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “ฉันซื้อของขวัญมาให้เธอด้วย!”

“ของขวัญอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม

“ตอนนี้ ฉันขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เจอเธอเมื่อไหร่ฉันจะเอาให้เธอเอง”

“ก็ได้ เราไปกันบ่ายนี้เลยเถอะ” หวังเย้าพูด “พรุ่งนี้ เธอคงจะยุ่งมาก”

“ค่ะ”

ทั้งสองลงจากเขา พวกเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน และไปยังสถานที่ที่นัดกันเอาไว้

“เสี่ยวซวีมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?” หวังรุ่ยมองเสี่ยวซวีและถามเธอหลายค่าถามด้วยท่าที่เป็น มิตร

“ฉันเพิ่งมาถึงวันนี้เองค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน พวกเขาก็ช่วยกันเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวสําหรับซูเสี่ยวซวี

“เด็กคนนี้สวยมาก!” คนในร้านชุดแต่งงานอุทานออกมาเมื่อได้เห็นซูเสียวซวีเธอเคยเห็นคนสวยมาแล้วหลายแบบแต่ความสวยแบบนี้หาได้ยากมาก

หวังรุ่ยเลือกชุดที่แพงที่สุด ซูเสี่ยวซวีรับไปลองสวม ทําให้ทุกส่วนของเธองดงามยิ่งขึ้นไปอีก

“แบบนี้ไม่ได้” เพื่อนสนิทของหวังรุ่ยที่มาด้วยกันพูดขึ้นมา

“ทําไมไม่ได้ล่ะ?” หวังรุ่ยถาม

“นี่เป็นน้องสะใภ้ของเธอเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม

“ใช่ น้องสะใภ้ในอนาคตน่ะ” หวังรุ่ยพูด

“ก็ดสิว่าเธอสวยขนาดไหน” เพื่อนของเธอพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าเธอไม่สวยนะ แต่เธอมาเป็น เพื่อนเจ้าสาว เธอจะขโมยความสนใจจากเจ้าสาวไปหมดน่ะสิ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+