Elixir Supplier 851 มองหาความตื่นเต้น

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 851 มองหาความตื่นเต้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มีไอความร้อนลอยขึ้นมาจากพื้นถึงมันจะน้อยและคนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือสังเกตเห็นได้แต่เพียงแค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถตรวจจับได้แล้ว

มันอยู่ข้างล่าง

หวังเฝ้ามองไปรอบๆ แถวนี้ไม่มีทั้งพลั่วหรือเสียมเลย

ช่างเถอะ ฉันใช้มือเอาก็ได้

เขานั่งยองและเริ่มลงมือขุด เพราะเป็นภูเขามันจึงมีทั้งดินและหิน แต่มือของเขากลับดูแข็งไม่ต่างจากเหล็กและแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้ามือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษดิน และหินปลิวไปทั่วร่างของเขาดําดิ่งลงไปเรื่อยๆแล้วหลุมก็เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้น

ในรีสอร์ทน้ําพุร้อนที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา

“เชียนเชิงไปไหนแล้วล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพบจงหลิวชวนกับพันจวินที่ด้านในรีสอร์ท เขากําลังเบื่อในรีสอร์ทไม่มีอะไรสนุกให้เขาได้ทําเลย มันวังเวงเหมือนฤดูใบไม้ร่วงคนทั้งห้าไม่ต่างอะไรกับของแปลกหายากในที่แห่งนี้

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ในตอนที่เขากําลังพูดอยู่นั้น เขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมเหลืองและชายหนุ่มอีกเจ็ดแปดคนกําลังเดินตรงมาที่พวกเขาพร้อมกับถือไม้มาด้วย

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เจี้ยจื้อจายที่เห็นคนมุ่งหน้ามาก็ดวงตาเป็นประกาย

“มาทางนี้! มาทางนี้!” เขาอดที่จะส่งเสียงเรียกพวกเขาไม่ได้

“นายกําลังทําอะไรน่ะ?” หูเหมยจ้องเขา

“ฉันกําลังหาเรื่องอยู่ยังไงล่ะ เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกเขากําลังมาหาเรื่องคนน่ะ?”

“แม่ง มันไปไหนแล้ว?” ชายหนุ่มผมเหลืองพึมพําในขณะที่เดินอยู่ ไม่นาน เขาก็มองเห็นเจยซื้อจายและคนอื่นๆพูดให้ชัดก็คือเขามองไปที่หูเหมย

“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก!”

“ไปกัน”

ชายหนุ่มเดินตรงมาหาพวกจงหลิวชวนพร้อมกับไม้

“ว่าไงคนสวย เรามาทําความรู้จักกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มผมเหลืองยิ้มกริ่มและยืนเก๊กท่าที่คิดว่าตัวเองดูหลอเหลาและน่าดึงดูดที่สุด

ฮาฮา! เจียจื้อจายรู้สึกข์ มีคนกล้าจีบภรรยาต่อหน้าเขา กล้ามาก!

นี่ไม่ต่างจากการล้อมังกรหรือกระตุกหนวดเสือ คําพูดไม่สามารถบรรยายถึงอันตรายที่ชายหนุ่มกําลังเอาตัวเองเข้าไปอยู่

หูเหมยถามออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นายกําลังตื่นเต้นเรื่องอะไรอยู่?”มีคนกําลังจีบเธอแต่สามีของเธอกลับทําท่าทางตื่นเต้นเสียอย่างนั้นนี่ไม่ได้หมายความว่าสมองของเขากําลังมีปัญหาอยู่หรอกเหรอ?

เจี้ยจื้อจายคิด ในที่สุดก็มีเรื่องให้ทําสักที

“นี่ เจ้าหัวเหลืองนะ แกกล้าจีบเมียฉันแบบนี้ สมองของแกคงโดนลาถีบมาใช่ไหม?”

“ห้ะ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มหัวเหลืองก็อึ้งไป เขาหรี่ตามองเจียจื้อจายจากบนลงล่าง

“แกไม่ใช่คนที่นี่สินะ?”

“แน่ล่ะสิ ฉันไม่ใช่คนที่นี่” เจี้ยจื้อจายผงกหัว

“ดี ถ้าอย่างนั้นทําไมแกก็ไม่ให้เมียของแกอยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับพี่ๆของเราก่อนล่ะ?ฟังดูดีใช่ไหม?”

“แกกล้ามากนะ ตอนที่ฉันมาที่นี่ ฉันเห็นป้ายประกาศติดอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนว่าที่มันถูกตั้งเอาไว้ตรงนั้นก็เพื่อป้องกันเรื่องพวกนักเลงหัวไม่ในหมู่บ้านแกคิดจะก่อเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย หรือกําลังหาเรื่องตายอยู่ล่ะ?”เจี้ยจื้อจายจุดบุหรี่สูบ

ชายหัวเหลืองและพวกของเขาหน้าซีด ช่วงนี้ทางเขตกําลังเข้มงวดเรื่องนี้เป็นอย่างมากมีหลายคนที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านถูกจับไปพวกเขาได้ยินมาว่าคนที่ถูกจับไปต่างก็มีสภาพดูไม่ได้กันทุกคน วัยรุ่นกลุ่มนี้อายุยังน้อยและไม่รู้เรื่องอะไรมากนักพวกเขาคิดว่าการทําแบบนี้ดูน่าเกรงขามแต่พวกเขาก็ไม่อยากเข้าคุกเหมือนกัน

พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกําลังเผชิญหน้ากับความอับอาย

เจี้ยจื้อจายคิด ตีฉันส์! พวกเขาจะยืนบื้อทําไมตรงนั้น? เขากําลังรอที่จะสู้กลับอยู่เพราะตัวเขานั้นชื่นชอบที่จะรังแกเด็กเกเรแบบนี้มาก

“อะไรกัน? อยู่ๆพวกแกก็คิดได้ขึ้นมางั้นเหรอ? หรือว่ากลัว?”

“เฮ้อ” จงหลิวชวนส่ายหน้า เขาเลือกที่จะเดินออกมาและทิ้งเงี่ยจื้อจายที่กําลังพยายามหาเรื่องใส่ตัวอยู่ตรงนั้น

“ทําไมฉันต้องกลัวด้วย?” ชายหัวเหลืองจ้องมองเขาราวกับจะกัดคอของเขาจนแหลก

เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยพละกําลังและความโกรธ จึงถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย

“เฮ้อ ฉันพนันได้เลยว่าพวกแกคงเก่งแต่ปากสินะ ถ้าพวกแกไม่กล้าก็กลับไปดื่มนมแม่เถอะ”เจี้ยจื้อจายโบกมือไล่

“ไอ้ลูกก** จัดการมัน! ถ้ามีปัญหาฉันรับผิดชอบเอง!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหัวเหลืองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเหวี่ยงไม่ในมือไปทางศีรษะของเจียจื้อจาย

“ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือสักที! ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว!” เจี้ยจื้อจายอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เฮ้ย!

เพี้ยะ!

ชายหัวเหลืองตกตะลึงกับฝ่ามือที่ตบหน้าเขา ใบหน้าของเขาเริ่มเจ็บและร้อน

เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ! เสียงตบยังคงดังอย่างต่อเนื่องเด็กหนุ่มแต่ละคนต่างใช้มือทั้งสองกุมแก้มของตัวเองพวกเขาจ้องมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและมีรอยยิ้มชั่วร้ายติดอยู่ที่มุมปาก

มันเจ็บ! มันเจ็บ!

ทําไมผู้ชายคนนี้ถึงแค่ตบหน้าพวกเราล่ะ?

“ลูกพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นพวกนักสู้ที่ถูกฝึกมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะมีสมองกว่าคนอื่นเล็กน้อยพูด

“ถอย!”

พวกเขารู้ดีที่สุดว่าไม่ควรสู้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเก่งกว่า และต่างพากันวิ่งหนี

“คิดจะถอยเหรอ? ฉันอนุญาตพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เจียจื้อจายไม่ค่อยพอใจนักเขายังอุ่นเครื่องไม่ทันเสร็จเลยด้วยซ้ำเขาเพิ่งจะได้สนุกแล้วเขาจะปล่อยเหยื่อให้หนีไปง่ายๆได้ยังไง?

เขาก้าวเข้าไปขวางชายหนุ่ม เพื่อปิดทางหนีของพวกเขา

“อย่าเพิ่งรีบไปสิ”

“แกต้องการอะไรอีก?”

“เรามาเล่นกันสักหน่อยดีไหม?”

“ไม่ เราไม่ว่าง”

“เฮ้อ เมื่อกี้พวกนายออกจะเท่ห์ไม่ใช่เหรอ?”

“น่าเบื่อ!” จงหลิวชวนเดินจากไป

“รอฉันด้วย” พันจวินตามเขาไปด้วย เดิมเขาเป็นห่วงเจี่ยจื้อจาย แต่เมื่อเจียจื้อจายลงมือพันจวินก็ได้รู้ว่าเขาต่อสู้เป็นและยังเชี่ยวชาญมากด้วยในเมื่อเจียจื้อจายไม่เป็นอะไรเขาก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ดูเขารังแกเด็กหนุ่มพวกนั้นอีกต่อไป

ชายหัวเหลืองกัดฟัน มือที่ถือท่อนไม้อยู่กําลังสั่น

“ทําไมพวกนายไม่ลองอีกครั้งล่ะ? บางทีเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”

“หลีกทางไป!” ชายหัวเหลืองทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถือไม้พุ่งเข้าใส่เลี้ยจื้อจาย

เพี้ยะ! ฝ่ามือที่เคยตบลงไปที่ใบหน้าด้านขวาของเขาได้ฟาดลงไปที่ใบหน้าด้านซ้าย

จ็บใจ็บใจ็บ!หรือโหรือ!ดาวดวงน้อยลอยอยู่ตรงหน้าชายหัวเหลือง

ฉันมีนหัวไปหมดแล้ว!

คนอื่นต่างอดขนลุกชันไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพวกเขาก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ็บขนาดไหนพวกเขาสงสัยว่าลูกพี่ของพวกเขาจะถูกตบจนกลายเป็นคนโง่เลยหรือไม่

“พอได้แล้ว” หูเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆทนไม่ไหวอีกต่อไป

“จะพอได้ยังไง? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะแทะโลมเธออยู่เลย” เจียจื้อจายพูด

“ยืนขึ้น เรามาเล่นเกมส์ลับสมองกันดีกว่า ฉันจะเป็นฝ่ายถามคําถามถ้าพวกแกตอบไม่ได้ภายในห้าวินาทีฉันจะตบหน้าพวกแก”

“มีการประชุมเกิดขึ้นในป่า ใครที่ไม่มา?”

“ช้าง” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบตอบ

“ทําไม?”

“เพราะมันอยู่ในตู้เย็น!”

“ผิด” เจี้ยจื้อจายพูด

มีเสียงตบดังตามมา ใบหน้าอีกด้านของชายหนุ่มแต่ละคนล้วนได้รับฝ่ามือนั้น

“แล้วใครล่ะ?”

“ตัวสกิ้งค์”

“ทําไม” ชายหนุ่มถาม

“มันเหม็นมาก เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
“แม่ง มีเหตุผลแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มลิ้ง ลับสมองอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่ลับสมองแล้วนี่มันรังแกกันชัดๆ

“ได้เวลาสําหรับคําถามที่สองแล้ว เสี่ยวหมิงมีพี่ชายสามคน พี่ชายคนโตชื่อเสี่ยวเฉียงพี่ชายคนรองชื่อตาเฉียงแล้วพี่ชายคนที่สามชื่อว่าอะไร?”

เมื่อได้ยินคําถาม ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีนงง

ใครมันจะไปรู้คําตอบกันล่ะ? ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกเขาก็อาจจะตอบไม่ได้อยู่ดีแล้วสุดท้ายพวกเขาก็จะโดนอีกฝ่ายตบเข้าให้

“5 4 …”

“ฉันไม่รู้

“เฮ้อ เขาชื่อว่า เอ้อเฉียง” เจี้ยจื้อจายพูด “คําถามง่ายๆแค่นี้ ทําไมพวกนายถึงตอบไม่ได้กัน?”

“วิ่ง!”

มีคนตะโกนขึ้นมา ชายหนุ่มทั้งหมดต่างวิ่งหนีไปคนละทาง แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ต้องนอนกองกันอยู่ที่พื้น

โอ๊ย ลูกเตะของเขาหนักอย่างกับท่อนเหล็ก!

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“พี่ชาย ฉันรู้ความผิดของฉันแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและร้องขอความเมตตาชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจี้ยจื้อจาย

“นี่มันอะไรกัน?” เจี้ยจื้อจายถามด้วยสีหน้ามืดมน “มีทองอยู่ที่เข่าของพวกนายหรือยังไงท่าไมพวกนายตัวอ่อนขาอ่อนแบบนี้? ลุกขึ้น ทุกคนเลย!”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะตบพวกเขาไปเรื่อยๆ!”

ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืน

“มาเล่นเกมส์อื่นกันดีกว่าเอาเป็นเกมส์พูดความจริงดีไหม?”

“เรายังต้องเล่นอีกเหรอ?”

“ทําไม? นายมีปัญหาเหรอ?”

“เอ่อ เปล่า ไม่มีปัญหา

“บอกเรื่องการเรียนของพวกแกมา”

“มัธยมปลาย

“การช่างปีสอง”

“มัธยมต้น

เจี้ยจื้อจายถอนหายใจและส่ายหน้า “พวกนายแน่มากจริงๆ ถึงขนาดได้ร่ำเรียนมาด้วย”

“คําถาม บอกชื่อนักเขียนชื่อดังมาหกชื่อและบอกผลงานในปัจจุบันของพวกเขามา”

“กิมหยัง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก”

“โกวเล้ง ฤทธิ์มีดสั้น, หงส์ผงาดฟ้า

“คนขุดสุสาน”

“มันอะไรกัน?”

สีหน้าของเจี้ยจื้อจายยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ

“กิมหยังอะไร? โกวเล้งอะไร? อะไรคือคนขุดสุสาน? มันต้องอู่ซุน, โกวโม่หรัว, เหมาตุน, ปาจิน, เหล่าเจ๋อ, แล้วก็เฉาหยูสิ!”

เพี้ยะ!เพี้ยะ! เจี่ยจื้อจายอดตบหน้าพวกเขาไม่ได้

เรื่องแบบนี้มันเสพติดกันได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 851 มองหาความตื่นเต้น

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 851 มองหาความตื่นเต้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มีไอความร้อนลอยขึ้นมาจากพื้นถึงมันจะน้อยและคนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือสังเกตเห็นได้แต่เพียงแค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถตรวจจับได้แล้ว

มันอยู่ข้างล่าง

หวังเฝ้ามองไปรอบๆ แถวนี้ไม่มีทั้งพลั่วหรือเสียมเลย

ช่างเถอะ ฉันใช้มือเอาก็ได้

เขานั่งยองและเริ่มลงมือขุด เพราะเป็นภูเขามันจึงมีทั้งดินและหิน แต่มือของเขากลับดูแข็งไม่ต่างจากเหล็กและแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้ามือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษดิน และหินปลิวไปทั่วร่างของเขาดําดิ่งลงไปเรื่อยๆแล้วหลุมก็เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้น

ในรีสอร์ทน้ําพุร้อนที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา

“เชียนเชิงไปไหนแล้วล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพบจงหลิวชวนกับพันจวินที่ด้านในรีสอร์ท เขากําลังเบื่อในรีสอร์ทไม่มีอะไรสนุกให้เขาได้ทําเลย มันวังเวงเหมือนฤดูใบไม้ร่วงคนทั้งห้าไม่ต่างอะไรกับของแปลกหายากในที่แห่งนี้

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ในตอนที่เขากําลังพูดอยู่นั้น เขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมเหลืองและชายหนุ่มอีกเจ็ดแปดคนกําลังเดินตรงมาที่พวกเขาพร้อมกับถือไม้มาด้วย

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เจี้ยจื้อจายที่เห็นคนมุ่งหน้ามาก็ดวงตาเป็นประกาย

“มาทางนี้! มาทางนี้!” เขาอดที่จะส่งเสียงเรียกพวกเขาไม่ได้

“นายกําลังทําอะไรน่ะ?” หูเหมยจ้องเขา

“ฉันกําลังหาเรื่องอยู่ยังไงล่ะ เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกเขากําลังมาหาเรื่องคนน่ะ?”

“แม่ง มันไปไหนแล้ว?” ชายหนุ่มผมเหลืองพึมพําในขณะที่เดินอยู่ ไม่นาน เขาก็มองเห็นเจยซื้อจายและคนอื่นๆพูดให้ชัดก็คือเขามองไปที่หูเหมย

“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก!”

“ไปกัน”

ชายหนุ่มเดินตรงมาหาพวกจงหลิวชวนพร้อมกับไม้

“ว่าไงคนสวย เรามาทําความรู้จักกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มผมเหลืองยิ้มกริ่มและยืนเก๊กท่าที่คิดว่าตัวเองดูหลอเหลาและน่าดึงดูดที่สุด

ฮาฮา! เจียจื้อจายรู้สึกข์ มีคนกล้าจีบภรรยาต่อหน้าเขา กล้ามาก!

นี่ไม่ต่างจากการล้อมังกรหรือกระตุกหนวดเสือ คําพูดไม่สามารถบรรยายถึงอันตรายที่ชายหนุ่มกําลังเอาตัวเองเข้าไปอยู่

หูเหมยถามออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นายกําลังตื่นเต้นเรื่องอะไรอยู่?”มีคนกําลังจีบเธอแต่สามีของเธอกลับทําท่าทางตื่นเต้นเสียอย่างนั้นนี่ไม่ได้หมายความว่าสมองของเขากําลังมีปัญหาอยู่หรอกเหรอ?

เจี้ยจื้อจายคิด ในที่สุดก็มีเรื่องให้ทําสักที

“นี่ เจ้าหัวเหลืองนะ แกกล้าจีบเมียฉันแบบนี้ สมองของแกคงโดนลาถีบมาใช่ไหม?”

“ห้ะ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มหัวเหลืองก็อึ้งไป เขาหรี่ตามองเจียจื้อจายจากบนลงล่าง

“แกไม่ใช่คนที่นี่สินะ?”

“แน่ล่ะสิ ฉันไม่ใช่คนที่นี่” เจี้ยจื้อจายผงกหัว

“ดี ถ้าอย่างนั้นทําไมแกก็ไม่ให้เมียของแกอยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับพี่ๆของเราก่อนล่ะ?ฟังดูดีใช่ไหม?”

“แกกล้ามากนะ ตอนที่ฉันมาที่นี่ ฉันเห็นป้ายประกาศติดอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนว่าที่มันถูกตั้งเอาไว้ตรงนั้นก็เพื่อป้องกันเรื่องพวกนักเลงหัวไม่ในหมู่บ้านแกคิดจะก่อเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย หรือกําลังหาเรื่องตายอยู่ล่ะ?”เจี้ยจื้อจายจุดบุหรี่สูบ

ชายหัวเหลืองและพวกของเขาหน้าซีด ช่วงนี้ทางเขตกําลังเข้มงวดเรื่องนี้เป็นอย่างมากมีหลายคนที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านถูกจับไปพวกเขาได้ยินมาว่าคนที่ถูกจับไปต่างก็มีสภาพดูไม่ได้กันทุกคน วัยรุ่นกลุ่มนี้อายุยังน้อยและไม่รู้เรื่องอะไรมากนักพวกเขาคิดว่าการทําแบบนี้ดูน่าเกรงขามแต่พวกเขาก็ไม่อยากเข้าคุกเหมือนกัน

พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกําลังเผชิญหน้ากับความอับอาย

เจี้ยจื้อจายคิด ตีฉันส์! พวกเขาจะยืนบื้อทําไมตรงนั้น? เขากําลังรอที่จะสู้กลับอยู่เพราะตัวเขานั้นชื่นชอบที่จะรังแกเด็กเกเรแบบนี้มาก

“อะไรกัน? อยู่ๆพวกแกก็คิดได้ขึ้นมางั้นเหรอ? หรือว่ากลัว?”

“เฮ้อ” จงหลิวชวนส่ายหน้า เขาเลือกที่จะเดินออกมาและทิ้งเงี่ยจื้อจายที่กําลังพยายามหาเรื่องใส่ตัวอยู่ตรงนั้น

“ทําไมฉันต้องกลัวด้วย?” ชายหัวเหลืองจ้องมองเขาราวกับจะกัดคอของเขาจนแหลก

เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยพละกําลังและความโกรธ จึงถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย

“เฮ้อ ฉันพนันได้เลยว่าพวกแกคงเก่งแต่ปากสินะ ถ้าพวกแกไม่กล้าก็กลับไปดื่มนมแม่เถอะ”เจี้ยจื้อจายโบกมือไล่

“ไอ้ลูกก** จัดการมัน! ถ้ามีปัญหาฉันรับผิดชอบเอง!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหัวเหลืองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเหวี่ยงไม่ในมือไปทางศีรษะของเจียจื้อจาย

“ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือสักที! ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว!” เจี้ยจื้อจายอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เฮ้ย!

เพี้ยะ!

ชายหัวเหลืองตกตะลึงกับฝ่ามือที่ตบหน้าเขา ใบหน้าของเขาเริ่มเจ็บและร้อน

เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ! เสียงตบยังคงดังอย่างต่อเนื่องเด็กหนุ่มแต่ละคนต่างใช้มือทั้งสองกุมแก้มของตัวเองพวกเขาจ้องมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและมีรอยยิ้มชั่วร้ายติดอยู่ที่มุมปาก

มันเจ็บ! มันเจ็บ!

ทําไมผู้ชายคนนี้ถึงแค่ตบหน้าพวกเราล่ะ?

“ลูกพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นพวกนักสู้ที่ถูกฝึกมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะมีสมองกว่าคนอื่นเล็กน้อยพูด

“ถอย!”

พวกเขารู้ดีที่สุดว่าไม่ควรสู้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเก่งกว่า และต่างพากันวิ่งหนี

“คิดจะถอยเหรอ? ฉันอนุญาตพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เจียจื้อจายไม่ค่อยพอใจนักเขายังอุ่นเครื่องไม่ทันเสร็จเลยด้วยซ้ำเขาเพิ่งจะได้สนุกแล้วเขาจะปล่อยเหยื่อให้หนีไปง่ายๆได้ยังไง?

เขาก้าวเข้าไปขวางชายหนุ่ม เพื่อปิดทางหนีของพวกเขา

“อย่าเพิ่งรีบไปสิ”

“แกต้องการอะไรอีก?”

“เรามาเล่นกันสักหน่อยดีไหม?”

“ไม่ เราไม่ว่าง”

“เฮ้อ เมื่อกี้พวกนายออกจะเท่ห์ไม่ใช่เหรอ?”

“น่าเบื่อ!” จงหลิวชวนเดินจากไป

“รอฉันด้วย” พันจวินตามเขาไปด้วย เดิมเขาเป็นห่วงเจี่ยจื้อจาย แต่เมื่อเจียจื้อจายลงมือพันจวินก็ได้รู้ว่าเขาต่อสู้เป็นและยังเชี่ยวชาญมากด้วยในเมื่อเจียจื้อจายไม่เป็นอะไรเขาก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ดูเขารังแกเด็กหนุ่มพวกนั้นอีกต่อไป

ชายหัวเหลืองกัดฟัน มือที่ถือท่อนไม้อยู่กําลังสั่น

“ทําไมพวกนายไม่ลองอีกครั้งล่ะ? บางทีเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”

“หลีกทางไป!” ชายหัวเหลืองทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถือไม้พุ่งเข้าใส่เลี้ยจื้อจาย

เพี้ยะ! ฝ่ามือที่เคยตบลงไปที่ใบหน้าด้านขวาของเขาได้ฟาดลงไปที่ใบหน้าด้านซ้าย

จ็บใจ็บใจ็บ!หรือโหรือ!ดาวดวงน้อยลอยอยู่ตรงหน้าชายหัวเหลือง

ฉันมีนหัวไปหมดแล้ว!

คนอื่นต่างอดขนลุกชันไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพวกเขาก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ็บขนาดไหนพวกเขาสงสัยว่าลูกพี่ของพวกเขาจะถูกตบจนกลายเป็นคนโง่เลยหรือไม่

“พอได้แล้ว” หูเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆทนไม่ไหวอีกต่อไป

“จะพอได้ยังไง? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะแทะโลมเธออยู่เลย” เจียจื้อจายพูด

“ยืนขึ้น เรามาเล่นเกมส์ลับสมองกันดีกว่า ฉันจะเป็นฝ่ายถามคําถามถ้าพวกแกตอบไม่ได้ภายในห้าวินาทีฉันจะตบหน้าพวกแก”

“มีการประชุมเกิดขึ้นในป่า ใครที่ไม่มา?”

“ช้าง” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบตอบ

“ทําไม?”

“เพราะมันอยู่ในตู้เย็น!”

“ผิด” เจี้ยจื้อจายพูด

มีเสียงตบดังตามมา ใบหน้าอีกด้านของชายหนุ่มแต่ละคนล้วนได้รับฝ่ามือนั้น

“แล้วใครล่ะ?”

“ตัวสกิ้งค์”

“ทําไม” ชายหนุ่มถาม

“มันเหม็นมาก เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
“แม่ง มีเหตุผลแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มลิ้ง ลับสมองอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่ลับสมองแล้วนี่มันรังแกกันชัดๆ

“ได้เวลาสําหรับคําถามที่สองแล้ว เสี่ยวหมิงมีพี่ชายสามคน พี่ชายคนโตชื่อเสี่ยวเฉียงพี่ชายคนรองชื่อตาเฉียงแล้วพี่ชายคนที่สามชื่อว่าอะไร?”

เมื่อได้ยินคําถาม ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีนงง

ใครมันจะไปรู้คําตอบกันล่ะ? ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกเขาก็อาจจะตอบไม่ได้อยู่ดีแล้วสุดท้ายพวกเขาก็จะโดนอีกฝ่ายตบเข้าให้

“5 4 …”

“ฉันไม่รู้

“เฮ้อ เขาชื่อว่า เอ้อเฉียง” เจี้ยจื้อจายพูด “คําถามง่ายๆแค่นี้ ทําไมพวกนายถึงตอบไม่ได้กัน?”

“วิ่ง!”

มีคนตะโกนขึ้นมา ชายหนุ่มทั้งหมดต่างวิ่งหนีไปคนละทาง แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ต้องนอนกองกันอยู่ที่พื้น

โอ๊ย ลูกเตะของเขาหนักอย่างกับท่อนเหล็ก!

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“พี่ชาย ฉันรู้ความผิดของฉันแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและร้องขอความเมตตาชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจี้ยจื้อจาย

“นี่มันอะไรกัน?” เจี้ยจื้อจายถามด้วยสีหน้ามืดมน “มีทองอยู่ที่เข่าของพวกนายหรือยังไงท่าไมพวกนายตัวอ่อนขาอ่อนแบบนี้? ลุกขึ้น ทุกคนเลย!”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะตบพวกเขาไปเรื่อยๆ!”

ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืน

“มาเล่นเกมส์อื่นกันดีกว่าเอาเป็นเกมส์พูดความจริงดีไหม?”

“เรายังต้องเล่นอีกเหรอ?”

“ทําไม? นายมีปัญหาเหรอ?”

“เอ่อ เปล่า ไม่มีปัญหา

“บอกเรื่องการเรียนของพวกแกมา”

“มัธยมปลาย

“การช่างปีสอง”

“มัธยมต้น

เจี้ยจื้อจายถอนหายใจและส่ายหน้า “พวกนายแน่มากจริงๆ ถึงขนาดได้ร่ำเรียนมาด้วย”

“คําถาม บอกชื่อนักเขียนชื่อดังมาหกชื่อและบอกผลงานในปัจจุบันของพวกเขามา”

“กิมหยัง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก”

“โกวเล้ง ฤทธิ์มีดสั้น, หงส์ผงาดฟ้า

“คนขุดสุสาน”

“มันอะไรกัน?”

สีหน้าของเจี้ยจื้อจายยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ

“กิมหยังอะไร? โกวเล้งอะไร? อะไรคือคนขุดสุสาน? มันต้องอู่ซุน, โกวโม่หรัว, เหมาตุน, ปาจิน, เหล่าเจ๋อ, แล้วก็เฉาหยูสิ!”

เพี้ยะ!เพี้ยะ! เจี่ยจื้อจายอดตบหน้าพวกเขาไม่ได้

เรื่องแบบนี้มันเสพติดกันได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+