Elixir Supplier 901 โชคร้าย

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 901 โชคร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

901 โชคร้าย

 

“ทนหน่อยนะครับ!”

 

เกิดเสียงดังคลิก

 

“โอ๊ย!” เขาร้องออกมา

 

“ทนหน่อยนะครับ เจ็บเดี๋ยวเดียวก็หาย” หวังเย้าพูด

 

หลังจากที่จับกระดูกแขนของเขาให้เข้าที่แล้วหวังเย้าก็นวดในจุดที่กระดูกเคลื่อนด้วยวิธีการพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทําให้การไหลเวียนโลหิตราบรื่นเพื่อลดอาการเลือดคั่ง, ปละอาการปวดบวมจากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลพันในบริเวณที่กระดูกเคลื่อนเพื่อให้อยู่กับที่หลังจากรักษาเสร็จหวังเย้าก็หันไปจัดการกับแผลถลอกตามตัวเขาบาดแผลไม่ได้ลึกมากผิวหนังบริเวณแขนและต้นขาเกิดการถลอกและมีเลือดไหลเพียงแค่การทาขี้ผึ้งก็เป็นอัน

 

เรียบร้อยแล้ว

 

“คราวหน้าคราวหลัง ลุงก็ขี่จักรยานช้าๆนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เฮ้อ ช่างมันเถอะ” ชายวัยกลางคนพูดแล้วถอนหายใจ“ฉันไม่ได้ขี่เร็วเลยสักนิดแต่ตอนที่กําลังปั่นอยู่ในหมู่บ้านอยู่ๆก็มีเงากระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฉันตกใจก็เลยหักหลบจนไปชนเข้ากับก้อนหินน่าเสียดายทั้งๆที่ฉันเพิ่งซื้อจักรยานไฟฟ้ามาได้ไม่นานนี้เอง ฉันขี่ได้ยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ!”

 

“แค่ลุงไม่ได้เจ็บอะไรมากก็ถือว่าดีแล้วครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเอาไปซ่อมแล้ว

 

ลุงก็เอามันกลับมาขี่ได้อีก”

 

“เฮ้อเสี่ยวเย้าลองบอกฉันมาสิเธอคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ?”เขาถาม“ก่อนที่ฉันจะล้มฉันเห็นเงาร่างหนึ่งวาบผ่านหน้าฉันไป พอลุกขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นใครแล้ว”

 

“หรือลุงจะตาฝาดครับ?”

 

“อืม มันก็อาจจะเป็นไปได๋”ชายวัยกลางคนพูด“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันทํางานล่วงเวลาติดต่อกันหลายวันมันเลยทําให้ฉันเหนื่อยเกินไปแล้วมันก็มืดแล้วด้วยฉันเลยมองอะไรได้ไม่ชัดเจน บางทีฉันอาจจะมองผิดไปก็ได้”

 

ช่วงเวลานี้ของวัน ท้องฟ้าด้านนอกก็มือสนิทแล้ว

 

“เสร็จแล้วเหรอ?”

 

“เสร็จแล้วครับลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”หวังเย้าพูด“กลับไปพักผ่อนสักหน่อยส่วนแขนข้างที่กระดูกเคลื่อนลุงไม่ควรใช้งานหนักเกินไปสักครึ่งเดือนนะครับ”เขาใช้วิธีการพิเศษในการรักษาแขนของอีกฝ่ายถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้

 

“หา ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายวัยกลางคนพูดนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถทํางานได้เป็นเวลาครึ่งเดือนหรอกเหรอ?ถ้ารวมจักรยานไฟฟ้าที่พังเข้าไปด้วยถือว่าการ

 

ล้มครั้งนี้ทําให้เขาเสียเงินไปนับพัน!

 

ในความเป็นจริง มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นข้อกระดูกของมนุษย์สามารถกลับ

 

สู่สภาพเดิมได้หลังจากที่เกิดการเคลื่อนหลุดจากจุดเดิม

 

“เฮ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทั้งหมดเท่าไหร่?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้วมันไร้ประโยชน์ที่จะมาหงุดหงิดหรือโมโหเขาแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีส่วนเรื่องงานเขาคง ต้องพักไว้ก่อนสัก 10 วัน

 

“เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่คิดเงินหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือปฏิเสธเขาเพียงแค่ใช้ขี้ผึ้งทั่วไปรักษาบาดแผลให้เท่านั้นมันไม่ได้มีราคาค่างวดมากมายอะไรชายวัยกลางคนยังเป็นคนจิตใจดี คนหนึ่งเมื่อเกิดไฟไหม้บนภูเขาเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยดับไฟหวังเย้าจดจ่าเอาไว้ในใจอยู่เสมอ

 

“อ้อ ขอบใจนะ”เขาลุกขึ้นและเดินออกไป

 

“ลุงรอก่อนครับ”อยู่ๆหวังเย้าก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายผิดปกติเขาจึงเรียกอีกฝ่าย

 

ให้หยุด

 

ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหวังเย้ารู้สึกได้ถึงความเย็นเขาคิดแค่ว่า มันเป็นอากาศเย็นที่พัดมาจากด้านนอกในตอนที่ชายวัยกลางคนเปิดประตูเดินเข้ามาแต่ตอนนี้เขารับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่าง

 

ที่เขาคิด มันคือความเย็น

 

“ลุง ขอผมตรวจลุงอีกสักรอบนะครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“มีอะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนมีอาการตระหนก

 

“ไม่ได้มีอะไรครับ ผมแค่อยากยืนยันให้แน่ใจเท่านั้น” หวังเย้าตอบ

 

ในตอนที่เขาพูดสองมือของเขาประกบเข้าหากัน

 

พลังฉีของเขาแผ่กระจายออกมาและล้อมตัวชายวัยกลางคนเอาไว้ เพื่อหลอมละลายความ

 

เย็นออกจากร่างกายของเขา

 

ชายวัยกลางคนขยับตัวเล็กน้อย

 

“เสี่ยวเย้า เมื่อกี้นี้เธอทําอะไรเหรอ?”

 

“เปล่านี่ครับ ผมแค่ตรวจดูให้แน่ใจก็เท่านั้น” หวังเย้าพูด “ทําไมเหรอครับลุง?”

 

“อ่อ ไม่มีอะไรฉันแค่รู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมานิดหน่อย และรู้สึกสบายตัวขึ้นด้วย”ชายวัยกลางคนพูดเมื่อครู่เขารู้ได้ว่ามีความอบอุ่นโอบล้อมตัวของเขาเอาไว้มันเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทางเสื้อผ้ามันทําให้เขารู้สึกสบายมากความรู้สึกที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาไปแช่น้ำพุร้อนที่หมู่บ้านหลี่

 

“อาจเป็นเพราะลุงอยู่ในห้องนี้ก็ได้ครับพอเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ร่างกายของลุงก็เลยอุ่นขึ้นเอง” หวังเย้าพูด“ดีครับทุกอย่างเรียบร้อยดีกลับบ้านดีดีนะครับ”

 

“โอ้ ได๋ได้ ขอบใจนะ” เขาพูด

 

เขาจับความรู้สึกภายในร่างกายของเขาอีกครั้งความรู้สึกอุ่นสบายเมื่อครู่หายไปแล้วแต่เขา

 

กลับรู้สึกดีกว่าตอนที่มาถึงมากเขาไม่รู้สึกหนาวหรือง่วงอีกต่อไป

 

“แล้วลุงรถล่มที่ทางแยกของหมู่บ้านเหรอครับ?”หวังเย้าถาม“ตรงนั้นใช่ที่มีสุสานอยู่ฝั่งตรง

 

ข้ามรึเปล่าครับ?”

 

“ใช่ ตรงนั้นแหละแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยๆ ชาวบ้านเคยให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาดูแล้วพวกเขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับสุสานที่อยู่บนเขาสุสานอยู่ตรงกับทางแยกพอดีเลยทําให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นที่ตรงนั้นก็เลยมีการสร้างเจดีย์หินเอาไว้ข้างๆทางแยกนั้น”อยู่ๆชายวัยกลางคนก็เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาและถามว่า“เสี่ยวเย้าเธอจะบอกว่าที่ฉันเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะฉันเจอบางอย่างที่ไม่ดีเข้าเหรอ?”

 

ในตอนแรก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่หลังจากที่หวังเย้าพูดขึ้นมา เขาก็เริ่มคิดตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาตรงทางแยกมันแปลกมากจริงๆมีเงาวิ่งผ่านหน้าเขาไปแต่เมื่อมองดูอีกครั้งกลับไม่มีใครอยู่เลยเมื่อคิดถึงเรื่องลึกลับเหล่านั้นเขาก็รู้สึกกลัวและหนาวสั่นขึ้นมา

 

“ลุงคิดมากเกินไปแล้วครับ”หวังเย้าพูด“ผมพูดไปแล้วว่าอาจเป็นเพราะลุงเหนื่อยจากการทํางานหนักเกินจนทําให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคราวหน้าก็ขี่จักรยานระวังๆถนนมันมืดไฟข้าง

 

ถนนก็ไม่ได้สว่างมากด้วย”

 

“นั่นสินะฉันกลับก่อนล่ะ”ชายวัยกลางคนพยักหน้าและเดินออกจากคลินิกไปหวังเย้าเดินออกไปส่งเขาที่หน้าประตูจากนั้นเขาก็หันกลับไปล็อกประตูและเดินกลับบ้านหรือเขาจะเจอของดีเข้าแล้วจริงๆ?

 

ในอดีต หวังเย้าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ตั้งแต่ที่เขาได้เดินทางไปทางใต้และเข้าไปในสุสานโบราณพร้อมกับเหล่านักพรตจากวัดหลงหู่ความเชื่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงใน

 

เมื่อสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนเจอเข้ากับสิ่งชั่วร้ายพวกนั้นเข้าจริงๆ?

 

เขากลับไปที่บ้านและเลิกคิดเรื่องนั้นไปสักพัก

 

ชายวัยกลางคนที่เพิ่งไปคลินิกได้กลับมาถึงบ้านด้วยบาดแผลเต็มตัวมันทําให้ภรรยาของเขาตกใจกลัวเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีคราบเลือดติดอยู่ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ําอยู่ด้วย

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“อย่าให้พูดเลย ฉันขี่จักรยานชนเจดีย์ที่ทางแยกหมู่บ้านเข้าน่ะสิ” ชายวัยกลางคนพูด“แล้วเป็นอะไรมากไหม?ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”เธอถามด้วยความเป็นห่วงในครอบครัวของพวกเขามีคนแก่สองคนและเด็กเล็กที่ต้องเลี้ยงดูเธอไม่มีงานและได้แต่ทําสวนไม่กี่แปลงที่บ้านเท่านั้นชายวัยกลางคนจึงเป็นเสาหลักของบ้านและเขาจะล้มไม่ได้เด็ดขาด

 

“ไม่เป็นไรหรอกฉันไปให้หวังเย้าดูที่คลินิกมาแล้วกระดูกแขนของฉันเคลื่อนเขาก็เอากลับเข้าที่ให้แล้วที่เหลือก็แค่แผลถลอก เขาเลยใส่ยาให้เขาบอกว่าหลังจากพักไม่กี่วันก็หายแล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็โล่งใจเล็กน้อย

 

“ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆเหรอ?”

 

“ไม่ต้องหรอกใช่ว่าเธอไม่รู้ความสามารถของเสี่ยวเย้า”เขาพูด“กี่คนแล้วที่รักษากับโรงพยาบาลไม่หายแต่มาหายที่เขาน่ะ”

 

“ก็ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวเถอะ” เธอพูด

 

แทนที่จะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเขาก็พูดออกมาอย่างลังเลว่า “เอ่อพอฉันคิดดูดี

 

ดีแล้ว ฉันอาจจะเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“ของไม่ดี?” เธอหยุดสิ่งที่กําลังทําอยู่และหันไปมองสามี

 

จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ทางแยกแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที“คงไม่ใช่ว่าไปเจอวิญญาณชั่วร้ายเข้าหรอกนะ?มีคนบอกไว้ว่าที่ทางแยกมีวิญญาณชั่วร้าย

 

อาศัยอยู่ แล้วสุสานก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นด้วยใช่ไหม?”

 

“อืม ฉันคิดว่าอุบัติเหตุวันนี้มันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”

 

“ตอนนี้คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนฉันจะไปหาป้าจางแล้วขอให้เธอมาดูสักหน่อย”เธอพูด

 

“ได้”

 

เธอเดินออกจากประตูบ้านไปไม่นานเธอก็กลับมาบ้านพร้อมกับหญิงวัยหกสิบคนหนึ่งหญิงชราไม่ได้สูงมากนักผมของเธอเป็นสีดอกเลาแต่เธอยังดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉงอยู่แต่ละ

 

ย่างก้าวล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ในทุกๆหมู่บ้านมักมีคนแบบเธออยู่หนึ่งหรือสองคนพวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องของการอัญเชิญ

 

สิ่งลี้ลับและมองเห็นอนาคตคนที่เจอสิ่งไม่ดีและตกใจกลัวก็มักจะมาหาคนเช่นเธอเพื่อให้ช่วยแก้ไขให้

 

“ป้าช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ”

 

“ได้สิ”หญิงชราพูดเธอหยิบถ้วยใส่น้ำมาใบหนึ่งและธูปอีกหนึ่งดอก แล้วจ้องมองดูน้ำในถ้วยหลังจากนั้นสักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า “อืมใช่เธอเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ มันอยู่ตรงมุมของหมู่บ้าน” เธอพูด

 

โอ๋! สองสามีภรรยามองหน้ากันเมื่อฝ่ายภรรยาเชิญเธอมาเธอพูดแค่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสามีของเธอนอกนั้นเธอก็ไม่ได้บอกอะไรเลย คิดไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ในทันทีเธอมีของอยู่จริงๆด้วย

 

“ฟ้าช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าฉันต้องทํายังไงบ้าง?”

 

“ต้องเชิญวิญญาณออกไป”หญิงชราพูด

 

“แล้วฉันต้องทํายังไงเหรอป้า?”ฝ่ายภรรยาถาม“ช่วยบอกฉันทีฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”“ได้สิ”หญิงชราบอกสิ่งที่เธอต้องซื้อและวิธีที่เธอต้องท่ามันเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย

 

“คืนนี้?”

 

“คืนนี้มันดึกเกินไป”หญิงชราพูด“เธอไปเตรียมของไว้พรุ่งนี้แล้วเย็นวันพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วย”

 

“ได้ ขอบคุณนะคะป้า”เธอขอบคุณหญิงชราและเดินออกไปส่งอีกฝ่ายเขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“ฉันเจอของไม่ดีเข้าแล้วสินะ”

 

“หรือจะไม่ใช่?”ภรรยาของเขาถาม“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าจางท่าเรื่องพวกนี้หรือป้าจะดูผิด?แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะทําตามที่ป้าบอกแล้วเตรียมของให้เรียบร้อยภายในพรุ่งนี้เช้า”“ดี”เขาพูดตอนนี้ พอเขาคิดดูอีกทีแล้วเขาอดนึกถึงตอนที่หวังเย้าเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขา

 

จะกลับขึ้นมาไม่ได้“หรือเขาก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน?”“พิมพาอะไรอยู่เหรอ?”ภรรยาของเขาถาม

 

“อ่อ เปล่าๆ” เขาตอบ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 901 โชคร้าย

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 901 โชคร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

901 โชคร้าย

 

“ทนหน่อยนะครับ!”

 

เกิดเสียงดังคลิก

 

“โอ๊ย!” เขาร้องออกมา

 

“ทนหน่อยนะครับ เจ็บเดี๋ยวเดียวก็หาย” หวังเย้าพูด

 

หลังจากที่จับกระดูกแขนของเขาให้เข้าที่แล้วหวังเย้าก็นวดในจุดที่กระดูกเคลื่อนด้วยวิธีการพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทําให้การไหลเวียนโลหิตราบรื่นเพื่อลดอาการเลือดคั่ง, ปละอาการปวดบวมจากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลพันในบริเวณที่กระดูกเคลื่อนเพื่อให้อยู่กับที่หลังจากรักษาเสร็จหวังเย้าก็หันไปจัดการกับแผลถลอกตามตัวเขาบาดแผลไม่ได้ลึกมากผิวหนังบริเวณแขนและต้นขาเกิดการถลอกและมีเลือดไหลเพียงแค่การทาขี้ผึ้งก็เป็นอัน

 

เรียบร้อยแล้ว

 

“คราวหน้าคราวหลัง ลุงก็ขี่จักรยานช้าๆนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เฮ้อ ช่างมันเถอะ” ชายวัยกลางคนพูดแล้วถอนหายใจ“ฉันไม่ได้ขี่เร็วเลยสักนิดแต่ตอนที่กําลังปั่นอยู่ในหมู่บ้านอยู่ๆก็มีเงากระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฉันตกใจก็เลยหักหลบจนไปชนเข้ากับก้อนหินน่าเสียดายทั้งๆที่ฉันเพิ่งซื้อจักรยานไฟฟ้ามาได้ไม่นานนี้เอง ฉันขี่ได้ยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ!”

 

“แค่ลุงไม่ได้เจ็บอะไรมากก็ถือว่าดีแล้วครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเอาไปซ่อมแล้ว

 

ลุงก็เอามันกลับมาขี่ได้อีก”

 

“เฮ้อเสี่ยวเย้าลองบอกฉันมาสิเธอคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ?”เขาถาม“ก่อนที่ฉันจะล้มฉันเห็นเงาร่างหนึ่งวาบผ่านหน้าฉันไป พอลุกขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นใครแล้ว”

 

“หรือลุงจะตาฝาดครับ?”

 

“อืม มันก็อาจจะเป็นไปได๋”ชายวัยกลางคนพูด“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันทํางานล่วงเวลาติดต่อกันหลายวันมันเลยทําให้ฉันเหนื่อยเกินไปแล้วมันก็มืดแล้วด้วยฉันเลยมองอะไรได้ไม่ชัดเจน บางทีฉันอาจจะมองผิดไปก็ได้”

 

ช่วงเวลานี้ของวัน ท้องฟ้าด้านนอกก็มือสนิทแล้ว

 

“เสร็จแล้วเหรอ?”

 

“เสร็จแล้วครับลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”หวังเย้าพูด“กลับไปพักผ่อนสักหน่อยส่วนแขนข้างที่กระดูกเคลื่อนลุงไม่ควรใช้งานหนักเกินไปสักครึ่งเดือนนะครับ”เขาใช้วิธีการพิเศษในการรักษาแขนของอีกฝ่ายถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้

 

“หา ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายวัยกลางคนพูดนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถทํางานได้เป็นเวลาครึ่งเดือนหรอกเหรอ?ถ้ารวมจักรยานไฟฟ้าที่พังเข้าไปด้วยถือว่าการ

 

ล้มครั้งนี้ทําให้เขาเสียเงินไปนับพัน!

 

ในความเป็นจริง มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นข้อกระดูกของมนุษย์สามารถกลับ

 

สู่สภาพเดิมได้หลังจากที่เกิดการเคลื่อนหลุดจากจุดเดิม

 

“เฮ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทั้งหมดเท่าไหร่?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้วมันไร้ประโยชน์ที่จะมาหงุดหงิดหรือโมโหเขาแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีส่วนเรื่องงานเขาคง ต้องพักไว้ก่อนสัก 10 วัน

 

“เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่คิดเงินหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือปฏิเสธเขาเพียงแค่ใช้ขี้ผึ้งทั่วไปรักษาบาดแผลให้เท่านั้นมันไม่ได้มีราคาค่างวดมากมายอะไรชายวัยกลางคนยังเป็นคนจิตใจดี คนหนึ่งเมื่อเกิดไฟไหม้บนภูเขาเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยดับไฟหวังเย้าจดจ่าเอาไว้ในใจอยู่เสมอ

 

“อ้อ ขอบใจนะ”เขาลุกขึ้นและเดินออกไป

 

“ลุงรอก่อนครับ”อยู่ๆหวังเย้าก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายผิดปกติเขาจึงเรียกอีกฝ่าย

 

ให้หยุด

 

ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหวังเย้ารู้สึกได้ถึงความเย็นเขาคิดแค่ว่า มันเป็นอากาศเย็นที่พัดมาจากด้านนอกในตอนที่ชายวัยกลางคนเปิดประตูเดินเข้ามาแต่ตอนนี้เขารับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่าง

 

ที่เขาคิด มันคือความเย็น

 

“ลุง ขอผมตรวจลุงอีกสักรอบนะครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“มีอะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนมีอาการตระหนก

 

“ไม่ได้มีอะไรครับ ผมแค่อยากยืนยันให้แน่ใจเท่านั้น” หวังเย้าตอบ

 

ในตอนที่เขาพูดสองมือของเขาประกบเข้าหากัน

 

พลังฉีของเขาแผ่กระจายออกมาและล้อมตัวชายวัยกลางคนเอาไว้ เพื่อหลอมละลายความ

 

เย็นออกจากร่างกายของเขา

 

ชายวัยกลางคนขยับตัวเล็กน้อย

 

“เสี่ยวเย้า เมื่อกี้นี้เธอทําอะไรเหรอ?”

 

“เปล่านี่ครับ ผมแค่ตรวจดูให้แน่ใจก็เท่านั้น” หวังเย้าพูด “ทําไมเหรอครับลุง?”

 

“อ่อ ไม่มีอะไรฉันแค่รู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมานิดหน่อย และรู้สึกสบายตัวขึ้นด้วย”ชายวัยกลางคนพูดเมื่อครู่เขารู้ได้ว่ามีความอบอุ่นโอบล้อมตัวของเขาเอาไว้มันเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทางเสื้อผ้ามันทําให้เขารู้สึกสบายมากความรู้สึกที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาไปแช่น้ำพุร้อนที่หมู่บ้านหลี่

 

“อาจเป็นเพราะลุงอยู่ในห้องนี้ก็ได้ครับพอเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ร่างกายของลุงก็เลยอุ่นขึ้นเอง” หวังเย้าพูด“ดีครับทุกอย่างเรียบร้อยดีกลับบ้านดีดีนะครับ”

 

“โอ้ ได๋ได้ ขอบใจนะ” เขาพูด

 

เขาจับความรู้สึกภายในร่างกายของเขาอีกครั้งความรู้สึกอุ่นสบายเมื่อครู่หายไปแล้วแต่เขา

 

กลับรู้สึกดีกว่าตอนที่มาถึงมากเขาไม่รู้สึกหนาวหรือง่วงอีกต่อไป

 

“แล้วลุงรถล่มที่ทางแยกของหมู่บ้านเหรอครับ?”หวังเย้าถาม“ตรงนั้นใช่ที่มีสุสานอยู่ฝั่งตรง

 

ข้ามรึเปล่าครับ?”

 

“ใช่ ตรงนั้นแหละแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยๆ ชาวบ้านเคยให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาดูแล้วพวกเขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับสุสานที่อยู่บนเขาสุสานอยู่ตรงกับทางแยกพอดีเลยทําให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นที่ตรงนั้นก็เลยมีการสร้างเจดีย์หินเอาไว้ข้างๆทางแยกนั้น”อยู่ๆชายวัยกลางคนก็เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาและถามว่า“เสี่ยวเย้าเธอจะบอกว่าที่ฉันเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะฉันเจอบางอย่างที่ไม่ดีเข้าเหรอ?”

 

ในตอนแรก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่หลังจากที่หวังเย้าพูดขึ้นมา เขาก็เริ่มคิดตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาตรงทางแยกมันแปลกมากจริงๆมีเงาวิ่งผ่านหน้าเขาไปแต่เมื่อมองดูอีกครั้งกลับไม่มีใครอยู่เลยเมื่อคิดถึงเรื่องลึกลับเหล่านั้นเขาก็รู้สึกกลัวและหนาวสั่นขึ้นมา

 

“ลุงคิดมากเกินไปแล้วครับ”หวังเย้าพูด“ผมพูดไปแล้วว่าอาจเป็นเพราะลุงเหนื่อยจากการทํางานหนักเกินจนทําให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคราวหน้าก็ขี่จักรยานระวังๆถนนมันมืดไฟข้าง

 

ถนนก็ไม่ได้สว่างมากด้วย”

 

“นั่นสินะฉันกลับก่อนล่ะ”ชายวัยกลางคนพยักหน้าและเดินออกจากคลินิกไปหวังเย้าเดินออกไปส่งเขาที่หน้าประตูจากนั้นเขาก็หันกลับไปล็อกประตูและเดินกลับบ้านหรือเขาจะเจอของดีเข้าแล้วจริงๆ?

 

ในอดีต หวังเย้าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ตั้งแต่ที่เขาได้เดินทางไปทางใต้และเข้าไปในสุสานโบราณพร้อมกับเหล่านักพรตจากวัดหลงหู่ความเชื่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงใน

 

เมื่อสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนเจอเข้ากับสิ่งชั่วร้ายพวกนั้นเข้าจริงๆ?

 

เขากลับไปที่บ้านและเลิกคิดเรื่องนั้นไปสักพัก

 

ชายวัยกลางคนที่เพิ่งไปคลินิกได้กลับมาถึงบ้านด้วยบาดแผลเต็มตัวมันทําให้ภรรยาของเขาตกใจกลัวเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีคราบเลือดติดอยู่ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ําอยู่ด้วย

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“อย่าให้พูดเลย ฉันขี่จักรยานชนเจดีย์ที่ทางแยกหมู่บ้านเข้าน่ะสิ” ชายวัยกลางคนพูด“แล้วเป็นอะไรมากไหม?ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”เธอถามด้วยความเป็นห่วงในครอบครัวของพวกเขามีคนแก่สองคนและเด็กเล็กที่ต้องเลี้ยงดูเธอไม่มีงานและได้แต่ทําสวนไม่กี่แปลงที่บ้านเท่านั้นชายวัยกลางคนจึงเป็นเสาหลักของบ้านและเขาจะล้มไม่ได้เด็ดขาด

 

“ไม่เป็นไรหรอกฉันไปให้หวังเย้าดูที่คลินิกมาแล้วกระดูกแขนของฉันเคลื่อนเขาก็เอากลับเข้าที่ให้แล้วที่เหลือก็แค่แผลถลอก เขาเลยใส่ยาให้เขาบอกว่าหลังจากพักไม่กี่วันก็หายแล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็โล่งใจเล็กน้อย

 

“ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆเหรอ?”

 

“ไม่ต้องหรอกใช่ว่าเธอไม่รู้ความสามารถของเสี่ยวเย้า”เขาพูด“กี่คนแล้วที่รักษากับโรงพยาบาลไม่หายแต่มาหายที่เขาน่ะ”

 

“ก็ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวเถอะ” เธอพูด

 

แทนที่จะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเขาก็พูดออกมาอย่างลังเลว่า “เอ่อพอฉันคิดดูดี

 

ดีแล้ว ฉันอาจจะเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“ของไม่ดี?” เธอหยุดสิ่งที่กําลังทําอยู่และหันไปมองสามี

 

จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ทางแยกแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที“คงไม่ใช่ว่าไปเจอวิญญาณชั่วร้ายเข้าหรอกนะ?มีคนบอกไว้ว่าที่ทางแยกมีวิญญาณชั่วร้าย

 

อาศัยอยู่ แล้วสุสานก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นด้วยใช่ไหม?”

 

“อืม ฉันคิดว่าอุบัติเหตุวันนี้มันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”

 

“ตอนนี้คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนฉันจะไปหาป้าจางแล้วขอให้เธอมาดูสักหน่อย”เธอพูด

 

“ได้”

 

เธอเดินออกจากประตูบ้านไปไม่นานเธอก็กลับมาบ้านพร้อมกับหญิงวัยหกสิบคนหนึ่งหญิงชราไม่ได้สูงมากนักผมของเธอเป็นสีดอกเลาแต่เธอยังดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉงอยู่แต่ละ

 

ย่างก้าวล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ในทุกๆหมู่บ้านมักมีคนแบบเธออยู่หนึ่งหรือสองคนพวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องของการอัญเชิญ

 

สิ่งลี้ลับและมองเห็นอนาคตคนที่เจอสิ่งไม่ดีและตกใจกลัวก็มักจะมาหาคนเช่นเธอเพื่อให้ช่วยแก้ไขให้

 

“ป้าช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ”

 

“ได้สิ”หญิงชราพูดเธอหยิบถ้วยใส่น้ำมาใบหนึ่งและธูปอีกหนึ่งดอก แล้วจ้องมองดูน้ำในถ้วยหลังจากนั้นสักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า “อืมใช่เธอเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ มันอยู่ตรงมุมของหมู่บ้าน” เธอพูด

 

โอ๋! สองสามีภรรยามองหน้ากันเมื่อฝ่ายภรรยาเชิญเธอมาเธอพูดแค่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสามีของเธอนอกนั้นเธอก็ไม่ได้บอกอะไรเลย คิดไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ในทันทีเธอมีของอยู่จริงๆด้วย

 

“ฟ้าช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าฉันต้องทํายังไงบ้าง?”

 

“ต้องเชิญวิญญาณออกไป”หญิงชราพูด

 

“แล้วฉันต้องทํายังไงเหรอป้า?”ฝ่ายภรรยาถาม“ช่วยบอกฉันทีฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”“ได้สิ”หญิงชราบอกสิ่งที่เธอต้องซื้อและวิธีที่เธอต้องท่ามันเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย

 

“คืนนี้?”

 

“คืนนี้มันดึกเกินไป”หญิงชราพูด“เธอไปเตรียมของไว้พรุ่งนี้แล้วเย็นวันพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วย”

 

“ได้ ขอบคุณนะคะป้า”เธอขอบคุณหญิงชราและเดินออกไปส่งอีกฝ่ายเขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“ฉันเจอของไม่ดีเข้าแล้วสินะ”

 

“หรือจะไม่ใช่?”ภรรยาของเขาถาม“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าจางท่าเรื่องพวกนี้หรือป้าจะดูผิด?แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะทําตามที่ป้าบอกแล้วเตรียมของให้เรียบร้อยภายในพรุ่งนี้เช้า”“ดี”เขาพูดตอนนี้ พอเขาคิดดูอีกทีแล้วเขาอดนึกถึงตอนที่หวังเย้าเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขา

 

จะกลับขึ้นมาไม่ได้“หรือเขาก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน?”“พิมพาอะไรอยู่เหรอ?”ภรรยาของเขาถาม

 

“อ่อ เปล่าๆ” เขาตอบ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 901 โชคร้าย

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 901 โชคร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

901 โชคร้าย

 

“ทนหน่อยนะครับ!”

 

เกิดเสียงดังคลิก

 

“โอ๊ย!” เขาร้องออกมา

 

“ทนหน่อยนะครับ เจ็บเดี๋ยวเดียวก็หาย” หวังเย้าพูด

 

หลังจากที่จับกระดูกแขนของเขาให้เข้าที่แล้วหวังเย้าก็นวดในจุดที่กระดูกเคลื่อนด้วยวิธีการพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทําให้การไหลเวียนโลหิตราบรื่นเพื่อลดอาการเลือดคั่ง, ปละอาการปวดบวมจากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลพันในบริเวณที่กระดูกเคลื่อนเพื่อให้อยู่กับที่หลังจากรักษาเสร็จหวังเย้าก็หันไปจัดการกับแผลถลอกตามตัวเขาบาดแผลไม่ได้ลึกมากผิวหนังบริเวณแขนและต้นขาเกิดการถลอกและมีเลือดไหลเพียงแค่การทาขี้ผึ้งก็เป็นอัน

 

เรียบร้อยแล้ว

 

“คราวหน้าคราวหลัง ลุงก็ขี่จักรยานช้าๆนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เฮ้อ ช่างมันเถอะ” ชายวัยกลางคนพูดแล้วถอนหายใจ“ฉันไม่ได้ขี่เร็วเลยสักนิดแต่ตอนที่กําลังปั่นอยู่ในหมู่บ้านอยู่ๆก็มีเงากระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฉันตกใจก็เลยหักหลบจนไปชนเข้ากับก้อนหินน่าเสียดายทั้งๆที่ฉันเพิ่งซื้อจักรยานไฟฟ้ามาได้ไม่นานนี้เอง ฉันขี่ได้ยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ!”

 

“แค่ลุงไม่ได้เจ็บอะไรมากก็ถือว่าดีแล้วครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเอาไปซ่อมแล้ว

 

ลุงก็เอามันกลับมาขี่ได้อีก”

 

“เฮ้อเสี่ยวเย้าลองบอกฉันมาสิเธอคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ?”เขาถาม“ก่อนที่ฉันจะล้มฉันเห็นเงาร่างหนึ่งวาบผ่านหน้าฉันไป พอลุกขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นใครแล้ว”

 

“หรือลุงจะตาฝาดครับ?”

 

“อืม มันก็อาจจะเป็นไปได๋”ชายวัยกลางคนพูด“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันทํางานล่วงเวลาติดต่อกันหลายวันมันเลยทําให้ฉันเหนื่อยเกินไปแล้วมันก็มืดแล้วด้วยฉันเลยมองอะไรได้ไม่ชัดเจน บางทีฉันอาจจะมองผิดไปก็ได้”

 

ช่วงเวลานี้ของวัน ท้องฟ้าด้านนอกก็มือสนิทแล้ว

 

“เสร็จแล้วเหรอ?”

 

“เสร็จแล้วครับลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”หวังเย้าพูด“กลับไปพักผ่อนสักหน่อยส่วนแขนข้างที่กระดูกเคลื่อนลุงไม่ควรใช้งานหนักเกินไปสักครึ่งเดือนนะครับ”เขาใช้วิธีการพิเศษในการรักษาแขนของอีกฝ่ายถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้

 

“หา ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายวัยกลางคนพูดนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถทํางานได้เป็นเวลาครึ่งเดือนหรอกเหรอ?ถ้ารวมจักรยานไฟฟ้าที่พังเข้าไปด้วยถือว่าการ

 

ล้มครั้งนี้ทําให้เขาเสียเงินไปนับพัน!

 

ในความเป็นจริง มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นข้อกระดูกของมนุษย์สามารถกลับ

 

สู่สภาพเดิมได้หลังจากที่เกิดการเคลื่อนหลุดจากจุดเดิม

 

“เฮ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทั้งหมดเท่าไหร่?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้วมันไร้ประโยชน์ที่จะมาหงุดหงิดหรือโมโหเขาแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีส่วนเรื่องงานเขาคง ต้องพักไว้ก่อนสัก 10 วัน

 

“เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่คิดเงินหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือปฏิเสธเขาเพียงแค่ใช้ขี้ผึ้งทั่วไปรักษาบาดแผลให้เท่านั้นมันไม่ได้มีราคาค่างวดมากมายอะไรชายวัยกลางคนยังเป็นคนจิตใจดี คนหนึ่งเมื่อเกิดไฟไหม้บนภูเขาเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยดับไฟหวังเย้าจดจ่าเอาไว้ในใจอยู่เสมอ

 

“อ้อ ขอบใจนะ”เขาลุกขึ้นและเดินออกไป

 

“ลุงรอก่อนครับ”อยู่ๆหวังเย้าก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายผิดปกติเขาจึงเรียกอีกฝ่าย

 

ให้หยุด

 

ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหวังเย้ารู้สึกได้ถึงความเย็นเขาคิดแค่ว่า มันเป็นอากาศเย็นที่พัดมาจากด้านนอกในตอนที่ชายวัยกลางคนเปิดประตูเดินเข้ามาแต่ตอนนี้เขารับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่าง

 

ที่เขาคิด มันคือความเย็น

 

“ลุง ขอผมตรวจลุงอีกสักรอบนะครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“มีอะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนมีอาการตระหนก

 

“ไม่ได้มีอะไรครับ ผมแค่อยากยืนยันให้แน่ใจเท่านั้น” หวังเย้าตอบ

 

ในตอนที่เขาพูดสองมือของเขาประกบเข้าหากัน

 

พลังฉีของเขาแผ่กระจายออกมาและล้อมตัวชายวัยกลางคนเอาไว้ เพื่อหลอมละลายความ

 

เย็นออกจากร่างกายของเขา

 

ชายวัยกลางคนขยับตัวเล็กน้อย

 

“เสี่ยวเย้า เมื่อกี้นี้เธอทําอะไรเหรอ?”

 

“เปล่านี่ครับ ผมแค่ตรวจดูให้แน่ใจก็เท่านั้น” หวังเย้าพูด “ทําไมเหรอครับลุง?”

 

“อ่อ ไม่มีอะไรฉันแค่รู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมานิดหน่อย และรู้สึกสบายตัวขึ้นด้วย”ชายวัยกลางคนพูดเมื่อครู่เขารู้ได้ว่ามีความอบอุ่นโอบล้อมตัวของเขาเอาไว้มันเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทางเสื้อผ้ามันทําให้เขารู้สึกสบายมากความรู้สึกที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาไปแช่น้ำพุร้อนที่หมู่บ้านหลี่

 

“อาจเป็นเพราะลุงอยู่ในห้องนี้ก็ได้ครับพอเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ร่างกายของลุงก็เลยอุ่นขึ้นเอง” หวังเย้าพูด“ดีครับทุกอย่างเรียบร้อยดีกลับบ้านดีดีนะครับ”

 

“โอ้ ได๋ได้ ขอบใจนะ” เขาพูด

 

เขาจับความรู้สึกภายในร่างกายของเขาอีกครั้งความรู้สึกอุ่นสบายเมื่อครู่หายไปแล้วแต่เขา

 

กลับรู้สึกดีกว่าตอนที่มาถึงมากเขาไม่รู้สึกหนาวหรือง่วงอีกต่อไป

 

“แล้วลุงรถล่มที่ทางแยกของหมู่บ้านเหรอครับ?”หวังเย้าถาม“ตรงนั้นใช่ที่มีสุสานอยู่ฝั่งตรง

 

ข้ามรึเปล่าครับ?”

 

“ใช่ ตรงนั้นแหละแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยๆ ชาวบ้านเคยให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาดูแล้วพวกเขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับสุสานที่อยู่บนเขาสุสานอยู่ตรงกับทางแยกพอดีเลยทําให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นที่ตรงนั้นก็เลยมีการสร้างเจดีย์หินเอาไว้ข้างๆทางแยกนั้น”อยู่ๆชายวัยกลางคนก็เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาและถามว่า“เสี่ยวเย้าเธอจะบอกว่าที่ฉันเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะฉันเจอบางอย่างที่ไม่ดีเข้าเหรอ?”

 

ในตอนแรก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่หลังจากที่หวังเย้าพูดขึ้นมา เขาก็เริ่มคิดตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาตรงทางแยกมันแปลกมากจริงๆมีเงาวิ่งผ่านหน้าเขาไปแต่เมื่อมองดูอีกครั้งกลับไม่มีใครอยู่เลยเมื่อคิดถึงเรื่องลึกลับเหล่านั้นเขาก็รู้สึกกลัวและหนาวสั่นขึ้นมา

 

“ลุงคิดมากเกินไปแล้วครับ”หวังเย้าพูด“ผมพูดไปแล้วว่าอาจเป็นเพราะลุงเหนื่อยจากการทํางานหนักเกินจนทําให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคราวหน้าก็ขี่จักรยานระวังๆถนนมันมืดไฟข้าง

 

ถนนก็ไม่ได้สว่างมากด้วย”

 

“นั่นสินะฉันกลับก่อนล่ะ”ชายวัยกลางคนพยักหน้าและเดินออกจากคลินิกไปหวังเย้าเดินออกไปส่งเขาที่หน้าประตูจากนั้นเขาก็หันกลับไปล็อกประตูและเดินกลับบ้านหรือเขาจะเจอของดีเข้าแล้วจริงๆ?

 

ในอดีต หวังเย้าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ตั้งแต่ที่เขาได้เดินทางไปทางใต้และเข้าไปในสุสานโบราณพร้อมกับเหล่านักพรตจากวัดหลงหู่ความเชื่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงใน

 

เมื่อสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนเจอเข้ากับสิ่งชั่วร้ายพวกนั้นเข้าจริงๆ?

 

เขากลับไปที่บ้านและเลิกคิดเรื่องนั้นไปสักพัก

 

ชายวัยกลางคนที่เพิ่งไปคลินิกได้กลับมาถึงบ้านด้วยบาดแผลเต็มตัวมันทําให้ภรรยาของเขาตกใจกลัวเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีคราบเลือดติดอยู่ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ําอยู่ด้วย

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“อย่าให้พูดเลย ฉันขี่จักรยานชนเจดีย์ที่ทางแยกหมู่บ้านเข้าน่ะสิ” ชายวัยกลางคนพูด“แล้วเป็นอะไรมากไหม?ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”เธอถามด้วยความเป็นห่วงในครอบครัวของพวกเขามีคนแก่สองคนและเด็กเล็กที่ต้องเลี้ยงดูเธอไม่มีงานและได้แต่ทําสวนไม่กี่แปลงที่บ้านเท่านั้นชายวัยกลางคนจึงเป็นเสาหลักของบ้านและเขาจะล้มไม่ได้เด็ดขาด

 

“ไม่เป็นไรหรอกฉันไปให้หวังเย้าดูที่คลินิกมาแล้วกระดูกแขนของฉันเคลื่อนเขาก็เอากลับเข้าที่ให้แล้วที่เหลือก็แค่แผลถลอก เขาเลยใส่ยาให้เขาบอกว่าหลังจากพักไม่กี่วันก็หายแล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็โล่งใจเล็กน้อย

 

“ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆเหรอ?”

 

“ไม่ต้องหรอกใช่ว่าเธอไม่รู้ความสามารถของเสี่ยวเย้า”เขาพูด“กี่คนแล้วที่รักษากับโรงพยาบาลไม่หายแต่มาหายที่เขาน่ะ”

 

“ก็ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวเถอะ” เธอพูด

 

แทนที่จะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเขาก็พูดออกมาอย่างลังเลว่า “เอ่อพอฉันคิดดูดี

 

ดีแล้ว ฉันอาจจะเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“ของไม่ดี?” เธอหยุดสิ่งที่กําลังทําอยู่และหันไปมองสามี

 

จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ทางแยกแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที“คงไม่ใช่ว่าไปเจอวิญญาณชั่วร้ายเข้าหรอกนะ?มีคนบอกไว้ว่าที่ทางแยกมีวิญญาณชั่วร้าย

 

อาศัยอยู่ แล้วสุสานก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นด้วยใช่ไหม?”

 

“อืม ฉันคิดว่าอุบัติเหตุวันนี้มันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”

 

“ตอนนี้คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนฉันจะไปหาป้าจางแล้วขอให้เธอมาดูสักหน่อย”เธอพูด

 

“ได้”

 

เธอเดินออกจากประตูบ้านไปไม่นานเธอก็กลับมาบ้านพร้อมกับหญิงวัยหกสิบคนหนึ่งหญิงชราไม่ได้สูงมากนักผมของเธอเป็นสีดอกเลาแต่เธอยังดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉงอยู่แต่ละ

 

ย่างก้าวล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ในทุกๆหมู่บ้านมักมีคนแบบเธออยู่หนึ่งหรือสองคนพวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องของการอัญเชิญ

 

สิ่งลี้ลับและมองเห็นอนาคตคนที่เจอสิ่งไม่ดีและตกใจกลัวก็มักจะมาหาคนเช่นเธอเพื่อให้ช่วยแก้ไขให้

 

“ป้าช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ”

 

“ได้สิ”หญิงชราพูดเธอหยิบถ้วยใส่น้ำมาใบหนึ่งและธูปอีกหนึ่งดอก แล้วจ้องมองดูน้ำในถ้วยหลังจากนั้นสักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า “อืมใช่เธอเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ มันอยู่ตรงมุมของหมู่บ้าน” เธอพูด

 

โอ๋! สองสามีภรรยามองหน้ากันเมื่อฝ่ายภรรยาเชิญเธอมาเธอพูดแค่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสามีของเธอนอกนั้นเธอก็ไม่ได้บอกอะไรเลย คิดไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ในทันทีเธอมีของอยู่จริงๆด้วย

 

“ฟ้าช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าฉันต้องทํายังไงบ้าง?”

 

“ต้องเชิญวิญญาณออกไป”หญิงชราพูด

 

“แล้วฉันต้องทํายังไงเหรอป้า?”ฝ่ายภรรยาถาม“ช่วยบอกฉันทีฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”“ได้สิ”หญิงชราบอกสิ่งที่เธอต้องซื้อและวิธีที่เธอต้องท่ามันเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย

 

“คืนนี้?”

 

“คืนนี้มันดึกเกินไป”หญิงชราพูด“เธอไปเตรียมของไว้พรุ่งนี้แล้วเย็นวันพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วย”

 

“ได้ ขอบคุณนะคะป้า”เธอขอบคุณหญิงชราและเดินออกไปส่งอีกฝ่ายเขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“ฉันเจอของไม่ดีเข้าแล้วสินะ”

 

“หรือจะไม่ใช่?”ภรรยาของเขาถาม“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าจางท่าเรื่องพวกนี้หรือป้าจะดูผิด?แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะทําตามที่ป้าบอกแล้วเตรียมของให้เรียบร้อยภายในพรุ่งนี้เช้า”“ดี”เขาพูดตอนนี้ พอเขาคิดดูอีกทีแล้วเขาอดนึกถึงตอนที่หวังเย้าเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขา

 

จะกลับขึ้นมาไม่ได้“หรือเขาก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน?”“พิมพาอะไรอยู่เหรอ?”ภรรยาของเขาถาม

 

“อ่อ เปล่าๆ” เขาตอบ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+