Elixir Supplier 893 ฝังศพเทพเจ้า

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 893 ฝังศพเทพเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

893 ฝังศพเทพเจ้า

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงราวกับเขากําลังมองเห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวบางอย่าง

เขาลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาอยากวิ่งหนี แต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือเขาจึงล้มตั้งอยู่ที่พื้น

หรือว่าจะถูกพิษ?!

เขายังมีสติดีอยู่ แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วมือก็ยังเป็นเรื่องยากแกร็ก!ประตูถูกเปิดออกเมี่ยวชิงเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยผู้นําได้ตัดสินใจแล้วไปที่ทะเลสาบฝังเทพเจ้าใกล้จะได้เวลาแล้วเตรียมตัวชื่นชมทัศนียภาพของทะเลสาบไว้ได้เลย”

ค่าคืนเงียบสงัด ในสถานที่ที่ราวกับสรวงสวรรค์กลับเงียบยิ่งกว่า

ข้างหมู่บ้าน มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน มันดูเงียบสงบไร้ระลอกคลื่น

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ มีดวงไฟและผู้คนยืนอยู่ ในทะเลสาบมีแพไม้ไผ่ลอยอยู่ ชายคนหนึ่งก่าลังนอนอยู่บนนั้น
อื้อๆ!

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ปากของเขาส่งเสียงดังอ๋อ

“ไป” เมี่ยวซีเหอพูด ด้วยแรงผลักของคนสองคน แพไม่ไผ่ก็ลอยเข้าสู่ทะเลสาบคบเพลิงส่องแสงอยู่ด้านหน้าแพไม้ไผ่

วูบ! เปลวไฟกําลังลอยละล่อง

แพไม้ไผ่ลอยเข้าสู่ใจกลางทะเลสาบได้อย่างน่าอัศจรรย์

ซูม! เกิดเสียงดังขึ้นในน้ำ เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ มันคือปลาฝูงหนึ่ง พวกมันรวมตัวอยู่ใต้แพไม้ไผ่โดยไม่ทราบสาเหตุพวกมันว่ายน้ำไปเรื่อยๆและผลักดันแพไม้ไผ่ให้ลอยเข้าสู่ใจกลาง

ทะเลสาบ

ไม่ ไม่ ไม่!

เขาตะโกนอยู่ในใจ เขาอ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงออกมาเขาได้ยินเสียงซู่ซ่าของแพไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ร่างเขาใบหน้าของเขาไร้สีเลือดและดวงตาเบิกกว้างความกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่างแม้แต่การสั่นเทาด้วยความกลัวก็ยังทําไม่ได้

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ ผู้คนต่างยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกเขาเฝ้ามองแพไม้ไผ่ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ

ซูม ความเงียบของน้ำในทะเลสาบถูกบางอย่างทําลายลงไป เงาร่างขนาดใหญ่ว่ายผ่านไป

หลังจากได้ยินเสียงนั้น ชายที่อยู่บนแพไม้ไผ่ก็ใจหายวาบสมองของเขาโล่งว่างสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดได้เริ่มขึ้นแล้วเสียงนั้นไม่ได้ดังมากแต่เขารู้ว่ามันคือสิ่งที่จะมารับชีวิตของเขาไปมันไม่ต่างจากการที่มีคนยืนแกว่งไกวมีดอยู่ตรงหน้าและค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ลําคอและหน้าอกของคุณ คุณรู้ดีว่ามีดเล่มนั้นจะค่อยๆที่มแทงลงไปบนร่างกายของคุณ

ในบางครั้ง การที่รู้ว่าความตายกําลังมาเยือนนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการตายจริงๆเสียด้วยซ้ำความหวาดกลัวก่อนจะตายคือสิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุด

ไม่มีใครหนีความตายไปได้ กุญแจสําคัญคือตายยังไงต่างหาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิธีการตายที่มีความสุขที่สุดก็คือตายในตอนที่อายุมากการตายโดยไร้โรคไร้ภัยและจากไปในตอนที่กําลังหลับใหล

การดิ้นรนอยู่ในความหวาดกลัวและตายอย่างทุกข์ทรมาน คือการตายที่น่าเศร้าที่สุด

ซูม! เกิดเสียงดังในทะเลสาบอีกครั้ง

ฝูงปลาที่รวมตัวกันอยู่ใต้แพไม้ไผ่ได้หายไปแล้ว แพไม้ไผ่ลอยลําเข้าสู่ใจกลางทะสาบเรื่อยๆ

ตุบ ตุบ

เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ใต้แพไม้ไผ่
รี้ด!

เสียงแหลมสูงดังมาจากริมฝั่ง

ซูม! ผืนน้ำแยกออก น้ำกระเซ็นไปทั่วเมื่อร่างยักษ์โผล่ศีรษะของมันขึ้นมาจากน้ำ

แคร์ก

เลือดสดๆสาดกระจายไปทั่ว แพไม้ไผ่ถูกกัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนที่อยู่บนแพถูกกัดเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งกําลังลอยอยู่ในน้ำ เลือดย้อมน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นสีแดงร่างอีกครั้ง หนึ่งหายไปที่ไหนไม่มีใครรู้

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ชายวัยกลางคนตายในทันที ซูม! ร่างยักษ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และกลืนครึ่งร่างที่เหลือลงไป

ไม่นาน น้ำในทะเลสาบกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง แต่ยังคงเหลือน้ำที่ถูกย้อมด้วยเลือดให้รู้ว่าเพิ่ง เกิดเรื่องสยดสยองขึ้น

ซูม! ฝูงปลาปรากฏออกมาอีกครั้ง พวกมันแหวกว่ายไปทางน้ำเลือด ท่าทางของพวกมันดูตื่น เต้นกันมาก

ที่ริมฝั่ง เมี่ยวซีเหอยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆโดยไม่เอ่ยอะไรแม้แต่ค่าเดียว

แพไม้ไผ่ถูกทําลายลงไป และคนก็ตายไป

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็หมุนตัวเดินกลับไป

“เรียบร้อย” เมียวชิงเฟิงพูด

หลังจากยืดเส้นยืดสายสักพัก เขาก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไป

หลายคนค่อยๆทยอยตามกลับไป

หุบเขายังคงเป็นเช่นเดิม

ในตอนเช้า พระอาทิตย์แหวกผ่านความมืดและส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า

ในเขตเหอ ที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ กั่วเจิ้งเหอที่เพิ่งมาถึงที่ทํางาน กําลังจับจ้องซองเอกสารบนโต๊ะของเขา

“อีกแล้ว?”

เขามองไปรอบๆและตรวจดูว่าหน้าต่างปิดอยู่ สิ่งของรอบตัวยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างปกติดี

เขาเดินไปที่โต๊ะและมองดูซองเอกสาร เขาใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนจะหยิบถุงมือออกมาจาก ลิ้นชัก เขาสวมถุงมือและหยิบซองเอกสารที่ค่อนข้างบางขึ้นมา ด้านในมีกระดาษแข็งๆใส่อยู่ หลายใบ

เมื่อเขาเปิดออก เขาก็พบกับรูปภาพ

ภาพหนึ่งเป็นรูปคนยืนถือไฟฉายอยู่ที่ริมทะเลสาบ

เดี๋ยวนะ!

ที่มุมหนึ่งของภาพมีสีแดงวงหนึ่งอยู่

มันเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนแพไม้ไผ่

รูปต่อไปคล้ายกับรูปก่อนหน้า

นี่มันอะไร?

เมื่อเขาเห็นรูปถัดไป ถั่วเจิ้งเหอก็ตะลึง

มีเงาสีดําอยู่ภายในทะเลสาบ มันดูใหญ่มาก

ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่กล้องที่ใช้ถ่ายมีคุณภาพสูง ทุกภาพจึงเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือปลา เมื่อเทียบกับแพไม้ไผ่แล้ว เขากะด้วยสายตาคร่าวๆว่า ปลาตัวนี้น่าจะมีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตรได้

เขาดรูปอื่นต่อและได้เห็นภาพเลือดสาด สัตว์ร้ายโผล่ขึ้นจากผืนน้ำมันอ้าปากกว้างและกลืนแพไม่ไผ่ไปพร้อมกับร่างครึ่งหนึ่งของคนที่นอนอยู่บนนั้นหยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

กั่วเจิ้งเหอดูแต่ละรูปอยู่หลายครั้ง ที่นี่คือที่ไหน?

ที่แรกที่เขานึกถึงก็คือหุบเขาพันโอสถ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินเสวี่ยซินหยวนพูดเอาไว้ว่าที่นั่นมีทะเลสาบอยู่ด้วย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก

เช้านี้มีการประชุมที่ต้องเข้าร่วม หลังจากประชุมเสร็จ เขาก็ไปพบกับเสวี่ยซินหยวนและเอาภาพให้เขาดู

เสวี่ยซินหยวนดูภาพเหล่านั้นเมื่อเขาเห็นปลาตัวใหญ่ยักษ์ เขาก็มีท่าทางตกตะลึง

“หุบเขาพันโอสถ!นี่คือหุบเขาพันโอสถ!”เสวี่ยซินหยวนพูด

“ลุงเสวี่ยแน่ใจนะครับ?”

“ผมแน่ใจ ผมเคยไปที่นั่นมาก่อน ทะเลสาบแห่งนี้ผมจดจําได้แม่น ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ในทะเลสาบ!”เขาประหลาดใจมาก

“คุณชายได้รูปพวกนี้มาได้ยังไงครับ?”

“ผมไม่รู้” กั่วเจิ้งเหอพูด “ตอนที่ผมมาถึงห้องทํางานในตอนเช้า มันก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของผมแล้วไม่มีร่องรอยอะไรอยู่เลยภายในห้องก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ”

เขารังเกียจการเข้าหาอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ การที่คนคนหนึ่งสามารถเข้าออกห้องทํางานของเขาโดยไร้ร่องรอยได้มันหมายความว่ายังไง?ตึกทํางานของเขาสมควรจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในเขตแต่หากมีคนสามารถเข้าออกได้โดยไร้ร่องรอยก็แสดงว่าอีกฝ่ายสามารถเข้าหาเขาในตอนที่นอนหลับอยู่ได้เช่นกันใช่หรือไม่?คนคนนั้นอาจแอบมาที่เตียงนอน ของเขาและมองดูเขาที่กําลังหลับอยู่ในเวลานั้นหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของเขา เขาก็คงไม่สามารถทําอะไรได้เลย

เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ กั่วเจิ้งเหอก็หวาดกลัวขึ้นมา

ในเขตเหอสามารถมีคนเก่งอยู่ได้แต่นั่นก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในการควบคุมของเขาอย่างเช่น เสวี่ยซินหยวนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาคนนี้ส่วนคนอื่นเขาไม่สามารถปล่อยไว้ได้

“ใครเป็นคนทํา แล้วพวกเขาทําไปเพื่ออะไร?” “จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนพวกเขามีเป้าหมายอยู่ที่หุบเขาพันโอสถ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“แล้วทําไมต้องเอารูปมาให้คุณชาย หรือพวกเขาคิดว่า คุณชายมีความแค้นกับหุบเขาพันโอสถ?”

กั่วเจิ้งเหอไม่พูดอะไร เขาหยิบรูปขึ้นมาและมองดูมันอีกครั้ง “ลุงคิดว่าผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตหรือว่าตายแล้ว?”

“เอ่อ ถ้าดูจากในรูปคงบอกไม่ได้”เสวี่ยซินหยวนพูด“คนในรูปอยู่ไกลเกินไปแต่ถ้าให้ผมเดาเป็นไปได้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”

“ทะเลสาบมีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”

“มันมีชื่อว่า ทะเลสาบฝังเทพเจ้า”“ฝั่งเทพเจ้า?เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ”กั่วเจิ้งเหอพูด

“นี่มันเหมือนกับการทําพิธีอะไรบางอย่าง”เสวี่ยซินหยวนมองดูรูปอีกครั้ง “เดี๋ยวนะ!”

ดูเหมือนว่าเขาจะพบอะไรบางอย่าง เขาหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าและส่องดูรูปภาพอย่างละเอียด
“ลุงเจออะไรเหรอครับ?”

“ผมมั่นใจว่า ผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตอยู่ครับ”

“โอ?”

“ถ้ามองดูรูปนี้ใกล้ๆ จะเห็นว่าแขนของเขาขยับอยู่ เขาอาจจะถูกยาสลบและอยู่ในสภาพอ่อนแรงในตอนที่เขานอนอยู่บนแพไม้ไผ่ก็ได้ครับ”

“เมื่อกี้นี้ลุงพูดว่าทําพิธี พิธีอะไรเหรอครับ?”

“ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าฝั่งเทพเจ้าผมไม่คิดว่ามันเป็นแค่ชื่อเรียกทั่วไปสัตว์ประหลาดแบบนั้นไม่มีทางโตขนาดนั้นได้ในหนึ่งวันผมคิดว่าคนในหุบเขาน่าจะมีการสังเวยแบบนี้เป็นประจําและสิ่งที่พวกเขานําไปสังเวยให้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็อาจจะมีมนุษย์รวมอยู่ด้วย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 893 ฝังศพเทพเจ้า

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 893 ฝังศพเทพเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

893 ฝังศพเทพเจ้า

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงราวกับเขากําลังมองเห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวบางอย่าง

เขาลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาอยากวิ่งหนี แต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือเขาจึงล้มตั้งอยู่ที่พื้น

หรือว่าจะถูกพิษ?!

เขายังมีสติดีอยู่ แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วมือก็ยังเป็นเรื่องยากแกร็ก!ประตูถูกเปิดออกเมี่ยวชิงเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยผู้นําได้ตัดสินใจแล้วไปที่ทะเลสาบฝังเทพเจ้าใกล้จะได้เวลาแล้วเตรียมตัวชื่นชมทัศนียภาพของทะเลสาบไว้ได้เลย”

ค่าคืนเงียบสงัด ในสถานที่ที่ราวกับสรวงสวรรค์กลับเงียบยิ่งกว่า

ข้างหมู่บ้าน มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน มันดูเงียบสงบไร้ระลอกคลื่น

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ มีดวงไฟและผู้คนยืนอยู่ ในทะเลสาบมีแพไม้ไผ่ลอยอยู่ ชายคนหนึ่งก่าลังนอนอยู่บนนั้น
อื้อๆ!

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ปากของเขาส่งเสียงดังอ๋อ

“ไป” เมี่ยวซีเหอพูด ด้วยแรงผลักของคนสองคน แพไม่ไผ่ก็ลอยเข้าสู่ทะเลสาบคบเพลิงส่องแสงอยู่ด้านหน้าแพไม้ไผ่

วูบ! เปลวไฟกําลังลอยละล่อง

แพไม้ไผ่ลอยเข้าสู่ใจกลางทะเลสาบได้อย่างน่าอัศจรรย์

ซูม! เกิดเสียงดังขึ้นในน้ำ เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ มันคือปลาฝูงหนึ่ง พวกมันรวมตัวอยู่ใต้แพไม้ไผ่โดยไม่ทราบสาเหตุพวกมันว่ายน้ำไปเรื่อยๆและผลักดันแพไม้ไผ่ให้ลอยเข้าสู่ใจกลาง

ทะเลสาบ

ไม่ ไม่ ไม่!

เขาตะโกนอยู่ในใจ เขาอ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงออกมาเขาได้ยินเสียงซู่ซ่าของแพไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ร่างเขาใบหน้าของเขาไร้สีเลือดและดวงตาเบิกกว้างความกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่างแม้แต่การสั่นเทาด้วยความกลัวก็ยังทําไม่ได้

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ ผู้คนต่างยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกเขาเฝ้ามองแพไม้ไผ่ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ

ซูม ความเงียบของน้ำในทะเลสาบถูกบางอย่างทําลายลงไป เงาร่างขนาดใหญ่ว่ายผ่านไป

หลังจากได้ยินเสียงนั้น ชายที่อยู่บนแพไม้ไผ่ก็ใจหายวาบสมองของเขาโล่งว่างสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดได้เริ่มขึ้นแล้วเสียงนั้นไม่ได้ดังมากแต่เขารู้ว่ามันคือสิ่งที่จะมารับชีวิตของเขาไปมันไม่ต่างจากการที่มีคนยืนแกว่งไกวมีดอยู่ตรงหน้าและค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ลําคอและหน้าอกของคุณ คุณรู้ดีว่ามีดเล่มนั้นจะค่อยๆที่มแทงลงไปบนร่างกายของคุณ

ในบางครั้ง การที่รู้ว่าความตายกําลังมาเยือนนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการตายจริงๆเสียด้วยซ้ำความหวาดกลัวก่อนจะตายคือสิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุด

ไม่มีใครหนีความตายไปได้ กุญแจสําคัญคือตายยังไงต่างหาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิธีการตายที่มีความสุขที่สุดก็คือตายในตอนที่อายุมากการตายโดยไร้โรคไร้ภัยและจากไปในตอนที่กําลังหลับใหล

การดิ้นรนอยู่ในความหวาดกลัวและตายอย่างทุกข์ทรมาน คือการตายที่น่าเศร้าที่สุด

ซูม! เกิดเสียงดังในทะเลสาบอีกครั้ง

ฝูงปลาที่รวมตัวกันอยู่ใต้แพไม้ไผ่ได้หายไปแล้ว แพไม้ไผ่ลอยลําเข้าสู่ใจกลางทะสาบเรื่อยๆ

ตุบ ตุบ

เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ใต้แพไม้ไผ่
รี้ด!

เสียงแหลมสูงดังมาจากริมฝั่ง

ซูม! ผืนน้ำแยกออก น้ำกระเซ็นไปทั่วเมื่อร่างยักษ์โผล่ศีรษะของมันขึ้นมาจากน้ำ

แคร์ก

เลือดสดๆสาดกระจายไปทั่ว แพไม้ไผ่ถูกกัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนที่อยู่บนแพถูกกัดเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งกําลังลอยอยู่ในน้ำ เลือดย้อมน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นสีแดงร่างอีกครั้ง หนึ่งหายไปที่ไหนไม่มีใครรู้

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ชายวัยกลางคนตายในทันที ซูม! ร่างยักษ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และกลืนครึ่งร่างที่เหลือลงไป

ไม่นาน น้ำในทะเลสาบกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง แต่ยังคงเหลือน้ำที่ถูกย้อมด้วยเลือดให้รู้ว่าเพิ่ง เกิดเรื่องสยดสยองขึ้น

ซูม! ฝูงปลาปรากฏออกมาอีกครั้ง พวกมันแหวกว่ายไปทางน้ำเลือด ท่าทางของพวกมันดูตื่น เต้นกันมาก

ที่ริมฝั่ง เมี่ยวซีเหอยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆโดยไม่เอ่ยอะไรแม้แต่ค่าเดียว

แพไม้ไผ่ถูกทําลายลงไป และคนก็ตายไป

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็หมุนตัวเดินกลับไป

“เรียบร้อย” เมียวชิงเฟิงพูด

หลังจากยืดเส้นยืดสายสักพัก เขาก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไป

หลายคนค่อยๆทยอยตามกลับไป

หุบเขายังคงเป็นเช่นเดิม

ในตอนเช้า พระอาทิตย์แหวกผ่านความมืดและส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า

ในเขตเหอ ที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ กั่วเจิ้งเหอที่เพิ่งมาถึงที่ทํางาน กําลังจับจ้องซองเอกสารบนโต๊ะของเขา

“อีกแล้ว?”

เขามองไปรอบๆและตรวจดูว่าหน้าต่างปิดอยู่ สิ่งของรอบตัวยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างปกติดี

เขาเดินไปที่โต๊ะและมองดูซองเอกสาร เขาใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนจะหยิบถุงมือออกมาจาก ลิ้นชัก เขาสวมถุงมือและหยิบซองเอกสารที่ค่อนข้างบางขึ้นมา ด้านในมีกระดาษแข็งๆใส่อยู่ หลายใบ

เมื่อเขาเปิดออก เขาก็พบกับรูปภาพ

ภาพหนึ่งเป็นรูปคนยืนถือไฟฉายอยู่ที่ริมทะเลสาบ

เดี๋ยวนะ!

ที่มุมหนึ่งของภาพมีสีแดงวงหนึ่งอยู่

มันเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนแพไม้ไผ่

รูปต่อไปคล้ายกับรูปก่อนหน้า

นี่มันอะไร?

เมื่อเขาเห็นรูปถัดไป ถั่วเจิ้งเหอก็ตะลึง

มีเงาสีดําอยู่ภายในทะเลสาบ มันดูใหญ่มาก

ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่กล้องที่ใช้ถ่ายมีคุณภาพสูง ทุกภาพจึงเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือปลา เมื่อเทียบกับแพไม้ไผ่แล้ว เขากะด้วยสายตาคร่าวๆว่า ปลาตัวนี้น่าจะมีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตรได้

เขาดรูปอื่นต่อและได้เห็นภาพเลือดสาด สัตว์ร้ายโผล่ขึ้นจากผืนน้ำมันอ้าปากกว้างและกลืนแพไม่ไผ่ไปพร้อมกับร่างครึ่งหนึ่งของคนที่นอนอยู่บนนั้นหยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

กั่วเจิ้งเหอดูแต่ละรูปอยู่หลายครั้ง ที่นี่คือที่ไหน?

ที่แรกที่เขานึกถึงก็คือหุบเขาพันโอสถ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินเสวี่ยซินหยวนพูดเอาไว้ว่าที่นั่นมีทะเลสาบอยู่ด้วย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก

เช้านี้มีการประชุมที่ต้องเข้าร่วม หลังจากประชุมเสร็จ เขาก็ไปพบกับเสวี่ยซินหยวนและเอาภาพให้เขาดู

เสวี่ยซินหยวนดูภาพเหล่านั้นเมื่อเขาเห็นปลาตัวใหญ่ยักษ์ เขาก็มีท่าทางตกตะลึง

“หุบเขาพันโอสถ!นี่คือหุบเขาพันโอสถ!”เสวี่ยซินหยวนพูด

“ลุงเสวี่ยแน่ใจนะครับ?”

“ผมแน่ใจ ผมเคยไปที่นั่นมาก่อน ทะเลสาบแห่งนี้ผมจดจําได้แม่น ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ในทะเลสาบ!”เขาประหลาดใจมาก

“คุณชายได้รูปพวกนี้มาได้ยังไงครับ?”

“ผมไม่รู้” กั่วเจิ้งเหอพูด “ตอนที่ผมมาถึงห้องทํางานในตอนเช้า มันก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของผมแล้วไม่มีร่องรอยอะไรอยู่เลยภายในห้องก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ”

เขารังเกียจการเข้าหาอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ การที่คนคนหนึ่งสามารถเข้าออกห้องทํางานของเขาโดยไร้ร่องรอยได้มันหมายความว่ายังไง?ตึกทํางานของเขาสมควรจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในเขตแต่หากมีคนสามารถเข้าออกได้โดยไร้ร่องรอยก็แสดงว่าอีกฝ่ายสามารถเข้าหาเขาในตอนที่นอนหลับอยู่ได้เช่นกันใช่หรือไม่?คนคนนั้นอาจแอบมาที่เตียงนอน ของเขาและมองดูเขาที่กําลังหลับอยู่ในเวลานั้นหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของเขา เขาก็คงไม่สามารถทําอะไรได้เลย

เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ กั่วเจิ้งเหอก็หวาดกลัวขึ้นมา

ในเขตเหอสามารถมีคนเก่งอยู่ได้แต่นั่นก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในการควบคุมของเขาอย่างเช่น เสวี่ยซินหยวนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาคนนี้ส่วนคนอื่นเขาไม่สามารถปล่อยไว้ได้

“ใครเป็นคนทํา แล้วพวกเขาทําไปเพื่ออะไร?” “จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนพวกเขามีเป้าหมายอยู่ที่หุบเขาพันโอสถ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“แล้วทําไมต้องเอารูปมาให้คุณชาย หรือพวกเขาคิดว่า คุณชายมีความแค้นกับหุบเขาพันโอสถ?”

กั่วเจิ้งเหอไม่พูดอะไร เขาหยิบรูปขึ้นมาและมองดูมันอีกครั้ง “ลุงคิดว่าผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตหรือว่าตายแล้ว?”

“เอ่อ ถ้าดูจากในรูปคงบอกไม่ได้”เสวี่ยซินหยวนพูด“คนในรูปอยู่ไกลเกินไปแต่ถ้าให้ผมเดาเป็นไปได้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”

“ทะเลสาบมีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”

“มันมีชื่อว่า ทะเลสาบฝังเทพเจ้า”“ฝั่งเทพเจ้า?เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ”กั่วเจิ้งเหอพูด

“นี่มันเหมือนกับการทําพิธีอะไรบางอย่าง”เสวี่ยซินหยวนมองดูรูปอีกครั้ง “เดี๋ยวนะ!”

ดูเหมือนว่าเขาจะพบอะไรบางอย่าง เขาหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าและส่องดูรูปภาพอย่างละเอียด
“ลุงเจออะไรเหรอครับ?”

“ผมมั่นใจว่า ผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตอยู่ครับ”

“โอ?”

“ถ้ามองดูรูปนี้ใกล้ๆ จะเห็นว่าแขนของเขาขยับอยู่ เขาอาจจะถูกยาสลบและอยู่ในสภาพอ่อนแรงในตอนที่เขานอนอยู่บนแพไม้ไผ่ก็ได้ครับ”

“เมื่อกี้นี้ลุงพูดว่าทําพิธี พิธีอะไรเหรอครับ?”

“ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าฝั่งเทพเจ้าผมไม่คิดว่ามันเป็นแค่ชื่อเรียกทั่วไปสัตว์ประหลาดแบบนั้นไม่มีทางโตขนาดนั้นได้ในหนึ่งวันผมคิดว่าคนในหุบเขาน่าจะมีการสังเวยแบบนี้เป็นประจําและสิ่งที่พวกเขานําไปสังเวยให้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็อาจจะมีมนุษย์รวมอยู่ด้วย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 893 ฝังศพเทพเจ้า

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 893 ฝังศพเทพเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

893 ฝังศพเทพเจ้า

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงราวกับเขากําลังมองเห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวบางอย่าง

เขาลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาอยากวิ่งหนี แต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือเขาจึงล้มตั้งอยู่ที่พื้น

หรือว่าจะถูกพิษ?!

เขายังมีสติดีอยู่ แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วมือก็ยังเป็นเรื่องยากแกร็ก!ประตูถูกเปิดออกเมี่ยวชิงเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยผู้นําได้ตัดสินใจแล้วไปที่ทะเลสาบฝังเทพเจ้าใกล้จะได้เวลาแล้วเตรียมตัวชื่นชมทัศนียภาพของทะเลสาบไว้ได้เลย”

ค่าคืนเงียบสงัด ในสถานที่ที่ราวกับสรวงสวรรค์กลับเงียบยิ่งกว่า

ข้างหมู่บ้าน มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน มันดูเงียบสงบไร้ระลอกคลื่น

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ มีดวงไฟและผู้คนยืนอยู่ ในทะเลสาบมีแพไม้ไผ่ลอยอยู่ ชายคนหนึ่งก่าลังนอนอยู่บนนั้น
อื้อๆ!

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ปากของเขาส่งเสียงดังอ๋อ

“ไป” เมี่ยวซีเหอพูด ด้วยแรงผลักของคนสองคน แพไม่ไผ่ก็ลอยเข้าสู่ทะเลสาบคบเพลิงส่องแสงอยู่ด้านหน้าแพไม้ไผ่

วูบ! เปลวไฟกําลังลอยละล่อง

แพไม้ไผ่ลอยเข้าสู่ใจกลางทะเลสาบได้อย่างน่าอัศจรรย์

ซูม! เกิดเสียงดังขึ้นในน้ำ เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ มันคือปลาฝูงหนึ่ง พวกมันรวมตัวอยู่ใต้แพไม้ไผ่โดยไม่ทราบสาเหตุพวกมันว่ายน้ำไปเรื่อยๆและผลักดันแพไม้ไผ่ให้ลอยเข้าสู่ใจกลาง

ทะเลสาบ

ไม่ ไม่ ไม่!

เขาตะโกนอยู่ในใจ เขาอ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงออกมาเขาได้ยินเสียงซู่ซ่าของแพไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ร่างเขาใบหน้าของเขาไร้สีเลือดและดวงตาเบิกกว้างความกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่างแม้แต่การสั่นเทาด้วยความกลัวก็ยังทําไม่ได้

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ ผู้คนต่างยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกเขาเฝ้ามองแพไม้ไผ่ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ

ซูม ความเงียบของน้ำในทะเลสาบถูกบางอย่างทําลายลงไป เงาร่างขนาดใหญ่ว่ายผ่านไป

หลังจากได้ยินเสียงนั้น ชายที่อยู่บนแพไม้ไผ่ก็ใจหายวาบสมองของเขาโล่งว่างสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดได้เริ่มขึ้นแล้วเสียงนั้นไม่ได้ดังมากแต่เขารู้ว่ามันคือสิ่งที่จะมารับชีวิตของเขาไปมันไม่ต่างจากการที่มีคนยืนแกว่งไกวมีดอยู่ตรงหน้าและค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ลําคอและหน้าอกของคุณ คุณรู้ดีว่ามีดเล่มนั้นจะค่อยๆที่มแทงลงไปบนร่างกายของคุณ

ในบางครั้ง การที่รู้ว่าความตายกําลังมาเยือนนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการตายจริงๆเสียด้วยซ้ำความหวาดกลัวก่อนจะตายคือสิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุด

ไม่มีใครหนีความตายไปได้ กุญแจสําคัญคือตายยังไงต่างหาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิธีการตายที่มีความสุขที่สุดก็คือตายในตอนที่อายุมากการตายโดยไร้โรคไร้ภัยและจากไปในตอนที่กําลังหลับใหล

การดิ้นรนอยู่ในความหวาดกลัวและตายอย่างทุกข์ทรมาน คือการตายที่น่าเศร้าที่สุด

ซูม! เกิดเสียงดังในทะเลสาบอีกครั้ง

ฝูงปลาที่รวมตัวกันอยู่ใต้แพไม้ไผ่ได้หายไปแล้ว แพไม้ไผ่ลอยลําเข้าสู่ใจกลางทะสาบเรื่อยๆ

ตุบ ตุบ

เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ใต้แพไม้ไผ่
รี้ด!

เสียงแหลมสูงดังมาจากริมฝั่ง

ซูม! ผืนน้ำแยกออก น้ำกระเซ็นไปทั่วเมื่อร่างยักษ์โผล่ศีรษะของมันขึ้นมาจากน้ำ

แคร์ก

เลือดสดๆสาดกระจายไปทั่ว แพไม้ไผ่ถูกกัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนที่อยู่บนแพถูกกัดเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งกําลังลอยอยู่ในน้ำ เลือดย้อมน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นสีแดงร่างอีกครั้ง หนึ่งหายไปที่ไหนไม่มีใครรู้

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ชายวัยกลางคนตายในทันที ซูม! ร่างยักษ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และกลืนครึ่งร่างที่เหลือลงไป

ไม่นาน น้ำในทะเลสาบกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง แต่ยังคงเหลือน้ำที่ถูกย้อมด้วยเลือดให้รู้ว่าเพิ่ง เกิดเรื่องสยดสยองขึ้น

ซูม! ฝูงปลาปรากฏออกมาอีกครั้ง พวกมันแหวกว่ายไปทางน้ำเลือด ท่าทางของพวกมันดูตื่น เต้นกันมาก

ที่ริมฝั่ง เมี่ยวซีเหอยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆโดยไม่เอ่ยอะไรแม้แต่ค่าเดียว

แพไม้ไผ่ถูกทําลายลงไป และคนก็ตายไป

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็หมุนตัวเดินกลับไป

“เรียบร้อย” เมียวชิงเฟิงพูด

หลังจากยืดเส้นยืดสายสักพัก เขาก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไป

หลายคนค่อยๆทยอยตามกลับไป

หุบเขายังคงเป็นเช่นเดิม

ในตอนเช้า พระอาทิตย์แหวกผ่านความมืดและส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า

ในเขตเหอ ที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ กั่วเจิ้งเหอที่เพิ่งมาถึงที่ทํางาน กําลังจับจ้องซองเอกสารบนโต๊ะของเขา

“อีกแล้ว?”

เขามองไปรอบๆและตรวจดูว่าหน้าต่างปิดอยู่ สิ่งของรอบตัวยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างปกติดี

เขาเดินไปที่โต๊ะและมองดูซองเอกสาร เขาใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนจะหยิบถุงมือออกมาจาก ลิ้นชัก เขาสวมถุงมือและหยิบซองเอกสารที่ค่อนข้างบางขึ้นมา ด้านในมีกระดาษแข็งๆใส่อยู่ หลายใบ

เมื่อเขาเปิดออก เขาก็พบกับรูปภาพ

ภาพหนึ่งเป็นรูปคนยืนถือไฟฉายอยู่ที่ริมทะเลสาบ

เดี๋ยวนะ!

ที่มุมหนึ่งของภาพมีสีแดงวงหนึ่งอยู่

มันเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนแพไม้ไผ่

รูปต่อไปคล้ายกับรูปก่อนหน้า

นี่มันอะไร?

เมื่อเขาเห็นรูปถัดไป ถั่วเจิ้งเหอก็ตะลึง

มีเงาสีดําอยู่ภายในทะเลสาบ มันดูใหญ่มาก

ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่กล้องที่ใช้ถ่ายมีคุณภาพสูง ทุกภาพจึงเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือปลา เมื่อเทียบกับแพไม้ไผ่แล้ว เขากะด้วยสายตาคร่าวๆว่า ปลาตัวนี้น่าจะมีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตรได้

เขาดรูปอื่นต่อและได้เห็นภาพเลือดสาด สัตว์ร้ายโผล่ขึ้นจากผืนน้ำมันอ้าปากกว้างและกลืนแพไม่ไผ่ไปพร้อมกับร่างครึ่งหนึ่งของคนที่นอนอยู่บนนั้นหยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

กั่วเจิ้งเหอดูแต่ละรูปอยู่หลายครั้ง ที่นี่คือที่ไหน?

ที่แรกที่เขานึกถึงก็คือหุบเขาพันโอสถ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินเสวี่ยซินหยวนพูดเอาไว้ว่าที่นั่นมีทะเลสาบอยู่ด้วย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก

เช้านี้มีการประชุมที่ต้องเข้าร่วม หลังจากประชุมเสร็จ เขาก็ไปพบกับเสวี่ยซินหยวนและเอาภาพให้เขาดู

เสวี่ยซินหยวนดูภาพเหล่านั้นเมื่อเขาเห็นปลาตัวใหญ่ยักษ์ เขาก็มีท่าทางตกตะลึง

“หุบเขาพันโอสถ!นี่คือหุบเขาพันโอสถ!”เสวี่ยซินหยวนพูด

“ลุงเสวี่ยแน่ใจนะครับ?”

“ผมแน่ใจ ผมเคยไปที่นั่นมาก่อน ทะเลสาบแห่งนี้ผมจดจําได้แม่น ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ในทะเลสาบ!”เขาประหลาดใจมาก

“คุณชายได้รูปพวกนี้มาได้ยังไงครับ?”

“ผมไม่รู้” กั่วเจิ้งเหอพูด “ตอนที่ผมมาถึงห้องทํางานในตอนเช้า มันก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของผมแล้วไม่มีร่องรอยอะไรอยู่เลยภายในห้องก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ”

เขารังเกียจการเข้าหาอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ การที่คนคนหนึ่งสามารถเข้าออกห้องทํางานของเขาโดยไร้ร่องรอยได้มันหมายความว่ายังไง?ตึกทํางานของเขาสมควรจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในเขตแต่หากมีคนสามารถเข้าออกได้โดยไร้ร่องรอยก็แสดงว่าอีกฝ่ายสามารถเข้าหาเขาในตอนที่นอนหลับอยู่ได้เช่นกันใช่หรือไม่?คนคนนั้นอาจแอบมาที่เตียงนอน ของเขาและมองดูเขาที่กําลังหลับอยู่ในเวลานั้นหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของเขา เขาก็คงไม่สามารถทําอะไรได้เลย

เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ กั่วเจิ้งเหอก็หวาดกลัวขึ้นมา

ในเขตเหอสามารถมีคนเก่งอยู่ได้แต่นั่นก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในการควบคุมของเขาอย่างเช่น เสวี่ยซินหยวนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาคนนี้ส่วนคนอื่นเขาไม่สามารถปล่อยไว้ได้

“ใครเป็นคนทํา แล้วพวกเขาทําไปเพื่ออะไร?” “จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนพวกเขามีเป้าหมายอยู่ที่หุบเขาพันโอสถ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“แล้วทําไมต้องเอารูปมาให้คุณชาย หรือพวกเขาคิดว่า คุณชายมีความแค้นกับหุบเขาพันโอสถ?”

กั่วเจิ้งเหอไม่พูดอะไร เขาหยิบรูปขึ้นมาและมองดูมันอีกครั้ง “ลุงคิดว่าผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตหรือว่าตายแล้ว?”

“เอ่อ ถ้าดูจากในรูปคงบอกไม่ได้”เสวี่ยซินหยวนพูด“คนในรูปอยู่ไกลเกินไปแต่ถ้าให้ผมเดาเป็นไปได้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”

“ทะเลสาบมีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”

“มันมีชื่อว่า ทะเลสาบฝังเทพเจ้า”“ฝั่งเทพเจ้า?เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ”กั่วเจิ้งเหอพูด

“นี่มันเหมือนกับการทําพิธีอะไรบางอย่าง”เสวี่ยซินหยวนมองดูรูปอีกครั้ง “เดี๋ยวนะ!”

ดูเหมือนว่าเขาจะพบอะไรบางอย่าง เขาหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าและส่องดูรูปภาพอย่างละเอียด
“ลุงเจออะไรเหรอครับ?”

“ผมมั่นใจว่า ผู้ชายที่อยู่บนแพมีชีวิตอยู่ครับ”

“โอ?”

“ถ้ามองดูรูปนี้ใกล้ๆ จะเห็นว่าแขนของเขาขยับอยู่ เขาอาจจะถูกยาสลบและอยู่ในสภาพอ่อนแรงในตอนที่เขานอนอยู่บนแพไม้ไผ่ก็ได้ครับ”

“เมื่อกี้นี้ลุงพูดว่าทําพิธี พิธีอะไรเหรอครับ?”

“ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าฝั่งเทพเจ้าผมไม่คิดว่ามันเป็นแค่ชื่อเรียกทั่วไปสัตว์ประหลาดแบบนั้นไม่มีทางโตขนาดนั้นได้ในหนึ่งวันผมคิดว่าคนในหุบเขาน่าจะมีการสังเวยแบบนี้เป็นประจําและสิ่งที่พวกเขานําไปสังเวยให้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็อาจจะมีมนุษย์รวมอยู่ด้วย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+