Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 889 มีของแบบนั้นอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

“เขากินยาอะไรเข้าไปครับ แล้วได้รับการรักษาอะไรไปบ้าง?” หวังเย้าถามรายละเอียด

ผู้เป็นแม่จดจํายาทุกตัวที่ลูกชายของเธอกินเข้าไป เธอถึงขนาดบอกชื่อ, ปริมาณ,และเวลาที่ กินด้วย

“ไม่แปลกใจเลย!”หวังเฝ้ามองดูรายชื่อตัวยาที่มีมากกว่า 15 ชนิด

แบบนี้ก็อธิบายได้แล้วหวังเฝ้าคิดตับของเด็กคนนี้เกิดความเสียหายและค่อนข้างหนักมากยาทุกตัวล้วนมีความเป็นพิษอยู่เล็กน้อย หลังจากกินยาเข้าไปหลายตัวจึงทําให้เด็ก 2 ขวบคนนี้ที่อวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์เต็มที่การสะสมของตัวยามากเกินไปจึงทําให้ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา

“หมอหวัง อาการป่วยของลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถาม

“สาเหตุที่เขาหมดสติไปเกิดจากอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายในระดับหนึ่งโดยเฉพาะที่ตับของเขา”หวังเย้าพูด“ในช่วงหนึ่งปีมานี้คุณได้ให้เขากินยาไปหลายตัวมากพวกมันจึงส่งผลต่อตับโดยตรงนั่นคือสาเหตุที่ทําไมร่างกายของเขาถึงได้อ่อนแอลงเรื่อยๆและสุขภาพของเขาแย่ลงในท้ายที่สุดมันจึงนําไปสู่อาการหมดสติที่บ่อยครั้งขึ้น”

เมื่อได้ยินค่าอธิบายจากหมอสีหน้าของสองสามีภรรยาก็แย่ลง

“หมอหวัง ช่วยหาทางรักษาลูกของเราที่เถอะค่ะ”เธอพูด“ขอแค่รักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้เรายินดีจ่ายเงินเก็บทั้งหมดของเรา” ในฐานะของคนเป็นแม่เธอยินดีสูญเสียชิ้นเนื้อของตัวเอง มากกว่าผิวหนังเพียงเล็กน้อยของลูกนี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่

“ใช่ครับ ใช่” ฝ่ายชายพูด

“พวกคณไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

หลังจากได้ยินสําเนียงของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็บอกได้ว่าพวกเขามาจากเมืองอื่น

“พวกเรามาจากเมืองเต๋ค่ะ” เธอพูด

“เมืองเต่ํา?”

“ถูกแล้ว”

ทั้งสองบังเอิญได้ยินคนอื่นกําลังพูดถึงเรื่องหมออายุยังน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ และได้รู้ว่าเขามีฝีมือในการรักษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถรักษาโรคที่รักษาได้ยากหลายโรคพวกเขาจึงตัดสินใจขับรถมาที่นี่ด้วยหวังว่ามันจะเป็นความจริง

“ผมรักษาโรคนี้ได้”หวังเย้าพูด“พวกคุณคงต้องหาที่พักเพราะการรักษาอาจใช้เวลาประมาณ10 วันนะครับ”

“โอ้ ดีค่ะ” เธอพูด

“ช่วยวางลูกของคุณลง แล้วถอดเสื้อผ้าของเขาออกด้วยครับ” หวังเย้าพูด

ในช่วงเวลานี้ อากาศด้านนอกมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณสิบองศา แต่ภายในคลินิกค่อนข้างอบอุ่น

สองสามีภรรยาช่วยกันถอดเสื้อผ้าลูกของพวกเขา

หวังเย้าหยิบเข็มขึ้นมาและเริ่มต้นการฝังเข็ม เขาทําอย่างช้าๆและมั่นคงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝูงเข็มลงไปในร่างของเด็กเล็กแบบนี้

เมื่อมองดูเข็มทิ่มแทงลงไปบนร่างลูกของพวกเขาเล่มแล้วเล่มเล่า เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่จะรู้สึกกังวลโดยเฉพาะคนเป็นแม่ ธอจับมือสามีเอาไว้แน่นข้อนิ้วของเธอซีดขาวจากการบีบ มือสามีแน่นเกินไป

“ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ตึงเครียดจากสองสามีภรรยาหวังเย้าก็หันหน้าไปพูดเพื่อช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงก่อนจะกลับไปฝังเข็มต่อ

เข็มเงินแทงลงไปบนจุดฝังเข็ม พร้อมกับพลังที่ส่งเข้าสู่ร่างของเด็กน้อย

เข็มเงินที่ถูกฝังลงไปเพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็มพลังฉีบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กจุดฝังเข็มแต่ละจุดในร่างกายล้วนเชื่อมต่อกันวิธีการที่ใช้เป็นการกระตุ้นและซ่อมแซมร่างกายทําให้สามารถรักษาเด็กได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทําได้

เมื่อหมดเวลา หวังเย้าก็เริ่มถอนเข็มทั้งหมดออก

หลังจากถอนเข็มออกจนหมดแล้ว เด็กก็ค่อยๆมีสติกลับมา ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีสัน“แม่พ่อ”น้ำเสียงของเด็กยังคงเบาจากอาการอ่อนแรง “โอ้เสี่ยวหลาน”

“เรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าให้เขาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด “เราจะปล่อยให้เขาเป็นหวัดไม่ได้”

ผู้เป็นแม่รีบแต่งตัวให้ลูกชายและโอบกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูดกับสองสามีภรรยา

เขาเดินออกไปและไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดขนาดเล็กใบหนึ่ง เขาเทยาร้อนๆจากขวดลงไปในถ้วย

“มาครับ เอายาถ้วยนี้ให้เด็กดื่ม” หวังเย้าพูด

มันคือซุปเปยหยวนที่เขาทําเอาไว้ เขาได้เก็บรักษาเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบโดยไร้ความเสียหายไม่ว่ามันจะร้อนแค่ไหนในตอนที่เก็บเข้าไปเมื่อนําออกมามันก็ยังคงร้อนเหมือนเดิมนี่คือความมหัศจรรย์ของระบบ

“อ่อ ได้ค่ะ”

เด็กคนนี้ยังเด็กมากแต่กลับรู้ความเขาไม่ร้องไห้หรืองอแงเขาทําเพียงจ้องมองหวังเย้าด้วยดวงตากลมโต

ยาตัวนี้ขมเล็กน้อยเด็กคนอื่นคงร้องไห้อย่างหนักและปฏิเสธที่จะกินยาแต่เด็กคนนี้กลับให้ความร่วมมือในการกินยาเป็นอย่างดีเขาต้องเคยกินยาที่ขมแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

“นั่งรอก่อนนะครับ”หวังเย้าพูด

ภรรยาโอบกอดลูกชายเอาไว้แล้วนั่งลงบนตักของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้

“เสี่ยวหลาน ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมจ๊ะ?”ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอด“ผมไม่เป็นไรครับแม่”เด็กชายตอบเสียงเบา

หลังจากรออยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงหวังเย้าก็ยื่นมือออกไปจับดูชีพจรของเด็ก

“อืม ไม่เลว อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

“อ้อ ขอบคุณค่ะ

สองสามีภรรยาออกจากคลินิกไปพร้อมกับลูกของพวกเขา

หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว เธอก็ถามลูกชายอีกครั้งว่า “เสี่ยวหลาน บอกความจริงกับแม่มาว่าลูกรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนบ้างไหม?” เธอกังวลว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปและพบคนแปลกหน้าจะทําให้เขาหวาดกลัวและไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ

“ผมไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลยครับแม่”เด็กชายพูดเสียงเบา“อ้อถ้าอย่างนั้นก็ดีๆ!”เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เราไปหาที่พักกันเลยไหม?” สามีของเธอถาม

“อืมในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วเราก็ต้องลองดูเผื่อว่าเขาจะรักษาเสี่ยวหลานได้จริงๆ”เธอพูด

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

ภายในคลินิก หวังเข้าจดบันทึกอาการของเด็กเอาไว้ อาการป่วยของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาที่มีปัญหาอย่างชัดเจนการเสียสมดุลในร่างกายของเขาทําให้มีอาการหมดสติสภาพร่างกายของเขาย่าแย่ลงจํานวนครั้งที่หมดสติเพิ่มมากขึ้น

โรคชนิดนี้ค่อนข้างแปลกและมันเป็นหนึ่งในโรคที่รักษาได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับหวังเย้าภายในระยะเวลา 10 วันเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ให้หายจากโรคได้

สองสามีภรรยาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในลูกของพวกเขาได้

“นานเท่าไหร่แล้ว?” เขาถาม

“เอ่อ ตั้งแต่ที่เราออกจากคลินิกจนมาถึงในตัวเมือง เขาอยู่ที่โรงแรมและกินของกิน”เธอพูด“อย่างน้อยก็สองชั่วโมงครึ่งได้แล้ว”

“ดูสิ เสี่ยวหลานไม่หมดสติเลยสักครั้ง” เขาพูด “ใช่ ฉันเห็นแล้ว” เธอพูด “เขายังกินได้เยอะกว่าปกติด้วย”

พวกเขาพบว่าลูกชายมีอาการดีขึ้น ทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ใส่ใจมากขึ้นด้วยกลัวว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นคืนนั้นลูกชายของพวกเขาไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยพวกเขาต่างก็ต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของเขา
“หรือมันจะเป็นเพราะการรักษาของหมอ?”

ตอนนี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าการรักษาของหวังเย้านั้นได้ผล และมันยังแสดงผลให้เห็นในทันทีด้วย

อาการของเด็กนั้นคงที่ เขามีสุขภาพดีและมีสติตลอดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนก่อนหน้านี้เด็กชายมักจะหมดสติสองครั้งหรือมากกว่านั้นในหนึ่งวัน
“มันได้ผลเยี่ยมไปเลย!”

สองสามีภรรยาต่างยินดีและตื่นเต้น“พวกเราคิดถูกแล้ว”

พวกเขาต่างเฝ้ารอการรักษาครั้งต่อไป

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้นเมื่อยามเช้ามาเยือนท้องฟ้าก็อึมครึม

สายฝนโปรยลงมาในหมู่บ้านยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ มันเป็นวันที่พระอาทิตย์เจิดจ้าและสายลมอุ่นพัดโชยมา

“ลุงเสวี่ย ทําไมถึงได้รีบมาพบผมขนาดนี้ล่ะครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“คุณชาย ขอบคุณที่เตือนผมครั้งก่อนผมหาศัตรูของหุบเขาพันโอสถเจอแล้วครับ”เสียวซินหยวนพูดอย่างยินดี

“มีศัตรูอยู่จริงๆเหรอครับ? แล้วลุงไปเจอพวกเขาได้ยังไง?”กั่วเจิ้งเหอถามตอนที่พวกเขาคุยกันครั้งก่อนเขาแค่เสนอออกไปเท่านั้นว่าให้เขาลองค้นหาศัตรูของอีกฝ่ายดูในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการชี้นําให้อีกฝ่ายออกห่างจากหุบเขาพันโอสถให้ได้มากที่สุดเขาไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในปัญหาของคนที่มาจากหุบเขาพันโอสถซึ่งมันอาจส่งผลต่อชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคตของเขาได้ เขาจึงไม่คิดว่าเสวี่ยซินหยวนจะทําอย่างที่เขาบอกและหาคนเจอได้ในเวลาไม่นาน

“บังเอิญจริงๆ!” “ใช่ครับ มันบังเอิญมาก” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ในหมู่บ้านของพวกเขามีปัญหาขัดแย้งกันภายในอยู่”

“ความขัดแย้งภายใน?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ใช่ครับเดี๋ยวเหอที่เป็นผู้นําคนปัจจุบัน”เสวี่ยซินหยวนพูด“เขาได้ขึ้นเป็นผู้นําเมื่อ 20 ปีก่อนแต่วิธีการที่ทําให้ได้ตําแหน่งมาดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่มีบางอย่างที่ไม่แน่ชัดและไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในตอนนั้นเขาไม่สามารถดึงคนทั้งหมดให้ติดตามเขาได้บางคนที่ต่อต้านเขาแต่ก็ถูกเขากดเอาไว้ได้บางคนถึงขั้นถูกฆ่าไปก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยจึงเริ่มต่อสู้กับเขาแต่ก็สู้ไม่ได้เลยต้องหนีออกมา”

“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“พวกส่วนใหญ่อยู่ในยูนนานใต้ครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด“ผมได้ติดต่อหนึ่งในพวกเขา เขารู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถ”

“ลุงติดต่อหนึ่งในพวกเขาได้”

“ถูกแล้วครับ!”

“พูดต่อสิครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด ตั้งแต่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับคดีความในพื้นที่ที่เขาดูแลเขาก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องของหุบเขาพันโอสถอย่างมากมันคงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่มีความสนใจในสถานที่แห่งนั้นเลย

“หุบเขาพันโอสถมีอยู่มานานมากแล้ว ว่ากันว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงซึ่งมันนานกว่า 400 ปี พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้พิษและแมลงพิษความสามารถนี้ถูกส่ง ต่อจากรุ่นสู่รุ่นพวกเขาศึกษาเรื่องพิษก็จริงแต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ดีกว่าก็คือการรักษาและช่วยผู้คน”

“พวกเขารักษาได้ด้วยเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ได้ครับ คุณชาย ความจริงพวกเขาถือเป็นสาขาหนึ่งของหมอเยี่ยว และอาจจะเป็นสาขาที่เก่าแก่ที่สุดด้วย”เสวี่ยซินหยวนพูด“พิษกับแมลงพิษสามารถสังหารผู้คนได้แต่มันก็สามารถรักษาโรคและช่วยผู้คนได้ด้วยเช่นกัน”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ผมได้ฟังเรื่องแบบนี้” กั่วเจิ้งเหอพูด

“เริ่มแรกหมู่บ้านของพวกเขายังมีการติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงค่อยๆเริ่มปิดกั้นการติดต่อกับโลกภายนอกในทุกทางผมเคยได้ยินมาว่าผู้นําที่ชื่อว่า เมี่ยวซีเหอเคยสังหารคนในหมู่บ้านไปหลายคนเลยล่ะครับ”

“หรือคนพวกนั้นจะฆ่าคนของเขาก่อน?”

“ไม่ใช่ครับ พวกเขาเป็นคนจากข้างนอก”

“แล้วมีหลักฐานอะไรไหมครับ?”

“เอ่อ ไม่มีครับ คนที่ตายล้วนถูกโยนลงไปในทะเลสาบกลางหมู่บ้านเป็นอาหารปลาจนหมดแล้ว”

“ในเมื่อไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องนี้แล้วลุงมั่นใจได้ยังไงครับว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงและเขาไม่ได้กาลังใส่ร้ายเมี่ยวซีเหออยู่?” กั่วเจิ้งเหอถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็จริงครับ ผมเลยยังไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 889 มีของแบบนั้นอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

“เขากินยาอะไรเข้าไปครับ แล้วได้รับการรักษาอะไรไปบ้าง?” หวังเย้าถามรายละเอียด

ผู้เป็นแม่จดจํายาทุกตัวที่ลูกชายของเธอกินเข้าไป เธอถึงขนาดบอกชื่อ, ปริมาณ,และเวลาที่ กินด้วย

“ไม่แปลกใจเลย!”หวังเฝ้ามองดูรายชื่อตัวยาที่มีมากกว่า 15 ชนิด

แบบนี้ก็อธิบายได้แล้วหวังเฝ้าคิดตับของเด็กคนนี้เกิดความเสียหายและค่อนข้างหนักมากยาทุกตัวล้วนมีความเป็นพิษอยู่เล็กน้อย หลังจากกินยาเข้าไปหลายตัวจึงทําให้เด็ก 2 ขวบคนนี้ที่อวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์เต็มที่การสะสมของตัวยามากเกินไปจึงทําให้ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา

“หมอหวัง อาการป่วยของลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถาม

“สาเหตุที่เขาหมดสติไปเกิดจากอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายในระดับหนึ่งโดยเฉพาะที่ตับของเขา”หวังเย้าพูด“ในช่วงหนึ่งปีมานี้คุณได้ให้เขากินยาไปหลายตัวมากพวกมันจึงส่งผลต่อตับโดยตรงนั่นคือสาเหตุที่ทําไมร่างกายของเขาถึงได้อ่อนแอลงเรื่อยๆและสุขภาพของเขาแย่ลงในท้ายที่สุดมันจึงนําไปสู่อาการหมดสติที่บ่อยครั้งขึ้น”

เมื่อได้ยินค่าอธิบายจากหมอสีหน้าของสองสามีภรรยาก็แย่ลง

“หมอหวัง ช่วยหาทางรักษาลูกของเราที่เถอะค่ะ”เธอพูด“ขอแค่รักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้เรายินดีจ่ายเงินเก็บทั้งหมดของเรา” ในฐานะของคนเป็นแม่เธอยินดีสูญเสียชิ้นเนื้อของตัวเอง มากกว่าผิวหนังเพียงเล็กน้อยของลูกนี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่

“ใช่ครับ ใช่” ฝ่ายชายพูด

“พวกคณไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

หลังจากได้ยินสําเนียงของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็บอกได้ว่าพวกเขามาจากเมืองอื่น

“พวกเรามาจากเมืองเต๋ค่ะ” เธอพูด

“เมืองเต่ํา?”

“ถูกแล้ว”

ทั้งสองบังเอิญได้ยินคนอื่นกําลังพูดถึงเรื่องหมออายุยังน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ และได้รู้ว่าเขามีฝีมือในการรักษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถรักษาโรคที่รักษาได้ยากหลายโรคพวกเขาจึงตัดสินใจขับรถมาที่นี่ด้วยหวังว่ามันจะเป็นความจริง

“ผมรักษาโรคนี้ได้”หวังเย้าพูด“พวกคุณคงต้องหาที่พักเพราะการรักษาอาจใช้เวลาประมาณ10 วันนะครับ”

“โอ้ ดีค่ะ” เธอพูด

“ช่วยวางลูกของคุณลง แล้วถอดเสื้อผ้าของเขาออกด้วยครับ” หวังเย้าพูด

ในช่วงเวลานี้ อากาศด้านนอกมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณสิบองศา แต่ภายในคลินิกค่อนข้างอบอุ่น

สองสามีภรรยาช่วยกันถอดเสื้อผ้าลูกของพวกเขา

หวังเย้าหยิบเข็มขึ้นมาและเริ่มต้นการฝังเข็ม เขาทําอย่างช้าๆและมั่นคงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝูงเข็มลงไปในร่างของเด็กเล็กแบบนี้

เมื่อมองดูเข็มทิ่มแทงลงไปบนร่างลูกของพวกเขาเล่มแล้วเล่มเล่า เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่จะรู้สึกกังวลโดยเฉพาะคนเป็นแม่ ธอจับมือสามีเอาไว้แน่นข้อนิ้วของเธอซีดขาวจากการบีบ มือสามีแน่นเกินไป

“ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ตึงเครียดจากสองสามีภรรยาหวังเย้าก็หันหน้าไปพูดเพื่อช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงก่อนจะกลับไปฝังเข็มต่อ

เข็มเงินแทงลงไปบนจุดฝังเข็ม พร้อมกับพลังที่ส่งเข้าสู่ร่างของเด็กน้อย

เข็มเงินที่ถูกฝังลงไปเพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็มพลังฉีบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กจุดฝังเข็มแต่ละจุดในร่างกายล้วนเชื่อมต่อกันวิธีการที่ใช้เป็นการกระตุ้นและซ่อมแซมร่างกายทําให้สามารถรักษาเด็กได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทําได้

เมื่อหมดเวลา หวังเย้าก็เริ่มถอนเข็มทั้งหมดออก

หลังจากถอนเข็มออกจนหมดแล้ว เด็กก็ค่อยๆมีสติกลับมา ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีสัน“แม่พ่อ”น้ำเสียงของเด็กยังคงเบาจากอาการอ่อนแรง “โอ้เสี่ยวหลาน”

“เรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าให้เขาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด “เราจะปล่อยให้เขาเป็นหวัดไม่ได้”

ผู้เป็นแม่รีบแต่งตัวให้ลูกชายและโอบกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูดกับสองสามีภรรยา

เขาเดินออกไปและไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดขนาดเล็กใบหนึ่ง เขาเทยาร้อนๆจากขวดลงไปในถ้วย

“มาครับ เอายาถ้วยนี้ให้เด็กดื่ม” หวังเย้าพูด

มันคือซุปเปยหยวนที่เขาทําเอาไว้ เขาได้เก็บรักษาเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบโดยไร้ความเสียหายไม่ว่ามันจะร้อนแค่ไหนในตอนที่เก็บเข้าไปเมื่อนําออกมามันก็ยังคงร้อนเหมือนเดิมนี่คือความมหัศจรรย์ของระบบ

“อ่อ ได้ค่ะ”

เด็กคนนี้ยังเด็กมากแต่กลับรู้ความเขาไม่ร้องไห้หรืองอแงเขาทําเพียงจ้องมองหวังเย้าด้วยดวงตากลมโต

ยาตัวนี้ขมเล็กน้อยเด็กคนอื่นคงร้องไห้อย่างหนักและปฏิเสธที่จะกินยาแต่เด็กคนนี้กลับให้ความร่วมมือในการกินยาเป็นอย่างดีเขาต้องเคยกินยาที่ขมแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

“นั่งรอก่อนนะครับ”หวังเย้าพูด

ภรรยาโอบกอดลูกชายเอาไว้แล้วนั่งลงบนตักของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้

“เสี่ยวหลาน ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมจ๊ะ?”ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอด“ผมไม่เป็นไรครับแม่”เด็กชายตอบเสียงเบา

หลังจากรออยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงหวังเย้าก็ยื่นมือออกไปจับดูชีพจรของเด็ก

“อืม ไม่เลว อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

“อ้อ ขอบคุณค่ะ

สองสามีภรรยาออกจากคลินิกไปพร้อมกับลูกของพวกเขา

หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว เธอก็ถามลูกชายอีกครั้งว่า “เสี่ยวหลาน บอกความจริงกับแม่มาว่าลูกรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนบ้างไหม?” เธอกังวลว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปและพบคนแปลกหน้าจะทําให้เขาหวาดกลัวและไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ

“ผมไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลยครับแม่”เด็กชายพูดเสียงเบา“อ้อถ้าอย่างนั้นก็ดีๆ!”เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เราไปหาที่พักกันเลยไหม?” สามีของเธอถาม

“อืมในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วเราก็ต้องลองดูเผื่อว่าเขาจะรักษาเสี่ยวหลานได้จริงๆ”เธอพูด

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

ภายในคลินิก หวังเข้าจดบันทึกอาการของเด็กเอาไว้ อาการป่วยของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาที่มีปัญหาอย่างชัดเจนการเสียสมดุลในร่างกายของเขาทําให้มีอาการหมดสติสภาพร่างกายของเขาย่าแย่ลงจํานวนครั้งที่หมดสติเพิ่มมากขึ้น

โรคชนิดนี้ค่อนข้างแปลกและมันเป็นหนึ่งในโรคที่รักษาได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับหวังเย้าภายในระยะเวลา 10 วันเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ให้หายจากโรคได้

สองสามีภรรยาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในลูกของพวกเขาได้

“นานเท่าไหร่แล้ว?” เขาถาม

“เอ่อ ตั้งแต่ที่เราออกจากคลินิกจนมาถึงในตัวเมือง เขาอยู่ที่โรงแรมและกินของกิน”เธอพูด“อย่างน้อยก็สองชั่วโมงครึ่งได้แล้ว”

“ดูสิ เสี่ยวหลานไม่หมดสติเลยสักครั้ง” เขาพูด “ใช่ ฉันเห็นแล้ว” เธอพูด “เขายังกินได้เยอะกว่าปกติด้วย”

พวกเขาพบว่าลูกชายมีอาการดีขึ้น ทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ใส่ใจมากขึ้นด้วยกลัวว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นคืนนั้นลูกชายของพวกเขาไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยพวกเขาต่างก็ต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของเขา
“หรือมันจะเป็นเพราะการรักษาของหมอ?”

ตอนนี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าการรักษาของหวังเย้านั้นได้ผล และมันยังแสดงผลให้เห็นในทันทีด้วย

อาการของเด็กนั้นคงที่ เขามีสุขภาพดีและมีสติตลอดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนก่อนหน้านี้เด็กชายมักจะหมดสติสองครั้งหรือมากกว่านั้นในหนึ่งวัน
“มันได้ผลเยี่ยมไปเลย!”

สองสามีภรรยาต่างยินดีและตื่นเต้น“พวกเราคิดถูกแล้ว”

พวกเขาต่างเฝ้ารอการรักษาครั้งต่อไป

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้นเมื่อยามเช้ามาเยือนท้องฟ้าก็อึมครึม

สายฝนโปรยลงมาในหมู่บ้านยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ มันเป็นวันที่พระอาทิตย์เจิดจ้าและสายลมอุ่นพัดโชยมา

“ลุงเสวี่ย ทําไมถึงได้รีบมาพบผมขนาดนี้ล่ะครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“คุณชาย ขอบคุณที่เตือนผมครั้งก่อนผมหาศัตรูของหุบเขาพันโอสถเจอแล้วครับ”เสียวซินหยวนพูดอย่างยินดี

“มีศัตรูอยู่จริงๆเหรอครับ? แล้วลุงไปเจอพวกเขาได้ยังไง?”กั่วเจิ้งเหอถามตอนที่พวกเขาคุยกันครั้งก่อนเขาแค่เสนอออกไปเท่านั้นว่าให้เขาลองค้นหาศัตรูของอีกฝ่ายดูในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการชี้นําให้อีกฝ่ายออกห่างจากหุบเขาพันโอสถให้ได้มากที่สุดเขาไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในปัญหาของคนที่มาจากหุบเขาพันโอสถซึ่งมันอาจส่งผลต่อชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคตของเขาได้ เขาจึงไม่คิดว่าเสวี่ยซินหยวนจะทําอย่างที่เขาบอกและหาคนเจอได้ในเวลาไม่นาน

“บังเอิญจริงๆ!” “ใช่ครับ มันบังเอิญมาก” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ในหมู่บ้านของพวกเขามีปัญหาขัดแย้งกันภายในอยู่”

“ความขัดแย้งภายใน?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ใช่ครับเดี๋ยวเหอที่เป็นผู้นําคนปัจจุบัน”เสวี่ยซินหยวนพูด“เขาได้ขึ้นเป็นผู้นําเมื่อ 20 ปีก่อนแต่วิธีการที่ทําให้ได้ตําแหน่งมาดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่มีบางอย่างที่ไม่แน่ชัดและไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในตอนนั้นเขาไม่สามารถดึงคนทั้งหมดให้ติดตามเขาได้บางคนที่ต่อต้านเขาแต่ก็ถูกเขากดเอาไว้ได้บางคนถึงขั้นถูกฆ่าไปก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยจึงเริ่มต่อสู้กับเขาแต่ก็สู้ไม่ได้เลยต้องหนีออกมา”

“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“พวกส่วนใหญ่อยู่ในยูนนานใต้ครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด“ผมได้ติดต่อหนึ่งในพวกเขา เขารู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถ”

“ลุงติดต่อหนึ่งในพวกเขาได้”

“ถูกแล้วครับ!”

“พูดต่อสิครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด ตั้งแต่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับคดีความในพื้นที่ที่เขาดูแลเขาก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องของหุบเขาพันโอสถอย่างมากมันคงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่มีความสนใจในสถานที่แห่งนั้นเลย

“หุบเขาพันโอสถมีอยู่มานานมากแล้ว ว่ากันว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงซึ่งมันนานกว่า 400 ปี พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้พิษและแมลงพิษความสามารถนี้ถูกส่ง ต่อจากรุ่นสู่รุ่นพวกเขาศึกษาเรื่องพิษก็จริงแต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ดีกว่าก็คือการรักษาและช่วยผู้คน”

“พวกเขารักษาได้ด้วยเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ได้ครับ คุณชาย ความจริงพวกเขาถือเป็นสาขาหนึ่งของหมอเยี่ยว และอาจจะเป็นสาขาที่เก่าแก่ที่สุดด้วย”เสวี่ยซินหยวนพูด“พิษกับแมลงพิษสามารถสังหารผู้คนได้แต่มันก็สามารถรักษาโรคและช่วยผู้คนได้ด้วยเช่นกัน”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ผมได้ฟังเรื่องแบบนี้” กั่วเจิ้งเหอพูด

“เริ่มแรกหมู่บ้านของพวกเขายังมีการติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงค่อยๆเริ่มปิดกั้นการติดต่อกับโลกภายนอกในทุกทางผมเคยได้ยินมาว่าผู้นําที่ชื่อว่า เมี่ยวซีเหอเคยสังหารคนในหมู่บ้านไปหลายคนเลยล่ะครับ”

“หรือคนพวกนั้นจะฆ่าคนของเขาก่อน?”

“ไม่ใช่ครับ พวกเขาเป็นคนจากข้างนอก”

“แล้วมีหลักฐานอะไรไหมครับ?”

“เอ่อ ไม่มีครับ คนที่ตายล้วนถูกโยนลงไปในทะเลสาบกลางหมู่บ้านเป็นอาหารปลาจนหมดแล้ว”

“ในเมื่อไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องนี้แล้วลุงมั่นใจได้ยังไงครับว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงและเขาไม่ได้กาลังใส่ร้ายเมี่ยวซีเหออยู่?” กั่วเจิ้งเหอถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็จริงครับ ผมเลยยังไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 889 มีของแบบนั้นอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

“เขากินยาอะไรเข้าไปครับ แล้วได้รับการรักษาอะไรไปบ้าง?” หวังเย้าถามรายละเอียด

ผู้เป็นแม่จดจํายาทุกตัวที่ลูกชายของเธอกินเข้าไป เธอถึงขนาดบอกชื่อ, ปริมาณ,และเวลาที่ กินด้วย

“ไม่แปลกใจเลย!”หวังเฝ้ามองดูรายชื่อตัวยาที่มีมากกว่า 15 ชนิด

แบบนี้ก็อธิบายได้แล้วหวังเฝ้าคิดตับของเด็กคนนี้เกิดความเสียหายและค่อนข้างหนักมากยาทุกตัวล้วนมีความเป็นพิษอยู่เล็กน้อย หลังจากกินยาเข้าไปหลายตัวจึงทําให้เด็ก 2 ขวบคนนี้ที่อวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์เต็มที่การสะสมของตัวยามากเกินไปจึงทําให้ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา

“หมอหวัง อาการป่วยของลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถาม

“สาเหตุที่เขาหมดสติไปเกิดจากอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายในระดับหนึ่งโดยเฉพาะที่ตับของเขา”หวังเย้าพูด“ในช่วงหนึ่งปีมานี้คุณได้ให้เขากินยาไปหลายตัวมากพวกมันจึงส่งผลต่อตับโดยตรงนั่นคือสาเหตุที่ทําไมร่างกายของเขาถึงได้อ่อนแอลงเรื่อยๆและสุขภาพของเขาแย่ลงในท้ายที่สุดมันจึงนําไปสู่อาการหมดสติที่บ่อยครั้งขึ้น”

เมื่อได้ยินค่าอธิบายจากหมอสีหน้าของสองสามีภรรยาก็แย่ลง

“หมอหวัง ช่วยหาทางรักษาลูกของเราที่เถอะค่ะ”เธอพูด“ขอแค่รักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้เรายินดีจ่ายเงินเก็บทั้งหมดของเรา” ในฐานะของคนเป็นแม่เธอยินดีสูญเสียชิ้นเนื้อของตัวเอง มากกว่าผิวหนังเพียงเล็กน้อยของลูกนี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่

“ใช่ครับ ใช่” ฝ่ายชายพูด

“พวกคณไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

หลังจากได้ยินสําเนียงของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็บอกได้ว่าพวกเขามาจากเมืองอื่น

“พวกเรามาจากเมืองเต๋ค่ะ” เธอพูด

“เมืองเต่ํา?”

“ถูกแล้ว”

ทั้งสองบังเอิญได้ยินคนอื่นกําลังพูดถึงเรื่องหมออายุยังน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ และได้รู้ว่าเขามีฝีมือในการรักษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถรักษาโรคที่รักษาได้ยากหลายโรคพวกเขาจึงตัดสินใจขับรถมาที่นี่ด้วยหวังว่ามันจะเป็นความจริง

“ผมรักษาโรคนี้ได้”หวังเย้าพูด“พวกคุณคงต้องหาที่พักเพราะการรักษาอาจใช้เวลาประมาณ10 วันนะครับ”

“โอ้ ดีค่ะ” เธอพูด

“ช่วยวางลูกของคุณลง แล้วถอดเสื้อผ้าของเขาออกด้วยครับ” หวังเย้าพูด

ในช่วงเวลานี้ อากาศด้านนอกมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณสิบองศา แต่ภายในคลินิกค่อนข้างอบอุ่น

สองสามีภรรยาช่วยกันถอดเสื้อผ้าลูกของพวกเขา

หวังเย้าหยิบเข็มขึ้นมาและเริ่มต้นการฝังเข็ม เขาทําอย่างช้าๆและมั่นคงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝูงเข็มลงไปในร่างของเด็กเล็กแบบนี้

เมื่อมองดูเข็มทิ่มแทงลงไปบนร่างลูกของพวกเขาเล่มแล้วเล่มเล่า เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่จะรู้สึกกังวลโดยเฉพาะคนเป็นแม่ ธอจับมือสามีเอาไว้แน่นข้อนิ้วของเธอซีดขาวจากการบีบ มือสามีแน่นเกินไป

“ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ตึงเครียดจากสองสามีภรรยาหวังเย้าก็หันหน้าไปพูดเพื่อช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงก่อนจะกลับไปฝังเข็มต่อ

เข็มเงินแทงลงไปบนจุดฝังเข็ม พร้อมกับพลังที่ส่งเข้าสู่ร่างของเด็กน้อย

เข็มเงินที่ถูกฝังลงไปเพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็มพลังฉีบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กจุดฝังเข็มแต่ละจุดในร่างกายล้วนเชื่อมต่อกันวิธีการที่ใช้เป็นการกระตุ้นและซ่อมแซมร่างกายทําให้สามารถรักษาเด็กได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทําได้

เมื่อหมดเวลา หวังเย้าก็เริ่มถอนเข็มทั้งหมดออก

หลังจากถอนเข็มออกจนหมดแล้ว เด็กก็ค่อยๆมีสติกลับมา ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีสัน“แม่พ่อ”น้ำเสียงของเด็กยังคงเบาจากอาการอ่อนแรง “โอ้เสี่ยวหลาน”

“เรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าให้เขาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด “เราจะปล่อยให้เขาเป็นหวัดไม่ได้”

ผู้เป็นแม่รีบแต่งตัวให้ลูกชายและโอบกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูดกับสองสามีภรรยา

เขาเดินออกไปและไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดขนาดเล็กใบหนึ่ง เขาเทยาร้อนๆจากขวดลงไปในถ้วย

“มาครับ เอายาถ้วยนี้ให้เด็กดื่ม” หวังเย้าพูด

มันคือซุปเปยหยวนที่เขาทําเอาไว้ เขาได้เก็บรักษาเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบโดยไร้ความเสียหายไม่ว่ามันจะร้อนแค่ไหนในตอนที่เก็บเข้าไปเมื่อนําออกมามันก็ยังคงร้อนเหมือนเดิมนี่คือความมหัศจรรย์ของระบบ

“อ่อ ได้ค่ะ”

เด็กคนนี้ยังเด็กมากแต่กลับรู้ความเขาไม่ร้องไห้หรืองอแงเขาทําเพียงจ้องมองหวังเย้าด้วยดวงตากลมโต

ยาตัวนี้ขมเล็กน้อยเด็กคนอื่นคงร้องไห้อย่างหนักและปฏิเสธที่จะกินยาแต่เด็กคนนี้กลับให้ความร่วมมือในการกินยาเป็นอย่างดีเขาต้องเคยกินยาที่ขมแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

“นั่งรอก่อนนะครับ”หวังเย้าพูด

ภรรยาโอบกอดลูกชายเอาไว้แล้วนั่งลงบนตักของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้

“เสี่ยวหลาน ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมจ๊ะ?”ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอด“ผมไม่เป็นไรครับแม่”เด็กชายตอบเสียงเบา

หลังจากรออยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงหวังเย้าก็ยื่นมือออกไปจับดูชีพจรของเด็ก

“อืม ไม่เลว อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

“อ้อ ขอบคุณค่ะ

สองสามีภรรยาออกจากคลินิกไปพร้อมกับลูกของพวกเขา

หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว เธอก็ถามลูกชายอีกครั้งว่า “เสี่ยวหลาน บอกความจริงกับแม่มาว่าลูกรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนบ้างไหม?” เธอกังวลว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปและพบคนแปลกหน้าจะทําให้เขาหวาดกลัวและไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ

“ผมไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลยครับแม่”เด็กชายพูดเสียงเบา“อ้อถ้าอย่างนั้นก็ดีๆ!”เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เราไปหาที่พักกันเลยไหม?” สามีของเธอถาม

“อืมในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วเราก็ต้องลองดูเผื่อว่าเขาจะรักษาเสี่ยวหลานได้จริงๆ”เธอพูด

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

ภายในคลินิก หวังเข้าจดบันทึกอาการของเด็กเอาไว้ อาการป่วยของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาที่มีปัญหาอย่างชัดเจนการเสียสมดุลในร่างกายของเขาทําให้มีอาการหมดสติสภาพร่างกายของเขาย่าแย่ลงจํานวนครั้งที่หมดสติเพิ่มมากขึ้น

โรคชนิดนี้ค่อนข้างแปลกและมันเป็นหนึ่งในโรคที่รักษาได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับหวังเย้าภายในระยะเวลา 10 วันเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ให้หายจากโรคได้

สองสามีภรรยาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในลูกของพวกเขาได้

“นานเท่าไหร่แล้ว?” เขาถาม

“เอ่อ ตั้งแต่ที่เราออกจากคลินิกจนมาถึงในตัวเมือง เขาอยู่ที่โรงแรมและกินของกิน”เธอพูด“อย่างน้อยก็สองชั่วโมงครึ่งได้แล้ว”

“ดูสิ เสี่ยวหลานไม่หมดสติเลยสักครั้ง” เขาพูด “ใช่ ฉันเห็นแล้ว” เธอพูด “เขายังกินได้เยอะกว่าปกติด้วย”

พวกเขาพบว่าลูกชายมีอาการดีขึ้น ทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ใส่ใจมากขึ้นด้วยกลัวว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นคืนนั้นลูกชายของพวกเขาไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยพวกเขาต่างก็ต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของเขา
“หรือมันจะเป็นเพราะการรักษาของหมอ?”

ตอนนี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าการรักษาของหวังเย้านั้นได้ผล และมันยังแสดงผลให้เห็นในทันทีด้วย

อาการของเด็กนั้นคงที่ เขามีสุขภาพดีและมีสติตลอดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนก่อนหน้านี้เด็กชายมักจะหมดสติสองครั้งหรือมากกว่านั้นในหนึ่งวัน
“มันได้ผลเยี่ยมไปเลย!”

สองสามีภรรยาต่างยินดีและตื่นเต้น“พวกเราคิดถูกแล้ว”

พวกเขาต่างเฝ้ารอการรักษาครั้งต่อไป

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้นเมื่อยามเช้ามาเยือนท้องฟ้าก็อึมครึม

สายฝนโปรยลงมาในหมู่บ้านยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ มันเป็นวันที่พระอาทิตย์เจิดจ้าและสายลมอุ่นพัดโชยมา

“ลุงเสวี่ย ทําไมถึงได้รีบมาพบผมขนาดนี้ล่ะครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“คุณชาย ขอบคุณที่เตือนผมครั้งก่อนผมหาศัตรูของหุบเขาพันโอสถเจอแล้วครับ”เสียวซินหยวนพูดอย่างยินดี

“มีศัตรูอยู่จริงๆเหรอครับ? แล้วลุงไปเจอพวกเขาได้ยังไง?”กั่วเจิ้งเหอถามตอนที่พวกเขาคุยกันครั้งก่อนเขาแค่เสนอออกไปเท่านั้นว่าให้เขาลองค้นหาศัตรูของอีกฝ่ายดูในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการชี้นําให้อีกฝ่ายออกห่างจากหุบเขาพันโอสถให้ได้มากที่สุดเขาไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในปัญหาของคนที่มาจากหุบเขาพันโอสถซึ่งมันอาจส่งผลต่อชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคตของเขาได้ เขาจึงไม่คิดว่าเสวี่ยซินหยวนจะทําอย่างที่เขาบอกและหาคนเจอได้ในเวลาไม่นาน

“บังเอิญจริงๆ!” “ใช่ครับ มันบังเอิญมาก” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ในหมู่บ้านของพวกเขามีปัญหาขัดแย้งกันภายในอยู่”

“ความขัดแย้งภายใน?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ใช่ครับเดี๋ยวเหอที่เป็นผู้นําคนปัจจุบัน”เสวี่ยซินหยวนพูด“เขาได้ขึ้นเป็นผู้นําเมื่อ 20 ปีก่อนแต่วิธีการที่ทําให้ได้ตําแหน่งมาดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่มีบางอย่างที่ไม่แน่ชัดและไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในตอนนั้นเขาไม่สามารถดึงคนทั้งหมดให้ติดตามเขาได้บางคนที่ต่อต้านเขาแต่ก็ถูกเขากดเอาไว้ได้บางคนถึงขั้นถูกฆ่าไปก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยจึงเริ่มต่อสู้กับเขาแต่ก็สู้ไม่ได้เลยต้องหนีออกมา”

“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“พวกส่วนใหญ่อยู่ในยูนนานใต้ครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด“ผมได้ติดต่อหนึ่งในพวกเขา เขารู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถ”

“ลุงติดต่อหนึ่งในพวกเขาได้”

“ถูกแล้วครับ!”

“พูดต่อสิครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด ตั้งแต่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับคดีความในพื้นที่ที่เขาดูแลเขาก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องของหุบเขาพันโอสถอย่างมากมันคงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่มีความสนใจในสถานที่แห่งนั้นเลย

“หุบเขาพันโอสถมีอยู่มานานมากแล้ว ว่ากันว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงซึ่งมันนานกว่า 400 ปี พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้พิษและแมลงพิษความสามารถนี้ถูกส่ง ต่อจากรุ่นสู่รุ่นพวกเขาศึกษาเรื่องพิษก็จริงแต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ดีกว่าก็คือการรักษาและช่วยผู้คน”

“พวกเขารักษาได้ด้วยเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ได้ครับ คุณชาย ความจริงพวกเขาถือเป็นสาขาหนึ่งของหมอเยี่ยว และอาจจะเป็นสาขาที่เก่าแก่ที่สุดด้วย”เสวี่ยซินหยวนพูด“พิษกับแมลงพิษสามารถสังหารผู้คนได้แต่มันก็สามารถรักษาโรคและช่วยผู้คนได้ด้วยเช่นกัน”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ผมได้ฟังเรื่องแบบนี้” กั่วเจิ้งเหอพูด

“เริ่มแรกหมู่บ้านของพวกเขายังมีการติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงค่อยๆเริ่มปิดกั้นการติดต่อกับโลกภายนอกในทุกทางผมเคยได้ยินมาว่าผู้นําที่ชื่อว่า เมี่ยวซีเหอเคยสังหารคนในหมู่บ้านไปหลายคนเลยล่ะครับ”

“หรือคนพวกนั้นจะฆ่าคนของเขาก่อน?”

“ไม่ใช่ครับ พวกเขาเป็นคนจากข้างนอก”

“แล้วมีหลักฐานอะไรไหมครับ?”

“เอ่อ ไม่มีครับ คนที่ตายล้วนถูกโยนลงไปในทะเลสาบกลางหมู่บ้านเป็นอาหารปลาจนหมดแล้ว”

“ในเมื่อไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องนี้แล้วลุงมั่นใจได้ยังไงครับว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงและเขาไม่ได้กาลังใส่ร้ายเมี่ยวซีเหออยู่?” กั่วเจิ้งเหอถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็จริงครับ ผมเลยยังไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+