Elixir Supplier 918 พิษ

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 918 พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

918 พิษ

“ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ธนูนี่สามารถใช้ฆ่าคนได้ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มถามเดี่ยวชิงเฟิงอึ้งไป

“ธนูนี่เหรอครับ? ได้สิครับ”

“ฮาฮา ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะครับ” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มแล้วตบบ่าของเมี่ยวชิงเฟิงอีกฝ่ายทําเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นเขาไม่เก็บเอามาคิดมากอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางใช้ของ แบบนั้นในการฆ่าคนเพราะมันหยาบเกินไปแต่แน่นอนว่าเขาเก็บข้อมูลพวกนี้เอาไว้ในใจและไม่สามารถบอกพวกเขาได้

พวกเขาไล่ตามเหยื่อและเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ

“กลิ่นอะไรน่ะ?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็หยุดการไล่ตาม “กลิ่นเหรอ?”

หลู่ซิ่วเฟิงกับเมี่ยวชิงเฟิงหยุดเดินเพื่อดมกลิ่นตาม

มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย นี่มัน…มันคือกลิ่นศพ!

ทั้งสามค้นหาทิศทางจากกลิ่นที่ลอยมาในพงหญ้าใต้ต้นไม้ที่อยู่ลึกในป่าพวกเขาพบศพหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้นถึงศพจะเริ่มส่งกลิ่นแล้วพวกเขาก็ยังเห็นได้ว่ามีบาดแผลอยู่บนร่างสองจุดจุดหนึ่งอยู่ที่หน้าท้องและอีกจุดอยู่ที่บริเวณลําคอ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทั้งสามเดินเข้าไปใกล้

“เวลาการเสียชีวิตเป็นเมื่อเจ็ดวันก่อน”หลู่ซิ่วเฟิงพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบศพดูแล้ว“มีบาดแผลร้ายแรงที่บริเวณลําคอคอของเขาถูกเฉือนในครั้งเดียวด้วยความรวดเร็วและแม่นยํา“ใช่คนในหุบเขารึเปล่าครับ?”

เดี่ยวชิงเฟิงมองดูอย่างละเอียดและพูดว่า “ไม่ใช่ครับ”

“ถ้าผมจ๋าไม่ผิด แถวนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีกแล้วใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับมีแค่หุบเขาของเราที่เดียวเท่านั้น”

“ทีนี้ ก็แสดงว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นใกล้กับหุบเขาของพวกคุณอีกคดีหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“เรายินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนอย่างเต็มที่ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

อยู่ๆก็มีศพปรากฏขึ้นมาจนทําให้แผนการเดิมของพวกเขาต้องถูกยกเลิก รวมไปถึงแผนการของหลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงด้วย

“ต้องขอโทษด้วยนะครับเราคงต้องขอปรึกษากันสักครู่”

พวกเขาแยกไปปรึกษากันอีกด้านหนึ่งทั้งสองคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากกว่าร้ายในเมื่ออยู่ๆก็มีศพโผล่ออกมาแบบนี้พวกเขาก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นได้โดยเฉพาะ

การเข้าไปให้ถึงตําแหน่งที่ได้รับจากข้อความลับนั้น

“ค้นหาให้ทั่วก่อน เผื่อว่าอาจจะเจอเบาะแสอื่นอีก”หลู่ซิ่วเฟิงพูดกับเมี่ยวชิงเฟิง“เราจําเป็นต้องได้รับความร่วมมือของคุณด้วย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้เลย”“ได้เลยครับ”เดี่ยวชิงเฟิงตกลงโดยไม่ลังเลพวกเขาเริ่มต้นการค้นหาภายในป่าและไม่นานก็พบกริชที่มีเลือดแห้งกรังติดอยู่

หลู่ซิ่วเฟิงก้มลงมองกริชเล่มนั้น ก่อนที่เขาจะส่งเสียงบอกคนอื่นๆ “นี่คืออาวุธของฆาตกร!”

“หาต่อ”

พวกเขาค้นหาต่อไป

อยู่ๆเดี่ยวชิงเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “รอก่อนครับ”

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

เขามองป่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาและพูดว่า “พยายามอย่าไปทางนั้นดีกว่านะครับ”

“ทำไมเหรอครับ?”

“ทางนั้นมีสัตว์มีพิษอยู่น่ะสิครับ” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ “แล้วยังเป็นชนิดที่มีพิษร้ายด้วย”“แม้แต่คนในหุบเขาเองก็ยังแทบไม่เข้าไปทางนั้น เคยมีคนที่เผลอเดินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้รับบาดเจ็บหนักกลับมา”

“จริงเหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงมองหน้ากัน

จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา จุดที่พวกเขาทําการทดลองกันตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับป่าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแต่เมี่ยวชิงเฟิงกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ว่าเขาจะพูดความจริงที่ว่ามีสัตว์มีพิษร้ายอาศัยอยู่ หรือเขากลัวว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะเจออะไรเข้าก็เห็นได้ชัดว่าความเป็นไปได้ของอย่างหลังมีมากกว่า

“แม้แต่คุณก็เข้าไปไม่ได้เหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม

“ไม่ได้ครับ” เยี่ยวชิงเฟิงส่ายหน้า

“เอาแบบนี้เป็นไงครับ เราจะลองเข้าไปดูก่อน” หยางกวนเฟิงพูดขึ้นมาหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แล้วถ้าเราพบสิ่งผิดปกติเราจะรีบกลับออกมาทันที”

“มันอันตรายมากไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงสงสัย

“มันอันตรายมากครับ” เดี่ยวชิงเฟิงพูด

“เรากลับไปที่หุบเขากันก่อน แล้วผมจะรายงานให้ผู้นํารู้และให้เขาส่งคนจากหุบเขามากับพวกคุณด้วยพวกเขาสามารถเตรียมยาที่จ่าเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับสัตว์พิษพวกนั้นได้แบบนั้นจะปลอดภัยกว่านะครับ”

“เข้าไปดูข้างในกัน?” หยางกวนเฟิงเดินต่อ และตามไปด้วยหลู่ซิ่วเฟิง

“ผู้กองหยาง!”

แล้ว!”

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบกับเสื้อเปื้อนเลือด ที่เลือดบนนั้นแห้งไปนานแล้ว “เจอหลู่ซิ่วเฟิงนั่งยองเพื่อดูเสื้อตัวนั้น เขาใช้มือในการวัดขนาดของเสื้อ

“มันไม่ใช่เสื้อของผู้ตายที่เราเจอเมื่อกี้ ขนาดของรูปร่างต่างกัน คนคนนี้เตี้ยกว่าและผอมกว่าอีกคนเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน”

“เข้าใจแล้ว ตรงนี้มีรอยเลือดอยู่ด้วย” หยางกวนเฟิงพบรอยเลือดตามต้นหญ้าที่พื้นดิน“ระวังด้วย”

ทั้งสามเดินช้าลงไปไม่น้อย พวกเขาเดินตามรอยเลือดไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักรอยเลือดก็หยุดลงและไม่มีจุดอื่นอีก

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เขาคงจะทําแผลลวกๆที่นี่ก็ได้” หยางกวนเฟิงพูด “ทําให้เลือดไม่หยดลงจากแผลของเขาอีก” มีเศษผ้าที่ถูกฉีกและรอยเลือดอยู่ที่ใต้ต้นไม้มา

“น้องชายเดี่ยว นี่เป็นเสื้อของคนในหุบเขาใช่ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงถามแล้วหยิบเศษผ้าชิ้นนั้นขึ้น

คนในหุบเขาพันโอสถสวมใส่เสื้อผ้าที่ต่างจากคนภายนอก เพราะพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนักพวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงพวกเขากินธัญพืชที่ปลูกเองและเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทอขึ้นมาเองเสื้อผ้าแบบนี้ไม่สามารถซื้อได้จากด้านนอกและคนด้านนอกก็ไม่นิยมสวมเสื้อผ้าแบบนี้

“ใช่ครับมันเป็นผ้าของคนในหุบเขา”หลังจากรับเศษผ้ามาดูเดี่ยวชิงเฟิงก็ให้การยืนยัน“หรือเขาจะเป็นคนในหุบเขาของคุณ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม“เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เราค้นหากันต่อดีไหม?”

พวกเขาค้นหาตามต้นไม้ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหิน

“กลิ่นอะไรน่ะ?”

“มันเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพเลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“โอ๊ย?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็รู้สึกเจ็บที่ขาของเขา เมื่อมองดู เขาก็เห็นตะขาบยาวสี่นิ้วกัดที่ขาของเขามันมีล่าตัวสีดาสนิทราวกับเหล็ก

“ไม่นะ!” เมี้ยวชิงเฟิงอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขารีบหยิบมีดออกมาจากเอวของเขาและแงะตะขาบตัวนั้นออก

“ผู้กองหยางรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ผมชาตรงนี้ครับ” หยางกวนเฟิงพูด “แล้วก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย”

“นี่เป็นตะขาบที่มีพิษร้าย”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยความกังวล

“กินนี่ครับ” เขาเอาเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและบอกให้หยางกวนเฟิงกินเข้าไปจากนั้นก็รีบ

แบกอีกฝ่ายขึ้นหลังและเริ่มวิ่งกลับไปทางหุบเขา

“เราต้องรีบกลับไปที่หุบเขาให้เร็วที่สุด” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปอาจแย่ได้”

“งั้นก็รีบเถอะ!” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถทําตามแผนต่อไปได้อีก พวกเขาทําได้แค่รีบพาตัวหยางกวนเฟิงกลับไปรักษาที่หุบเขาได้เร็วที่สุด

เมี่ยวชิงเฟิงวิ่งไปด้วยความเร็วสูงเขาเคลื่อนไหวไปตามป่าลึกได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเสือดาวหลู่ซิ่วเฟิงตามหลังเขาไปเขาวิ่งคนเดียวและไม่ได้แบกคนไว้ที่หลังเหมือนอีกฝ่ายแต่เขากลับวิ่งตามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

เขาคิดฟุ้วคนคนนี้ถูกฝึกมาอย่างดีเลย!เขาสามารถมองเห็นบางอย่างได้จากการก้าวเท้าของอีกฝ่าย

“ผู้กองหยาง ผู้กองหยาง?”เดี่ยวชิงเฟิงร้องเรียกหยางกวนเฟิงในขณะที่วิ่งไปด้วย

หยางกวนเฟิงรู้สึกมึนหัวและหนาวจากนั้นเขาก็เริ่มตัวสั่น

“เขากําลังตัวสั่น” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ผมรู้ครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“นั่นเป็นอาการหนึ่งของคนที่ถูกพิษ” “คุณรีบพาเขากลับไปรักษาที่หุบเขาก่อนดีไหมครับ?”หลู่ซิ่วเฟิงพูดเขากังวลเกี่ยวกับอาการ

ของเพื่อนมาก “คุณไม่ต้องสนใจผมก็ได้

“ไม่ได้ครับ ผมจะทิ้งคุณไว้ที่นี่ไม่ได้”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันอันตรายเกินไปอาจจะมีงูพิษหรือตะขาบกัดคุณตายได้ไม่ต้องห่วงครับ ผมให้ยาแก้พิษกับเขาไปแล้ว มันจะช่วยกดพิษเอาไว้ไม่ให้แพร่เร็วเกินไปได้

พวกเขาเร่งความเร็วผ่านป่าไปหลังจากนั้นสักพักหลู่ซิ่วเฟิงก็เริ่มเหงื่อออกและหายใจหอบส่วนเมี่ยวชิงเฟิงที่แบกหยางกวนเฟิงเอาไว้บนหลังกลับยังสามารถวิ่งต่อไปได้ด้วยความเร็วสม่ำเสมอและหายใจเป็นปกติ

ในที่สุด พวกเขาก็กลับมาถึงหุบเขา เมื่อไปถึง เมี่ยวชิงเฟิงก็รีบแบกหยางกวนเฟิงตรงไปที่บ้านของเมี่ยวซีเฟอ

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” มีอีกคนเดินออกมาเขาเป็นชายหนุ่มที่มักอยู่กับผู้นํา

“ผู้กองหยางถูกพิษ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“รีบพาเข้ามา!” เสียงของเมี่ยวซีเหอดังมาจากด้านใน

พวกเขารีบพาตัวหยางกวนเฟิงเข้าไปด้านใน

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” เมี่ยวซีเหอถาม

“ผู้กองหยางถูกตะขาบกัดครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

เมี่ยวซีเหอตรวจดูบาดแผลเขาเห็นจุดที่ถูกกัดเริ่มบวมแดงและมีสีคล้ํา

“เป็นตะขาบหัวแดงเหรอ?” เขาถาม

“ใช่ครับ”

“ท่าไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้?” เมี่ยวซีเหอถาม

“มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูแลพวกเขาให้ดี”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เอายามาให้ฉัน” เมี่ยวซีเหอบอกกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาชายหนุ่มรีบหยิบโถสีเทาน้ําตาลในหนึ่งมาเมี่ยวซีเหอรับมาหลังจากเปิดออก ด้านในก็มีขี้ผึ้งสีดําฟ้าอยู่เขาใช้นิ้วควักออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลของหยางกวนเฟิงจากนั้นเขาก็น่าขี้ผึ้งไปผสมกับน้ําอุ่นเล็กน้อยและป้อนให้หยางกวนเฟิง

“เรียบร้อย” เมี่ยวซีเหอพูด“ช่วยกันพาเขากลับไปพัก อีกสองวันเขาก็จะหายดี”

“ขอบคุณมากครับ ผู้นําเชี่ยว” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ไม่เป็นไรครับ” เมี่ยวซีเหอพูด “นี่เป็นเพราะคนของเราดูแลพวกคุณไม่ดีเอง”

“เอ่อ เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม“ไม่ครับ” เมี่ยวซีเหอพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเคยแก้พิษชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 918 พิษ

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 918 พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

918 พิษ

“ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ธนูนี่สามารถใช้ฆ่าคนได้ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มถามเดี่ยวชิงเฟิงอึ้งไป

“ธนูนี่เหรอครับ? ได้สิครับ”

“ฮาฮา ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะครับ” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มแล้วตบบ่าของเมี่ยวชิงเฟิงอีกฝ่ายทําเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นเขาไม่เก็บเอามาคิดมากอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางใช้ของ แบบนั้นในการฆ่าคนเพราะมันหยาบเกินไปแต่แน่นอนว่าเขาเก็บข้อมูลพวกนี้เอาไว้ในใจและไม่สามารถบอกพวกเขาได้

พวกเขาไล่ตามเหยื่อและเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ

“กลิ่นอะไรน่ะ?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็หยุดการไล่ตาม “กลิ่นเหรอ?”

หลู่ซิ่วเฟิงกับเมี่ยวชิงเฟิงหยุดเดินเพื่อดมกลิ่นตาม

มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย นี่มัน…มันคือกลิ่นศพ!

ทั้งสามค้นหาทิศทางจากกลิ่นที่ลอยมาในพงหญ้าใต้ต้นไม้ที่อยู่ลึกในป่าพวกเขาพบศพหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้นถึงศพจะเริ่มส่งกลิ่นแล้วพวกเขาก็ยังเห็นได้ว่ามีบาดแผลอยู่บนร่างสองจุดจุดหนึ่งอยู่ที่หน้าท้องและอีกจุดอยู่ที่บริเวณลําคอ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทั้งสามเดินเข้าไปใกล้

“เวลาการเสียชีวิตเป็นเมื่อเจ็ดวันก่อน”หลู่ซิ่วเฟิงพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบศพดูแล้ว“มีบาดแผลร้ายแรงที่บริเวณลําคอคอของเขาถูกเฉือนในครั้งเดียวด้วยความรวดเร็วและแม่นยํา“ใช่คนในหุบเขารึเปล่าครับ?”

เดี่ยวชิงเฟิงมองดูอย่างละเอียดและพูดว่า “ไม่ใช่ครับ”

“ถ้าผมจ๋าไม่ผิด แถวนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีกแล้วใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับมีแค่หุบเขาของเราที่เดียวเท่านั้น”

“ทีนี้ ก็แสดงว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นใกล้กับหุบเขาของพวกคุณอีกคดีหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“เรายินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนอย่างเต็มที่ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

อยู่ๆก็มีศพปรากฏขึ้นมาจนทําให้แผนการเดิมของพวกเขาต้องถูกยกเลิก รวมไปถึงแผนการของหลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงด้วย

“ต้องขอโทษด้วยนะครับเราคงต้องขอปรึกษากันสักครู่”

พวกเขาแยกไปปรึกษากันอีกด้านหนึ่งทั้งสองคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากกว่าร้ายในเมื่ออยู่ๆก็มีศพโผล่ออกมาแบบนี้พวกเขาก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นได้โดยเฉพาะ

การเข้าไปให้ถึงตําแหน่งที่ได้รับจากข้อความลับนั้น

“ค้นหาให้ทั่วก่อน เผื่อว่าอาจจะเจอเบาะแสอื่นอีก”หลู่ซิ่วเฟิงพูดกับเมี่ยวชิงเฟิง“เราจําเป็นต้องได้รับความร่วมมือของคุณด้วย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้เลย”“ได้เลยครับ”เดี่ยวชิงเฟิงตกลงโดยไม่ลังเลพวกเขาเริ่มต้นการค้นหาภายในป่าและไม่นานก็พบกริชที่มีเลือดแห้งกรังติดอยู่

หลู่ซิ่วเฟิงก้มลงมองกริชเล่มนั้น ก่อนที่เขาจะส่งเสียงบอกคนอื่นๆ “นี่คืออาวุธของฆาตกร!”

“หาต่อ”

พวกเขาค้นหาต่อไป

อยู่ๆเดี่ยวชิงเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “รอก่อนครับ”

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

เขามองป่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาและพูดว่า “พยายามอย่าไปทางนั้นดีกว่านะครับ”

“ทำไมเหรอครับ?”

“ทางนั้นมีสัตว์มีพิษอยู่น่ะสิครับ” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ “แล้วยังเป็นชนิดที่มีพิษร้ายด้วย”“แม้แต่คนในหุบเขาเองก็ยังแทบไม่เข้าไปทางนั้น เคยมีคนที่เผลอเดินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้รับบาดเจ็บหนักกลับมา”

“จริงเหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงมองหน้ากัน

จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา จุดที่พวกเขาทําการทดลองกันตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับป่าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแต่เมี่ยวชิงเฟิงกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ว่าเขาจะพูดความจริงที่ว่ามีสัตว์มีพิษร้ายอาศัยอยู่ หรือเขากลัวว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะเจออะไรเข้าก็เห็นได้ชัดว่าความเป็นไปได้ของอย่างหลังมีมากกว่า

“แม้แต่คุณก็เข้าไปไม่ได้เหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม

“ไม่ได้ครับ” เยี่ยวชิงเฟิงส่ายหน้า

“เอาแบบนี้เป็นไงครับ เราจะลองเข้าไปดูก่อน” หยางกวนเฟิงพูดขึ้นมาหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แล้วถ้าเราพบสิ่งผิดปกติเราจะรีบกลับออกมาทันที”

“มันอันตรายมากไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงสงสัย

“มันอันตรายมากครับ” เดี่ยวชิงเฟิงพูด

“เรากลับไปที่หุบเขากันก่อน แล้วผมจะรายงานให้ผู้นํารู้และให้เขาส่งคนจากหุบเขามากับพวกคุณด้วยพวกเขาสามารถเตรียมยาที่จ่าเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับสัตว์พิษพวกนั้นได้แบบนั้นจะปลอดภัยกว่านะครับ”

“เข้าไปดูข้างในกัน?” หยางกวนเฟิงเดินต่อ และตามไปด้วยหลู่ซิ่วเฟิง

“ผู้กองหยาง!”

แล้ว!”

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบกับเสื้อเปื้อนเลือด ที่เลือดบนนั้นแห้งไปนานแล้ว “เจอหลู่ซิ่วเฟิงนั่งยองเพื่อดูเสื้อตัวนั้น เขาใช้มือในการวัดขนาดของเสื้อ

“มันไม่ใช่เสื้อของผู้ตายที่เราเจอเมื่อกี้ ขนาดของรูปร่างต่างกัน คนคนนี้เตี้ยกว่าและผอมกว่าอีกคนเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน”

“เข้าใจแล้ว ตรงนี้มีรอยเลือดอยู่ด้วย” หยางกวนเฟิงพบรอยเลือดตามต้นหญ้าที่พื้นดิน“ระวังด้วย”

ทั้งสามเดินช้าลงไปไม่น้อย พวกเขาเดินตามรอยเลือดไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักรอยเลือดก็หยุดลงและไม่มีจุดอื่นอีก

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เขาคงจะทําแผลลวกๆที่นี่ก็ได้” หยางกวนเฟิงพูด “ทําให้เลือดไม่หยดลงจากแผลของเขาอีก” มีเศษผ้าที่ถูกฉีกและรอยเลือดอยู่ที่ใต้ต้นไม้มา

“น้องชายเดี่ยว นี่เป็นเสื้อของคนในหุบเขาใช่ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงถามแล้วหยิบเศษผ้าชิ้นนั้นขึ้น

คนในหุบเขาพันโอสถสวมใส่เสื้อผ้าที่ต่างจากคนภายนอก เพราะพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนักพวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงพวกเขากินธัญพืชที่ปลูกเองและเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทอขึ้นมาเองเสื้อผ้าแบบนี้ไม่สามารถซื้อได้จากด้านนอกและคนด้านนอกก็ไม่นิยมสวมเสื้อผ้าแบบนี้

“ใช่ครับมันเป็นผ้าของคนในหุบเขา”หลังจากรับเศษผ้ามาดูเดี่ยวชิงเฟิงก็ให้การยืนยัน“หรือเขาจะเป็นคนในหุบเขาของคุณ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม“เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เราค้นหากันต่อดีไหม?”

พวกเขาค้นหาตามต้นไม้ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหิน

“กลิ่นอะไรน่ะ?”

“มันเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพเลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“โอ๊ย?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็รู้สึกเจ็บที่ขาของเขา เมื่อมองดู เขาก็เห็นตะขาบยาวสี่นิ้วกัดที่ขาของเขามันมีล่าตัวสีดาสนิทราวกับเหล็ก

“ไม่นะ!” เมี้ยวชิงเฟิงอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขารีบหยิบมีดออกมาจากเอวของเขาและแงะตะขาบตัวนั้นออก

“ผู้กองหยางรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ผมชาตรงนี้ครับ” หยางกวนเฟิงพูด “แล้วก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย”

“นี่เป็นตะขาบที่มีพิษร้าย”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยความกังวล

“กินนี่ครับ” เขาเอาเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและบอกให้หยางกวนเฟิงกินเข้าไปจากนั้นก็รีบ

แบกอีกฝ่ายขึ้นหลังและเริ่มวิ่งกลับไปทางหุบเขา

“เราต้องรีบกลับไปที่หุบเขาให้เร็วที่สุด” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปอาจแย่ได้”

“งั้นก็รีบเถอะ!” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถทําตามแผนต่อไปได้อีก พวกเขาทําได้แค่รีบพาตัวหยางกวนเฟิงกลับไปรักษาที่หุบเขาได้เร็วที่สุด

เมี่ยวชิงเฟิงวิ่งไปด้วยความเร็วสูงเขาเคลื่อนไหวไปตามป่าลึกได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเสือดาวหลู่ซิ่วเฟิงตามหลังเขาไปเขาวิ่งคนเดียวและไม่ได้แบกคนไว้ที่หลังเหมือนอีกฝ่ายแต่เขากลับวิ่งตามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

เขาคิดฟุ้วคนคนนี้ถูกฝึกมาอย่างดีเลย!เขาสามารถมองเห็นบางอย่างได้จากการก้าวเท้าของอีกฝ่าย

“ผู้กองหยาง ผู้กองหยาง?”เดี่ยวชิงเฟิงร้องเรียกหยางกวนเฟิงในขณะที่วิ่งไปด้วย

หยางกวนเฟิงรู้สึกมึนหัวและหนาวจากนั้นเขาก็เริ่มตัวสั่น

“เขากําลังตัวสั่น” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ผมรู้ครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“นั่นเป็นอาการหนึ่งของคนที่ถูกพิษ” “คุณรีบพาเขากลับไปรักษาที่หุบเขาก่อนดีไหมครับ?”หลู่ซิ่วเฟิงพูดเขากังวลเกี่ยวกับอาการ

ของเพื่อนมาก “คุณไม่ต้องสนใจผมก็ได้

“ไม่ได้ครับ ผมจะทิ้งคุณไว้ที่นี่ไม่ได้”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันอันตรายเกินไปอาจจะมีงูพิษหรือตะขาบกัดคุณตายได้ไม่ต้องห่วงครับ ผมให้ยาแก้พิษกับเขาไปแล้ว มันจะช่วยกดพิษเอาไว้ไม่ให้แพร่เร็วเกินไปได้

พวกเขาเร่งความเร็วผ่านป่าไปหลังจากนั้นสักพักหลู่ซิ่วเฟิงก็เริ่มเหงื่อออกและหายใจหอบส่วนเมี่ยวชิงเฟิงที่แบกหยางกวนเฟิงเอาไว้บนหลังกลับยังสามารถวิ่งต่อไปได้ด้วยความเร็วสม่ำเสมอและหายใจเป็นปกติ

ในที่สุด พวกเขาก็กลับมาถึงหุบเขา เมื่อไปถึง เมี่ยวชิงเฟิงก็รีบแบกหยางกวนเฟิงตรงไปที่บ้านของเมี่ยวซีเฟอ

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” มีอีกคนเดินออกมาเขาเป็นชายหนุ่มที่มักอยู่กับผู้นํา

“ผู้กองหยางถูกพิษ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“รีบพาเข้ามา!” เสียงของเมี่ยวซีเหอดังมาจากด้านใน

พวกเขารีบพาตัวหยางกวนเฟิงเข้าไปด้านใน

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” เมี่ยวซีเหอถาม

“ผู้กองหยางถูกตะขาบกัดครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

เมี่ยวซีเหอตรวจดูบาดแผลเขาเห็นจุดที่ถูกกัดเริ่มบวมแดงและมีสีคล้ํา

“เป็นตะขาบหัวแดงเหรอ?” เขาถาม

“ใช่ครับ”

“ท่าไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้?” เมี่ยวซีเหอถาม

“มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูแลพวกเขาให้ดี”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เอายามาให้ฉัน” เมี่ยวซีเหอบอกกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาชายหนุ่มรีบหยิบโถสีเทาน้ําตาลในหนึ่งมาเมี่ยวซีเหอรับมาหลังจากเปิดออก ด้านในก็มีขี้ผึ้งสีดําฟ้าอยู่เขาใช้นิ้วควักออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลของหยางกวนเฟิงจากนั้นเขาก็น่าขี้ผึ้งไปผสมกับน้ําอุ่นเล็กน้อยและป้อนให้หยางกวนเฟิง

“เรียบร้อย” เมี่ยวซีเหอพูด“ช่วยกันพาเขากลับไปพัก อีกสองวันเขาก็จะหายดี”

“ขอบคุณมากครับ ผู้นําเชี่ยว” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ไม่เป็นไรครับ” เมี่ยวซีเหอพูด “นี่เป็นเพราะคนของเราดูแลพวกคุณไม่ดีเอง”

“เอ่อ เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม“ไม่ครับ” เมี่ยวซีเหอพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเคยแก้พิษชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 918 พิษ

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 918 พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

918 พิษ

“ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ธนูนี่สามารถใช้ฆ่าคนได้ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มถามเดี่ยวชิงเฟิงอึ้งไป

“ธนูนี่เหรอครับ? ได้สิครับ”

“ฮาฮา ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะครับ” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มแล้วตบบ่าของเมี่ยวชิงเฟิงอีกฝ่ายทําเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นเขาไม่เก็บเอามาคิดมากอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางใช้ของ แบบนั้นในการฆ่าคนเพราะมันหยาบเกินไปแต่แน่นอนว่าเขาเก็บข้อมูลพวกนี้เอาไว้ในใจและไม่สามารถบอกพวกเขาได้

พวกเขาไล่ตามเหยื่อและเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ

“กลิ่นอะไรน่ะ?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็หยุดการไล่ตาม “กลิ่นเหรอ?”

หลู่ซิ่วเฟิงกับเมี่ยวชิงเฟิงหยุดเดินเพื่อดมกลิ่นตาม

มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย นี่มัน…มันคือกลิ่นศพ!

ทั้งสามค้นหาทิศทางจากกลิ่นที่ลอยมาในพงหญ้าใต้ต้นไม้ที่อยู่ลึกในป่าพวกเขาพบศพหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้นถึงศพจะเริ่มส่งกลิ่นแล้วพวกเขาก็ยังเห็นได้ว่ามีบาดแผลอยู่บนร่างสองจุดจุดหนึ่งอยู่ที่หน้าท้องและอีกจุดอยู่ที่บริเวณลําคอ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทั้งสามเดินเข้าไปใกล้

“เวลาการเสียชีวิตเป็นเมื่อเจ็ดวันก่อน”หลู่ซิ่วเฟิงพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบศพดูแล้ว“มีบาดแผลร้ายแรงที่บริเวณลําคอคอของเขาถูกเฉือนในครั้งเดียวด้วยความรวดเร็วและแม่นยํา“ใช่คนในหุบเขารึเปล่าครับ?”

เดี่ยวชิงเฟิงมองดูอย่างละเอียดและพูดว่า “ไม่ใช่ครับ”

“ถ้าผมจ๋าไม่ผิด แถวนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีกแล้วใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับมีแค่หุบเขาของเราที่เดียวเท่านั้น”

“ทีนี้ ก็แสดงว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นใกล้กับหุบเขาของพวกคุณอีกคดีหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“เรายินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนอย่างเต็มที่ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

อยู่ๆก็มีศพปรากฏขึ้นมาจนทําให้แผนการเดิมของพวกเขาต้องถูกยกเลิก รวมไปถึงแผนการของหลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงด้วย

“ต้องขอโทษด้วยนะครับเราคงต้องขอปรึกษากันสักครู่”

พวกเขาแยกไปปรึกษากันอีกด้านหนึ่งทั้งสองคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากกว่าร้ายในเมื่ออยู่ๆก็มีศพโผล่ออกมาแบบนี้พวกเขาก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นได้โดยเฉพาะ

การเข้าไปให้ถึงตําแหน่งที่ได้รับจากข้อความลับนั้น

“ค้นหาให้ทั่วก่อน เผื่อว่าอาจจะเจอเบาะแสอื่นอีก”หลู่ซิ่วเฟิงพูดกับเมี่ยวชิงเฟิง“เราจําเป็นต้องได้รับความร่วมมือของคุณด้วย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้เลย”“ได้เลยครับ”เดี่ยวชิงเฟิงตกลงโดยไม่ลังเลพวกเขาเริ่มต้นการค้นหาภายในป่าและไม่นานก็พบกริชที่มีเลือดแห้งกรังติดอยู่

หลู่ซิ่วเฟิงก้มลงมองกริชเล่มนั้น ก่อนที่เขาจะส่งเสียงบอกคนอื่นๆ “นี่คืออาวุธของฆาตกร!”

“หาต่อ”

พวกเขาค้นหาต่อไป

อยู่ๆเดี่ยวชิงเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “รอก่อนครับ”

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

เขามองป่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาและพูดว่า “พยายามอย่าไปทางนั้นดีกว่านะครับ”

“ทำไมเหรอครับ?”

“ทางนั้นมีสัตว์มีพิษอยู่น่ะสิครับ” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ “แล้วยังเป็นชนิดที่มีพิษร้ายด้วย”“แม้แต่คนในหุบเขาเองก็ยังแทบไม่เข้าไปทางนั้น เคยมีคนที่เผลอเดินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้รับบาดเจ็บหนักกลับมา”

“จริงเหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงมองหน้ากัน

จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา จุดที่พวกเขาทําการทดลองกันตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับป่าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแต่เมี่ยวชิงเฟิงกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ว่าเขาจะพูดความจริงที่ว่ามีสัตว์มีพิษร้ายอาศัยอยู่ หรือเขากลัวว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะเจออะไรเข้าก็เห็นได้ชัดว่าความเป็นไปได้ของอย่างหลังมีมากกว่า

“แม้แต่คุณก็เข้าไปไม่ได้เหรอครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม

“ไม่ได้ครับ” เยี่ยวชิงเฟิงส่ายหน้า

“เอาแบบนี้เป็นไงครับ เราจะลองเข้าไปดูก่อน” หยางกวนเฟิงพูดขึ้นมาหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แล้วถ้าเราพบสิ่งผิดปกติเราจะรีบกลับออกมาทันที”

“มันอันตรายมากไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงสงสัย

“มันอันตรายมากครับ” เดี่ยวชิงเฟิงพูด

“เรากลับไปที่หุบเขากันก่อน แล้วผมจะรายงานให้ผู้นํารู้และให้เขาส่งคนจากหุบเขามากับพวกคุณด้วยพวกเขาสามารถเตรียมยาที่จ่าเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับสัตว์พิษพวกนั้นได้แบบนั้นจะปลอดภัยกว่านะครับ”

“เข้าไปดูข้างในกัน?” หยางกวนเฟิงเดินต่อ และตามไปด้วยหลู่ซิ่วเฟิง

“ผู้กองหยาง!”

แล้ว!”

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบกับเสื้อเปื้อนเลือด ที่เลือดบนนั้นแห้งไปนานแล้ว “เจอหลู่ซิ่วเฟิงนั่งยองเพื่อดูเสื้อตัวนั้น เขาใช้มือในการวัดขนาดของเสื้อ

“มันไม่ใช่เสื้อของผู้ตายที่เราเจอเมื่อกี้ ขนาดของรูปร่างต่างกัน คนคนนี้เตี้ยกว่าและผอมกว่าอีกคนเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน”

“เข้าใจแล้ว ตรงนี้มีรอยเลือดอยู่ด้วย” หยางกวนเฟิงพบรอยเลือดตามต้นหญ้าที่พื้นดิน“ระวังด้วย”

ทั้งสามเดินช้าลงไปไม่น้อย พวกเขาเดินตามรอยเลือดไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักรอยเลือดก็หยุดลงและไม่มีจุดอื่นอีก

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เขาคงจะทําแผลลวกๆที่นี่ก็ได้” หยางกวนเฟิงพูด “ทําให้เลือดไม่หยดลงจากแผลของเขาอีก” มีเศษผ้าที่ถูกฉีกและรอยเลือดอยู่ที่ใต้ต้นไม้มา

“น้องชายเดี่ยว นี่เป็นเสื้อของคนในหุบเขาใช่ไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงถามแล้วหยิบเศษผ้าชิ้นนั้นขึ้น

คนในหุบเขาพันโอสถสวมใส่เสื้อผ้าที่ต่างจากคนภายนอก เพราะพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนักพวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงพวกเขากินธัญพืชที่ปลูกเองและเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทอขึ้นมาเองเสื้อผ้าแบบนี้ไม่สามารถซื้อได้จากด้านนอกและคนด้านนอกก็ไม่นิยมสวมเสื้อผ้าแบบนี้

“ใช่ครับมันเป็นผ้าของคนในหุบเขา”หลังจากรับเศษผ้ามาดูเดี่ยวชิงเฟิงก็ให้การยืนยัน“หรือเขาจะเป็นคนในหุบเขาของคุณ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม“เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เราค้นหากันต่อดีไหม?”

พวกเขาค้นหาตามต้นไม้ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหิน

“กลิ่นอะไรน่ะ?”

“มันเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพเลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“โอ๊ย?” อยู่ๆหยางกวนเฟิงก็รู้สึกเจ็บที่ขาของเขา เมื่อมองดู เขาก็เห็นตะขาบยาวสี่นิ้วกัดที่ขาของเขามันมีล่าตัวสีดาสนิทราวกับเหล็ก

“ไม่นะ!” เมี้ยวชิงเฟิงอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขารีบหยิบมีดออกมาจากเอวของเขาและแงะตะขาบตัวนั้นออก

“ผู้กองหยางรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ผมชาตรงนี้ครับ” หยางกวนเฟิงพูด “แล้วก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย”

“นี่เป็นตะขาบที่มีพิษร้าย”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยความกังวล

“กินนี่ครับ” เขาเอาเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและบอกให้หยางกวนเฟิงกินเข้าไปจากนั้นก็รีบ

แบกอีกฝ่ายขึ้นหลังและเริ่มวิ่งกลับไปทางหุบเขา

“เราต้องรีบกลับไปที่หุบเขาให้เร็วที่สุด” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปอาจแย่ได้”

“งั้นก็รีบเถอะ!” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถทําตามแผนต่อไปได้อีก พวกเขาทําได้แค่รีบพาตัวหยางกวนเฟิงกลับไปรักษาที่หุบเขาได้เร็วที่สุด

เมี่ยวชิงเฟิงวิ่งไปด้วยความเร็วสูงเขาเคลื่อนไหวไปตามป่าลึกได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเสือดาวหลู่ซิ่วเฟิงตามหลังเขาไปเขาวิ่งคนเดียวและไม่ได้แบกคนไว้ที่หลังเหมือนอีกฝ่ายแต่เขากลับวิ่งตามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

เขาคิดฟุ้วคนคนนี้ถูกฝึกมาอย่างดีเลย!เขาสามารถมองเห็นบางอย่างได้จากการก้าวเท้าของอีกฝ่าย

“ผู้กองหยาง ผู้กองหยาง?”เดี่ยวชิงเฟิงร้องเรียกหยางกวนเฟิงในขณะที่วิ่งไปด้วย

หยางกวนเฟิงรู้สึกมึนหัวและหนาวจากนั้นเขาก็เริ่มตัวสั่น

“เขากําลังตัวสั่น” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ผมรู้ครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“นั่นเป็นอาการหนึ่งของคนที่ถูกพิษ” “คุณรีบพาเขากลับไปรักษาที่หุบเขาก่อนดีไหมครับ?”หลู่ซิ่วเฟิงพูดเขากังวลเกี่ยวกับอาการ

ของเพื่อนมาก “คุณไม่ต้องสนใจผมก็ได้

“ไม่ได้ครับ ผมจะทิ้งคุณไว้ที่นี่ไม่ได้”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันอันตรายเกินไปอาจจะมีงูพิษหรือตะขาบกัดคุณตายได้ไม่ต้องห่วงครับ ผมให้ยาแก้พิษกับเขาไปแล้ว มันจะช่วยกดพิษเอาไว้ไม่ให้แพร่เร็วเกินไปได้

พวกเขาเร่งความเร็วผ่านป่าไปหลังจากนั้นสักพักหลู่ซิ่วเฟิงก็เริ่มเหงื่อออกและหายใจหอบส่วนเมี่ยวชิงเฟิงที่แบกหยางกวนเฟิงเอาไว้บนหลังกลับยังสามารถวิ่งต่อไปได้ด้วยความเร็วสม่ำเสมอและหายใจเป็นปกติ

ในที่สุด พวกเขาก็กลับมาถึงหุบเขา เมื่อไปถึง เมี่ยวชิงเฟิงก็รีบแบกหยางกวนเฟิงตรงไปที่บ้านของเมี่ยวซีเฟอ

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” มีอีกคนเดินออกมาเขาเป็นชายหนุ่มที่มักอยู่กับผู้นํา

“ผู้กองหยางถูกพิษ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“รีบพาเข้ามา!” เสียงของเมี่ยวซีเหอดังมาจากด้านใน

พวกเขารีบพาตัวหยางกวนเฟิงเข้าไปด้านใน

“ผู้นํา”

“เกิดอะไรขึ้น?” เมี่ยวซีเหอถาม

“ผู้กองหยางถูกตะขาบกัดครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

เมี่ยวซีเหอตรวจดูบาดแผลเขาเห็นจุดที่ถูกกัดเริ่มบวมแดงและมีสีคล้ํา

“เป็นตะขาบหัวแดงเหรอ?” เขาถาม

“ใช่ครับ”

“ท่าไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้?” เมี่ยวซีเหอถาม

“มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูแลพวกเขาให้ดี”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“เอายามาให้ฉัน” เมี่ยวซีเหอบอกกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาชายหนุ่มรีบหยิบโถสีเทาน้ําตาลในหนึ่งมาเมี่ยวซีเหอรับมาหลังจากเปิดออก ด้านในก็มีขี้ผึ้งสีดําฟ้าอยู่เขาใช้นิ้วควักออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลของหยางกวนเฟิงจากนั้นเขาก็น่าขี้ผึ้งไปผสมกับน้ําอุ่นเล็กน้อยและป้อนให้หยางกวนเฟิง

“เรียบร้อย” เมี่ยวซีเหอพูด“ช่วยกันพาเขากลับไปพัก อีกสองวันเขาก็จะหายดี”

“ขอบคุณมากครับ ผู้นําเชี่ยว” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“ไม่เป็นไรครับ” เมี่ยวซีเหอพูด “นี่เป็นเพราะคนของเราดูแลพวกคุณไม่ดีเอง”

“เอ่อ เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม“ไม่ครับ” เมี่ยวซีเหอพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเคยแก้พิษชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+