Elixir Supplier 844 สามวัน สมควรตายได้แล้ว

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 844 สามวัน สมควรตายได้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่ออกมาจากบ้าน จงหลิวชวนก็เจอเข้ากับเจี้ยจื้อจาย

“จะขึ้นไปฝึกบนเขาเหรอ?” เจี่ยจื้อจายถาม

“ใช่”

“เราไปด้วยกันได้ไหม?”

เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของจงหลิวชวน เจี้ยจื้อจายก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงฉันไม่ขึ้นไปบนเขาตงชานหรอก ฉันแค่อยากลุกขึ้นมาวิ่งและฝึกฝนเท่านั้น

“ก็ได้ ไปกันเถอะ”

ทั้งสองวิ่งเคียงข้างกันไปเมื่อพวกเขามาถึงตีนเขาเจี้ยจื้อจายก็หมุนตัววิ่งย้อนกลับไปจงหลิวชวนขึ้นไปบนเขาเพียงล่าพังส่วนหวังเย้าก็รออยู่บนเขาแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับ เชียนเชิง”

“อรุณสวัสดิ์นั่นเจี้ยจื้อจายเหรอครับ?”แม้หวังเย้าจะยืนอยู่บนเขา แต่เขาก็สามารถมองเห็นได้ไกลดังนั้นเขาจึงเห็นสองคนวิ่งมาด้วยกัน

“ใช่ครับ”

“อ่อ”

“เขายังอยากให้เขียนเชิงเป็นอาจารย์ของเขาอยู่น่ะครับ” จงหลิวชวนพูด

“รอไปก่อน” หวังเย้าตอบ

ทั้งสองเริ่มฝึกอยู่บนเขาฝึกฝน, ทําสมาธิ, และเคลื่อนพลังฉีในร่าง

ที่ตีนเขา เจี้ยจื้อจายที่วิ่งกลับบ้านเพียงลําพังดูเซื่องซึมเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หูเหมยก็ยิ้มถาม “เป็นอะไรไป?”

“ไม่มีอะไร”

“เรากินข้าวกันดีไหม?”

“อ้อ ดี”

อาหารเช้ร้อนๆถูกนําขึ้นโต๊ะ มันส่งกลิ่นหอมและอบอุ่นใจ

“มา กินข้าวสิ”

“ขอบคุณ ภรรยาสุดที่รักของฉัน”

“ไม่ต้องมาอ่อนฉัน ยังอยากเป็นเรียนกับเชียนเชิงอยู่อีกเหรอ?”

“อืม แต่ตอนนี้ฉันยังไม่คิด ฉันต้องกินก่อน”ตรงหน้าเขามีบะหมีชามโตและไข่ทอดหนึ่งจานเขาก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานเจี่ยจื้อจายก็จัดการกินอาหารตรงหน้าจนหมด

“อื้มมม อร่อย”

หลังจากกินเสร็จ เขาก็จุดบุหรี่ สําหรับเขาแล้ว การสูบบุหรี่หลังมื้ออาหารทําให้รู้สึกดีไม่ต่างจากการเป็นเซียน

“วันนี้ครบสามวันแล้ว” หูเหมยพูดเสียงเบา

“หา? โอ้!” เจียจื้อจายที่ได้สติกลับมา ก็เข้าใจความหมายในค่าพูดของเธอ

หมอพิษควรจะต้องตายแล้ว

“ฉันไปลองไปดูหน่อย” เจี้ยจื้อจายคาบบุหรี่เดินออกไปจากบ้าน

บ้านหลังน้อยดูเงียบเป็นพิเศษ มีต้นแอปริคอทที่ใบแห้งเหี่ยวยืนต้นอยู่ตรงประตูบ้านใบเกือบครึ่งของมันร่วงหล่นลงมากองกันอยู่ที่พื้นบานประตูดูกระดํากระด่างเต็มไปด้วยเศษฝุ่นผงตัวล็อกอยู่ในสภาพใกล้พัง

เขาผลักประตูให้เปิดออก แอ็ด! เสียงเปิดประตูดังให้ได้ยินอย่างชัดเจน

“เฮ้อ!”

หลังจากเปิดประตู เจี้ยจื้อจายก็หยุดชะงัก บุหรี่ในมือของเขาไหม้จนหมดมวน เขาหยุดบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดสูบเขาผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านชายคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นเขาไม่หายใจอีกต่อไปแล้วดวงตาของเขาปิดสนิทและใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ

หมอพิษที่มีชื่อเสียง ตัวร้ายที่ฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนและสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาได้ตายลงเช่นนี้ตายอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆกลางเขาไม่มีใครรู้หรือสงสารเขา

“ลาก่อน”

“ตายแล้วเหรอ?” หูเหมยเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ตายแล้ว”

ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน

“นายว่า เวลาที่เราสองคนตายจะมีสภาพแบบไหน?” อยู่ๆหูเหมยก็ถามขึ้นมา

“อยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยลูกหลานยังไงล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด มันดูเหมือนนอกเรื่องแต่กลับเต็มไปด้วยความใส่ใจ

“ฉันก็หวังไว้แบบนั้น” หูเหมยพูดเสียงเบา ราวกับว่าเธอกําลังกังวลเรื่องบางอย่าง

“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เรายังต้องขยันให้มากด้วย”

“น่าเกลียด!”

หลังจากพวกเขาปิดประตู ก็มีเพียงร่างเย็นเฉียบของหมอพิษนอนอยู่ที่พื้นเพียงลำพัง

“ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับเซียนเชิง

“อิม”

เจียจื้อจายเดินไปที่คลินิกคนเดียว มีคนไข้กําลังรักษากับหวังเย้าอยู่ เขาจึงต้องรอก่อน

“มีอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ผมรอได้ เขียนเชิงทํางานก่อนเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ได้ เทชาดื่มเองได้เลยนะครับ”หวังเย้าพูด

“อ้อ”

คนไข้ไม่ได้ป่วยหนักเขาเพียงเป็นไข้เท่านั้น หวังเย้าจ่ายยาและบอกให้เขากลับไปหลังจากให้คําแนะนําเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะ คนไข้กลับไปแล้ว มีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยครับ”

“หมอพิษตายแล้ว” เลี้ยจื้อจายพูด

หวังเย้าเงียบไปนาน เขาจ้องมองโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าเขา นี่คือชายที่เขาลงมือฆ่าเขาทําให้อีกฝ่ายเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย

“ผมรู้แล้ว”

“แล้วจะจัดการกับร่างของเขายังไง?”

“เรื่องนั้นผมคงต้องรบกวนพวกคุณแล้ว” หวังเย้าพูด

เขารักษาโรค,ฆ่าคน,และรู้เรื่องฮวงจุ้ยแต่เรื่องแบบนี้เขายังต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดการให้เขาจะจัดการด้วยวิธีปกติไม่ได้ ในเวลานี้เจียจื้อจายก็คือคนที่เชี่ยวชาญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“ได้”

“ตัวเขาเต็มไปด้วยพิษ ถึงเขาจะตายไปแล้วพิษจะไม่ทํางาน แต่ก็ต้องระวังตอนกลางวันให้มาที่นี่ผมจะเอายาแก้พิษให้

“ได้” เจียจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ”

“มันเป็นเรื่องที่ผมควรทําอยู่แล้ว มันคือการชดเชยให้” เจียจื้อจายพูด

เมื่อเห็นว่าหวังเข้าไม่อยากพูดอะไรมาก เจี้ยจื้อจายก็ออกมาจากคลินิกเขากลับไปที่บ้านเพื่อปรึกษาวิธีที่จะจัดการกับศพกับหูเหมย พวกเขาเชียวชาญในการจัดการกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วแต่พวกเขาก็ต้องคิดให้มาก พวกเขาไม่คุ้นชินกับวิถีชีวิตในหมู่บ้านหรือเขตแดนอื่นๆถึงหมอพิษจะตายไปแล้วแต่ร่างของเขาก็ไม่ต่างไปจากระเบิดเวลาถ้าพวกเขาไม่จัดการให้ดีก็อาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดตามมาได้

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ในปักกิ่ง

หลิวเจิ้งเพิ่งมองดูใบหน้าแดงระเรื่อของภรรยาอย่างมีความสุข พวกเขาเพิ่งไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในปักกิ่งมาหมอบอกกับพวกเขาว่าเด็กในครรภ์ปลอดภัยดีเรื่องนี้ยังทําให้หมอที่คุ้นเคยกับเฟิงเจียเหอต้องประหลาดใจหมอเคยรักษาเธอมาก่อนทั้งการตรวจสุขภาพและตอนแท้งทั้งสองครั้งมันจึงเป็นธรรมดาที่หมอจะ เข้าใจสภาพร่างกายของเฟิงเจียเหอดีเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เธอมาตรวจร่างกายตัวอ่อนในครรภ์เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาในตอนนั้น หมอเองก็เป็นกังวลอย่างมากแต่ตอนนี้เด็กในครรภ์กลับปกติดี สภาพร่างกายของคนเป็นแม่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่จําเป็นต้องตรวจเลย

“พวกคุณทําได้ยังไง?” สูตินารีแพทย์ ผู้อานวยการหลี่ถาม

“อ่อ ผู้อํานวยการหลี่ พวกเราไปหาแพทย์แผนจีนคนหนึ่ง แล้วก็ได้ทําการปรับเปลี่ยนบางอย่างมาน่ะค่ะ”เฟิงเจียเหอพูด

“โอ้ เป็นหมอจากที่ไหนเหรอคะ?” ผู้อํานวยการหลี่ถาม “เอ่อ อย่าเข้าใจฉันผิดนะคะฉันแค่สงสัยมากเท่านั้นความจริงถึงอาการที่คุณเป็นอยู่จะพบเจอได้ยากแต่ในแต่ละปีก็ยังเจออยู่เรื่อยๆวิธีการรักษาของเขาเห็นผลดีมากถ้ามันถูกใช้ได้อย่างแพร่หลายมันคงจะมีประโยชน์มาก”

“เอ่อ ผมคงต้องขอโทษด้วย”หลิวเจิ้งเฟิงพูด“เราไม่รู้รายละเอียดของหมอมากนักแล้วเขาก็ไม่ใช่คนปักกิ่งเราได้รู้จักเขาผ่านคนรู้จักนะครับ”

เขาจําได้ว่า หมอหวังมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่แปลกประหลาด หนึ่งในนั้นก็คือหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเขาให้คนรู้ได้ สาเหตุที่พวกเขาสามารถรักษากับหวังเย้าได้ก็เพราะญาติของฝั่งภรรยาหลายคนในปักกิ่งต่างพยายามติดต่อหมอหวังด้วยวิธีการต่างๆแต่มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ทําสําเร็จ

“จริงเหรอคะ? น่าเสียดายจริงๆ”ผู้อานวยการหลี่พูด“ถ้าในอนาคต พวกคุณได้มีโอกาสติดต่อกับเขาช่วยบอกเรื่องที่ฉันพูดให้เขาฟังด้วยนะคะ”

“ได้ครับ ผมจะจ่าเอาไว้” หลิวเจิ้งเฟิงพูด

พวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลและกลับบ้าน

“เฮ้อ ในที่สุดเราก็เบาใจได้บ้างแล้ว” เพิ่งเจียเหอพูด พวกเขายังวางใจทั้งหมดไม่ได้เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าที่เด็กจะคลอดไม่มีใครรับประกันได้ว่าในระหว่างนั้นจะไม่เกิดอะไรขึ้น

“อีกไม่กี่วัน ผมจะไปที่หมู่บ้านกลางเขา” หลิวเจิ้งเฟิงพูด

“ให้ฉันไปด้วยไหมคะ?”

“ไม่ต้องหรอก” หลิวเจิ้งเฟิงพูด “มันห่างจากที่นี่ไหมไกลมากเราต้องนั่งเครื่องบินและนั่งรถเพื่อไปที่นั่นมันเหนื่อยเกินไปอาการของเธอเพิ่งจะดีขึ้นดังนั้นอยู่พักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ”

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ”

ในตอนนี้ หัวใจที่แกว่งไกวอยู่ในอากาศของคนทั้งสองก็วางลงได้ในที่สุดถึงแม้จะแค่ชั่วคราวแต่ก็ยังถือว่าดี

ในตัวเมืองเหลียนชานหนึ่งชายและหนึ่งหญิงกําลังซื้อของด้วยกันอยู่

เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่คุ้นเคยสําหรับพวกเขา มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่เทียบกับเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว เมืองนี้ทั้งเล็กและล้าหลัง

“เล็กมาก!”

“ใช่ มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับเมืองที่พวกเราอยู่ด้วย” เขาพูด

ทั้งสองเดินไปบนถนนอย่างเชื่องช้าและไร้จุดหมายพวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าโรงหนังแห่งหนึ่งมันเป็นโรงหนังเพียงแห่งเดียวในเมืองเล็กๆนี้ราคาตั๋วหนังถือว่าแพงที่สุดในเมืองและเขตที่อยู่รอบๆแต่ทุกวันก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนนอกจากโรงหนังแห่งนี้แล้วโรงหนังที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากที่นี่ไปถึง 40 กว่ากิโลเมตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 844 สามวัน สมควรตายได้แล้ว

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 844 สามวัน สมควรตายได้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่ออกมาจากบ้าน จงหลิวชวนก็เจอเข้ากับเจี้ยจื้อจาย

“จะขึ้นไปฝึกบนเขาเหรอ?” เจี่ยจื้อจายถาม

“ใช่”

“เราไปด้วยกันได้ไหม?”

เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของจงหลิวชวน เจี้ยจื้อจายก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงฉันไม่ขึ้นไปบนเขาตงชานหรอก ฉันแค่อยากลุกขึ้นมาวิ่งและฝึกฝนเท่านั้น

“ก็ได้ ไปกันเถอะ”

ทั้งสองวิ่งเคียงข้างกันไปเมื่อพวกเขามาถึงตีนเขาเจี้ยจื้อจายก็หมุนตัววิ่งย้อนกลับไปจงหลิวชวนขึ้นไปบนเขาเพียงล่าพังส่วนหวังเย้าก็รออยู่บนเขาแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับ เชียนเชิง”

“อรุณสวัสดิ์นั่นเจี้ยจื้อจายเหรอครับ?”แม้หวังเย้าจะยืนอยู่บนเขา แต่เขาก็สามารถมองเห็นได้ไกลดังนั้นเขาจึงเห็นสองคนวิ่งมาด้วยกัน

“ใช่ครับ”

“อ่อ”

“เขายังอยากให้เขียนเชิงเป็นอาจารย์ของเขาอยู่น่ะครับ” จงหลิวชวนพูด

“รอไปก่อน” หวังเย้าตอบ

ทั้งสองเริ่มฝึกอยู่บนเขาฝึกฝน, ทําสมาธิ, และเคลื่อนพลังฉีในร่าง

ที่ตีนเขา เจี้ยจื้อจายที่วิ่งกลับบ้านเพียงลําพังดูเซื่องซึมเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หูเหมยก็ยิ้มถาม “เป็นอะไรไป?”

“ไม่มีอะไร”

“เรากินข้าวกันดีไหม?”

“อ้อ ดี”

อาหารเช้ร้อนๆถูกนําขึ้นโต๊ะ มันส่งกลิ่นหอมและอบอุ่นใจ

“มา กินข้าวสิ”

“ขอบคุณ ภรรยาสุดที่รักของฉัน”

“ไม่ต้องมาอ่อนฉัน ยังอยากเป็นเรียนกับเชียนเชิงอยู่อีกเหรอ?”

“อืม แต่ตอนนี้ฉันยังไม่คิด ฉันต้องกินก่อน”ตรงหน้าเขามีบะหมีชามโตและไข่ทอดหนึ่งจานเขาก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานเจี่ยจื้อจายก็จัดการกินอาหารตรงหน้าจนหมด

“อื้มมม อร่อย”

หลังจากกินเสร็จ เขาก็จุดบุหรี่ สําหรับเขาแล้ว การสูบบุหรี่หลังมื้ออาหารทําให้รู้สึกดีไม่ต่างจากการเป็นเซียน

“วันนี้ครบสามวันแล้ว” หูเหมยพูดเสียงเบา

“หา? โอ้!” เจียจื้อจายที่ได้สติกลับมา ก็เข้าใจความหมายในค่าพูดของเธอ

หมอพิษควรจะต้องตายแล้ว

“ฉันไปลองไปดูหน่อย” เจี้ยจื้อจายคาบบุหรี่เดินออกไปจากบ้าน

บ้านหลังน้อยดูเงียบเป็นพิเศษ มีต้นแอปริคอทที่ใบแห้งเหี่ยวยืนต้นอยู่ตรงประตูบ้านใบเกือบครึ่งของมันร่วงหล่นลงมากองกันอยู่ที่พื้นบานประตูดูกระดํากระด่างเต็มไปด้วยเศษฝุ่นผงตัวล็อกอยู่ในสภาพใกล้พัง

เขาผลักประตูให้เปิดออก แอ็ด! เสียงเปิดประตูดังให้ได้ยินอย่างชัดเจน

“เฮ้อ!”

หลังจากเปิดประตู เจี้ยจื้อจายก็หยุดชะงัก บุหรี่ในมือของเขาไหม้จนหมดมวน เขาหยุดบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดสูบเขาผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านชายคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นเขาไม่หายใจอีกต่อไปแล้วดวงตาของเขาปิดสนิทและใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ

หมอพิษที่มีชื่อเสียง ตัวร้ายที่ฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนและสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาได้ตายลงเช่นนี้ตายอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆกลางเขาไม่มีใครรู้หรือสงสารเขา

“ลาก่อน”

“ตายแล้วเหรอ?” หูเหมยเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ตายแล้ว”

ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน

“นายว่า เวลาที่เราสองคนตายจะมีสภาพแบบไหน?” อยู่ๆหูเหมยก็ถามขึ้นมา

“อยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยลูกหลานยังไงล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด มันดูเหมือนนอกเรื่องแต่กลับเต็มไปด้วยความใส่ใจ

“ฉันก็หวังไว้แบบนั้น” หูเหมยพูดเสียงเบา ราวกับว่าเธอกําลังกังวลเรื่องบางอย่าง

“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เรายังต้องขยันให้มากด้วย”

“น่าเกลียด!”

หลังจากพวกเขาปิดประตู ก็มีเพียงร่างเย็นเฉียบของหมอพิษนอนอยู่ที่พื้นเพียงลำพัง

“ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับเซียนเชิง

“อิม”

เจียจื้อจายเดินไปที่คลินิกคนเดียว มีคนไข้กําลังรักษากับหวังเย้าอยู่ เขาจึงต้องรอก่อน

“มีอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ผมรอได้ เขียนเชิงทํางานก่อนเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“ได้ เทชาดื่มเองได้เลยนะครับ”หวังเย้าพูด

“อ้อ”

คนไข้ไม่ได้ป่วยหนักเขาเพียงเป็นไข้เท่านั้น หวังเย้าจ่ายยาและบอกให้เขากลับไปหลังจากให้คําแนะนําเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะ คนไข้กลับไปแล้ว มีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยครับ”

“หมอพิษตายแล้ว” เลี้ยจื้อจายพูด

หวังเย้าเงียบไปนาน เขาจ้องมองโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าเขา นี่คือชายที่เขาลงมือฆ่าเขาทําให้อีกฝ่ายเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย

“ผมรู้แล้ว”

“แล้วจะจัดการกับร่างของเขายังไง?”

“เรื่องนั้นผมคงต้องรบกวนพวกคุณแล้ว” หวังเย้าพูด

เขารักษาโรค,ฆ่าคน,และรู้เรื่องฮวงจุ้ยแต่เรื่องแบบนี้เขายังต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดการให้เขาจะจัดการด้วยวิธีปกติไม่ได้ ในเวลานี้เจียจื้อจายก็คือคนที่เชี่ยวชาญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“ได้”

“ตัวเขาเต็มไปด้วยพิษ ถึงเขาจะตายไปแล้วพิษจะไม่ทํางาน แต่ก็ต้องระวังตอนกลางวันให้มาที่นี่ผมจะเอายาแก้พิษให้

“ได้” เจียจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ”

“มันเป็นเรื่องที่ผมควรทําอยู่แล้ว มันคือการชดเชยให้” เจียจื้อจายพูด

เมื่อเห็นว่าหวังเข้าไม่อยากพูดอะไรมาก เจี้ยจื้อจายก็ออกมาจากคลินิกเขากลับไปที่บ้านเพื่อปรึกษาวิธีที่จะจัดการกับศพกับหูเหมย พวกเขาเชียวชาญในการจัดการกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วแต่พวกเขาก็ต้องคิดให้มาก พวกเขาไม่คุ้นชินกับวิถีชีวิตในหมู่บ้านหรือเขตแดนอื่นๆถึงหมอพิษจะตายไปแล้วแต่ร่างของเขาก็ไม่ต่างไปจากระเบิดเวลาถ้าพวกเขาไม่จัดการให้ดีก็อาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดตามมาได้

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ในปักกิ่ง

หลิวเจิ้งเพิ่งมองดูใบหน้าแดงระเรื่อของภรรยาอย่างมีความสุข พวกเขาเพิ่งไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในปักกิ่งมาหมอบอกกับพวกเขาว่าเด็กในครรภ์ปลอดภัยดีเรื่องนี้ยังทําให้หมอที่คุ้นเคยกับเฟิงเจียเหอต้องประหลาดใจหมอเคยรักษาเธอมาก่อนทั้งการตรวจสุขภาพและตอนแท้งทั้งสองครั้งมันจึงเป็นธรรมดาที่หมอจะ เข้าใจสภาพร่างกายของเฟิงเจียเหอดีเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เธอมาตรวจร่างกายตัวอ่อนในครรภ์เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาในตอนนั้น หมอเองก็เป็นกังวลอย่างมากแต่ตอนนี้เด็กในครรภ์กลับปกติดี สภาพร่างกายของคนเป็นแม่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่จําเป็นต้องตรวจเลย

“พวกคุณทําได้ยังไง?” สูตินารีแพทย์ ผู้อานวยการหลี่ถาม

“อ่อ ผู้อํานวยการหลี่ พวกเราไปหาแพทย์แผนจีนคนหนึ่ง แล้วก็ได้ทําการปรับเปลี่ยนบางอย่างมาน่ะค่ะ”เฟิงเจียเหอพูด

“โอ้ เป็นหมอจากที่ไหนเหรอคะ?” ผู้อํานวยการหลี่ถาม “เอ่อ อย่าเข้าใจฉันผิดนะคะฉันแค่สงสัยมากเท่านั้นความจริงถึงอาการที่คุณเป็นอยู่จะพบเจอได้ยากแต่ในแต่ละปีก็ยังเจออยู่เรื่อยๆวิธีการรักษาของเขาเห็นผลดีมากถ้ามันถูกใช้ได้อย่างแพร่หลายมันคงจะมีประโยชน์มาก”

“เอ่อ ผมคงต้องขอโทษด้วย”หลิวเจิ้งเฟิงพูด“เราไม่รู้รายละเอียดของหมอมากนักแล้วเขาก็ไม่ใช่คนปักกิ่งเราได้รู้จักเขาผ่านคนรู้จักนะครับ”

เขาจําได้ว่า หมอหวังมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่แปลกประหลาด หนึ่งในนั้นก็คือหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเขาให้คนรู้ได้ สาเหตุที่พวกเขาสามารถรักษากับหวังเย้าได้ก็เพราะญาติของฝั่งภรรยาหลายคนในปักกิ่งต่างพยายามติดต่อหมอหวังด้วยวิธีการต่างๆแต่มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ทําสําเร็จ

“จริงเหรอคะ? น่าเสียดายจริงๆ”ผู้อานวยการหลี่พูด“ถ้าในอนาคต พวกคุณได้มีโอกาสติดต่อกับเขาช่วยบอกเรื่องที่ฉันพูดให้เขาฟังด้วยนะคะ”

“ได้ครับ ผมจะจ่าเอาไว้” หลิวเจิ้งเฟิงพูด

พวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลและกลับบ้าน

“เฮ้อ ในที่สุดเราก็เบาใจได้บ้างแล้ว” เพิ่งเจียเหอพูด พวกเขายังวางใจทั้งหมดไม่ได้เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าที่เด็กจะคลอดไม่มีใครรับประกันได้ว่าในระหว่างนั้นจะไม่เกิดอะไรขึ้น

“อีกไม่กี่วัน ผมจะไปที่หมู่บ้านกลางเขา” หลิวเจิ้งเฟิงพูด

“ให้ฉันไปด้วยไหมคะ?”

“ไม่ต้องหรอก” หลิวเจิ้งเฟิงพูด “มันห่างจากที่นี่ไหมไกลมากเราต้องนั่งเครื่องบินและนั่งรถเพื่อไปที่นั่นมันเหนื่อยเกินไปอาการของเธอเพิ่งจะดีขึ้นดังนั้นอยู่พักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ”

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ”

ในตอนนี้ หัวใจที่แกว่งไกวอยู่ในอากาศของคนทั้งสองก็วางลงได้ในที่สุดถึงแม้จะแค่ชั่วคราวแต่ก็ยังถือว่าดี

ในตัวเมืองเหลียนชานหนึ่งชายและหนึ่งหญิงกําลังซื้อของด้วยกันอยู่

เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่คุ้นเคยสําหรับพวกเขา มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่เทียบกับเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว เมืองนี้ทั้งเล็กและล้าหลัง

“เล็กมาก!”

“ใช่ มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับเมืองที่พวกเราอยู่ด้วย” เขาพูด

ทั้งสองเดินไปบนถนนอย่างเชื่องช้าและไร้จุดหมายพวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าโรงหนังแห่งหนึ่งมันเป็นโรงหนังเพียงแห่งเดียวในเมืองเล็กๆนี้ราคาตั๋วหนังถือว่าแพงที่สุดในเมืองและเขตที่อยู่รอบๆแต่ทุกวันก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนนอกจากโรงหนังแห่งนี้แล้วโรงหนังที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากที่นี่ไปถึง 40 กว่ากิโลเมตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+