Elixir Supplier 856 ตั้งใจจริง

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 856 ตั้งใจจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อากาศเริ่มเย็นลง เย็นจนหายใจออกมาเป็นไอ

เมื่อพวกเขาเห็นหวังเย้าทั้งสองก็รีบเข้ามาทักทายเขา “สวัสดีครับ เขียนเชิง”

“พวกคุณกําลังจะขึ้นไปบนเขากันเหรอ?”หวังเย้าถาม

“ครับ”

“ดี พวกคุณไปเถอะ”

หวังเย้าเดินกลับไปที่บ้านของเขาในตอนที่เขากําลังจะยื่นมือไปเปิดประตูเขาก็เห็นรถคันหนึ่งมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน

เขาคิด หรือพวกเขาจะมาหาหมอ?

เมื่อรถหยุดลง ชายคนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถ จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กลงมาสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลหวังเข้าจึงรีบเดินกลับไปถึงการก้าวเดินของเขาจะไม่เร็วแต่ใช้เวลาไม่นานเขาก็ไปถึงที่คลินิก

“ทําไมถึงปิดได้ล่ะเนี้ย?”

ทั้งสองคนต่างหลั่งเหงื่อเย็น

“เด็กเป็นอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม สีหน้าของเด็กเริ่มคล้ํา

“เขาส่าลักตอนกินข้าว”

“ผมขอดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

เขาตรวจดูอาการของเด็กและตบหลังเด็กไปสองครั้ง จากนั้น เด็กก็สําลักเอาก้อนอาหารออกมาและเริ่มร้องไห้

หวังเย้าก้มลงมองและพบว่าสิ่งที่เด็กกินเข้าไปเป็นถั่ว เขาพูด “เด็กเล็กแบบนี้ยังไม่เหมาะที่จะกินอาหารประเภทนี้นะครับ”

“เฮ้อ เราไม่ได้อยากให้เขากินหรอก แต่เขาหยิบเข้าปากตอนที่เราเผลอพอดี”

หวังเข้าตรวจดูอาการของเด็กอีกครั้ง หลังจากยืนยันแล้วว่าเด็กไม่มีปัญหาอะไรอีกเขาก็พูดกับสองสามีภรรยาว่า“ไม่เป็นไรแล้วครับพวกคุณกลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด “คราวหน้าระวังให้มากกว่านี้ด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ ทั้งหมดเท่าไหร่?”

“ไม่คิดเงินครับ” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ แล้วจึงหันหน้าเดินกลับบ้าน

ชายคนนั้นขับรถผ่านมาทางเขาและหยุดรถเพื่อเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง“ขอบคุณนะครับ”

“ยินดีครับ” หวังเย้าตอบ “เดินทางปลอดภัยนะครับ!”

เขาเดินกลับบ้านช้าๆ

“ลูกกลับมาแล้ว” จางซิวหยิงกําลังเตรียมมื้อค่ำอยู่

“แม่ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” หวังเย้าถาม

“ไม่เป็นไรจ๊ะ กลับไปที่ห้องเถอะ” แม่ของเขาพูด “คืนนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้นนะ”

“แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“เขาออกไปดื่มข้างนอกน่ะสิ” แม่ของเขาพูด

พวกเขาทานอาหารค่ำและนั่งดูทีวีไปจนกระทั่งถึงสองทุ่มหวังเฟิงฮวาก็กลับมาทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล

“พ่อดื่มไปเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม

“เกินสามแก้ว อาจจะเป็นขวดเลยก็ได้” หวังเฟิงฮวาหัวเราะ

“รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะไปเอาน้ำมาให้” หลังจากพ่อของเขาทานอาหารแล้วหวังเย้าก็ทําซุปแก้เมาค้างมาให้เขาดื่มมันจะช่วยปกป้องกระเพาะและตับได้

“พ่อได้ยินมาว่า มีคนย้ายออกจากหมู่บ้านไปอีกสองคน” หวังเฟิงฮวาพูดในขณะที่ดื่มซุป

“ใครเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ครอบครัวของเม่าเชิง” หวังเฟิงฮวาพูด

“เฮ้อ” จางซิ่วหยิ่งถอนหายใจ

“มีคนซื้อบ้านไปสองหลัง แล้วพวกเขาก็ปรับปรุงบ้านเสร็จแล้วด้วย” หวังเฟิงฮวาพูด “เสียวเย้าลูกรู้จักพวกเขารึเปล่า?”

“ครับ เป็นเจิ้งเหว่ยจวินที่ทําโรงงานผลิตยากับผมยังไงล่ะครับ พ่อก็เคยเจอเขาแล้ว”หวังเย้าพูด

“เป็นเขานี้เอง เขารวยมากเลยเหรอ?” พ่อของเขาถาม

“รวยสิครับ เขาไม่ใช่แค่รวยธรรมดานะครับ แต่รวยมาก” หวังเย้าพูด

“ความคิดของคนรวยไม่เหมือนกับคนอย่างเราสักนิด” จางซิวหยิงพูด “ชาวบ้านต่างอยากย้ายออกแต่คนอื่นกลับอยากย้ายเข้า”

“อีกหน่อยก็จะมีคนย้ายเข้ามาอยู่อีก แต่ก็มีบางคนที่มาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ถึงพวกเขาอยากจะมาอยู่ก็ตามที”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“ใครอยากมาอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ?” แม่ของเขาถาม

“บอกไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูด

ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างบ้านขึ้นบนที่ดินเปล่า จากข้อตกลงเดิมพวกเขาทําได้แค่ปรับปรุงบ้านเดิมที่มีอยู่เท่านั้นจํานวนบ้านหลังใหม่จึงมีอยู่น้อย

เขาอยู่คุยกับพ่อแม่จนถึงสามทุ่ม แล้วถึงกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น

ตอนเช้า พ่อของเด็กที่หวังเข้ารักษาให้เมื่อวานได้มาที่คลินิกอีกครั้งเขามาพร้อมกับป้ายประกาศที่เขียนติดเอาไว้ว่า“หมอฮัวโต่ผู้มีมือและหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์”

เขาได้สั่งทําป้ายเป็นพิเศษเพื่อแสดงความขอบคุณต่อหวังเย้า

“ขอบคุณนะครับ”

หวังเย้ายิ้มและรับป้ายมา

ตอนเช้า อยู่ๆจงหลิวชวนก็มาหาที่คลินิก

“เชียนเชิง ผมเจอปัญหาตอนที่ฝึกอยู่ครับ” เขาพูด

“ปัญหาอะไร?” หวังเย้าถาม

จงหลิวชวนบอกเล่าความสับสนที่เขาได้เผชิญมาสองสามวันนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงคอขวดไม่ว่าเขาจะฝึกอย่างไรก็ไม่มีทีท่าที่จะพัฒนาขึ้นไปได้อีก

“คุณรีบเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ผมไม่ได้รีบเลยครับ” จงหลิวชวนเข้าใจความหมายของหวังเย้าทันที “เชียนเชิงขอโทษที่มารบกวนนะครับ”

“อ่านคัมภีร์เต่ให้มาก” หวังเย้าพูด

“ผมเข้าใจแล้วครับ” จงหลิวชวนพูด

ยูนนานใต้ ที่ไกลออกไปหลายพันไมล์

“ทําไมถึงหาข่าวมาได้เร็วแบบนี้ล่ะครับ?!”

“ผมไม่อยากให้คุณชายต้องเป็นกังวล ผมก็เลยรีบมาบอกข่าวก่อน” เสวี่ยซินหยวนมองชายหนุ่มหน้าใสที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่เข้าใจว่าทําไมชายหนุ่มต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

“ดีครับ เชิญบอกมาได้เลย” กั่วเจิ้งเหอพูด

“สถานที่แห่งนั้นมีอยู่จริงครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด“มันตั้งอยู่ที่ยูนนานใต้ แต่มันอยู่ในป่าที่ห่างไกลมากถนนหนทางไม่ราบรื่นและยังเป็นหมู่บ้านแบบปิดด้วยพวกเขาไม่ต้อนรับคนนอกเราพยายามเข้าไปใกล้แล้วแต่ก็พบว่าพวกเขามีกองกําลังที่คอยจับตามองอยู่รอบนอกของป่าด้วย”

“พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพิษ ใช่ไหมครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“จากที่ผมรู้มา พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพิษ แล้วยังเลี้ยงแมลงพิษด้วยครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่อยากให้คุณชายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเพราะพวกเขาอันตรายเกินไป”

จากข้อมูลที่สืบได้ในหลายวันนี้หมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่มานานหลายร้อยปีหรืออาจจะนานกว่านั้นก็เป็นได้พวกเขาถึงกับมีตํานานมาถึงคนรุ่นหลังส่วนโรงเรียนหรือหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่นั้นเขารู้สึกลังเลที่จะเข้าไปสืบหาข้อมูลในนั้น

พวกเขาอยู่มานานดังนั้นพวกเขาจึงมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของตัวเองอยู่

“ผมก็ไม่ได้อยาก แต่พวกเขามาหาผมก่อน” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผลการชันสูตรล่าสุดที่ออกมา แสดงให้เห็นว่าพบพิษไร้ที่มาอยู่บนตัวของทั้ง 11 คนมันมีปริมาณน้อยมากแต่ก็มีอยู่” เขาพูด สาเหตุที่ก่อนหน้านั้นตรวจไม่พบเป็นเพราะวิธีการตรวจสอบและอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจํากัด

“แล้วคุณชายคิดจะทํายังไงครับ?” เสวี่ยซินหยวนถาม

“มีคนของพวกเขาอยู่ข้างนอกบ้างไหมครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ผมกําลังสืบเรื่องนี้อยู่แต่ก็เข้าใกล้มากแล้ว” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ถ้าคุณรู้จักพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ช่วยติดต่อพวกเขาให้ทีนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“ได้ครับ”

หลังจากดื่มชาหมดไปหนึ่งถ้วย เสวี่ยซินหยวนก็จากไป

หุบเขาพันโอสถ…โลกที่ถูกซ่อนเร้น…หืม..กั่วเจิ้งเหอหรี่ตาด้วยกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร

พระอาทิตย์โรยตัวลงเป็นภาพยามเย็นที่งดงาม

เย็นวันนั้นรถป้ายทะเบียนต่างเมืองได้ขับเข้ามาในหมู่บ้าน

“ที่นี่เหรอ?”

“ใช่ ที่นี่แหละ”

ชายในชุดสูทสวมแว่นตาได้เดินไปเคาะประตูคลินิก

เมื่อรู้ความต้องการของอีกฝ่าย หวังเย้าก็พูดว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่รักษาคนไข้นอกสถานที่ครับ”

“ถ้าคุณไม่พอใจ เราสามารถตกลงเรื่องค่ารักษาก่อนได้” เขาพูด “สถานการณ์ของคนไข้คนนี้ค่อนข้างพิเศษแล้วเราก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเขาได้ด้วย”

“ผมบอกแล้วว่าไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูดนิ่งๆ

“ถ้าคุณมีความต้องการอะไร บอกผมได้เลยนะครับ” เขาพูด “ตราบใดที่ผมทําได้ผมจะพยายามถึงที่สุด”

หวังเย้าทําเพียงนิ่งเงียบและโบกมือปฏิเสธ

เขาเดินออกจากคลินิกด้วยความผิดหวังและขึ้นไปนั่งบนรถ

“เป็นยังไง?” ชายวัยสี่สิบที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยถาม

“ขอโทษด้วยครับ เขาไม่ยินดีที่จะไปรักษาข้างนอก” ชายสวมแว่นพูด

“ฉันไม่โทษนายหรอก ฉันรู้ดีว่านิสัยของเขาออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย”ชายวัยกลางคนพูด

“พอจะมีทางอื่นอีกไหมครับ?” ชายสวมแว่นถาม

“ฉันได้ยินมาว่า พ่อแม่กับเพื่อนบางคนของเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้” ชายวัยกลางคนพูด“บางทีเราอาจจะเริ่มจากคนพวกนี้ก่อน”

“อย่างเพิ่งไปรบกวนครอบครัวของเขา เริ่มจากเพื่อนของเขาก่อน” ชายวัยกลางคนกล่าวเสริม

“ได้ครับ”

“เสี่ยวเหอ เธออยู่ที่นี่จัดการเรื่องนี้ทีนะ” ชายวัยกลางคนพูด

“ได้ครับ”

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

เช้าตรู่วันต่อมา จงหลิวชวนกับเจียจื้อจายกําลังวิ่งออกกําลังกายอยู่ พวกเขาวิ่งไปทางทิศตะวันออกของภูเขา

“ขึ้นมา” พวกเขาได้ยินเสียงหนึ่ง มันเสียงนั้นดังมากและเสียงนั้นเดินทางมาไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตรแต่กลับส่งมาถึงหูพวกเขาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจี่ยจื้อจายก็อึ้งไปพักหนึ่ง เขามองไปรอบๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็มองเห็นหวังเย้ายืนอยู่บนเขา

“เชียนเชิงอยู่ตรงนั้นเหรอ?” เขาตะโกนขึ้นไปบนเขา แต่แล้วเสียงของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ใช่ ผมเอง ขึ้นมาบนเขาสิ” หวังเย้าพูด

“ได้ครับ!” เจียจื้อจายพูดอย่างยินดี เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร

เขารีบวิ่งขึ้นไปบนเขา เขาถึงขนาดล้มไปสองสามครั้งเพราะความตื่นเต้น

“เชียนเชิง”

“คุณจะได้เริ่มเรียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” หวังเย้าพูด “คุณจะเรียนรู้จากจงหลิวชวน”

“ได้ครับ เชียนเชิง”เจี้ยจื้อจายพูดอย่างมีความสุข

ความตั้งใจของเขาไม่เสียเปล่าแล้วในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง

“ศิษย์พี่”

จงหลิวชวนยิ้มและพยักหน้าให้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Elixir Supplier 856 ตั้งใจจริง

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 856 ตั้งใจจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อากาศเริ่มเย็นลง เย็นจนหายใจออกมาเป็นไอ

เมื่อพวกเขาเห็นหวังเย้าทั้งสองก็รีบเข้ามาทักทายเขา “สวัสดีครับ เขียนเชิง”

“พวกคุณกําลังจะขึ้นไปบนเขากันเหรอ?”หวังเย้าถาม

“ครับ”

“ดี พวกคุณไปเถอะ”

หวังเย้าเดินกลับไปที่บ้านของเขาในตอนที่เขากําลังจะยื่นมือไปเปิดประตูเขาก็เห็นรถคันหนึ่งมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน

เขาคิด หรือพวกเขาจะมาหาหมอ?

เมื่อรถหยุดลง ชายคนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถ จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กลงมาสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลหวังเข้าจึงรีบเดินกลับไปถึงการก้าวเดินของเขาจะไม่เร็วแต่ใช้เวลาไม่นานเขาก็ไปถึงที่คลินิก

“ทําไมถึงปิดได้ล่ะเนี้ย?”

ทั้งสองคนต่างหลั่งเหงื่อเย็น

“เด็กเป็นอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม สีหน้าของเด็กเริ่มคล้ํา

“เขาส่าลักตอนกินข้าว”

“ผมขอดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

เขาตรวจดูอาการของเด็กและตบหลังเด็กไปสองครั้ง จากนั้น เด็กก็สําลักเอาก้อนอาหารออกมาและเริ่มร้องไห้

หวังเย้าก้มลงมองและพบว่าสิ่งที่เด็กกินเข้าไปเป็นถั่ว เขาพูด “เด็กเล็กแบบนี้ยังไม่เหมาะที่จะกินอาหารประเภทนี้นะครับ”

“เฮ้อ เราไม่ได้อยากให้เขากินหรอก แต่เขาหยิบเข้าปากตอนที่เราเผลอพอดี”

หวังเข้าตรวจดูอาการของเด็กอีกครั้ง หลังจากยืนยันแล้วว่าเด็กไม่มีปัญหาอะไรอีกเขาก็พูดกับสองสามีภรรยาว่า“ไม่เป็นไรแล้วครับพวกคุณกลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด “คราวหน้าระวังให้มากกว่านี้ด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ ทั้งหมดเท่าไหร่?”

“ไม่คิดเงินครับ” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ แล้วจึงหันหน้าเดินกลับบ้าน

ชายคนนั้นขับรถผ่านมาทางเขาและหยุดรถเพื่อเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง“ขอบคุณนะครับ”

“ยินดีครับ” หวังเย้าตอบ “เดินทางปลอดภัยนะครับ!”

เขาเดินกลับบ้านช้าๆ

“ลูกกลับมาแล้ว” จางซิวหยิงกําลังเตรียมมื้อค่ำอยู่

“แม่ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” หวังเย้าถาม

“ไม่เป็นไรจ๊ะ กลับไปที่ห้องเถอะ” แม่ของเขาพูด “คืนนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้นนะ”

“แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“เขาออกไปดื่มข้างนอกน่ะสิ” แม่ของเขาพูด

พวกเขาทานอาหารค่ำและนั่งดูทีวีไปจนกระทั่งถึงสองทุ่มหวังเฟิงฮวาก็กลับมาทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล

“พ่อดื่มไปเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม

“เกินสามแก้ว อาจจะเป็นขวดเลยก็ได้” หวังเฟิงฮวาหัวเราะ

“รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะไปเอาน้ำมาให้” หลังจากพ่อของเขาทานอาหารแล้วหวังเย้าก็ทําซุปแก้เมาค้างมาให้เขาดื่มมันจะช่วยปกป้องกระเพาะและตับได้

“พ่อได้ยินมาว่า มีคนย้ายออกจากหมู่บ้านไปอีกสองคน” หวังเฟิงฮวาพูดในขณะที่ดื่มซุป

“ใครเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ครอบครัวของเม่าเชิง” หวังเฟิงฮวาพูด

“เฮ้อ” จางซิ่วหยิ่งถอนหายใจ

“มีคนซื้อบ้านไปสองหลัง แล้วพวกเขาก็ปรับปรุงบ้านเสร็จแล้วด้วย” หวังเฟิงฮวาพูด “เสียวเย้าลูกรู้จักพวกเขารึเปล่า?”

“ครับ เป็นเจิ้งเหว่ยจวินที่ทําโรงงานผลิตยากับผมยังไงล่ะครับ พ่อก็เคยเจอเขาแล้ว”หวังเย้าพูด

“เป็นเขานี้เอง เขารวยมากเลยเหรอ?” พ่อของเขาถาม

“รวยสิครับ เขาไม่ใช่แค่รวยธรรมดานะครับ แต่รวยมาก” หวังเย้าพูด

“ความคิดของคนรวยไม่เหมือนกับคนอย่างเราสักนิด” จางซิวหยิงพูด “ชาวบ้านต่างอยากย้ายออกแต่คนอื่นกลับอยากย้ายเข้า”

“อีกหน่อยก็จะมีคนย้ายเข้ามาอยู่อีก แต่ก็มีบางคนที่มาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ถึงพวกเขาอยากจะมาอยู่ก็ตามที”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“ใครอยากมาอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ?” แม่ของเขาถาม

“บอกไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูด

ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างบ้านขึ้นบนที่ดินเปล่า จากข้อตกลงเดิมพวกเขาทําได้แค่ปรับปรุงบ้านเดิมที่มีอยู่เท่านั้นจํานวนบ้านหลังใหม่จึงมีอยู่น้อย

เขาอยู่คุยกับพ่อแม่จนถึงสามทุ่ม แล้วถึงกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น

ตอนเช้า พ่อของเด็กที่หวังเข้ารักษาให้เมื่อวานได้มาที่คลินิกอีกครั้งเขามาพร้อมกับป้ายประกาศที่เขียนติดเอาไว้ว่า“หมอฮัวโต่ผู้มีมือและหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์”

เขาได้สั่งทําป้ายเป็นพิเศษเพื่อแสดงความขอบคุณต่อหวังเย้า

“ขอบคุณนะครับ”

หวังเย้ายิ้มและรับป้ายมา

ตอนเช้า อยู่ๆจงหลิวชวนก็มาหาที่คลินิก

“เชียนเชิง ผมเจอปัญหาตอนที่ฝึกอยู่ครับ” เขาพูด

“ปัญหาอะไร?” หวังเย้าถาม

จงหลิวชวนบอกเล่าความสับสนที่เขาได้เผชิญมาสองสามวันนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงคอขวดไม่ว่าเขาจะฝึกอย่างไรก็ไม่มีทีท่าที่จะพัฒนาขึ้นไปได้อีก

“คุณรีบเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ผมไม่ได้รีบเลยครับ” จงหลิวชวนเข้าใจความหมายของหวังเย้าทันที “เชียนเชิงขอโทษที่มารบกวนนะครับ”

“อ่านคัมภีร์เต่ให้มาก” หวังเย้าพูด

“ผมเข้าใจแล้วครับ” จงหลิวชวนพูด

ยูนนานใต้ ที่ไกลออกไปหลายพันไมล์

“ทําไมถึงหาข่าวมาได้เร็วแบบนี้ล่ะครับ?!”

“ผมไม่อยากให้คุณชายต้องเป็นกังวล ผมก็เลยรีบมาบอกข่าวก่อน” เสวี่ยซินหยวนมองชายหนุ่มหน้าใสที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่เข้าใจว่าทําไมชายหนุ่มต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

“ดีครับ เชิญบอกมาได้เลย” กั่วเจิ้งเหอพูด

“สถานที่แห่งนั้นมีอยู่จริงครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด“มันตั้งอยู่ที่ยูนนานใต้ แต่มันอยู่ในป่าที่ห่างไกลมากถนนหนทางไม่ราบรื่นและยังเป็นหมู่บ้านแบบปิดด้วยพวกเขาไม่ต้อนรับคนนอกเราพยายามเข้าไปใกล้แล้วแต่ก็พบว่าพวกเขามีกองกําลังที่คอยจับตามองอยู่รอบนอกของป่าด้วย”

“พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพิษ ใช่ไหมครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“จากที่ผมรู้มา พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องพิษ แล้วยังเลี้ยงแมลงพิษด้วยครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่อยากให้คุณชายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเพราะพวกเขาอันตรายเกินไป”

จากข้อมูลที่สืบได้ในหลายวันนี้หมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่มานานหลายร้อยปีหรืออาจจะนานกว่านั้นก็เป็นได้พวกเขาถึงกับมีตํานานมาถึงคนรุ่นหลังส่วนโรงเรียนหรือหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่นั้นเขารู้สึกลังเลที่จะเข้าไปสืบหาข้อมูลในนั้น

พวกเขาอยู่มานานดังนั้นพวกเขาจึงมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของตัวเองอยู่

“ผมก็ไม่ได้อยาก แต่พวกเขามาหาผมก่อน” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผลการชันสูตรล่าสุดที่ออกมา แสดงให้เห็นว่าพบพิษไร้ที่มาอยู่บนตัวของทั้ง 11 คนมันมีปริมาณน้อยมากแต่ก็มีอยู่” เขาพูด สาเหตุที่ก่อนหน้านั้นตรวจไม่พบเป็นเพราะวิธีการตรวจสอบและอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจํากัด

“แล้วคุณชายคิดจะทํายังไงครับ?” เสวี่ยซินหยวนถาม

“มีคนของพวกเขาอยู่ข้างนอกบ้างไหมครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ผมกําลังสืบเรื่องนี้อยู่แต่ก็เข้าใกล้มากแล้ว” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ถ้าคุณรู้จักพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ช่วยติดต่อพวกเขาให้ทีนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“ได้ครับ”

หลังจากดื่มชาหมดไปหนึ่งถ้วย เสวี่ยซินหยวนก็จากไป

หุบเขาพันโอสถ…โลกที่ถูกซ่อนเร้น…หืม..กั่วเจิ้งเหอหรี่ตาด้วยกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร

พระอาทิตย์โรยตัวลงเป็นภาพยามเย็นที่งดงาม

เย็นวันนั้นรถป้ายทะเบียนต่างเมืองได้ขับเข้ามาในหมู่บ้าน

“ที่นี่เหรอ?”

“ใช่ ที่นี่แหละ”

ชายในชุดสูทสวมแว่นตาได้เดินไปเคาะประตูคลินิก

เมื่อรู้ความต้องการของอีกฝ่าย หวังเย้าก็พูดว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่รักษาคนไข้นอกสถานที่ครับ”

“ถ้าคุณไม่พอใจ เราสามารถตกลงเรื่องค่ารักษาก่อนได้” เขาพูด “สถานการณ์ของคนไข้คนนี้ค่อนข้างพิเศษแล้วเราก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเขาได้ด้วย”

“ผมบอกแล้วว่าไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูดนิ่งๆ

“ถ้าคุณมีความต้องการอะไร บอกผมได้เลยนะครับ” เขาพูด “ตราบใดที่ผมทําได้ผมจะพยายามถึงที่สุด”

หวังเย้าทําเพียงนิ่งเงียบและโบกมือปฏิเสธ

เขาเดินออกจากคลินิกด้วยความผิดหวังและขึ้นไปนั่งบนรถ

“เป็นยังไง?” ชายวัยสี่สิบที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยถาม

“ขอโทษด้วยครับ เขาไม่ยินดีที่จะไปรักษาข้างนอก” ชายสวมแว่นพูด

“ฉันไม่โทษนายหรอก ฉันรู้ดีว่านิสัยของเขาออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย”ชายวัยกลางคนพูด

“พอจะมีทางอื่นอีกไหมครับ?” ชายสวมแว่นถาม

“ฉันได้ยินมาว่า พ่อแม่กับเพื่อนบางคนของเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้” ชายวัยกลางคนพูด“บางทีเราอาจจะเริ่มจากคนพวกนี้ก่อน”

“อย่างเพิ่งไปรบกวนครอบครัวของเขา เริ่มจากเพื่อนของเขาก่อน” ชายวัยกลางคนกล่าวเสริม

“ได้ครับ”

“เสี่ยวเหอ เธออยู่ที่นี่จัดการเรื่องนี้ทีนะ” ชายวัยกลางคนพูด

“ได้ครับ”

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

เช้าตรู่วันต่อมา จงหลิวชวนกับเจียจื้อจายกําลังวิ่งออกกําลังกายอยู่ พวกเขาวิ่งไปทางทิศตะวันออกของภูเขา

“ขึ้นมา” พวกเขาได้ยินเสียงหนึ่ง มันเสียงนั้นดังมากและเสียงนั้นเดินทางมาไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตรแต่กลับส่งมาถึงหูพวกเขาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจี่ยจื้อจายก็อึ้งไปพักหนึ่ง เขามองไปรอบๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็มองเห็นหวังเย้ายืนอยู่บนเขา

“เชียนเชิงอยู่ตรงนั้นเหรอ?” เขาตะโกนขึ้นไปบนเขา แต่แล้วเสียงของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ใช่ ผมเอง ขึ้นมาบนเขาสิ” หวังเย้าพูด

“ได้ครับ!” เจียจื้อจายพูดอย่างยินดี เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร

เขารีบวิ่งขึ้นไปบนเขา เขาถึงขนาดล้มไปสองสามครั้งเพราะความตื่นเต้น

“เชียนเชิง”

“คุณจะได้เริ่มเรียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” หวังเย้าพูด “คุณจะเรียนรู้จากจงหลิวชวน”

“ได้ครับ เชียนเชิง”เจี้ยจื้อจายพูดอย่างมีความสุข

ความตั้งใจของเขาไม่เสียเปล่าแล้วในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง

“ศิษย์พี่”

จงหลิวชวนยิ้มและพยักหน้าให้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+