ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 472 จุมพิตแรกของฮ่องเต้น้อย / 473 ยังยินดียอมรับน้องสาวคนนี้หรือไม่

Now you are reading ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด Chapter 472 จุมพิตแรกของฮ่องเต้น้อย / 473 ยังยินดียอมรับน้องสาวคนนี้หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 472 จุมพิตแรกของฮ่องเต้น้อย  

 

 

เฉินมั่วฉือพุ่งมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ หากเป็นตอนปกติ หลิงอวี้จื้อต้องถอยหลังไปแน่นอน ตอนนี้เธอขยับไม่ได้ ทำได้เพียงลืมตามองเฉินมั่วฉือเท่านั้น ในใจวิตกกังวลสุดขีด ฮ่องเต้น้อยจะทำอะไรกันแน่  

 

 

“ฝ่าบาท หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน พระองค์มีอะไรจะตรัสกับหม่อมฉันก็ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้เพคะ หูหม่อมฉันดี ได้ยินหมดเพคะ”  

 

 

เฉินมั่วฉือโบกมือ กงกงและเหล่าสาวใช้ต่างถอยไปไกลกว่าสิบเมตร ทุกคนต่างก้มหน้า  

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าเฉินมั่วฉือจะทำอะไร ในใจก็ยิ่งตื่นเต้นกังวล เจ้าเด็กแสบนี่สมองเบลออีกแล้วใช่ไหม! หากรู้อย่างนี้ก่อนว่าตะโกนแล้วจะเรียกเฉินมั่วฉือเข้ามา เธอจะยอมทนไปสองสามชั่วโมงแต่โดยดี  

 

 

เฉินมั่วฉือมิได้ถอยห่างไปด้วยซ้ำ แต่กลับประคองหน้าของหลิงอวี้จื้อโดยไม่สนใจใคร  

 

 

“แม่สาวน้อย เจ้าจะแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ต่อไปเราเห็นเจ้า ก็ต้องเรียกเจ้าว่าพระชายา”  

 

 

“ไม่มีอะไรผิดนี่เพคะ ฝ่าบาท จะทำอะไรเพคะ อย่าทำอะไรเหลวไหลนะเพคะ พระองค์เป็นถึงประมุขของแคว้นนะเพคะ”  

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่ชินกับการถูกเฉินมั่วฉือลูบหน้าเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ขยับไม่ได้ บ้าบอแท้ๆ นึกไม่ถึงว่าจะมอบโอกาสเช่นนี้ให้กับเฉินมั่วฉือ  

 

 

“เราเป็นประมุขของแคว้นแล้วอย่างไร เรากลับมีเจ้าไว้ไม่ได้ แม่สาวน้อย เจ้าว่าเราไม่เข้าใจว่าการรักคนคนหนึ่งเป็นอย่างไร  

 

 

เรามิได้รั้งมิให้เจ้าแต่งงานกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เรื่องที่เจ้าขอร้องเรา เราก็ทำให้ตามที่เจ้าปรารถนาหมดแล้ว เจ้ายังกล้ามาบอกว่าเราไม่เข้าใจว่าการรักคนคนหนึ่งเป็นอย่างไรอีกหรือ ตอนนี้เราไม่ได้จะให้เจ้าทำอะไร แต่ให้เจ้าตอบแทนเราสักครั้ง”  

 

 

“ฝ่าบาทคลายจุดให้หม่อมฉันก่อนเถิดเพคะ ขอเพียงเป็นเรื่องที่หม่อมฉันทำได้ หม่อมฉันทำให้แน่นอน ตอนนี้หม่อมฉันเป็นหญิงที่กำลังจะแต่งงาน ฝ่าบาทพูดคุยกับหม่อมฉันเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเพคะ หากมีคนเห็นเข้า ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงหม่อมฉันจะเสียหาย ฝ่าบาทก็จะเสียหายด้วยเพคะ”  

 

 

“เราไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ที่นี่มีแต่คนของเรา ไม่มีใครกล้าพูดอะไร”  

 

 

เฉินมั่วฉือทำหน้าไม่ยี่หระ จู่ๆ ก็โน้มตัวลงจุมพิตริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อ  

 

 

หลิงอวี้จื้อมึนงงไปโดยสิ้นเชิง เหมือนโดนไฟช็อตไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าใส่หัวติดต่อกันห้าครั้ง พระเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะโดนเด็กแสบจูบ ซ้ำยังไม่คิดจะปล่อยเธอด้วย  

 

 

ถึงแม้เมื่อก่อนเธอจะเคยถ่ายฉากจูบมาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีคู่แสดงที่เด็กขนาดนี้  

 

 

เฉินมั่วฉือดูเหมือนจะพอใจอย่างยิ่ง จูบหลิงอวี้จื้ออย่างเก้ๆ กังๆ แต่ก็อ่อนโยน ราวกับว่านี่เป็นขนมหวานที่ถูกปาก ไม่อยากปล่อยหลิงอวี้จื้อไปเลย หากเธอเป็นของเขาก็ดีสิ ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในสมองของเฉินมั่วฉือไม่หยุด  

 

 

ในที่สุดเฉินมั่วฉือก็ผละจากริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อเหม่อๆ ลอยๆ ราวกับเป็นก้อนประติมากรรม จ้องเฉินมั่วฉือเขม็งด้วยความโมโห เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่าเฉินมั่วฉือล่วงละเมิดเธอ  

 

 

เฉินมั่วฉือมองข้ามโทสะของหลิงอวี้จื้อ อารมณ์ดีสุดขีด ใบหน้ามีรอยยิ้มพึงใจ  

 

 

“ริมฝีปากเจ้านุ่มมาก”  

 

 

หลิงอวี้จื้อโกรธจนแทบกระอักเลือด นุ่มกับผีสิ  

 

 

“แม่สาวน้อย ข้าไม่เคยจุมพิตใครมาก่อน อยากจุมพิตเจ้าผู้เดียวเท่านั้น จุมพิตแรกของเรามอบให้เจ้า เมื่อก่อนเราไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการรักคนคนหนึ่งเป็นอย่างไร เจ้าสอนเรา ต่อไปเราจะเข้าใจเอง”  

 

 

พูดจบเฉินมั่วฉือก็คลายจุดลมปราณให้หลิงอวี้จื้อ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา  

 

 

เฉินมั่วฉือเป็นฮ่องเต้ หลิงอวี้จื้อไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ได้แต่แอบด่าเขาในใจ ยังดีที่เซียวเหยี่ยนไม่อยู่ มิเช่นนั้นเธอก็ไม่รู้จะอธิบายกับเซียวเหยี่ยนอย่างไร  

 

 

เฉินมั่วฉือเองก็บ้าไปแล้ว ทำไมถึงมัวแต่ลุ่มหลงเธออยู่ได้ ช่างเป็นเด็กแก่แดดจริงๆ ไม่ได้ เธอต้องรีบออกจากวังไปหามั่วชิง  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 473 ยังยินดียอมรับน้องสาวคนนี้หรือไม่  

 

 

ณ วังฉางเล่อกง  

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยคุกเข่ากับพื้น คลานเข่าไปข้างหน้า สีหน้าเสียใจ  

 

 

“ท่านพี่ฟังข้าพูดก่อน ข้ามิได้ตั้งใจจะหลอกเจ้า หลายปีมานี้ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่สาวแท้ๆ จริงๆ ระลึกอยู่เสมอว่าเจ้าดูแลข้าอย่างไร  

 

 

หากไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่สามารถแต่งงานกับเจียงปินได้ คงถูกท่านพ่อจัดการให้แต่งงานกับคนที่ไม่ชอบไปนานแล้ว สามีที่ตรงใจเช่นนี้ เจ้าก็เลือกมาให้ข้า ข้าต้องซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้า และอยากช่วยเหลือเจ้ามากอยู่แล้ว”  

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์มิได้มองมู่หรงกวานเสวี่ยที่อยู่บนพื้น ถามอย่างเย็นชาว่า  

 

 

“กวานเสวี่ยอยู่ที่ไหน”  

 

 

“ข้าเข้าจวนตระกูลมู่หรงมาแทนที่มู่หรงกวานเสวี่ยเมื่ออายุสิบสี่ปี มู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริงถูกฆ่าไปแล้ว”  

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยก้มหน้า ไม่กล้าสบตามู่หรงกวานเย่ว์  

 

 

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงกวานเย่ว์ก็แสดงสีหน้ากราดเกรี้ยว แววตาประกายรังสีสังหาร  

 

 

“เจ้าฆ่าน้องสาวข้าหรือ”  

 

 

“ไม่ใช่ข้า เป็นคนสำนักอู๋จี๋ ข้าเรียนกิริยามารยาทมาจากคุณหนูรองมาโดยตลอด  

 

 

เมื่อคุณหนูรองตายแล้ว ข้าถึงได้เข้ามาในจวนตระกูลมู่หรง  

 

 

ท่านพี่ ข้ากับเจ้าก็อยู่เคียงกันมาสิบปีแล้ว สิบปีมานี้ ข้าถึงกับลืมภารกิจของตนเอง มองตนเองเป็นมู่หรงกวานเสวี่ย มีใจอยากช่วยท่านพี่เท่านั้น ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับท่านพี่เลยสักครั้ง  

 

 

ครั้งนี้เฟิงอิ๋นจะแต่งงาน ท่านอาจารย์จึงให้ข้ากลับสำนักอู๋จี๋ ข้าพบเข้ากับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยบังเอิญ นึกถึงว่าเขาทำให้ท่านพี่ผิดหวัง ข้าก็อยากฆ่าท่านอ๋องจริงๆ เพียงแต่ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ ครั้งนี้ข้าเสี่ยงอันตรายแอบกลับมา ก็เพราะอยากจะอธิบายให้ท่านพี่ฟัง”  

 

 

เรื่องเหล่านี้มู่หรงกวานเย่ว์ก็รู้ มู่หรงกวานเสวี่ยสนิทกับนางมาก สิบปีมานี้ช่วยเหลือนางไว้ไม่น้อยจริงๆ นางเองก็ไว้ใจน้องสาวคนนี้มาก และไม่เคยคาดคิดว่านางจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของตน  

 

 

นางเก็บอารมณ์ของตนเอง ถามอย่างสงบนิ่งว่า  

 

 

“เจียงสือส่งเจ้ามาที่จวนมู่หรง มีจุดประสงค์อะไร”  

 

 

“ท่านอาจารย์มิได้บอก พูดเพียงว่ารอถึงเวลาเหมาะสมจะบอกข้า ปกติเพียงแต่ให้ข้าคอยทำให้ความสัมพันธ์ของไทเฮากับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ห่างเหินกัน ข้ารู้ใจของท่านพี่ จึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับท่านพี่”  

 

 

“ง่ายๆ แค่นี้เองหรือ”  

 

 

เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเย่ว์ไม่เชื่อ จึงย้อนถาม  

 

 

“ข้ารู้ว่าท่านอาจารย์มีความสัมพันธ์บางอย่างกับบางคนในเมืองหลวงนี้ เพียงแต่คนนั้นติดต่อกับท่านอาจารย์โดยตรง ข้าก็ไม่แน่ใจว่าแท้จริงเขาคือใคร สร้อยข้อมือหินอาตมันคนผู้นั้นก็เป็นคนมอบให้ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  

 

 

ในเมืองหลวงยังมีผู้คุมกฎอีกคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้คุมกฎคนนั้นคือใคร คนนั้นต่างหากที่เป็นคนที่ท่านอาจารย์พึ่งพามากที่สุด ข้าก็ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง”  

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์พิจารณาคำพูดของมู่หรงกวานเสวี่ย แสดงว่าในเมืองหลวงมีคนสมรู้ร่วมคิดกับสำนักอู๋จี๋ คนผู้นั้นคือใครกันแน่ แล้วผู้คุมกฎอีกคนคือใคร  

 

 

นึกไม่ถึงว่าองค์กรหนึ่งในยุทธภพจะแทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงได้ เงียบเชียบเช่นนี้ แม้แต่นางเองยังไม่เคยรู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าสำนักอู๋จี๋น่ากลัว นางจะต้องค้นหาคนผู้นี้ให้เจอให้ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นภัยซ่อนเร้นที่ใหญ่หลวงมากสำหรับนาง เรื่องนี้ควรร่วมมือกับเซียวเหยี่ยนถึงจะถูก  

 

 

“ท่านพี่ ครั้งนี้ข้าแอบหนีออกมาจากสำนักอู่จี๋ ข้าทรยศต่อสำนักอู๋จี๋แล้ว ตอนนี้พลังอำนาจของท่านอาจารย์เสียหายอย่างหนัก นางไม่มีแก่ใจคิดจะจัดการข้า ต่อไปข้าคงพึ่งพาท่านพี่ได้เท่านั้น กับความผูกพันสิบปี ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่านพี่ ท่านพี่ ยังยินดียอมรับน้องสาวคนนี้หรือไม่”  

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยมองมู่หรงกวานเย่ว์อย่างวิงวอน นางก็เดาเจตนาของมู่หรงกวานเย่ว์ไม่ถูก ไม่รู้ว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะจัดการนางอย่างไร หากมู่หรงกวานเย่ว์ทิ้งนาง เช่นนั้นสิ่งที่รอคอยนางอยู่ก็มีแต่เพียงความตายเท่านั้น  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด