ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 547 ข้าก็ไม่ได้วางแผนจะปล่อยคนไปอยู่แล้ว

Now you are reading ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า Chapter 547 ข้าก็ไม่ได้วางแผนจะปล่อยคนไปอยู่แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 547 ข้าก็ไม่ได้วางแผนจะปล่อยคนไปอยู่แล้ว

พอเอ่ยจบก็ไม่ได้ยินคำตอบรับ

หนิวโหย่วเต้าอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง เห็นเพียงว่าก่วนฟางอี๋กำลังมองตนด้วยสีหน้าซับซ้อน จึงถามด้วยความฉงน “ไยจึงมองข้าเช่นนี้”

ก่วนฟางอี๋ถอนหายใจ “ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าเล่นลามใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว? เจ้าไม่สังเกตหรือว่าตัวเจ้าถลำลึกลงไปในบุญคุณความแค้นเหล่านี้ลึกลงเรื่อยๆ แล้ว?”

“ยังเหลือช่องให้กลับตัวได้หรือ? พูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ หันหลังกลับไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป” หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า จากนั้นยิ้มน้อยๆ เอ่ยหยอกเย้าต่อ “หากว่ากันในอีกมุมหนึ่ง ยิ่งลุกลามใหญ่โตเท่าไรก็ยิ่งทำเงินได้มากขึ้นเท่านั้น นี่มิใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกหรือ?”

“ข้าเห็นแต่จะเสียเงินมากขึ้นเรื่อยน่ะสิ แล้วก็ยิ่งกลัวว่าจะต้องเสียชีวิตไปด้วย!” ก่วนฟางอี๋เอ่ยดูแคลนประโยคหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

แขกมาถึงแล้ว หนิวโหย่วเต้ากลับไม่ออกไปต้อนรับ หากแต่นั่งคอยอยู่ในศาลาต้มน้ำชาบนเตาดินเผาขนาดเล็ก

ทำเอาพวกอวี้ชางที่มาถึงประตูแล้วจะเข้าเลยก็ไม่เหมาะ จะไม่เข้าก็ไม่ได้

ไม่ว่าเบื้องหลังจะบุญคุณความแค้นอันใดแอบแฝงอยู่ แต่ภายนอกเขาก็นับเป็นคนมีชื่อเสียง อย่างน้อยก็สมควรจะแสดงมารยาทให้คนนอกได้เห็นบ้าง

“ทางนี้ เข้ามาสิ!” หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในศาลาลุกขึ้นยืน โผล่หน้าออกมาจากแนวพุ่มไม้เขียวขจีที่บดบังอยู่พลางกวักมือเรียก

อวี้ชางถึงได้พาผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งเข้ามา จากนั้นเขากับตู๋กูจิ้งก็เข้าไปในศาลา

คนที่เหลือกระจายตัวออกไปรอบๆ ได้รับคำสั่งมาแล้วว่าทางนี้มีเรื่องจะเจรจาหารือกัน อย่าปล่อยให้ใครเข้าใกล้ได้

อวี้ชางนั่งลงตรงกันข้าม มองหนิวโหย่วเต้าที่ถือเหล็กเขี่ยถ่านอยู่ แค่นเสียงเหอะพลางเอ่ยว่า “ช่างมีสุนทรีจริงไ”

หนิวโหย่วเต้าอมยิ้มพลางกล่าว “เพิ่งจุดเตา น้ำยังไม่เดือด โปรดคอยสักครู่”

อวี้ชางมองไปรอบๆ “หลานชายคนนั้นของข้าละ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ย่อมตกอยู่ในอันตราย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย”

อวี้ชางกล่าวว่า “นี่คือหลักการในฐานะอาจารย์ของเจ้าหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เดิมใจข้าฝักใฝ่ในจันทรา จนปัญญาจันทร์เจ้าส่องคลองคู ต้องระวังเอาไว้หน่อยถึงจะดี ต้องนั่งให้มั่นถึงจะสงบใจได้มิใช่หรือ”

วาจานี้เท่ากับยอมรับแล้วว่าจดหมายที่ส่งไปพร้อมกับหัวคนเป็นฝีมือของผู้ใด อวี้ชางขบกรามแน่น “ส่งตัวคนมาแล้วข้าจะไม่ถือสาหาความกับเรื่องก่อนหน้านี้ ถือเสียว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”

“ปากเปล่าไร้หลักประกัน”

“เจ้าต้องการหลักประกันใด สามารถเจรจากันได้”

“มีสิ่งทำให้ท่านยอมเจรจาได้อยู่ในมือก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันอื่นใดอีก หากท่านมีความจริงใจจริงๆ ก็ปล่อยให้ข้าพาตัวศิษย์คนนี้ไปเถอะ”

“หนิวโหย่วเต้า อย่าได้ทำตัวไม่รู้ดีรู้ชั่วจนเกินไป บางเรื่องหากทำลงไปแล้วไม่เป็นผลดีต่อตัวเจ้าแน่นอน หากทำให้ข้าโกรธขึ้นมาจริงๆ กำลังของทางฝั่งเราเจ้าเองก็ทราบดี ไม่ว่าเจ้าจะมีผู้ใดหนุนหลังอยู่ แต่ชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบ ลูกน้องของเจ้าเหล่านั้นข้าจะกำจัดทิ้งไปทีละคนๆ”

“อาจารย์อวี้ชาง ข้าไม่ได้ล้อเล่นอยู่! ข้าเอาตัวรอดได้แล้วยังกลับมาหาท่านอีก นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้าแล้ว ตัวข้าชมชอบคบค้าสหาย ชอบเจรจาผูกมิตร หากอาจารย์อวี้มีใจอยากเจรจาประนีประนอมจริง พวกเราก็สามารถกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ ข้าขอบอกเอาไว้ก่อน ลำพังหนานโจวเพียงมณฑลเดียวไม่เพียงพอจะดับความกระหายของข้าได้ ข้าต้องการแรงสนับสนุนที่มากขึ้นไปอีก ข้าสนใจในกำลังของหอจันทร์กระจ่างอย่างยิ่ง นี่คือเป้าหมายที่ข้ากลับมาหาอาจารย์อวี้ หรือว่าอาจารย์อวี้คิดว่าข้าเพียงกลับมารับตัวศิษย์เพียงเพื่อข่มขู่? ในสายตาอาจารย์อวี้ข้าคงมิใช่คนใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาเช่นนี้กระมัง? หลังจากทราบฐานะของอาจารย์อวี้แล้ว มองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาจารย์อวี้ ดูเหมือนหอจันทร์กระจ่างจะไม่ได้อยากอยู่ในเงามืดไปชั่วชีวิต หอจันทร์กระจ่างสนใจในกองกำลังของเป่ยโจว เช่นนั้นจะไม่สนใจกองกำลังหนานโจวของข้าด้วยหรือ?”

แววตาอวี้ชางวูบไหว แค่นเสียงเหอะพลางเอ่ยไปว่า “หนานโจวเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน? เจ้าไปคิดหาทางดีกว่าว่าจะรับมือกับสำนักหยกสวรรค์อย่างไร”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “สำนักหยกสวรรค์ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงเลย อีกไม่นานข้าจะเขี่ยพวกเขาออกจากหนานโจวแล้ว”

ในใจอวี้ชางเกิดความประหลาดใจระคนสับสน หรี่ตาเอ่ยถาม “เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ?”

น้ำชาที่ต้มไว้ด้านข้างเดือดแล้ว หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปยกกาน้ำชา รินใส่ถ้วยชาสองใบอย่างไม่เร่งร้อน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดื่มหรือไม่ก็ยังคงเลื่อนถ้วยชาไปให้อยู่ดี “เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายกันหรอก ตอนนี้ก็ยังบอกอะไรมากไม่ได้ อาจารย์อวี้รอดูไปก่อนก็ได้”

ในเมื่อเขาไม่บอก อวี้ชางก็ไม่พูดไร้สาระอีก “ปากเจ้าบอกอยากร่วมมือ แต่กลับควบคุมคนของข้าไว้ในกำมือ ร่วมมือประสาอะไรกัน?”

หนิวโหย่วเต้าเป่าน้ำชาร้อนกรุ่น “หากไม่คุมตัวคนไว้ พวกเราคงไม่ได้มานั่งคุยกัน อาจารย์อวี้ชางก็คงไม่มีทางยอมเผยตัวมาคุยกับข้า เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นพื้นฐานเพื่อการร่วมมือทั้งสิ้น”

“อย่าเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ ข้าขอถามเจ้าคำเดียว ทำอย่างไรถึงจะยอมปล่อยคน?”

“ข้าก็ไม่ได้คิดจะปล่อยคนไปอยู่แล้ว! ข้าจะพาตัวคนไปแน่นอน”

อวี้ชางพลันโมโหขึ้นมา สีหน้าของตู๋กูจิ้งที่อยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

หนิวโหย่วเต้ายกมือปรามทันที สื่อว่าให้สงบใจลงก่อน “แต่แน่นอน เรื่องที่อยากร่วมมือนั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน”

อวี้ชางเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้าจับตัวคนของข้าไว้แล้วจะมาพูดเรื่องความจริงใจกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ท่านคิดว่าข้าอยากจะจับคนของท่านเอาไว้มากนักหรือ? อีกทั้งหอจันทร์กระจ่างของพวกท่านก็มิได้ดีเด่อันใด ชื่อเสียงของพวกท่านเป็นอย่างไรตัวพวกท่านเองไม่รู้หรือ? อีกไม่นานเรื่องที่ข้ารับศิษย์ไว้คงจะแพร่ออกไปจนคนทราบกันทั่วแล้ว ข้าคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผลดีผลเสียที่แฝงอยู่อีกกระมัง? นี่คือพื้นฐานของการร่วมมือ! หากเพียงเพื่อสังหารเขาเท่านั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาแล้ว หากปล่อยเขาไปตอนนี้ พวกท่านก็ไม่มีทางยอมเมตตารามือ ข้าต้องมีตัวประกันไว้ในมือ ดังนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยตัวคนตอนนี้ได้! ส่วนหลังจากนี้ หากทุกคนร่วมมือกันไปถึงจุดๆ หนึ่งแล้วจริงๆ พัวพันกันลึกแล้ว ท่านคิดว่าข้ายังจำเป็นต้องจับตัวเขาไว้อีกหรือ?”

อวี้ชางขมวดคิ้วนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ พลันเอ่ยถาม “ปู้สวินรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เขาจะรู้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเราต้องการให้เขารู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน หากท่านยินดีให้เรื่องรั่วไหลออกไป ข้าก็ไม่คัดค้าน”

….

ภายในวังหลวง ปู้สวินยืนอยู่ใต้ชายคานอกห้องทรงอักษร เฮ่าอวิ๋นถูจัดการราชกิจอยู่ด้านใน

ปู้ฟางเดินมาถึง ก้าวขึ้นบันไดมา เดินมาหยุดข้างกายเขาแล้วกระซิบบอก “อวี้ชางไปที่สวนรวมสุคนธาแล้วขอรับ ไปพบหนิวโหย่วเต้าราวหนึ่งชั่วยามถึงได้จากไป”

ปู้สวินทอดสายตามองออกไปไกล “สองคนนี้เล่นบ้าอะไรกันอยู่ ดึงข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต้องมีปัญหาแน่นอน จับตามองต่อไป!”

ตัวเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่มักจะรู้สึกอยู่รางๆ ว่าตนถูกหลอกใช้แล้ว แต่ตอนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน หนิวโหย่วเต้าในปัจจุบันนี้มิใช่หนิวโหย่วเต้าในวันวานอีกต่อไป ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ไม่อาจวู่วามได้

หากเป็นเมื่อก่อน เขาสามารถคุมตัวหนิวโหย่วเต้ามาไต่สวนง้างเอาคำตอบได้

แต่ตอนนี้ลงมือตรงๆ ไม่ได้แล้ว หากจับตัวหนิวโหย่วเต้า ความขัดแย้งระหว่างสำนักหยกสวรรค์และซางเฉาจงทางฝั่งมณฑลหนานโจวจะปะทุขึ้นมาอีก อาจจะเกิดปัญหาขึ้นจนลุกลามกระทบกันไปหมด

ส่วนอวี้ชาง เขายิ่งไม่สามารถจับตัวมาได้

“ขอรับ!” ปู้ฟางรับคำสั่ง

….

ณ จวนครองฟ้า เสวียนเวยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ละสายตาจากเอกสารที่กางอยู่บนโต๊ะ มองหน้าเจียงสือจีที่อยู่ตรงหน้า เอ่ยถามด้วยความสับสนคลางแคลง “เหตุใดถึงไปที่แคว้นจิ้นได้? แน่ใจหรือว่าเซ่าผิงปออยู่ที่แคว้นจิ้น?”

ถังอี๋ที่รับหน้าที่ฝ่าซือติดตามอยู่ด้านข้างก็มองมาเช่นกัน

เจียงสือจีกล่าวว่า “ไม่ผิดพลาดแน่นอนเพคะ วังหลวงแคว้นจินเปิดประตูใหญ่รับ ไท่ซู่สยงออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง ซ้ำยังถอดเสื้อคลุมมังกรของตนคลุมให้เซ่าผิงปอ จากนั้นก็จูงมือเซ่าผิงปอเข้าสู่วังหลวงไป มีคนมากมายเห็นมากับตาตน ไม่ผิดพลาดแน่นอน”

“แคว้นจิ้นป่าเถื่อน ทำศึกพร่ำเพรื่อ ยากจนข้นแค้น หมางเมินคำเชิญจากแคว้นเว่ยของข้าไปพึ่งพิงแคว้นยากไร้แห่งนั้น ฮ่าๆ!” เสวียนเวยโกรธจนพาลหัวเราะออกมา “นี่กำลังหยามหน้าข้าอยู่กระมัง?”

เรื่องที่ทำให้นางโมโหอย่างแท้จริงคือการที่ข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของนางได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้ว เซ่าผิงปอไม่เห็นดีในแคว้นเว่ยจริงๆ สิ่งที่ให้ยากจะทนรับไหวยิ่งกว่าคือเซ่าผิงปอกลับเลือกไปพึ่งพิงแคว้นที่ยากจนที่สุดในบรรดาเจ็ดแคว้น

แคว้นจิ้นก่อสงครามพร่ำเพรื่อ ขอเพียงมีโอกาสก็จะส่งทัพออกโจมตี สูญเสียทรัพย์สินไพร่พล ยอดปราชญ์และผู้ทรงความสามารถมากมายล้วนกริ่งเกรงหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ แต่เซ่าผิงปอกลับสวนทางเข้าไปพึ่งพิง สายตาไร้แววหรือมีวิสัยทัศน์เหนือชั้นกันแน่?

เรื่องที่ทำให้นางตกใจยิ่งกว่าคือการกระทำของไท่ซูสยง ยอมลดเกียรติลงมาปฏิบัติต่อเซ่าผิงปออย่างดีเช่นนี้ ปฏิบัติต่อเซ่าผิงปอเป็นพิเศษถึงเพียงนี้!

สุดท้ายแล้ว แคว้นเว่ยยังคงกริ่งเกรงแคว้นจิ้นอยู่เล็กน้อย แม้แคว้นจิ้นจะยากจนที่สุดในเจ็ดแคว้น ทว่าด้านการเมืองการปกครองเป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง สำนักเลิศเมฆาก่อตั้งขึ้นโดยคนในสายสกุลไท่ซู เจ้าสำนักรุ่นก่อนๆ ก็เป็นคนจากสายสกุลไท่ซูเช่นกัน เจ้าสำนักคนปัจจุบันหากนับลำดับอาวุโสแล้วก็อยู่ในรุ่นปู่ของไท่ซูสยง

แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะความเกี่ยวพันด้านสายเลือดที่สืบทอดกันมาหรือไม่ ชนรุ่นหลังในสายสกุลไท่ซูมักจะพบผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการบำเพ็ญเพียรได้ง่ายนัก ตัวไท่ซูสยงเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาฮ่องเต้เจ็ดแคว้น

แล้วก็เป็นเพราะความเป็นหนึ่งเดียวของราชวงศ์และสำนักบำเพ็ญเพียรของแคว้นจิ้น ทำให้สำนักอื่นหาช่องเข้าไปเบียดแย่งผลประโยชน์ในแคว้นจิ้นได้ยาก เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่มากขึ้น จึงต้องผลักดันให้แคว้นจิ้นก่อสงครามกับภายนอกอยู่เนืองๆ

แม้จะยากจน แต่กลับมิได้แปลว่าจะเป็นแคว้นที่อ่อนแอที่สุด สำนักเลิศเมฆาเดิมทีก็เป็นสำนักหลอมศาสตราอยู่แล้ว เนื่องด้วยเหตุนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ของแคว้นจิ้นจึงมีความคมกล้าที่สุดในเจ็ดแคว้น

การมีเพื่อนบ้านที่จิตใจทะเยอทะยานเช่นนี้อยู่ติดกัน ทำให้แคว้นเว่ยและแคว้นฉีเองก็ปวดหัวเช่นกัน เจ้าไล่อีกฝ่ายออกไปไม่ได้ จะย้ายตัวเองหนีก็ไม่ได้ เลยจำเป็นต้องร่วมมือกันถึงจะพอหยุดแคว้นจิ้นเอาไว้ได้

เซ่าผิงปอสละสุขไปเสวยทุกข์ ไท่ซูสยงก็ปฏิบัติด้วยอย่างดีเช่นนี้ เสวียนเวยเกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา เสมือนจิ้งจอกหมาป่าไปรวมหัวกัน

นางไม่รู้ว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่สัญชาตญาณอันเฉียบไวตระหนักได้ว่าจำเป็นต้องเพิ่มการเฝ้าระวังทางฝั่งแคว้นจิ้นเอาไว้แล้ว

ถังอี๋แปลกใจเล็กน้อย ทั้งแปลกใจกับการปฏิบัติที่แคว้นจิ้นมีต่อเซ่าผิงปอและแปลกใจในคำพูดของเสวียนเวย นางเองก็เพิ่งรู้ในยามนี้เองว่าเสวียนเวยต้องการรับตัวเซ่าผิงปอเข้ามา นางอดไม่ได้ที่จะนึกหวาดกลัวขึ้นมา เกือบตกอยู่ในกำมือเซ่าผิงปออีกคราแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ถูกเซ่าผิงปอควบคุมเอาไว้หลายปี ในจิตใต้สำนึกของนางจึงหวาดกลัวเซ่าผิงปออยู่เล็กน้อย ไอรีนโนเวล

….

ไม่กี่วันต่อมา มีข่าวหนึ่งแพร่มาจากทางแคว้นจิ้น สะท้านสะเทือนทั่วหล้า

ฮ่องเต้แคว้นจิ้นประกาศแต่งตั้งเซ่าผิงปอเป็นผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว!

นี่เป็นการแต่งตั้งแบบเลื่อนลอยชัดๆ แคว้นจิ้นแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ในเขตพื้นที่ของแคว้นอื่นให้แก่เขา นี่มิใช่เรื่องตลกชวนหน้าขายหน้าหรอกหรือ?

แต่เจตนาและความทะเยอทะยานที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้กลับทำให้คนต้องเก็บไปคิด

และแน่นอน นี่ย่อมมีสาเหตุมาจากการที่เซ่าผิงปอมีศักดิ์อำนาจในแคว้นจิ้นตื้นเขิน ซ้ำยังไร้ผลงาน จู่ๆ จะให้ประกาศแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โตให้ก็ไม่อาจมอบคำอธิบายให้ภายในราชสำนักได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องแต่งตั้งตำแหน่งเลื่อนลอยให้แบบนี้

แคว้นเยี่ยนและแคว้นหานเดือดร้อนขึ้นมาทันที ล้วนคิดว่ามณฑลเป่ยโจวเป็นดินแดนของแคว้นตนทั้งสิ้น จึงโต้แย้งออกไปในทันใด!

แคว้นจิ้นไหนเลยจะสนใจเรื่องพวกนี้ พวกเจ้าอยากประณามเช่นไรก็เชิญตามสบายเลย หากแน่จริงก็มาโจมตีข้าสิ!

แคว้นเยี่ยนและแคว้นหานจนปัญญาจะทำอะไรแคว้นจิ้นได้ ในเมื่อถูกเล่นงานมาอย่างไรก็ต้องโต้กลับไปเช่นนั้น ภายหลังจึงมีการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ในเขตพื้นที่แคว้นจิ้นเช่นกัน ราวกับเด็กน้อยเล่นขายของไม่มีผิด ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องราวในภายหลัง

….

ณ จวนอิงอ๋อง เฮ่าเจินเพิ่งกลับมาจากในวัง เซ่าหลิ่วเอ๋อร์มารอต้อนรับ ช่วยปลดเสื้อคลุมกันลมให้เขาด้วยตัวเอง

พอเห็นว่าเฮ่าเจินคล้ายจะมีเรื่องในใจ เซ่าหลิ่วเอ๋อร์พาดเสื้อคลุมกันลมไว้บนแขน ลองสอบถามไป “จู่ๆ เสด็จพ่อก็เรียกท่านอ๋องเข้าวัง ไม่มีอะไรใช่ไหมเพคะ?”

“เจ้าได้ติดต่อกับทางพี่ชายของเจ้าบ้างหรือไม่?” เฮ่าเจินคล้ายเอ่ยถามไปเรื่อยเปื่อย

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเพคะ”

“ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน สมควรจะติดต่อก็ควรติดต่อไว้บ้าง” เฮ่าเจินเอ่ยเตือนประโยคหนึ่งก็เงียบไป จากนั้นเอ่ยเสริมว่า “หากไม่มีช่องทางติดต่อก็ให้ส่งจดหมายไปที่จวนราชทูตแคว้นจิ้นให้ดำเนินการแทนได้”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ปกติแล้วสวามีระมัดระวังรอบคอบ ไม่กล้านำเรื่องงานมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัน ครั้งนี้ที่เข้าวังไปเกรงว่าจะได้รับคำสั่งมาจากฝ่าบาทแล้ว ดูเหมือนเรื่องที่พี่ใหญ่ไปพึ่งพิงแคว้นจิ้นจะดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้

“เฮ้อ พี่ใหญ่คนนั้นของเจ้าไม่ธรรมดาเลยจริง ร้ายกาจเหลือเกิน!” เฮ่าเจินนั่งลงแล้วทอดถอนใจ สื่อความคิดออกมาอย่างชัดเจน

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ค่อนข้างตกตะลึง นึกถึงวาจาของเซ่าผิงปอที่เอ่ยไว้ก่อนจากไป เจ้าคิดว่านอกจากเฮ่าเจินแล้ว ข้าจะไร้หนทางไปต่อจริงๆ น่ะหรือ?

วาจานั้นคือความจริง นางนึกไม่ถึงเลย ไม่ใช่แค่แคว้นเว่ยเท่านั้นที่ช่วยให้พี่ใหญ่หลบหนี แม้แต่ฮ่องเต้แคว้นจิ้นก็ยังให้เกียรติเช่นนี้ ทำให้ในใจนางรู้สึกผิดหวังอยู่พอสมควร

มีหรือที่เฮ่าเจินที่นั่งก้มหน้าเงียบงันอยู่ตรงนั้นจะไม่รู้สึกผิดหวัง ด้วยการปฏิบัติอย่างให้เกียรติของไท่ซู่สยง ทำให้เขารู้สึกขึ้นมารางๆ ว่าตนพลาดอะไรไปแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะนำเอาวิสัยทัศน์ของตนไปเทียบกับไท่ซูสยง

……………………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด