โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 32 กลลวง

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 32 กลลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 32 กลลวง

 

ไม่มีใครขยับตัวหรือส่งเสียง ทุกคนต่างทั้งรู้สึกช็อคและสับสนกับคําพูดโฉ่งฉ่างของไอเซ็น แม้แต่เฮนดริกก็ไม่ขยับสักก้าว และได้แต่มองไปรอบๆ ขณะกําลังคิดว่าไอเซ็นก็เล่นตลกอะไร

 

ไอเซ็นเพียงยืนอยู่ตรงนั้น เผยรอยยิ้มอันอ่อนหวานบนใบหน้าเช่นเคย เกาเครา และอ่านการแจ้งเตือนที่ได้รับ 

 

[ภารกิจล้มเหลว – การต่อสู้กับเฮนดริก]

 

[คําอธิบาย]

 

หลังจากการปกป้องเฟย์คินจากเฮนดริก ทําให้เขารู้สึกขุ่นเคืองและเรียกร้องการต่อสู้ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะได้รับหรือสูญเสียอะไรจากการต่อสู้ครั้งนี้

 

[รางวัล]

 

เฮนดริกจะเปลื้องผ้าวิ่งไปทั่วเมืองและทําความอัปยศอดสูแก่ตัวเองด้วยการโห่ร้องเป็นเสียงไก่ขันให้แก่ผู้คนที่เขาวิ่งผ่านไป

 

[ความล้มเหลว]

 

คุณต้องมอบสัมภาระทุกอย่างที่มีแก่เฮนดริก

 

[ภายใต้อํานาจของขุนนาง เบลริม แม็คบาร์ตัน แห่งเมลโร คุณต้องมอบสัมภารทั้งหมดที่เป็นของคุณแก่เฮนดริกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ยอมทําตามเงื่อนไข คุณจะถูกลงโทษ]

 

“ไอเซ็น นายทําอะไรลงไป?! จะยอมมอบดาบและเครื่องมือให้ไอ้เลวนั่นอย่างั้นเหรอ?! เสียเกียรติของช่างฝีมือไปแล้วหรือไง?” เด็นเมียร์ตะโกนพร้อมทั้งขมวดคิ้วติดกันเป็นปม

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ เด็นเมียร์ ดิมไฮด์ อย่างมีนัยสําคัญ]

 

“ใครมันไปสนของพวกนั้นกันล่ะ?! แล้วเสื้อผ้าสวยๆของคุณล่ะไอเซ็น? ชุดสูทนั่นสร้างขึ้นมาด้วยความประณีตมากเลยไม่ใช่เหรอ! หากเห็นเฮนดริกใส่ฉันจะโยนมันทิ้ง ให้หมด!” ฟลอเมียร่าห์พูดด้วยความโมโห

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ ฟลอเมียร่าห์ ไบรท์ฮัด อย่างมีนัยสําคัญ

 

“ชิ ฉันคิดว่านายเป็นคนดีแท้ๆ ทําแบบนี้ได้ยังไง? ดูไอ้เวรนั่นสิ พอใจแล้วใช่ไหม!” เจคเคิลโพล่งออกมาเป็นคนสุดท้าย

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ เจคเคิล แจ็คสัน อย่างมีนัยสําคัญ

 

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ! ทีนี้ก็เข้าใจแล้วนะไอ้แก่? ว่าแกน่ะไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอก?!” เฮนดริกตะโกนออกมาพร้อมกับ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลังและส่งดาบกับโล่ให้ลูกน้อง เดินไปหาบรีด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

 

“จงเอาของๆ แกทั้งหมดมาให้ฉัน! รวมทั้งนางทาสของแกด้วย!” เขาตะโกนและคว้าแขนบรี เธอไหวตัวและรีบหลบอย่างรวดเร็ว ผู้คนรอบๆต่างนิ่งเงียบเพราะอาการช็อค ผู้คนในเมืองนี้รักบรี และทั้งเกลียดไอเซ็นผู้ด้านชาได้สวมปลอกคออันน่ารังเกียจให้เธอ

 

อย่างไรก็ตาม ปลอกคอที่ว่านั้นไม่มีใครรู้จริงๆ แล้วมันคือแหวนโลหะทั้งๆที่ไอเซ็นหยิบยืมมาจากมอร์โรมเมื่อวันก่อน และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของไอเซ็นด้วย

 

กระนั้น ไอเซ็นจึงเดินไปหาเฮนดริกและแยกเขาออกจากบรี “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดจะทําอะไร แต่นายได้ของๆฉันไปแล้ว เราก็จบกัน”

 

“ใช่ ฉันถึงต้องพา… นางทาส…ของแกไปด้วยไง เดี๋ยวก่อน ถอดไอ้ปลอกคอบ้านั่นออกทําไม?” เฮนดริกถามขณะจ้อง มองแหวนโลหะที่บรีถืออยู่ในมือ

 

ไอเซ็นยิ้มและส่ายหน้า “โทษทีนะ ฉันคิดว่านายคงเข้าใจอะไรผิด บรีไม่ใช่ทาส เธอคือเพื่อนของฉัน” เขาพูดและเกาเคราด้วยรอยยิ้ม

 

“ชิ ก็ได้! อย่างน้อยของพวกนั้นก็ของฉันทั้งหมด!” เฮนดริก ตะโกนและหยิบดาบสองมือที่บรีถืออยู่ แต่ไอเซ็นหยุดเขาไว้อีกครั้ง นักผจญภัยมนุษย์หน้าซีด เขาขมวดคิ้วด้วยความโกรธ เมื่อเห็นชายแก่ตรงหน้าจังๆ “ทําอะไรของแก? นี่มันของฉันนะ! คนของฉันตามเฝ้าดูแกอยู่ตั้งหลายวัน! ฉันรู้ว่าของพวกนี้แกเป็นคนทํา! ทั้งเสื้อผ้าโง่ๆ ชุดเกราะ แล้วก็ดาบเล่มนี้ด้วย!”

 

ไอเซ็นส่ายหน้าและเริ่มหัวเราะ “ใช่ ฉันทําขึ้นมาเอง แต่เมื่อวานฉันบังเอิญได้เงินจํานวนหนึ่งมา ฉันก็เลยจ้างบรีให้ช่วยฉัน” เขายิ้มขณะจับชายเสื้อเชิตอย่างช้าๆ และถอดออกจากร่างกาย ทุกคนต่างสับสน แน่นอนว่ารวมทั้งเฮนดริกด้วย

 

“ก็อย่างที่เห็น เรื่องมีอยู่ว่า ความช่วยเหลือของบรีนั้นคุ้มค่ากับเงินที่ฉันมีอยู่มาก เมื่อคืนฉันไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม ก็เลยตัดสินใจขายของพวกนี้ในราคาที่ถูกให้กับบรี” ขณะพูดไป ไอเซ็นก็ถอดกางเกงออกและพาดกับแขนของเฮนดริกพร้อมกับเสื้อเชิ้ต

 

“ขายไปเท่าไหร่นะ? สิบทองแดงเหรอ?” ไอเซ็นถาม พร้อมหันหน้าไปหาบรี และเธอก็พยักหน้า เธอซ่อนใบหน้าที่แดงกําไว้ใต้ฝ่ามือทั้งสอง “พอหลังจากจ่ายค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มไป ทั้งตัวก็เลยเหลือแก่ทองแดงเดียว” เขายิ้มและวางเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญไว้บนมือของเฮนดริก

 

“ฉันหวังว่าอย่างน้อยนายก็น่าจะยอมให้ฉันเหลือกางเกงในไว้สักตัวนะ เว้นเสียแต่นายอยากจะเห็นน้องชายแท้ๆของฉันที่โตมาด้วยกัน แต่ฉันอยากให้นายเลี้ยงมื้อเย็นฉันมากกว่านะ” ไอเซ็นยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาหลับตาลงและเกาเครา 

 

เฮนดริกมองกางเกง เสื้อเชิ้ต และเหรียญทองแดงในมือจากนั้นก็ทิ้งทั้งหมดลงพื้นทันที สีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยโทสะ “พูดบ้าอะไรของแกวะ?! แกไม่เล่นตามกฏนี่หว่า!” เขาตะโกนและหันไปมองเบลริม “จับมันสิ! มันไม่ทําตามกฏ!”

 

เบลริมแทบจะลุกไม่ขึ้นจากการล้มพับลงกับพื้นเนื่องจากหัวเราะมากเสียจนหายใจแทบไม่ทัน เขาเบือนหน้าหนี และงึมงำในความรําคาญออกมา “ไอ้หนู พูดอะไรของแกวะ? ฉันคิดว่าเพื่อนของฉันคนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะ เจมมี่ แกบอกสิว่าฉันเข้าใจผิดไปหรือเปล่า?”

 

ชายหนุ่มตัวเตี้ยที่ความสูงเท่ากับคนแคระ แต่มีรูปร่างที่เตี้ยกว่าและไม่มีเครา ตรงข้ามกับคนแคระทุกคนที่ไอเซ็นเคยเห็น เขาก้าวขึ้นมาท่ามกลางเหล่าผู้ติดตาม “ขะ…ขอรับ ใต้เท้า! ตามกฏของการต่อสู้นั้น ในกรณีที่นักต่อสู้ไอเซ็นพ่ายแพ้ เขาต้องมอบของทุกอย่างที่เป็นของตัวเองในตอนเริ่มการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทําธุรกรรมของสิ่งของต่างๆ ระหว่างไอเซ็นและบรีได้รับการยืนยันจากทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะมีการจะมีการกําหนดเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีกรณีที่ว่ามีผู้ใดได้ละเมิดกฎครับผม”

 

เขาอธิบาย และเฮนดริกก็หันกลับไปหาไอเซ็นด้วยความโกรธ “มันไม่จบแค่นี้แน่!” เขาตะโกนและหันหลังเดินฝ่าฝูงชนมีเหล่าลูกน้องตามหลังไปติด ๆ

 

ทันใดนั้น บทสนทนาก็เริ่มขึ้นท่ามกลางฝูงชนและผู้คนจํานวนหนึ่งที่ไอเซ็นคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีก็เดินเข้ามาหา ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างทยอยเดินออกไปจากพื้นที่ แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ยังอยู่นั้น เป็นกลุ่มคนที่ไอเซ็นรู้จักระหว่างที่อยู่ในโลกแห่งนี้และพวกเขาก็คือเหล่าอาจารย์ที่สอนทักษะให้แก่ไอเซ็น บรี และเบลริม คนแรกที่พูดออกมาก่อนเลยก็คือเด็นเมียร์ ตามมาด้วยฟลอเมียร่าห์ และเจคเคิล

 

“นายหลอกจนฉันเชื่อเสียสนิทใจเลยนะไอเซ็น แต่ฉันก็น่าจะรู้ว่านายไม่น่าจะยอมอะไรง่าย ๆ แบบนี้”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ เด็นเมียร์ ดิมไฮด์ ถึงขั้นสูงสุด] 

 

“บอกได้คําเดียวว่าเยี่ยมมาก เฮนดริกไม่ใช่คนดี ฉันยินดีด้วยที่คุณหลอกเจ้านั้นได้สําเร็จ”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ ฟลอเมียร่าห์ ไบรท์ฮูด ถึงขั้นสูงสุด]

 

“ฮึ่ม นายนี่มันแสบได้เรื่องจริงๆ ฉันดีใจจริงๆ ที่เห็นไอ้เวรนั่นโดนกับตัวเองเสียบ้าง”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ เจคเคิล แจ็คสัน ถึงขั้นสูงสุด

 

ไอเซ็นแทบจะหยุดยิ้มไม่ได้เลย ในตอนแรกเขาเองก็กลัว เมื่อได้อ่านว่าสูญเสียความมีชื่อเสียงต่อบุลคลเหล่านี้ไปมากพอสมควร แต่ในทางเทคนิคนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวหนังสือ เพราะความจริงแล้วบุคคลเหล่านี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของไอเซ็น

 

หลังจากทั้งสามพูดจบแล้ว เบลริมจอมขี้เมาก็ฟังอยู่ใกล้ๆด้วยเช่นกัน “นายทําดีมากเพื่อนยาก! นายนี่มันตลกเป็นบ้า! มันตลกมากเลยนะตอนที่เจ้านั่นท้าสู้กับนาย แต่พอได้เห็นวิธีหลอกล่อของนายต่อหน้าคนทั้งเมืองนี้แล้ว บอกเลยว่าแยบยลมากจริงๆ!”

 

ไอเซ็นฟังเสียงเมาๆ ของเบลริมถึงเรื่องที่เขาไม่ชอบเฮนดริกต่อไปอีกครู่หนึ่ง เขากอดอกและหรี่ตามอง

 

“ไว้นายสร่างแล้ว เรามาคุยถึงความจริงที่นายปิดซ่อนเรื่องตําแหน่งขุนนางของเมืองนี้กัน ถ้านายยินดีที่จะเล่าน่ะนะ ทีแรกฉันก็คิดว่านายเป็นแค่คนงานเหมือง เพราะมอร์โรมบอกไว้ว่านายทํากะดึกที่เหมืองนั่น”

 

เบลริมยักไหล่และพยักหน้า “ หน้าที่ขุนนางก็ไม่ได้มีอะไรให้มากทํานักหรอก ก็เลยคิดว่าน่าจะได้ผ่อนคลายในเหมืองก็พอมีอะไรให้ได้ทําอยู่บ้าง ฉันเคยเป็นคนงานเหมือง ก็เลย… ถ้ามีเวลาก็ไปหาฉันที่คฤหาสน์ได้นะ คนพวกนี้รู้จักนายแล้วว่าเป็นใคร ทีนี้ก็เข้ามาฉันเมื่อไหร่ได้ตามที่นายต้องการ” เบลริมหาวและชี้ไปยังกลุ่มผู้ติดตามข้างหลังเขา บางคนก็ยิ้มและพยักหน้าให้ไอเซ็นราวกับเป็นการบอกเขาว่าไม่มีอะไรให้ต้องห่วง “ก็ตามนั้นแล้วกัน ฉันขอตัวล่ะ เหมือนจะมุนๆนิดหน่อย ขอตัวไปจีบก่อนแล้วกัน” เขาพึมพําและหันหลังเดินขึ้นทางลาดชันไปยังตัวเมือง

 

ไอเซ็นส่ายหน้าและถอนหายใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนหนุ่มในทุกวันนี้จะเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นไอเซ็นก็หันกลับไปหาคนอื่นๆ เป็นสี่คนที่สอนทักษะต่างๆแก่เขา หนึ่งในนั้นก็รวมถึงมอร์โรมผู้ที่เพิ่งสอนทักษะการเล่นแร่แปลธาตุให้แก่เขา พวกเขากําลังยืนคุยกันอยู่ห่างๆ ชัดเจนว่าพยายามห่างออกไปเพื่อให้มั่นใจว่าไอเซ็นจะไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน

 

“พวกนายสี่คนทําอะไรกันอยู่ตรงนั้น?” เขาถาม และพวกเขาก็หันมาหาพึมพํากันต่ออีกเล็กน้อยจากนั้นก็เดินมาหาเขา

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่บอกพวกเขาว่าทักษะการเล่นแร่แปลธาตุของคุณก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว พวกเรากลับร้านกันเลยไหมครับ? ใกล้ถึงเวลาต้องเปิดร้านแล้ว…” มอร์โรมอธิบายและดูเหมือนคนอื่นๆก็จะเห็นด้วย

 

“เอาล่ะ งั้นไปกันเถอะ อดใจรอที่จะเรียนการร่ายมนต์ไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆ!” ไอเซ็นหัวเราะและเริ่มเดินไปยังทางลาดก่อนที่บรีนั้นจะหยุดเขาไว้

 

“คะ-คุณไม่หาสะ…เสื้อผ้าใส่หน่อยเหรอคะ?” เธอถาม ขณะที่หลบซ่อนใบหน้าแดงกําไว้ภายใต้ฝ่ามือทั้งสอง และไอเซ็นก็ก้มมองเรือนร่างของตัวเอง

 

“น่าอายจริงๆ ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย…. แหะ ๆ…” ไอเซ็นหัวเราะอย่างเขินๆ และเสื้อผ้า รองเท้า และเข็มขัดมา สวมใส่ พร้อมทั้งกระเป๋าสตางค์ของเขาด้วย หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าขึ้นไปยัง “เขตงานฝีมือ” ของเมือง

 

ไอเซ็นอธิบายว่าไม่ใช่ทุกอย่างที่เขาพูดจะเป็นเรื่องโกหก เขาจ่ายเงินให้บรีจริง แต่ไม่ใช้ทั้งหมดสิบหน้าทอง เขาจ่ายให้เธอไปห้าทองแล้วเก็บส่วนต่างไว้ เขาจะแบ่งครึ่งๆ แต่ทําไม่ได้เพราะบรีไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น และเนื่องจากไอเซ็นยังต้องสํารองเงินไว้เป็นค่าอุปกรณ์และวัสดุในการเดินทางอีก เขามอบของขวัญและขายสิ่งของต่างๆให้แก่บรี เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะได้รู้ว่าของเหล่านี้ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว เขาไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้ และได้แค่บอกบรีว่าน้องเป็นเพียงสัญญาณแห่งความโชคดี

 

ไอเซ็นใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการคิดหากลลวงที่นํามาใช้ ในการต่อสู้กับเฮนดริก แต่ก็คิดไม่ออก จนได้มาเห็นปลอกคอทาสพังๆที่ร้านมอร์โรม จึงทําให้เขาเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดเจนว่าเฮนดริกนั้นสนใจในตัวบรีมาก และเขาก็ได้ใบ้ออกมาจากการปฏิบัติต่อเธอเยี่ยงทาส ทํากับเธอเหมือนกับสิ่งของ ไม่ใช่คน ดังนั้นไอเซ็นจึงหวังว่านั่นจะทําร้ายเขาได้ จากการยุแหย่เพียงเล็กน้อย แล้วก็ได้ผลซึ่งเกินคาดกว่าที่เขาหวังไว้ในตอนต้น

 

หลังจากเดินทางมาได้สักพัก พวกเขาก็มาถึงเขต ซึ่งต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับร้านของตัวเองจนกระทั่งเหลือแค่มอร์โรม ไอเซ็นและบรีที่กําลังเดินไปยังร้านสารพัดเวทมนต์

 

มอร์โรมไขประตูและก้าวเข้าไปในร้าน ตามมาด้วยคนอื่นๆ

 

เขาหันกลับมาและมองไอเซ็นด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เราลุยต่อกันเลยไหมครับ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 32 กลลวง

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 32 กลลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 32 กลลวง

 

ไม่มีใครขยับตัวหรือส่งเสียง ทุกคนต่างทั้งรู้สึกช็อคและสับสนกับคําพูดโฉ่งฉ่างของไอเซ็น แม้แต่เฮนดริกก็ไม่ขยับสักก้าว และได้แต่มองไปรอบๆ ขณะกําลังคิดว่าไอเซ็นก็เล่นตลกอะไร

 

ไอเซ็นเพียงยืนอยู่ตรงนั้น เผยรอยยิ้มอันอ่อนหวานบนใบหน้าเช่นเคย เกาเครา และอ่านการแจ้งเตือนที่ได้รับ 

 

[ภารกิจล้มเหลว – การต่อสู้กับเฮนดริก]

 

[คําอธิบาย]

 

หลังจากการปกป้องเฟย์คินจากเฮนดริก ทําให้เขารู้สึกขุ่นเคืองและเรียกร้องการต่อสู้ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะได้รับหรือสูญเสียอะไรจากการต่อสู้ครั้งนี้

 

[รางวัล]

 

เฮนดริกจะเปลื้องผ้าวิ่งไปทั่วเมืองและทําความอัปยศอดสูแก่ตัวเองด้วยการโห่ร้องเป็นเสียงไก่ขันให้แก่ผู้คนที่เขาวิ่งผ่านไป

 

[ความล้มเหลว]

 

คุณต้องมอบสัมภาระทุกอย่างที่มีแก่เฮนดริก

 

[ภายใต้อํานาจของขุนนาง เบลริม แม็คบาร์ตัน แห่งเมลโร คุณต้องมอบสัมภารทั้งหมดที่เป็นของคุณแก่เฮนดริกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ยอมทําตามเงื่อนไข คุณจะถูกลงโทษ]

 

“ไอเซ็น นายทําอะไรลงไป?! จะยอมมอบดาบและเครื่องมือให้ไอ้เลวนั่นอย่างั้นเหรอ?! เสียเกียรติของช่างฝีมือไปแล้วหรือไง?” เด็นเมียร์ตะโกนพร้อมทั้งขมวดคิ้วติดกันเป็นปม

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ เด็นเมียร์ ดิมไฮด์ อย่างมีนัยสําคัญ]

 

“ใครมันไปสนของพวกนั้นกันล่ะ?! แล้วเสื้อผ้าสวยๆของคุณล่ะไอเซ็น? ชุดสูทนั่นสร้างขึ้นมาด้วยความประณีตมากเลยไม่ใช่เหรอ! หากเห็นเฮนดริกใส่ฉันจะโยนมันทิ้ง ให้หมด!” ฟลอเมียร่าห์พูดด้วยความโมโห

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ ฟลอเมียร่าห์ ไบรท์ฮัด อย่างมีนัยสําคัญ

 

“ชิ ฉันคิดว่านายเป็นคนดีแท้ๆ ทําแบบนี้ได้ยังไง? ดูไอ้เวรนั่นสิ พอใจแล้วใช่ไหม!” เจคเคิลโพล่งออกมาเป็นคนสุดท้าย

 

[ลดความมีชื่อเสียงต่อ เจคเคิล แจ็คสัน อย่างมีนัยสําคัญ

 

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ! ทีนี้ก็เข้าใจแล้วนะไอ้แก่? ว่าแกน่ะไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอก?!” เฮนดริกตะโกนออกมาพร้อมกับ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลังและส่งดาบกับโล่ให้ลูกน้อง เดินไปหาบรีด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

 

“จงเอาของๆ แกทั้งหมดมาให้ฉัน! รวมทั้งนางทาสของแกด้วย!” เขาตะโกนและคว้าแขนบรี เธอไหวตัวและรีบหลบอย่างรวดเร็ว ผู้คนรอบๆต่างนิ่งเงียบเพราะอาการช็อค ผู้คนในเมืองนี้รักบรี และทั้งเกลียดไอเซ็นผู้ด้านชาได้สวมปลอกคออันน่ารังเกียจให้เธอ

 

อย่างไรก็ตาม ปลอกคอที่ว่านั้นไม่มีใครรู้จริงๆ แล้วมันคือแหวนโลหะทั้งๆที่ไอเซ็นหยิบยืมมาจากมอร์โรมเมื่อวันก่อน และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของไอเซ็นด้วย

 

กระนั้น ไอเซ็นจึงเดินไปหาเฮนดริกและแยกเขาออกจากบรี “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดจะทําอะไร แต่นายได้ของๆฉันไปแล้ว เราก็จบกัน”

 

“ใช่ ฉันถึงต้องพา… นางทาส…ของแกไปด้วยไง เดี๋ยวก่อน ถอดไอ้ปลอกคอบ้านั่นออกทําไม?” เฮนดริกถามขณะจ้อง มองแหวนโลหะที่บรีถืออยู่ในมือ

 

ไอเซ็นยิ้มและส่ายหน้า “โทษทีนะ ฉันคิดว่านายคงเข้าใจอะไรผิด บรีไม่ใช่ทาส เธอคือเพื่อนของฉัน” เขาพูดและเกาเคราด้วยรอยยิ้ม

 

“ชิ ก็ได้! อย่างน้อยของพวกนั้นก็ของฉันทั้งหมด!” เฮนดริก ตะโกนและหยิบดาบสองมือที่บรีถืออยู่ แต่ไอเซ็นหยุดเขาไว้อีกครั้ง นักผจญภัยมนุษย์หน้าซีด เขาขมวดคิ้วด้วยความโกรธ เมื่อเห็นชายแก่ตรงหน้าจังๆ “ทําอะไรของแก? นี่มันของฉันนะ! คนของฉันตามเฝ้าดูแกอยู่ตั้งหลายวัน! ฉันรู้ว่าของพวกนี้แกเป็นคนทํา! ทั้งเสื้อผ้าโง่ๆ ชุดเกราะ แล้วก็ดาบเล่มนี้ด้วย!”

 

ไอเซ็นส่ายหน้าและเริ่มหัวเราะ “ใช่ ฉันทําขึ้นมาเอง แต่เมื่อวานฉันบังเอิญได้เงินจํานวนหนึ่งมา ฉันก็เลยจ้างบรีให้ช่วยฉัน” เขายิ้มขณะจับชายเสื้อเชิตอย่างช้าๆ และถอดออกจากร่างกาย ทุกคนต่างสับสน แน่นอนว่ารวมทั้งเฮนดริกด้วย

 

“ก็อย่างที่เห็น เรื่องมีอยู่ว่า ความช่วยเหลือของบรีนั้นคุ้มค่ากับเงินที่ฉันมีอยู่มาก เมื่อคืนฉันไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม ก็เลยตัดสินใจขายของพวกนี้ในราคาที่ถูกให้กับบรี” ขณะพูดไป ไอเซ็นก็ถอดกางเกงออกและพาดกับแขนของเฮนดริกพร้อมกับเสื้อเชิ้ต

 

“ขายไปเท่าไหร่นะ? สิบทองแดงเหรอ?” ไอเซ็นถาม พร้อมหันหน้าไปหาบรี และเธอก็พยักหน้า เธอซ่อนใบหน้าที่แดงกําไว้ใต้ฝ่ามือทั้งสอง “พอหลังจากจ่ายค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มไป ทั้งตัวก็เลยเหลือแก่ทองแดงเดียว” เขายิ้มและวางเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญไว้บนมือของเฮนดริก

 

“ฉันหวังว่าอย่างน้อยนายก็น่าจะยอมให้ฉันเหลือกางเกงในไว้สักตัวนะ เว้นเสียแต่นายอยากจะเห็นน้องชายแท้ๆของฉันที่โตมาด้วยกัน แต่ฉันอยากให้นายเลี้ยงมื้อเย็นฉันมากกว่านะ” ไอเซ็นยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาหลับตาลงและเกาเครา 

 

เฮนดริกมองกางเกง เสื้อเชิ้ต และเหรียญทองแดงในมือจากนั้นก็ทิ้งทั้งหมดลงพื้นทันที สีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยโทสะ “พูดบ้าอะไรของแกวะ?! แกไม่เล่นตามกฏนี่หว่า!” เขาตะโกนและหันไปมองเบลริม “จับมันสิ! มันไม่ทําตามกฏ!”

 

เบลริมแทบจะลุกไม่ขึ้นจากการล้มพับลงกับพื้นเนื่องจากหัวเราะมากเสียจนหายใจแทบไม่ทัน เขาเบือนหน้าหนี และงึมงำในความรําคาญออกมา “ไอ้หนู พูดอะไรของแกวะ? ฉันคิดว่าเพื่อนของฉันคนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะ เจมมี่ แกบอกสิว่าฉันเข้าใจผิดไปหรือเปล่า?”

 

ชายหนุ่มตัวเตี้ยที่ความสูงเท่ากับคนแคระ แต่มีรูปร่างที่เตี้ยกว่าและไม่มีเครา ตรงข้ามกับคนแคระทุกคนที่ไอเซ็นเคยเห็น เขาก้าวขึ้นมาท่ามกลางเหล่าผู้ติดตาม “ขะ…ขอรับ ใต้เท้า! ตามกฏของการต่อสู้นั้น ในกรณีที่นักต่อสู้ไอเซ็นพ่ายแพ้ เขาต้องมอบของทุกอย่างที่เป็นของตัวเองในตอนเริ่มการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทําธุรกรรมของสิ่งของต่างๆ ระหว่างไอเซ็นและบรีได้รับการยืนยันจากทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะมีการจะมีการกําหนดเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีกรณีที่ว่ามีผู้ใดได้ละเมิดกฎครับผม”

 

เขาอธิบาย และเฮนดริกก็หันกลับไปหาไอเซ็นด้วยความโกรธ “มันไม่จบแค่นี้แน่!” เขาตะโกนและหันหลังเดินฝ่าฝูงชนมีเหล่าลูกน้องตามหลังไปติด ๆ

 

ทันใดนั้น บทสนทนาก็เริ่มขึ้นท่ามกลางฝูงชนและผู้คนจํานวนหนึ่งที่ไอเซ็นคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีก็เดินเข้ามาหา ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างทยอยเดินออกไปจากพื้นที่ แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ยังอยู่นั้น เป็นกลุ่มคนที่ไอเซ็นรู้จักระหว่างที่อยู่ในโลกแห่งนี้และพวกเขาก็คือเหล่าอาจารย์ที่สอนทักษะให้แก่ไอเซ็น บรี และเบลริม คนแรกที่พูดออกมาก่อนเลยก็คือเด็นเมียร์ ตามมาด้วยฟลอเมียร่าห์ และเจคเคิล

 

“นายหลอกจนฉันเชื่อเสียสนิทใจเลยนะไอเซ็น แต่ฉันก็น่าจะรู้ว่านายไม่น่าจะยอมอะไรง่าย ๆ แบบนี้”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ เด็นเมียร์ ดิมไฮด์ ถึงขั้นสูงสุด] 

 

“บอกได้คําเดียวว่าเยี่ยมมาก เฮนดริกไม่ใช่คนดี ฉันยินดีด้วยที่คุณหลอกเจ้านั้นได้สําเร็จ”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ ฟลอเมียร่าห์ ไบรท์ฮูด ถึงขั้นสูงสุด]

 

“ฮึ่ม นายนี่มันแสบได้เรื่องจริงๆ ฉันดีใจจริงๆ ที่เห็นไอ้เวรนั่นโดนกับตัวเองเสียบ้าง”

 

[เพิ่มความมีชื่อเสียงต่อ เจคเคิล แจ็คสัน ถึงขั้นสูงสุด

 

ไอเซ็นแทบจะหยุดยิ้มไม่ได้เลย ในตอนแรกเขาเองก็กลัว เมื่อได้อ่านว่าสูญเสียความมีชื่อเสียงต่อบุลคลเหล่านี้ไปมากพอสมควร แต่ในทางเทคนิคนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวหนังสือ เพราะความจริงแล้วบุคคลเหล่านี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของไอเซ็น

 

หลังจากทั้งสามพูดจบแล้ว เบลริมจอมขี้เมาก็ฟังอยู่ใกล้ๆด้วยเช่นกัน “นายทําดีมากเพื่อนยาก! นายนี่มันตลกเป็นบ้า! มันตลกมากเลยนะตอนที่เจ้านั่นท้าสู้กับนาย แต่พอได้เห็นวิธีหลอกล่อของนายต่อหน้าคนทั้งเมืองนี้แล้ว บอกเลยว่าแยบยลมากจริงๆ!”

 

ไอเซ็นฟังเสียงเมาๆ ของเบลริมถึงเรื่องที่เขาไม่ชอบเฮนดริกต่อไปอีกครู่หนึ่ง เขากอดอกและหรี่ตามอง

 

“ไว้นายสร่างแล้ว เรามาคุยถึงความจริงที่นายปิดซ่อนเรื่องตําแหน่งขุนนางของเมืองนี้กัน ถ้านายยินดีที่จะเล่าน่ะนะ ทีแรกฉันก็คิดว่านายเป็นแค่คนงานเหมือง เพราะมอร์โรมบอกไว้ว่านายทํากะดึกที่เหมืองนั่น”

 

เบลริมยักไหล่และพยักหน้า “ หน้าที่ขุนนางก็ไม่ได้มีอะไรให้มากทํานักหรอก ก็เลยคิดว่าน่าจะได้ผ่อนคลายในเหมืองก็พอมีอะไรให้ได้ทําอยู่บ้าง ฉันเคยเป็นคนงานเหมือง ก็เลย… ถ้ามีเวลาก็ไปหาฉันที่คฤหาสน์ได้นะ คนพวกนี้รู้จักนายแล้วว่าเป็นใคร ทีนี้ก็เข้ามาฉันเมื่อไหร่ได้ตามที่นายต้องการ” เบลริมหาวและชี้ไปยังกลุ่มผู้ติดตามข้างหลังเขา บางคนก็ยิ้มและพยักหน้าให้ไอเซ็นราวกับเป็นการบอกเขาว่าไม่มีอะไรให้ต้องห่วง “ก็ตามนั้นแล้วกัน ฉันขอตัวล่ะ เหมือนจะมุนๆนิดหน่อย ขอตัวไปจีบก่อนแล้วกัน” เขาพึมพําและหันหลังเดินขึ้นทางลาดชันไปยังตัวเมือง

 

ไอเซ็นส่ายหน้าและถอนหายใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนหนุ่มในทุกวันนี้จะเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นไอเซ็นก็หันกลับไปหาคนอื่นๆ เป็นสี่คนที่สอนทักษะต่างๆแก่เขา หนึ่งในนั้นก็รวมถึงมอร์โรมผู้ที่เพิ่งสอนทักษะการเล่นแร่แปลธาตุให้แก่เขา พวกเขากําลังยืนคุยกันอยู่ห่างๆ ชัดเจนว่าพยายามห่างออกไปเพื่อให้มั่นใจว่าไอเซ็นจะไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน

 

“พวกนายสี่คนทําอะไรกันอยู่ตรงนั้น?” เขาถาม และพวกเขาก็หันมาหาพึมพํากันต่ออีกเล็กน้อยจากนั้นก็เดินมาหาเขา

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่บอกพวกเขาว่าทักษะการเล่นแร่แปลธาตุของคุณก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว พวกเรากลับร้านกันเลยไหมครับ? ใกล้ถึงเวลาต้องเปิดร้านแล้ว…” มอร์โรมอธิบายและดูเหมือนคนอื่นๆก็จะเห็นด้วย

 

“เอาล่ะ งั้นไปกันเถอะ อดใจรอที่จะเรียนการร่ายมนต์ไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆ!” ไอเซ็นหัวเราะและเริ่มเดินไปยังทางลาดก่อนที่บรีนั้นจะหยุดเขาไว้

 

“คะ-คุณไม่หาสะ…เสื้อผ้าใส่หน่อยเหรอคะ?” เธอถาม ขณะที่หลบซ่อนใบหน้าแดงกําไว้ภายใต้ฝ่ามือทั้งสอง และไอเซ็นก็ก้มมองเรือนร่างของตัวเอง

 

“น่าอายจริงๆ ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย…. แหะ ๆ…” ไอเซ็นหัวเราะอย่างเขินๆ และเสื้อผ้า รองเท้า และเข็มขัดมา สวมใส่ พร้อมทั้งกระเป๋าสตางค์ของเขาด้วย หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าขึ้นไปยัง “เขตงานฝีมือ” ของเมือง

 

ไอเซ็นอธิบายว่าไม่ใช่ทุกอย่างที่เขาพูดจะเป็นเรื่องโกหก เขาจ่ายเงินให้บรีจริง แต่ไม่ใช้ทั้งหมดสิบหน้าทอง เขาจ่ายให้เธอไปห้าทองแล้วเก็บส่วนต่างไว้ เขาจะแบ่งครึ่งๆ แต่ทําไม่ได้เพราะบรีไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น และเนื่องจากไอเซ็นยังต้องสํารองเงินไว้เป็นค่าอุปกรณ์และวัสดุในการเดินทางอีก เขามอบของขวัญและขายสิ่งของต่างๆให้แก่บรี เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะได้รู้ว่าของเหล่านี้ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว เขาไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้ และได้แค่บอกบรีว่าน้องเป็นเพียงสัญญาณแห่งความโชคดี

 

ไอเซ็นใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการคิดหากลลวงที่นํามาใช้ ในการต่อสู้กับเฮนดริก แต่ก็คิดไม่ออก จนได้มาเห็นปลอกคอทาสพังๆที่ร้านมอร์โรม จึงทําให้เขาเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดเจนว่าเฮนดริกนั้นสนใจในตัวบรีมาก และเขาก็ได้ใบ้ออกมาจากการปฏิบัติต่อเธอเยี่ยงทาส ทํากับเธอเหมือนกับสิ่งของ ไม่ใช่คน ดังนั้นไอเซ็นจึงหวังว่านั่นจะทําร้ายเขาได้ จากการยุแหย่เพียงเล็กน้อย แล้วก็ได้ผลซึ่งเกินคาดกว่าที่เขาหวังไว้ในตอนต้น

 

หลังจากเดินทางมาได้สักพัก พวกเขาก็มาถึงเขต ซึ่งต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับร้านของตัวเองจนกระทั่งเหลือแค่มอร์โรม ไอเซ็นและบรีที่กําลังเดินไปยังร้านสารพัดเวทมนต์

 

มอร์โรมไขประตูและก้าวเข้าไปในร้าน ตามมาด้วยคนอื่นๆ

 

เขาหันกลับมาและมองไอเซ็นด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เราลุยต่อกันเลยไหมครับ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+