ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 534 ยอมจำนน (3)
ตอนที่ 534 ยอมจำนน (3)
หลี่ฉางโซ่วเบิกตากว้างและลืมหายใจฉับพลัน เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นและจ้องมองเจ้าสำนักผู้ว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเขา มันราวกับว่า มีผู้บำเพ็ญเหวินจิงหนึ่งร้อยคนเข้ามาในความคิดของเขากะทันหัน ทำลายมัน… และทำลายมันโดยตรง…
เขายังกล้าแม้กระทั่งสร้างข่าวลือเกี่ยวกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
แล้วยังดึงเขาลงน้ำ[1]ไปอีกด้วย!
ข่าวลือที่กำลังแพร่กระจายเกี่ยวกับเรื่องชื่อหยางบริสุทธิ์ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั้น แท้จริงแล้ว มาจากตู้เอ้อร์เจินเหริน!
เขาคิดอยู่เสมอว่า มันเป็นกลอุบายสกปรกของสำนักบำเพ็ญประจิม เขากำลังคิดจะสร้างเทพนิยายแดนประจิมเพื่อตอบโต้กลับด้วยซ้ำ!
ชั่วขณะหนึ่งนั้น หัวใจของหลี่ฉางโซ่วก็สับสนวุ่นวาย และหัวใจเต๋าของเขาก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจอธิบายได้
เขาอดจะถามไม่ได้ว่า “ท่านเจ้าสำนัก แล้วท่านสรุปได้อย่างไรว่า ข้าเป็นบุตรชายของท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่?”
จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าก็ยังคงพอมีสายตาหยั่งรู้ในเรื่องเช่นนี้อยู่บ้าง”
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญถ้วนถี่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบยันต์หยกออกมาจากอกของเขาก่อนจะยื่นมันไปให้เจ้าสำนักและกล่าวเบาๆ ว่า “ท่านเจ้าสำนัก โปรดดูของสิ่งนี้ขอรับ ท่านดูของสิ่งนี้แล้ว ก็จะรู้คำตอบเอง ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งที่ท่านเจ้าสำนักพูดกับคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โปรดอย่าพูดถึงเรื่องนี้กับผู้ใดอีก
หากเราไม่ระวัง อย่างเบาๆ เราก็อาจจะก่อไฟเผาร่างตัวเอง[2]ได้ และหากหนักหนานัก เราก็อาจทำลายแผนการต่างๆ มากมายของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ขอรับ”
จี้อู๋โหย่วมองลงไปและอดจะตกใจไม่ได้ ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววตื่นตกใจและหัวใจเต๋าของเขาก็กำลังจะสูญเสียการควบคุม
อักขระเต๋าเหล่านี้!
ลายมือนี้!
ถ้อยคำเหล่านั้น! ปรมาจารย์เต๋าน้อย เสวียนตู! “ฉางโซ่ว เจ้า!”
“ท่านเจ้าสำนัก ขอท่านโปรดอย่าได้ตำหนิข้า” หลี่ฉางโซ่วเผยสีหน้าท่าทางจริงจังและกล่าวว่า “โปรดอย่าพูดถึงเรื่องนี้กับคนนอก หากท่านเจ้าสำนักเชื่อใจศิษย์ ขอท่านได้โปรดให้สัตย์สาบานด้วยปฏิญญาต้าเต๋าเพื่อช่วยยับยั้งและย้ำเตือนตัวท่านเองด้วยเถิดขอรับ”
ขณะกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็หยิบหม้อหยกออกมาจากแขนเสื้อ แล้วผลักมันออกไปตรงหน้าจี้อู๋โหย่ว จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “เม็ดโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนที่นี่จะเป็นของขวัญขอบคุณที่ขอให้ท่านเจ้าสำนักช่วยปิดปากเงียบในเรื่องนี้ขอรับ”
จี้อู๋โหย่วสูดลมหายใจเข้าลึก ในขณะนั้น จู่ๆ เขาก็เข้าใจเหตุผลและอธิบายถึงสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมาก่อนหน้านี้ได้ ศิษย์น้อยที่อยู่ต่อหน้าเขานี้ เป็นยิ่งกว่าบุตรชายของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
หรือว่า ปรมาจารย์เต๋าน้อย เสวียนตู เป็นศิษย์ของท่านจอมปราชญ์อยู่แล้ว เพียงแต่เขาเก็บมันเป็นความลับ?
ใช่แล้ว เกรงว่า บางที ฉางโซ่วอาจจะเป็นการกลับชาติมาเกิดของปรมาจารย์บางคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่ยังไม่ได้เกิดตั้งแต่แรก กลับมาฝึกบำเพ็ญใหม่อีกครั้ง น่ากลัวว่าจะต้องมีแผนการใหญ่ที่นี่!
วันนี้ ข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และดูเหมือนว่า ปฏิญญาต้าเต๋าได้ยับยั้งข้า จี้อู๋โหย่ว ทว่าความจริงแล้ว ฉางโซ่วกำลังปกปักษ์ชีวิตของข้า!
“เฮ้อ!”
จี้อู๋โหย่วถอนหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วกล่าวว่า “เหตุใดเล่า! เหตุใดไม่ได้เล่า ข้าจะสาบาน ฉางโซ่ว อย่าว่าข้าเลย”
“ท่านเจ้าสำนัก โปรดเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสุดยอดจากท่านปรมาจารย์บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักด้วยนะขอรับ” หลี่ฉางโซ่วเตือนอย่างเป็นห่วง “แล้วหากท่านปรมาจารย์บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักตู้เอ๋อร์เข้าใจผิด…”
ทันใดนั้น จี้อู๋โหย่วก็รีบกล่าวท้วงว่า “อย่าเรียกเขาเช่นนั้นเลย เพียงเรียกเขาว่า เจินเหรินก็พอ!”
“ได้ขอรับ หากท่านเจินเหรินเข้าใจผิด เช่นนั้น ก็ปล่อยให้ท่านเจินเหรินเข้าใจผิดไป เพียงเตือนท่านเจินเหรินว่า ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปเท่านั้นขอรับ”
“ได้”
จากนั้น พลังแห่งเต๋าสวรรค์ผ่านมาเยือนและจากไป[3] แล้วท่านเจ้าสำนักก็ขี่เมฆกลับไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์
“ฟู่–”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกและนั่งจมร่างลงบนเก้าอี้กลม เขาอยากจะบ่น แต่ก็พูดไม่ออก และทำได้เพียงยกมือขึ้นลูบคิ้ว
จากนั้นเขาก็ก่นด่าสาปแช่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างหยาบคาย
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ ท่านเจ้าสำนักจะเป็นคนที่เขาพูดคุยด้วยได้ง่ายมากขนาดนี้ ปรากฏว่า เขาคิดผิดเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้น
สายเลือดของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
โดยปกติแล้ว เจ้าสำนักมักจะซ่อนตัวอยู่ในห้องมืดเล็กๆ[4] ตรงมุมห้องโถงตู้เซียน และดูเรื่องราวเลือดสุนัข[5]เหล่านั้นในขณะที่ไอออกมาเป็นเลือดหรือ?!
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ก็มีมือเย็นๆ กดลงบนไหล่ของหลี่ฉางโซ่วแล้วนวดเบาๆ พลางถามว่า “ศิษย์พี่ เราควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีเจ้าคะ?”
“เรื่องอันใดกัน?”
“ก็ที่ว่ามีคนปล่อยข่าวลือบ้าๆ เกี่ยวกับปรมาจารย์นักพรตเต๋าผู้ยิ่งใหญ่จนแพร่หลายออกไปภายนอกอย่างรวดเร็ว” หลิงเอ๋อร์กล่าวเบาๆ
“ข้าไม่มีทางทำอะไรได้หรอก” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั้นมีสถานะพิเศษ เพราะไม่เพียงแต่เขาจะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเท่านั้น แต่เขายังเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ไม่กี่คนที่อยู่ภายใต้ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์อีกด้วย
หัวข้อเกี่ยวกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต แม้เราจะขอให้สำนักบำเพ็ญเซียนทั้งหกของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินยืนหยัดเพื่อปฏิเสธข่าวลือนี้ พวกเขาก็จะถูกกล่าวหาว่าพยายามปกปิดเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่กระจายข่าวลือในตอนแรก อาจกลัวว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะตามเอาเรื่องในเรื่องนี้ ทว่าในเวลานี้ ยิ่งข่าวลือแพร่สะพัดออกไปมากเท่าใด คนเหล่านี้ก็จะยิ่งไร้ยางอายมากขึ้นเท่านั้น”
ในขณะนั้น ดูเหมือนว่า หลิงเอ๋อร์จะครุ่นคิดลึกซึ้ง
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เรื่องเหลวไหลเช่นนี้เป็นปัญหายุ่งยากที่สุด”
“ศิษย์พี่ แล้วเราจะไม่ทำอะไรเลยหรือเจ้าคะ?”
“โดยธรรมชาติแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นอิสระและเรียบง่าย ขอบเขตเต๋าของเขาลึกซึ้งยิ่งและเขาก็มีจิตใจกว้างขวางและลึกล้ำราวกับหุบเขา[6] เขาได้รับการสั่งสอนที่แท้จริงจากปรมาจารย์จอมปราชญ์ไท่ชิงของเราโดยตรง และยังเป็นแบบอย่างที่ข้าได้เรียนรู้และพยายามตามให้ทันอีกด้วย”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “จริงๆ แล้ว ข้าคิดว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะไม่โกรธในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ และหลังจากนั้นสักสองสามเดือน ทุกอย่างก็ย่อมจะดีขึ้น”
ในขณะที่หลิงเอ๋อร์กำลังจะตอบ จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากด้านนอกประตู
ทันใดนั้น ก็มีระลอกคลื่นเบาๆ ปรากฏขึ้นมาในอากาศขณะที่ร่างมีร่างหนึ่งที่ดูไม่ได้แข็งแกร่งกำยำนักก้าวออกมา
“สัมผัสวิญญาณรับรู้ของเจ้าเฉียบคมขึ้นรวดเร็วยิ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าค้นพบการปรากฏตัวของข้าได้ตั้งแต่เมื่อใด เจ้าทำให้ฟังดูเกินจริงไป จนข้าเกือบจะเชื่อเจ้าแล้วเชียวเมื่อเจ้ากล่าวออกมาเช่นนั้นแล้ว”
………………………………………………………………..
[1] ถูกดึงร่วมไปเรื่องไม่ดี ถูกพาดพิงไปเกี่ยวข้องหรือร่วมทำเรื่องไม่ดี
[2] รนหาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัวเอง
[3] ผู้เขียนปรับมาจากเพลงดัง Wake Me Up When September Ends ของวง Green Day ในปีค.ศ. 2004 ที่ว่าไว้ว่า ฤดูร้อนผ่านมาเยือนและจากไป ซึ่งเป็นการพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนผ่านของบางสิ่งที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ความเปลี่ยนแปลงย่อมต้องมาเยือนทุกคน
[4] แสลงอินเทอร์เน็ต คือห้องปิดกั้นผู้ใช้ที่ละเมิดกฎ
[5] คือ ละครหรือเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อ เกินจริง ฉากน้ำเน่าที่ซ้ำซากจำเจ ฉากที่ทำซ้ำๆ กันทุกเรื่อง ว่ากันว่า มาจากหนังฮ่องกงแนวจับผีปราบผีชอบเอาเลือดหมามาไล่วิญญาณร้าย
[6] สามารถที่จะรับความคิดเห็นของคนอื่นได้ และมีความถ่อมตัวมากจนจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นได้
Comments