ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 69.2 อย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่! (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 69.2 อย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วขณะนั้นก็เกิดเสียงปลาไม้ดัง ระฆังลั่น และเสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้น

ในเวลานั้น ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันจับจ้องไปที่เมือง เขาสังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะมีใครบางคนกำลังมองมาทางเขา ทว่าก็ไม่มีผู้ใดมา

เขาแผ่พลังสัมผัสเซียนออกไปตรวจดูทั่วบริเวณรัศมีสิบลี้โดยรอบและคอยเฝ้าระวัง ในขณะที่ไข่มุกสะกดวิญญาณที่เขาโยนออกไปก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว แล้วดูดซับวิญญาณของคนทั้งห้าคนพร้อมกันในคราวเดียว

ตั้งแต่เขาโต้กลับจนบัดนี้เหลือเพียงกองขี้เถ้าที่อยู่ข้างหน้าเขา ยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาด้วยซ้ำ

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายในขณะที่เสียบกระบี่กลับเข้าไปในฝักที่สะพายอยู่บนหลังของเขา และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กระโดดกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขาทีละตัว

อาวุธเวทสองสามชิ้นบนพื้นดินซึ่งถูกเพลิงสมาธิแท้เผาทำลายไปครึ่งหนึ่งก็ถูกเก็บไว้ในถุงเก็บสมบัติที่ใช้สำหรับเก็บขยะโดยเฉพาะ

และในขั้นตอนสุดท้าย หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแขนเสื้อของเขา แล้วเถ้าถ่านเหล่านั้นก็ปลิวไปตามสายลม แปรเปลี่ยนเป็นปุ๋ยของพืชพรรณต่างๆ

หลังจากหุบฉัตรเปลี่ยนสวรรค์ที่ปรับปรุงแล้ว เขาก็เหยียบลงไปในทรายดูดบนพื้น จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งตรงไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว

และบรรดาผู้คนที่กำลังสำรวจสถานที่นี้ก็จับได้แค่เพียงภาพด้านหลังของเขาและเสียงพึมพำกับตัวเองในขณะที่หลี่ฉางโซ่วจากไป

“บอกแล้วว่าอย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่”

จอมกระบี่ผู้นี้ทรงพลังยิ่ง…

……

หลี่ฉางโซ่วคิดในใจว่าพลังเซียนสำรองของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยังคงอุดมอย่างยิ่ง ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงเดินทางไปทางเหนือหนึ่งหมื่นลี้ก่อนจะหันไปทางทิศตะวันออกเพื่อเดินเล่น แล้วจากนั้นก็กลับไปที่สำนักตู้เซียน

สถานการณ์อันตรายจริงๆ…

โชคยังดีที่เซียนเสิ่นผู้นั้นประมาทและดูเบาคู่ต่อสู้มากเกินไป เขาคุ้นเคยกับการใช้อาวุธเวทโจมตีผู้อื่น ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยพลังออกมามาก แล้วเขาก็พ่ายแพ้ต่อผงพิษที่เขาปล่อยออกมา

ยามนี้ หลี่ฉางโซ่วมียาที่ใช้แทนผงสลายพลังเซียนแล้ว นั่นคือ ผงพิษเมาวิญญาณ

เขาปล่อยผงพิษทั้งหมดหกชนิดออกมาในทันทีที่ชักกระบี่ และเมื่อเซียนเสิ่นตกลงมาจากฟากฟ้า ในขณะนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาก็ตายไปแล้ว และในที่สุด เขาก็ถูกเพลิงสมาธิแท้กลืนกินปราณวิญญาณของเขาที่ยังคงสั่นสะท้าน

หากข้าประมาทเช่นนั้น ข้าก็คงตายไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจและเตือนใจตัวเองให้ระวังในเรื่องนี้

เขาชนะและรู้สึกมีความสุขที่ได้รับทรัพย์สินมาโดยบังเอิญ

ไม่มีอะไรให้น่ายินดีเลยจริงๆ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ความจริงที่ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่น ย่อมหมายความว่าเขายังไม่มั่นคงเพียงพอและยังประมาทเกินไป

ข้าจะกลับไปเขียนบทวิเคราะห์ทบทวน และคราวหน้า ข้าจะขอให้ท่านอาจารย์ออกมาอีกสักสองสามวัน

ทว่า…

เมื่อมองดูถุงเก็บสมบัติในแขนเสื้อซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณ สมุนไพรพิษ และลูกสัตว์วิญญาณ เขาก็คิดว่าเขาคงจะยุ่งอยู่เป็นเวลาสามถึงห้าปี

เขาอยากรวย!

เขาอยากมีเงินมากขึ้นเพื่อปกป้องเต๋าของเขา!

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รีบกลับไปยังป่าทึบที่เขาจากมาตามเวลาที่กำหนด

ขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษก็วางกล่องสี่เหลี่ยมฝังลงในดินอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขามองไปยังหินสัมผัสของเขาและตระหนักว่ามันส่องแสงวาววับออกมาเล็กน้อย

ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็พบอาจารย์ของเขาซึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปสิบลี้ และส่งเสียงกล่าวออกมาว่า “ท่านอาจารย์ โปรดถอนพลังเซียนของท่านก่อนขอรับ”

ฉีหยวนซึ่งกำลังอยากรู้อยากเห็น มองไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างสงสัยแล้วขานรับพร้อมทั้งถอนพลังเซียนของเขาออกทันที

และตามที่คาดไว้ บัดนี้ศิลาอมตะรูปเพชรไม่ได้ส่องแสงเจิดจ้าอีกต่อไป

แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ยักไหล่ช้าๆ แล้วพึมพำว่า “เล็ก เล็ก เล็ก…”

จากนั้น เสี้ยวแสงเซียนที่ล้อมรอบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หนาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมด้วยถุงผ้าเล็กๆ ที่ไหล่ของมันที่โป่งพองออกมา แล้วทันใดนั้นมันรีบกระโดดเข้าไปในกล่องอย่างคล่องแคล่ว แล้วปิดฝาลงทันที

“เอาละ ท่านอาจารย์ โปรดนำกล่องกลับไป แล้วแค่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นเมื่อกลับไปที่สำนัก และคราวหน้า เราค่อยหาเหตุผลดีๆ ออกมาเดินเล่นกันนะขอรับ”

นักพรตเต๋าชราฉีหยวนหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนเมฆพร้อมกับนำกล่องสี่เหลี่ยมไป

บัดนั้น สติของหลี่ฉางโซ่วก็กลับคืนสู่ร่างเดิมของเขาในหอโอสถ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกทันที

แล้วความรู้สึกอย่าง…เปราะบาง อับจนหนทาง อ่อนแอ และน่าสมเพชนั้นก็หายไปในที่สุด

ในขณะที่ ร่างหลักยังสบาย…และมั่นคงปลอดภัย

……

ศิษย์พี่ฉางโซ่วจะชอบอะไรกันแน่นะ

ในยอดเขาพิชิตสวรรค์ของสำนักตู้เซียน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักซึ่งจิ่วเซียนทั้งเก้าอาศัยอยู่ มีเคหาสน์ถ้ำที่พำนักอยู่ในกำแพงหิน

รูปลักษณ์ภายนอกของถ้ำนี้ดูธรรมดา แต่ภายในถ้ำนั้นวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง

เมื่อก้าวเข้าไปในถ้ำจะมี ‘โถง’ ที่โอ่อ่าสง่างาม ทางด้านซ้ายมือ และจะมองเห็นสระบัวยาวสิบฉื่อ ซึ่งที่ก้นสระปูด้วยหยกวิญญาณ น้ำในสระเปล่งแสงเจิดจ้าและมีปลาหลีฮื้อสองตัวอยู่ใต้ใบบัว

ทางด้านขวามือเป็นห้องรับรองที่กว้างขวางพร้อมมีเบาะรองนั่งสมาธิและฉากกั้น มีผ้าม่านทั้งสองด้าน และมีภาพวาดภูมิทัศน์หลายภาพที่แขวนอยู่บนผนังหิน

ขณะที่สำรวจภายในต่อไป ก็พบว่ามีทางแยกสองทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นนำไปสู่ที่พำนักของเจ้าของซึ่งเจียงจิงซาน ผู้เป็นเซียนเสิ่น ฝึกบำเพ็ญและอาศัยอยู่

ส่วนอีกทางนำไปสู่ห้องพักส่วนตัวของโหย่วฉินเสวียนหย่า ศิษย์สายตรงของเจียงจิงซาน นางคือหัวหน้าศิษย์ของศิษย์รุ่นเยาว์สำนักตู้เซียน

ในเวลานี้ โหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งเพิ่งตื่นจากสภาวะเฉิงเต๋า กำลังคิดเกี่ยวกับคำถาม…

ท่านอาจารย์กล่าวก่อนหน้านั้นว่าการมอบของขวัญให้แก่กันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างมิตรภาพซึ่งกันและกัน

นางอยากมอบของขวัญให้ศิษย์พี่ฉางโซ่ว และอยากได้รับของขวัญจากศิษย์พี่ฉางโซ่วเพื่อจะได้พิสูจน์ว่าศิษย์พี่ฉางโซ่วปฏิบัติต่อนางในฐานะ ‘สหาย’ ด้วยเช่นกัน

สหายสนิทจำเป็นต้องสื่อสารและปรับปรุงมิตรภาพอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่โหย่วฉินเสวียนหย่าใฝ่ฝัน

น่าเสียดายที่จนถึงยามนี้ นางยัง…ไม่มีสหายสักคนเลย

‘ขอบเขตพลังของข้าไม่สูง ดังนั้นข้าจึงมีเพียงเวทหลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย ซึ่งหากคนอื่นรู้ เกรงว่าข้าคงจะกลายเป็นตัวตลก ทำให้ผู้คนขบขันแล้ว’

หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย

โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตาและขณะที่ขนตาของนางกระพือ จู่ๆ นางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้

ทันใดนั้น นางก็หันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าด้านข้าง

แม้เครื่องเรือนต่างๆ ในห้องนั้นจะดูเรียบง่ายมาก แต่พวกมันเหล่านั้นล้วนทำมาจากวัสดุพิเศษ

จากนั้นนางก็หยิบกล่องเครื่องประดับออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทันทีที่เปิดมันออก มันก็สาดแสงเจิดจ้า แสงวิญญาณมากมายเปล่งประกายสว่างไสว

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรางวัลที่พระบิดา และพระมารดาของนางมอบให้ ก่อนที่นางจะมายังสำนักตู้เซียนเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ

แม้โลกมนุษย์ในดินแดนเทวะทักษิณจะเป็นสถานที่ที่วุ่นวาย แต่กรรมระหว่างจักรพรรดิมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่เกินไป และไม่มีผู้บำเพ็ญคนใดกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตและชะตากรรมของจักรพรรดิ

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้ทำให้เหล่าจักรพรรดิหยุดการใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้รับวิธีการหลอมรวมลมปราณ

เกือบครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิมนุษย์ในโลกมนุษย์มีวิธีเพิ่มอายุขัยของพวกเขา และอาณาจักรโหย่วฉินก็เป็นตัวอย่างทั่วไปของสถานที่ที่เซียนและมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีทักษะและขอบเขตการฝึกบำเพ็ญที่เทียบได้กับเซียนเล็กๆ

โหย่วฉินเสวียนหย่าค้นหาในกล่องเครื่องประดับครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็หยิบไข่มุกสีเหลืองเม็ดหนึ่งออกมา

นี่ไม่ใช่อาวุธเวท แต่เป็นไข่มุกที่เกิดจากเส้นชีพจรวิญญาณ มันบรรจุพลังบริสุทธิ์แห่งเบญจธาตุของโลก แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่ก็มีผลบางอย่างกับเวทประเภทดิน

และแน่นอนว่า หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายก็เฉกเช่นกัน

ไข่มุกสวรรค์สร้างนี้มีค่ามากกว่าอาวุธเวทหลายร้อยเท่าซึ่งให้ผลเหมือนกัน

“ศิษย์พี่ ท่านจะคิดว่าของขวัญนี้ไม่มีความสำคัญใดหรือไม่”

โหย่วฉินเสวียนหย่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ จากนั้นจึงหยิบกล่องผ้าเล็กๆ ออกมาแล้ววางไข่มุกไว้ภายในนั้น

และหลังจากครุ่นคิด นางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนหนึ่งออกมาและลังเลอยู่ครึ่งชั่วยามก่อนจะเขียนลงไปว่า ‘สำหรับท่าน ศิษย์พี่ฉางโซ่ว’

เมื่อคลุมมุกด้วยผ้าเช็ดหน้าทรงสี่เหลี่ยมแล้ว นางก็ปิดกล่องผ้า ก่อนจะเม้มปากแล้วแย้มยิ้ม ออกมา จากนั้นก็ก้าวออกไปด้วยฝีเท้าที่เบาอย่างยิ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *