ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 46.2 ศิษย์หลานของท่านหาใช่คนชั่วร้ายไม่ (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 46.2 ศิษย์หลานของท่านหาใช่คนชั่วร้ายไม่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ่วอูนิ่งสงบขณะแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉางโซ่ว นี่คือแผนที่เจ้าคิดจะใช้ทำร้ายข้า เจ้าล้างแค้นโดยที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่กับข้าหรือ การหลอกลวงตัวเองย่อมไม่ใช่เรื่องดีนะ”

หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาแล้วกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ลุง ท่านกำลังกล่าวอันใดกันขอรับ ศิษย์จะทำเช่นนั้นไปด้วยเหตุใดกันขอรับ”

ทว่าทันใดนั้น ก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาบนขาและแขนของหลี่ฉางโซ่ว

จิ่วอูผงะงันไปครู่หนึ่งแล้วรีบร้องตะโกนว่า “เหตุใดเจ้าถึงถูกไฟเผา!”

“อาจารย์ลุง เหตุใดท่าน…” หลี่ฉางโซ่วร้องตะโกนเสียงสั่นแล้วโยนผลึกบันทึกเหตุการณ์ในมือของเขาออกไปในทิศทางหนึ่ง

และในชั่วพริบตานั้น ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนเขากลายเป็นตุ๊กตากระดาษซึ่งถูกแผดเผาลุกไหม้อยู่ในเปลวเพลิงทันที

จิ่วอูพลันเบิกตากว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

เพลิงวิญญาณแห่งเพลิงสมาธิแท้?

ตุ๊กตากระดาษจากกฎสามสิบหกแห่งเทียนกังหรือ

เจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้เรียนรู้ที่จะจุดเพลิงวิญญาณได้รวดเร็วยิ่ง? มีทักษะเวทที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เลยหรือนี่

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…

จิ่วอูพลันหันกลับมา ทันใดนั้น เขาก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีเงินสว่างจ้าอย่างกะทันหัน และในขณะนี้ ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ในค่ายกลกับดักนั้น

กลายเป็นว่า เจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้ใช้ผลึกบันทึกเหตุการณ์เพื่อเอาชื่อเสียงบริสุทธิ์ของเขามาละเลงเล่นจริงๆ!

จิ่วอูตระหนักได้ในทันใดก่อนจะเยาะหยัน แล้วจากนั้นค่อยๆ เริ่มทำลายค่ายกลอย่างใจเย็น

“ฉางโซ่ว เจ้ายังด้อยประสบการณ์นัก เจ้าจะกล่าวโทษข้าที่หอลงทัณฑ์ด้วยข้อหาใด…

ชิชะ! ข้ายังประเมินความคิดของเจ้าสูงเกินไป ข้ามีสหายดีๆ อยู่มาก…ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นผู้คิดค้นค่ายกลนี้ขึ้นมาเอง แล้วจะหาประตูเซิงไม่เจอได้หรือ”

ขณะที่กล่าวนั้น จิ่วอูก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว จากนั้นแสงและเงาโดยรอบก็หมุนไปอย่างรวดเร็วจากสถานที่ที่สาดแสงสีเงินไปยังสถานที่ที่เปล่งแสงสีทอง

ทว่าทันใดนั้น รอยยิ้มของจิ่วอูก็พลันแข็งค้างกะทันหัน เขาก้มศีรษะลงและนับนิ้วของเขาเพื่อคำนวณสถานการณ์ก่อนจะก่นด่าออกมาอย่างเหลืออดว่า “เหตุใดมันถึงเป็นค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการอีกเล่า”

เขาเร่งรีบก้าวไปจนไปถึงสถานที่ที่เปล่งประกายระยิบระยับอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเดินต่อไป เขาก็กลับมายังสถานที่เดิมซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีเงินอีกครั้ง

จากนั้นแม้ว่าเขาจะพุ่งกระโดดขึ้นไปในอากาศ และร่อนลงมาบนพื้น ก็พบว่ายังอยู่ในสถานที่ที่สาดประกายแสงสีทองอีกครั้ง!

เมื่อถึงเวลานี้ จิ่วอูก็ตระหนักว่าค่ายกลนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของเขาแล้ว เวทหลบหนีทั้งหมดของเขาล้วนถูกสกัดกั้น และค่ายกลพื้นฐานคือค่ายกลประกายแสงเก้าสีที่เขาสร้างขึ้นมา!

เขาสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาด้วยความมานะอุตสาหะอย่างเต็มที่โดยต้องเป็นเซียนเทียนขึ้นไปเท่านั้นจึงจะทำลายค่ายกลนี้ได้!

ยามนี้ร่างเต๋าที่สูงห้าฉื่อของจิ่วอูสั่นสะท้านและฟุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา บัดนี้เขาคาดเดาได้อย่างรวดเร็วในใจแล้ว… อุบายร้ายนี้เริ่มต้นเมื่อหลี่ฉางโซ่วขอให้จิ่วอูมาพูดคุยกับเขาและเชิญเขาไปเลี้ยงสุรา!

เมื่อเขามาถึงยอดเขาหยกน้อย เขาได้ใช้สัมผัสเซียนรับรู้และพบว่า ‘ศิษย์หลานฉางโซ่ว’ กำลังนั่งฝึกบำเพ็ญ ‘ลมปราณเพลิง’ และเขาก็ไม่ได้ตรวจสอบว่า เขาเป็น ‘ศิษย์หลานฉางโซ่ว’ ตัวจริงหรือไม่!

งานเลี้ยงนั้นเป็นเพียงการแสดง ส่วนการล้างแค้นที่แท้จริงของเขาก็คือค่ายกลนี้

เนื่องจากจิ่วอูเป็นผู้คิดค้นค่ายกลกับดักนี้ขึ้นมาเอง เขาจึงก้าวเข้าสู่ค่ายกลด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมโดยลืมไปว่าเจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้ชอบสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการมากที่สุด!

ทว่า…เขากลับติดกับดักเอง แล้วทำอย่างไรเล่า

จิ่วอูนั่งขัดสมาธิ เขาเป็นเซียนเสิ่น แล้วจะเกิดอันใดขึ้นหากเขาถูกขังอยู่สักสองสามเดือนเล่า

เจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้ กล้าแก้แค้นข้าถึงขนาดนี้เลยหรือนี่

จิ่วอูหัวเราะกับตัวเองเบาๆ แต่รอยยิ้มของเขาพลันแข็งกระด้างขึ้นมาทันที

มันช่าง…ดุเดือดนัก…

บัดนี้ดูเหมือนว่า เส้นเลือดของจิ่วอูทั่วทั้งร่างของเขาจะพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็เริ่มมีเหงื่อออกไปทั่วร่างกาย และพลังปราณหยางขุ่นในร่างกายของเขาก็เพิ่มพูนพุ่งพรวดๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว…

โอ ไม่! นั่นเป็นสุราสมุนไพร! แล้วไฉนพลังฤทธิ์ของมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้

จิ่วอูรู้สึกเหมือนว่าร่างเซียนของเขาจะกำลังลุกเป็นไฟในขณะที่ภาพความรักของคู่บำเพ็ญเต๋าก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาจนทำให้เขาหายใจแรงประหนึ่งกำลังพ่นไฟออกมา แล้วร่างกายของเขาก็เริ่มมีเหงื่อร้อนออกมาทั่วทั้งร่าง!

เขาพยายามที่จะขจัดฤทธิ์โอสถนี้ให้หมดไปในทันที แต่กลับพบว่าฤทธิ์โอสถนี้ได้เข้าสู่เส้นเลือดของเขาแล้ว!

จากนั้น จิ่วอูก็ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยท่าทางเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“ศิษย์หลานฉางโซ่ว!…ฉางโซ่ว! ปล่อยข้ากลับออกไปเดี๋ยวนี้!”

นั่นไม่ถูกต้อง!

เจ้าเด็กคนนี้อยากเห็นว่าเขาน่าอนาถปานใด!

ทนต่อไป! ข้าต้องทนต่อไปให้ได้!

เอ่อ…บัดนี้ จิ่วอูเป็นกึ่งเซียนเทียน แล้วเขายังไม่อาจต้านทานฤทธิ์โอสถเล็กน้อยนี้ได้หรือ โอ…เพียงแค่เขาคิดถึงว่า ซือซือกำลังรอเขาอยู่ที่กระท่อมและเขาสามารถทำมันได้หลังจากที่เขากลับไปแล้ว!

เขายิ่งรู้สึกย่ำแย่ลง แน่นอนว่าเขาคิดถึงศิษย์พี่หญิงของเขาไม่ได้เด็ดขาด!

เขาย่อมไม่โง่พอ เวลานี้ผลึกบันทึกเหตุการณ์ของไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้ ยังถูกเปิดใช้สาดส่องมาที่ตัวเขาอยู่!

จากนั้นจิ่วอูก็ทำลายผลึกบันทึกเหตุการณ์ในมือของเขาก่อนจะทำสมาธิอีกครั้ง เขาท่องพระสูตรเคลื่อนใจและเวทชำระใจอย่างรวดเร็ว

และหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วยาม…

“ข้าจะออกไป…เรื่องพรรณนี้ เมื่อกินจนรู้รสชาติแล้ว เจ้าจะให้ข้าทนอยู่ได้อย่างไรกัน!…

ฉางโซ่ว!…ฉางโซ่ว! ข้ายอมแพ้! ต่อไปข้าจะไม่กล้าวางแผนทำร้ายเจ้าอีกต่อไปแล้ว! เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร!”

ทว่าไม่มีผู้ใดตอบเขา

จิ่วอูหันไปมองรอบๆ อย่างกังวลใจขณะที่ใช้พลังเซียนของเขาระงับพลังหยางขุ่นของเขาเอาไว้แล้วเดินไปตามเส้นทางในค่ายกลกับดัก

ทันใดนั้น เขาก็เห็นป้ายไม้ที่มีข้อความเขียนอยู่สองสามบรรทัด จึงรีบเข้าไปดู

นี่คือ?

“สัตย์สาบานเต๋าสวรรค์? พระสูตรรำลึกถึงพระคุณ? นี่เขาเป็นคนโหดร้ายเช่นนี้หรือ…

นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จิ่วอูจะไม่ทำอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยแห่งสำนักตู้เซียน ศิษย์ของนักพรตเต๋าฉีหยวน และศิษย์หลานฉางโซ่ว… ข้าจะไม่เปิดเผยข้อมูลของศิษย์หลานฉางโซ่วให้กับผู้ใด รวมถึงอาวุธเวท และเครื่องมือใดๆ…

ข้าจะไม่…ฟู่! แต่นี่มันยากลำบากมากจริงๆ! เนื้อหาของสัตย์สาบานนี้ธรรมดาและยังไม่เรียบร้อยนัก มันเป็นเพียงเรื่องของการรักษาความลับโดยไม่ได้เตรียมการใดๆ ในอนาคต…

ผลที่ตามมาของการละเมิดสัตย์สาบานนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง! ข้าจะต้องสูญเสียความเป็นบุรุษ!”

จากนั้นจิ่วอูก็กระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความวิตกกังวลและโยนป้ายไม้ลงไปบนพื้น

“ข้าจะปล่อยให้เจ้าข่มขู่ได้อย่างไรกัน!”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอย่างช้าๆ ในขณะที่ยังคงระงับพลังหยางของเขาและกัดฟันของเขาแน่นเพื่ออดทนต่อไป

และหลังจากนั้นไม่นาน…

เขาร้องคำรามกึกก้องออกมาพร้อมด้วยดวงตาแดงก่ำพลางลุกขึ้นยืนแล้วหยิบป้ายไม้มา จากนั้นก็เริ่มท่องสัตย์สาบานเต๋าสวรรค์จนรู้สึกได้ว่ามีเสียงสายฟ้าร้องคำรามสั่นพร่าอยู่เหนือยอดเขาหยกน้อย!

หลังจากที่เขาให้สัตย์สาบานซึ่งมีมากกว่าร้อยคำแล้ว ค่ายกลที่อยู่รอบๆ ก็ค่อยๆ สลายไป และแม้กระทั่งค่ายกลที่อยู่ชั้นนอกก็หยุดลงเช่นกัน

จิ่วอูหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใด แล้วทันใดนั้น เขาก็กระโดดพุ่งขึ้นไปแล้วรีบบินตรงไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์อย่างรวดเร็ว

“ซือซือ!…ซือซือ เจ้าต้องไม่ปิดด่านนะ! ซือซือ!…”

หลังจากที่จิ่วอูออกไปแล้ว ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากทุ่งหญ้า เขาหยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ของเขาขึ้นมาและค่อยๆ เก็บมันอย่างระมัดระวังก่อนจะรวมค่ายกลกับดักนี้เข้ากับค่ายกลอื่นๆ โดยรอบ

เมื่อเขาเดินไปที่ป้ายไม้ หลี่ฉางโซ่วก็เผยรอยยิ้มเฉยเมยออกมามองดูลายมือบนป้ายไม้ที่เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ เขาจัดการเรื่องนี้ได้ชั่วคราว

……

สองเดือนต่อมา ก็เป็นวันที่มีการนัดหมายเพื่อหลอมโอสถด้วยกัน

“เฮ้ เสี่ยวโซ่วโซ่ว ยังมีสุราสมุนไพรที่เจ้าให้ศิษย์พี่ห้าของข้าเหลืออีกหรือไม่ ศิษย์พี่สี่ของข้าพูดว่า นางอยากใช้ตำราคาถาเวทสองสามเล่มเพื่อแลกกับสูตรสุราสมุนไพรของเจ้า เจ้าเลือกคาถาเวทได้เองเลย”

“ยังมีอีกครึ่งไหอยู่ตรงนั้น ข้าจะให้สูตรท่านในภายหลังเมื่อข้าแยกแยะสูตรออกมาแล้ว ข้าจะขอเลือกเวทที่ทรงพลังที่สุด” หลี่ฉางโซ่วตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองขณะที่แยกแยะสมุนไพรในมือต่อไป

จากนั้นจิ่วจิ่วก็เดินไปที่มุมห้องแล้วกล่าวถามว่า “นี่หรือ? กลิ่นแปลกยิ่ง!”

“ใช่ขอรับ เป็นไหนั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเขาก้มศีรษะลงเพื่อทำงานต่อ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “สตรีไม่อาจดื่มสุรานี้ได้ตามใจชอบ นี่คือสุราหยางที่เตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับบุรุษ หากสตรีดื่มมันเข้าไปจะเกิดปัญหา”

เคร้ง-ตึ้ง!

ทันใดนั้น กระบวยไม้พลันร่วงหล่นลงไปบนพื้น และจิ่วจิ่วก็พ่นสุราออกมากะทันหันก่อนจะหันไปจับจ้องที่หลี่ฉางโซ่ว

“นี่…หากสตรีดื่มแล้ว…จะเกิดอันใดขึ้น”

นางช่างรวดเร็วยิ่ง?

หลี่ฉางโซ่วมีเส้นริ้วดำขึ้นที่หน้าผากทันที พร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นในขณะที่อดจะยิ้มแหยๆ ออกมาไม่ได้จริงๆ

“อืม…แค่หนวดเครายาวออกมา? ทำนองนั้นกระมัง”

……………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *