ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 592 ความจริงแล้ว ท่านอาจมี (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 592 ความจริงแล้ว ท่านอาจมี (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 592 ความจริงแล้ว ท่านอาจมี (2)

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ เสื้อคลุม ‘งูเหลือมผี’ บนร่างของพวกเขา มันมีพลังแห่งเต๋าสวรรค์เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันเป็น “เครื่องมือเวท” ที่เต๋าสวรรค์ประทานให้พร้อมด้วยพลังคุ้มครองเล็กน้อย

ในแดนยมโลกนั้น มีสิบเหยียนจุนในสิบตำหนัก

หลี่ฉางโซ่วเป็นคนแรกที่ลอยออกมาจากเกวียนเทียมวัวก่อน แล้วจ้าวเต๋อจู้ และหลงจี๋ก็ตามมาข้างหลังด้วย

เหยียนจุนเหล่านี้ ต่างเผยรอยยิ้มที่สามารถทำให้เด็กหยุดร้องไห้ได้ และพวกเขาทั้งหมดก็เดินออกไปข้างหน้าเพื่อโค้งคารวะให้ และเรียกเขาว่าเทพวารี

หลี่ฉางโซ่วประสานมือโค้งคารวะให้เป็นการทักทายกลับ แล้วเรียกพวกเขาว่า ‘เหยียนจุน’ โดยไม่เอ่ยคำว่า “ฝ่าบาท”

จากนั้น หัววัวก็เดินออกไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวพวกเขา ครั้งนี้ผู้ที่ออกมาต้อนรับพวกเขาคือ ราชาฉินก่วง ราชาฉู่เจียง ราชาอู่กวน ราชาโต้วฉื้อ และราชาผิงเติ้ง พวกเขาล้วนครองตำแหน่งผู้ทรงพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่เต๋าสวรรค์ประทานให้ พวกเขารับผิดชอบในการไต่สวนและตัดสินบาปและการกระทำชั่วร้ายของบรรดาภูติผี วิญญาณคนตายต่างๆ และปกครองดูแลขุมนรกทั้งสิบแปดขุมรวมถึงสังสารวัฏหกวิถี

บัดนี้ ครึ่งหนึ่งของเหยียนจุนทั้งสิบตำหนักได้มาถึงที่นี่ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นการแสดงความเคารพต่อหลี่ฉางโซ่วอย่างเพียงพอแล้ว และหลังจากที่หัววัวแนะนำตัวเหยียนจุนทั้งหมด เขาก็รีบล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่สามารถพูดอะไรได้หลังจากนั้น และทำได้เพียงติดตามไปข้างๆ กลุ่มแม่ทัพแห่งแดนยมโลก บางครั้งบางคราว เขาก็จะหันศีรษะไปมองรอบๆ เพื่อดูว่าทางสะอาดหรือไม่ และเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญแห่งแดนยมโลกมีพฤติกรรมดีหรือไม่…

หลี่ฉางโซ่วและเหยียนจุนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างพึงพอใจอยู่พักหนึ่ง และในเวลานี้ พวกเขาก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว

จากนั้น ราชาฉินก่วงผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญให้หลี่ฉางโซ่วเข้าเมืองไปพร้อมกับจ้าวเต๋อจู้และหลงจี๋โดยที่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้แนะนำจ้าวเต๋อจู้ และพวกเขาก็ไม่ได้ไถ่ถามอะไรให้มากความ

พวกเผ่าเวทไม่เก่งเรื่องการสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยง

ในขณะที่ราชาฉินก่วงเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ค่อยสะอาดนักของเมืองเฟิงตู เขาก็เอ่ยถามออกมาตรงๆ ว่า “ไม่รู้ว่า ใต้เท้าเทพวารีมาแดนยมโลกในครั้งนี้ด้วยเรื่องสำคัญอันใดหรือ?”

“มีอยู่สองเรื่อง ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ ล้วนได้รับพระบัญชามาจากองค์เง็กเซียน”

“โอ้?”

เหยียนจุนหลายคนรู้สึกสนใจขึ้นมากะทันหัน

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องแรกคือ เป็นเพียงการมาน้อมคารวะเหล่าเหยียนจุนในแดนยมโลกและดูว่า แดนยมโลกต้องการความช่วยเหลือจากศาลสวรรค์บ้างหรือไม่?”

ราชาอู่กวนยิ้มและพูดว่า “แดนยมโลกยังทำงานได้ตามปกติ สังสารวัฏทั้งหมดในแดนยมโลกล้วนเรียบร้อยดี พวกเราไม่มีอะไรต้องการให้ช่วยหรอก”

เขาตรงไปตรงมาเพียงนี้เลยหรือนี่?

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ท่านอาจมี… ”

“ข้าไม่มีจริงๆ!”

ร่างกำยำของราชาฉู่เจียงนั้น ค่อนข้างทรงอำนาจ เขาโบกมือและกล่าวว่า “แดนยมโลกถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ และช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดนั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าช่วงระหว่างมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจเพื่อแย่งชิงสวรรค์และปฐพี ในเวลานั้น แดนยมโลกเกือบจะถูกเหล่าวิญญาณภูตผีบดขยี้ทำลายแล้ว!

ทว่าพวกเราก็ยอมรับด้วยการปิดตา[1]ลงและค่อยๆ ส่งพวกเขาเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี และหลังจากยืนหยัดผ่านไปนานหลายพันปี พวกเราก็กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที เขาไม่ได้ถามเรื่องนี้…

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวต่อว่า “ดังคำกล่าวที่ว่าไว้ หากไม่มองการณ์ไกล ปัญหาวุ่นวายใจย่อมจะตามมาใกล้ๆ แต่หากระวังให้มากขึ้น จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นก่อนได้ในภายหน้า[2]”

ราชาฉู่เจียงปรารถนาจะกล่าวต่อ แต่ราชาฉินก่วงที่อยู่ด้านข้างก็ได้ตอบสนองขึ้นก่อนแล้ว และกระแทกมือใหญ่ของราชาฉู่เจียงที่โบกไปมากลับไป

เสียงแตกของกระดูกที่ดังชัดเจนนั้น ทำให้ใบหน้าของหลงจี๋ซีดลงด้วยความตื่นตกใจ…

ราชาฉินก่วงถอนหายใจเบาๆ และเผยสีหน้าลำบากใจออกมาเมื่อกล่าวว่า “แดนยมโลกของข้า…กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ! มีเศษซากทะเลเลือดอยู่ภายนอก และเหล่าวิญญาณที่สร้างปัญหา และภายในก็ยังมีปัญหาอยู่มากมาย ตอนนี้ ข้าเพียงหวังว่าจะมีคนมาช่วยเราได้”

ในขณะนั้น เหยียนจุนคนอื่นๆ ก็เข้าใจความนัยในสิ่งที่ราชาฉินก่วงกล่าวถึงได้ทันที หากแดนยมโลกไม่มีเรื่องใดจะร้องขอต่อศาลสวรรค์ เช่นนั้นแล้ว ศาลสวรรค์จะยอมรับพวกเขาอย่างมีเหตุผลได้อย่างไร?

ขณะนั้น เหยียนจุนทั้งหลายก็เริ่มบ่น แต่ในสายตาของพวกเขานั้น ตอนนี้แดนยมโลกก็อยู่ในสถานะที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะสามารถทำได้แล้ว พวกเขาอึกอักลังเลอยู่นาน และก็พูดออกมาได้เพียงสองสามประโยคเท่านั้น…

ราชาฉู่เจียงปล่อยมือซ้ายของเขาให้เคลื่อนตัวลงมาอย่างเป็นธรรมชาติพลางถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อสองสามวันก่อน มีผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่ต่อสู้กันในทะเลเลือด ทำให้พวกเรารู้สึกหวาดกลัวกันมากจนอกสั่นขวัญแขวน!”

ราชาผิงเติ้งกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีทำงานอย่างไม่เสถียรเล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นเพราะขาดบุญ บุญนี้ เปรียบเสมือนน้ำมันทาลงบนบานพับประตู ซึ่งจะไม่อาจทำงานได้หากไม่มีน้ำมันหล่อลื่น!”

ราชาโต้วฉื้อกล่าวว่า “ในยามนี้ พลังคุ้มครองของพวกเราไม่เพียงพออย่างร้ายแรง หากเกิดโศกนาฏกรรมเฉกเช่นที่ดวงตาแห่งท้องทะเลของเผ่ามังกรถูกทำลาย พวกเราย่อมจะไม่อาจยับยั้งมันได้เลย!”

ไม่มีดวงตาแห่งท้องทะเลในแดนยมโลก!

หลังจากที่เหยียนจุนทั้งหลายกล่าวจบ พวกเขาก็มองไปที่ราชาอู่กวนที่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย เขากล่าวคำว่า “นี่” ออกมาเป็นเวลานานแล้วก็พูดไม่ออกอีก

บัดนี้ใบหน้าของราชาอู่กวนเปลี่ยนเป็นสีแดง มันยากที่จะพูด และเขาจึงทำได้เพียงกล่าวออกมาจากไรฟัน[3]ว่า “แดนยมโลก เหล่าวิญญาณแห่งแดนยมโลกได้หยุดลงแล้ว โปรดช่วยพวกเราด้วย!”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ตอนนี้ พวกเรามาพูดถึงเรื่องที่สองกันเถิด”

เหยียนจุนทั้งหลายต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้น พวกเขาก็ตั้งใจฟังเรื่องที่สองของหลี่ฉางโซ่วต่อไป

ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็สร้างข่ายอาคมพลังเซียนขึ้นมารอบๆ ตัวเขา เขามีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมขณะที่กล่าวออกมาช้าๆว่า “เหยียนจุนทุกท่านน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากเผ่าเวท… พวกท่านทุกคน โปรดอย่าเพิ่งรีบอธิบาย ข้ารู้ว่าพวกท่านได้ทำสัญญากับเต๋าสวรรค์

จากนี้ไปพวกท่านจะไม่ได้เป็นเผ่าเวทอีกต่อไปแล้ว เมื่อพวกท่านต้องจัดการกับเรื่องของแดนยมโลก พวกท่านจะไม่มีวันลำเอียงไปเข้าข้างทางเผ่าเวท

ตอนนี้ข้าจะไม่ถือว่าพวกท่านเป็นอดีตเผ่าเวท ข้าจะปฏิบัติต่อพวกท่านในฐานะเหยียนจุนแห่งแดนยมโลกเท่านั้น คราวนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อถามคำถามพวกท่านตามพระบัญชาขององค์เง็กเซียน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพวกเผ่าเวทที่กลับชาติมาเกิดในดินแดนเทวะอุดรมากมายหรือไม่?”

“ไฉนเทพวารีจึงถามคำถามเช่นนี้?”

ดวงตาของราชาฉินก่วงเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “เดิมทีข้าได้รับความวางใจจากสหายสนิทผู้หนึ่ง ไหว้วานให้ข้าไปเยี่ยมเยือนชาวเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดรเพื่อตรวจสอบดูสถานการณ์

พอข้าไปที่นั่น ข้าก็ไม่ได้ไปที่ใดไกลเกินไปและได้เห็นว่าที่ชายขอบของดินแดนเทวะอุดร ซึ่งมีชาวเผ่าเวทอาศัยอยู่ด้วยกัน มีหมู่บ้านจำนวนมากได้ถูกทิ้งร้างว่างเปล่า

หลังจากนั้น ข้าก็ได้พบกับจอมเวทใหญ่ และทันใดนั้นก็ค้นพบว่า ในช่วงนับหมื่นปีที่ผ่านมา ชาวเผ่าเวทนั้น ค่อยๆ มีบุตรยากมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนบุตรของชาวเผ่าเวทสายเลือดบริสุทธิ์ที่เกิดมาก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ

มันเป็นเรื่องยากที่ชาวมนุษย์เวทจะถือกำเนิดขึ้นได้ แม้ชาวเผ่าเวทจะแอบแต่งงานกับเผ่ามนุษย์อย่างลับๆ

ข้าได้หารือกับองค์เง็กเซียนในเรื่องนี้แล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า นั่นหาใช่การลงโทษจากเต๋าสวรรค์ไม่ และยิ่งไปกว่านั้น องค์เง็กเซียนยังทรงห่วงกังวลและใส่พระทัยในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

พระองค์จึงมีรับสั่งให้ข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด นั่นจึงเป็นเหตุให้ข้ารีบมาที่แดนยมโลกเพื่อไต่ถามดูว่ามีผู้ใดขัดขวางการเข้าสู่สังสารวัฏหรือไม่?!”

………………………………………………………………..

[1] ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่รับรู้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

[2] จะทำสิ่งใดก็ต้องรู้จักคิดพิจารณาสิ่งต่างๆ ในระยะยาวและวางแผนล่วงหน้าเตรียมไว้ก่อน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นก่อนได้ แต่หากไม่ทำเช่นนั้น จะทำการใดๆ ก็มักจะเกิดปัญหาโดยไม่ทันตั้งตัว แก้ไขไม่ทันการณ์และล้มเหลวในท้ายที่สุด

[3] คล้ายกับอาการพูดไม่ออก พูดไม่ได้ แต่ก็พยายามฝืนกล่าวออกมาบ้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด