ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 333 สหายของข้า องค์เง็กเซียน! (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 333 สหายของข้า องค์เง็กเซียน! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 333 สหายของข้า องค์เง็กเซียน! (1)

หวารี่? รี่เทียน?

เหตุใดฝ่าบาท

แค่กๆ มาจริงจังกันเถิด ตัวอักษรรี่และเทียน เมื่อรวมกันก็เป็นตัวอักษรห้าว ซึ่งไม่ได้มีความหมายเพิ่มเติมมากมายนักในโลกบรรพกาล!

ปัญหาคือ เหตุใดองค์เง็กเซียนจึงปฏิบัติตามกฎของวิหารเทพทะเลของเขา?

เมื่อเห็นร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน หลี่ฉางโซ่วก็ไปที่แผงขายของริมทางจริงๆ แล้วคว้าธูปหอมยาว ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หวนคิดและตัดสินใจอย่างเฉียบขาดทันที

เรื่องนี้แก้ไขได้ไม่ยาก

เมื่อฝูงชนค่อยๆ แยกย้ายกันไป องค์เง็กเซียนก็ถือธูปหอมเอาไว้ด้วยมือซ้ายและใช้มือขวาถือพัดเอาไว้ ภายใต้สายตาจ้องมองของทูตเทวะทั้งสอง เขาก็ได้ลอยเข้ามาในห้องด้วยท่าทางพึงพอใจ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้จับถ้อยคำสำคัญในการเรียบเรียงคำพูดขององค์เง็กเซียน

กฎ

องค์เง็กเซียนก้าวเดินไปสองก้าว แล้วเห็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในรูปเซียนชราของหลี่ฉางโซ่ว เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วประสานมือพร้อมโค้งคารวะให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพคนล่าสุดมีบัญชาให้ข้ามาเยี่ยมท่าน”

คำว่า “แม่ทัพคนล่าสุด” ย่อมบ่งบอกว่าองค์เง็กเซียนเป็นร่างจำแลงและไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้เกี่ยวกับร่างจำแลงของเขา

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งเป็นผู้ควรจะประสานมือโค้งคารวะให้ พลันชะงักไปทันทีก่อนจะโค้งคำนับให้เล็กน้อยและสะบัดแส้ในมือของเขา

จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ลำบากท่านแม่ทัพแล้ว รบกวนท่านโปรดมากับข้าเถิด”

ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วผายมือเชื้อเชิญ ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็พยักหน้าพลางยิ้ม แล้วตามหลี่ฉางโซ่วข้ามผ่านห้องโถงหลักและมุ่งหน้าตรงไปที่สวนด้านหลัง

เมื่อผ่านมุมหนึ่งนอกห้องโถงใหญ่ ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็กวาดตามองห้องโถงหลักของวิหารเทพทะเล และเห็นรูปปั้นสองขนาด ทั้งใหญ่และเล็ก รวมทั้งเสาทองคำที่แกะสลักมังกรยืนอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของรูปปั้น ตลอดจนภาพจิตรกรรมฝาผนังเคลือบสีสันสดใสอยู่ในห้องโถง

บ่งบอกเนื้อหาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนถามอย่างเป็นกันเองว่า “ฉางเกิง… ไฉนเจ้าถึงใช้กำแพงสีขาวเป็นฐานหลังรูปปั้น? ไฉนเจ้าถึงวางภาพเหมือนหรือแขวนม่านผ้าโปร่งเล่า?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “เทพน้อยได้รับพระเมตตาจากพระองค์ที่ได้ออกพระราชโองการแต่งตั้งให้เป็นเทพผู้ชอบธรรม แน่นอนว่า ข้าย่อมจะสงวนตำแหน่งหลักในวิหารไว้สำหรับรูปปั้นของฝ่าบาทในภายหน้าเพื่อให้เป็นความชอบธรรมของศาลสวรรค์”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเลิกคิ้วพลางพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ขุนนางฉางเกิงช่างคิดนัก”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ย่อมควรเป็นเช่นนั้นตามสวรรค์และเหตุผล ฝ่าบาท โปรดพักผ่อนที่ห้องโถงด้านหลังเถิด ท่านเสด็จมาเยือนที่นี่กะทันหัน กระหม่อมด้อยสามารถนักที่ไม่อาจรู้ถึงการมาเยือนของท่านจริงๆ จึงมิได้เตรียมการถวายการต้อนรับใดๆ เอาไว้แม้แต่น้อย”

องค์เง็กเซียนยิ้มและตอบว่า “ไม่ว่าที่ใด ก็เคลื่อนไหวไปได้ตามต้องการ ข้าเพียงแค่จะเดินสบายๆ ไปรอบ ๆ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย”

ในขณะนั้น องค์เง็กเซียนถือเครื่องสักการะอยู่ในมือแล้วกล่าวว่า “แล้วของสิ่งนี้…”

“ฝ่าบาท โปรดอย่าให้เทพน้อยต้องอับอายเลย” หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยแล้วกล่าวต่อว่า “นอกจากเต๋าสวรรค์และปรมาจารย์อาวุโสในวังเมฆม่วงแล้ว ผู้ใดจะรับเครื่องสักการะของฝ่าบาทได้?

ฝ่าบาท เอ่อ…

เมื่อเทพน้อยตั้งกฎสำหรับวิหารเทพทะเลในตอนนั้น ก็เพียงให้เหล่าสานุศิษย์เข้ามาภายในวิหารพร้อมเครื่องสักการะเท่านั้น ไม่ใช่ธูปขอรับ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้าอยากทดสอบเจ้า แต่เจ้าตอบง่ายยิ่ง น่าเบื่อ น่าเบื่อจริงๆ”

ขณะที่หัวเราะ องค์เง็กเซียนก็ยื่นเครื่องสักการะให้หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงนำมันมาถือไว้

“วันนี้ไม่มีคนภายนอก เจ้าไม่ต้องระวังมากไป” ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนตบแขนของหลี่ฉางโซ่วแล้วกล่าวว่า “ไป พาข้าไปเดินเล่นรอบๆ วิหารเทพทะเลของเจ้าสักหน่อยเถิด”

หลี่ฉางโซ่วรับคำพลางอดคิดไม่ได้ว่า เหตุใดองค์เง็กเซียนจึงมาที่นี่ ข้าจะมั่นคงและปฏิบัติตัวว่าฝ่าบาท องค์เง็กเซียนมาที่นี่เพื่อถามข้า ข้าจะระมัดระวังหลังจากนี้

แต่แล้วอีกครั้ง เขาก็ได้ขอให้หลี่ฉางโซ่วทำมุทราหยั่งรู้ในเรื่องของการนำเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ได้ผลลัพธ์ไม่เลว

หากยังถูกตั้งข้อสงสัยอยู่อีก เขาก็อาจไม่ไปศาลสวรรค์เพื่อไปตามวิถี “เซียนชราผู้เมตตาและเป็นมิตร” และเขาจะมุ่งไปที่วังดุสิตโดยตรงแทน

ในฐานะเซียน เขาต้องซื่อสัตย์และมีมโนธรรมด้วย!

ส่วนอาจารย์อาจิ่วเป็นเพียงตำนานในโลกแห่งมโนธรรม!

เอ่อ นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของข้าเอง

เมื่อมองดูท่าทีขององค์เง็กเซียนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นไปได้มากว่า บางทีที่องค์เง็กเซียนมาที่นี่นั้น หาใช่เพื่อมาจับผิดไม่

ต่อมาองค์เง็กเซียนก็น่าจะเป็นผู้ที่สนับสนุนและกระตุ้นเตือนข้าว่า เขากำลังเฝ้าดูข้าอยู่..

หลี่ฉางโซ่วพาร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเดินไปรอบ ๆ สนามด้านหลังของวิหารเทพทะเล และเหลือบมองไปยังกระแสผู้แสวงบุญที่มากมายไร้ที่สิ้นสุดในห้องโถงด้านหน้าก่อนจะไปนั่งที่ห้องโถงด้านหลัง

เมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล แขกผู้มีฐานพลังสูงกว่าจะประทับใจกับภาพภูเขาแม่น้ำทันที ไม่เว้นแม้แต่องค์เง็กเซียน

“ฉางเกิง ภาพวาดนี้…”

“มันเป็นของขวัญจากเทพธิดาอวิ๋นเซียวขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เทพน้อยไม่รู้ว่าจะวางของสิ่งนี้ไว้ที่ใด จึงแขวนเอาไว้ที่นี่”

“ฟู่! เป็นผลงานแท้จริงของศิษย์พี่ทงเทียน เป็นสมบัติที่หายากจริงๆ! ”

ดวงตาขององค์เง็กเซียนฉายแสงวาบขึ้นครู่หนึ่ง ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เงียบๆ โดยไม่เอ่ยตอบอะไร

หากนี่ไม่ใช่ภาพวาดของจอมปราชญ์ ไม่ว่ามันจะล้ำค่าเพียงใด หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่ลังเลใจที่จะมอบมันให้กับองค์เง็กเซียนทันที

แต่นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของจอมปราชญ์ที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวมอบให้ และกรรมของของขวัญนั้นก็ใหญ่เกินไปจริงๆ…

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนมองไปที่ร่างจำแลงของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ด้วยดวงตาที่ฉายแววชื่นชมมากขึ้น

“ฉางเกิง เจ้ามีสหายใจกว้างมากจริงๆ ลือกันว่า เทพธิดาซานเซียวมีพลังเวทมากแข็งแกร่งและทักษะสูงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังทองฮุ่นหยวนของอวิ๋นเซียว เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่ดุร้าย ”

“เทพน้อยไม่รู้เรื่องนี้มากนัก ข้าเพียงเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสซานเซียวด้วยเรื่องเล็กน้อยบางอย่างเท่านั้น”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ฝ่าบาท เชิญประทับนั่งเถิด”

กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ดึงเก้าอี้จากที่นั่งหลักของเขาออกมาทันที แล้วแทนที่ด้วยเก้าอี้หยก

องค์เง็กเซียนไม่เอ่ยอันใดแล้วนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ

จากนั้นก็กล่าวว่า “ฉางเกิงก็นั่งลงด้วยกันสิ เดิมทีข้าเป็นแขกมา ตอนนี้ข้ารับหน้าที่เป็นเจ้าบ้านแล้ว ที่นี่มีพื้นที่เหลือเฟือ”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับพลางยิ้มแล้วนั่งลงข้างๆ เขาทันทีโดยไม่แสร้งรั้งรอ

แม้ในภายหน้า เขาจะต้องรับใช้องค์เง็กเซียน และมีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นจักรพรรดิและขุนนาง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องต้อยต่ำเยี่ยงทาส และเซียนย่อมต้องมีพื้นอารมณ์เซียน ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของเขา ก็มีสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน กล่าวตามตรง องค์เง็กเซียนก็ยังดำรงฐานะเป็นเทพผู้ชอบธรรมที่เต๋าสวรรค์แต่งตั้งขึ้นมา และมีหน้าที่รับผิดชอบในการบัญชาเทพผู้ชอบธรรมแห่งสวรรค์

เมื่อทั้งสองนั่งลงตรงด้านหน้าและด้านหลัง ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นเล็กน้อย

แม้หลี่ฉางโซ่วจะไม่รู้ว่าองค์เง็กเซียนมาที่นี่ด้วยเหตุใด แต่เขาจะปล่อยให้มีบรรยากาศอึดอัดมิได้ จึงรีบรายงานเรื่องการเตรียมการที่เขาทำสำหรับเผ่ามังกร ตลอดจนปัญหาและความกังวลที่เขากำลังเผชิญอยู่ในยามนี้

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังอยู่ครึ่งชั่วยามก็แปลกใจที่พบว่า…สิ่งต่าง ๆ ซับซ้อนกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก

องค์เง็กเซียนถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉางเกิง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าต้องคำนวณสิ่งต่างๆ ทั้งใหญ่น้อยมากมายเพียงนี้ เดิมทีข้า… ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การตอบโต้ไปตามสถานการณ์อย่างไร้แบบแผนเท่านั้น”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นการตอบโต้โดยปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทันทีเช่นกันขอรับ ทว่าเพียงแค่เตรียมการทั้งหมดไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหว เราก็จะรู้ชัดว่าเราจะจัดการอย่างไร”

“ฉางเกิงกล่าวได้สมเหตุผลนัก” องค์เง็กเซียนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่เจ้าจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ต่อให้ในท้ายที่สุด เรื่องนี้จะล้มเหลว ข้าก็จะไม่ลืมว่านี่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของฉางเกิง”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “หากล้มเหลว ข้าก็ย่อมรู้สึกผิดและควรรับผิดชอบ แล้วจะกล้ารับว่าเป็นผลงานไปได้อย่างไรขอรับ? ฝ่าบาทโปรดวางใจเถิด ศาลสวรรค์และพระองค์ล้วนเป็นผู้ลิขิต เทพน้อยเพียงกระทำการปรับตามสถานการณ์เท่านั้น”

“ดี ฉางเกิง ด้วยแผนการของเจ้า ข้าก็วางใจได้แล้ว!”

องค์เง็กเซียนถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งในใจแล้วกล่าวเสริมว่า “ฉางเกิง พระราชโองการแต่งตั้งเจ้าเป็นเทพที่ชอบธรรมจะประกาศออกมาภายในอีกสามปี ข้าตั้งเจ้าให้เป็นเทพทะเลแห่งสี่คาบสมุทร ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งศาลสวรรค์ รองจากแม่ทัพตงมู่ เจ้าคิดเห็นเช่นไร? ”

หลี่ฉางโซ่วรีบลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับให้อย่างรวดเร็ว “เทพน้อยยังไม่มีผลงานรับใช้ใดๆ จึงมิกล้ารับรางวัลมากมายเช่นนี้!”

………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *