ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 100.2 บุรุษควรดูแลตัวเอง… (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 100.2 บุรุษควรดูแลตัวเอง... (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากทำทุกอย่างเช่นนี้จากระยะไกล หลี่ฉางโซ่วก็นั่งเงียบๆ อยู่ในหอโอสถชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อคำนวณเวลาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดสะอ้าน ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตรวจสอบดูสิ่งของต่างๆ ในร่างกายของเขาและคิดว่าได้ตรียมการไว้ไม่พอและพลาดสิ่งใดไปหรือไม่…

เขาไม่กล้าไปที่ทะเลทักษิณเพราะกังวลว่าเขาจะถูกคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมรอซุ่มโจมตีเขาอยู่

แต่ตอนนี้ การต่อสู้ระหว่างสำนักก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

หลี่ฉางโซ่วต้องไปหยุดพวกเขาก่อนที่การต่อสู้จะทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในหมู่มนุษย์

เมื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตัดสินใจที่จะไม่นำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เขาส่งออกไปในครั้งนี้กลับคืนมาอีกครั้ง

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากขึ้น หลี่ฉางโซ่วจึงมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างคุณลักษณะ ‘การฆ่าตัวตาย’ ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เหล่านี้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามารถ ‘ตาย’ ได้ในทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังสามารถรักษารูปแบบที่พวกมันได้แปลงร่างได้ พวกมันสามารถเผาตัวเองจนกลายเป็นเถ้าถ่าน กระตุ้นตัวเองขึ้นมาได้ และจบทุกอย่างด้วยตัวเองได้!

ในฐานะมนุษย์ เขาควรจะโหดเหี้ยมกับตุ๊กตากระดาษของเขามากกว่า!

นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วยังค้นพบโดยบังเอิญในระหว่างการตรวจสอบครั้งก่อนว่า อาจเป็นเพราะกองขี้เถ้าของปีศาจใหญ่ถูกฝังอยู่ในยอดเขาหยกน้อย…

ต้นไม้วิญญาณโบราณสองสามต้นเหล่านั้นจึงมีสัญญาณชีพใหม่ขึ้นมา!

“กว่าต้นไม้เล็กๆ นั้นจะเติบโต ข้าก็ยังต้องให้พวกเจ้าลำบากไปก่อน”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและนั่งอยู่หน้าเตาหลอมโอสถพลางครุ่นคิดถึงแผนการต่อมาของเขาอย่างเงียบๆ

บุญและกรรมล้วนเป็นเรื่องลึกลับที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

แม้ว่าบุญและกรรมจะสามารถชดเชย หักล้างกันได้ แต่ตามความเข้าใจของหลี่ฉางโซ่ว กรรมนั้นก็ไม่ต่างกับยาพิษ

ส่วนบุญนั้น ก็เทียบเท่ากับโอสถขจัดพิษ

ต่อให้เตรียมโอสถขจัดพิษเอาไว้นับหมื่นเม็ด เขาก็ไม่อยากกลืนยาพิษเข้าไปจริงๆ!

แม้กรรมจะชดเชยด้วยบุญ แต่ก็อาจมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขา

แม้เขาจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนและก้าวหน้าต่อไปแล้ว และตอนนี้ ฐานพลังการฝึกฝนของเขาก็มีเสถียรภาพ เขาเริ่มต่อสู้อย่างมั่นคงเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นอมตะทีละขั้น

แต่ยังมีอุปสรรคอื่นอีกระดับยังรอเขาอยู่ในอนาคต…

ทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจิน

สิ่งมีชีวิตไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตคงอยู่ตลอดไปในสวรรค์และปฐพี ทุกชีวิตต้องผ่านการเกิด แก่ เจ็บ ตายซึ่งเป็นวิถีแห่งธรรมชาติ

หากไม่มีความตาย แล้วจะพิสูจน์ชีวิต และการเกิดได้อย่างไรเล่า

เว้นแต่เขาจะได้รับการคุ้มครองจากบุญ และจะหลีกเลี่ยงทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจินได้ก็ต่อเมื่อเต๋าสวรรค์รู้สึกว่าการมีอายุยืนยาวของเขาจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงแห่งสวรรค์และปฐพีได้เท่านั้น

หากเขามีกรรม เขาจะต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ ทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียน และทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจิน ซึ่งคล้ายกับการเผชิญหน้ากับความตาย

ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ต้องการกรรมใดๆ และจะต้องจัดการเรื่องสำนักเทพทะเลทักษิณให้ได้โดยเร็วที่สุด

แน่นอนว่า เขาย่อมต้องเตรียมการบางอย่างเพื่อเสริมกำลังตัวเองอย่างต่อเนื่องต่อไป

แม้ทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนจินจะน่ากลัว และมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้น้อยมากในตำราโบราณต่างๆ แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังรู้สึกว่า ความแข็งแกร่งของมันน่าจะมีขีดจำกัดเช่นกัน…

เขาจะมั่นใจได้ถึงเจ็ดในสิบส่วนในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ตราบเท่าที่การสะสมเต๋า และขอบเขตพลังของเขาเกินขีดจำกัดสูงสุดของทัณฑ์สวรรค์

อีกสามในสิบส่วนนั้นจะขึ้นอยู่กับการเตรียมการนอกเหนือจากขอบเขตพลังของเขา

“อ่า…”

หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่หน้าหอโอสถ และถอนหายใจเบาๆ

ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย เขายังต้องฝึกฝนอย่างหนัก

“เมื่อฝึกฝน จงผ่อนปรนให้ตัวเองบ้าง และเมื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ก็ต้องทรหดอดทนฝ่าฟันอย่างหนัก”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกว่าประโยคนั้นสามารถเขียนลงในพระสูตรมั่นคงฉบับปรับปรุงใหม่ต่อไปได้

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขับคลื่อนก้อนเมฆ ค่อยๆ บินตรงไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์…

มันไม่สำคัญว่าคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดหรือไม่

ในขณะนั้น ขอบเขตพลังการฝึกฝนของเขาอยู่ที่คืนกลับอนัตตาขั้นแปด และมันมีเหตุผลที่เขาจะกังวลในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียน

เอาจริงๆ หรือ

“เจ้าอยากลงมือจริงๆ หรือ”

เวลานี้ ในส่วนลึกของทะเลทักษิณ บนพื้นผิวมหาสมุทรใกล้กับเกาะอมตะ

อ๋าวอี่ที่ดูราวกับเป็นเด็กหนุ่มน้อยกำลังยืนอยู่ด้านหน้าหานจื่อ ซึ่งเป็นเด็กสาวที่มีขอบเขตพลังการฝึกฝนสูงกว่าเขาเล็กน้อย และขณะนี้เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนทั้งสามที่อยู่ข้างหน้าเขา

บนเกาะอมตะ มีผู้บำเพ็ญมนุษย์จำนวนมากบินขึ้นไปในอากาศและเฝ้าดูความขัดแย้งอย่างสงบ

สาเหตุนั้นง่ายมากจริงๆ

อ๋าวอี่และหานจื่อไปที่ทะเลทักษิณเพื่อพักผ่อน เมื่อพวกเขามาถึงเมืองของเกาะ อ๋าวอี่ก็ได้พบกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งฟักออกมาจากไข่เกือบจะพร้อมๆ กันกับเขา นั่นคือองค์ชายรองของวังมังกรทะเลทักษิณ และในขณะนั้น ลูกหลานมังกรสามคนที่แต่งกายด้วยผ้าทอและมีเขาอยู่บนหัวของพวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าอ๋าวอี่

คนที่อยู่ตรงกลางผอมเพรียวและมีดวงตาที่ยาว แคบ และแม้ใบหน้าของเขาจะไม่หล่อเท่าอ๋าวอี่ แต่ก็มีบางอย่างที่อ๋าวอี่เทียบไม่ได้…

คนผู้นี้มีรูปร่างปกติและสูงแปดฉื่อ

เขาคือ องค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลทักษิณ นามอ๋าวโหมว

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ อ๋าวโหมวเยาะเย้ยและดูถูกเผ่ามังกร อ๋าวอี่ไม่ได้พูดอะไรในตอนแรก เขาแค่ต้องการพาหานจื่อออกไปและไม่อยากขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์ของเขา

แต่หานจื่อจะทนเห็นอาจารย์อาของเขาถูกทำร้ายได้อย่างไรกัน

นางจึงยั่วยุมังกรทั้งสามด้วยคำพูดประชดประชันหนึ่งครั้งและการดุด่าไปสองครั้ง นางโต้แย้ง ไม่เห็นด้วย และสุดท้ายพวกเขาก็ต่อสู้กัน

ผู้ชมต่างพูดคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิงและคึกคักอย่างยิ่ง!

พูดง่ายๆ คือ ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งและตกลงต่อสู้กันในทะเล

และเมื่ออ๋าวอี่ถามประโยคนี้กับหานจื่อว่า ‘เจ้าอยากลงมือจริงๆ หรือ’ ในขณะนั้น อ๋าวโหมวก็แค่นเสียงเยาะออกมาแล้วโบกมือให้ผู้ติดตามทั้งสองคนของเขาถอยกลับไป

ในเวลานี้ อ๋าวโหมวมีขอบเขตพลังใกล้เคียงกับอ๋าวอี่ ทั้งคู่ต่างมีสายเลือดคล้ายคลึงกันและเป็นโอรสของราชามังกรเหมือนกัน

แม้อ๋าวอี่จะถูกขับไล่ไปครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ยังได้รับประโยชน์มากมายจากการสั่งสอนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

อ๋าวโหมวมีพลังเวทและทักษะลึกลับของเขาเองและเขาต้องการสั่งสอนบทเรียนให้ ‘ลูกพี่ลูกน้องคนรอง’ ของเขาที่ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรต้องอับอายในวันนี้

และในขณะนั้น มังกรทั้งสองเผชิญหน้ากันในทะเล แล้วพวกเขาก็ต่อสู้กัน

การต่อสู้ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง และทั้งสองฝ่ายถือว่าเท่าเทียมกัน แต่อ๋าวอี่ได้เปรียบและกำราบอ๋าวโหมวได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม อ๋าวโหมวยังคงสงบนิ่ง จากนั้นเขาก็กระตุ้นพลังเวทและทักษะลึกลับของเขาออกมา แล้วหายวับไปจากพื้นผิวทะเลในทันที

เมื่ออยู่ในทะเล เขาย่อมไร้พ่าย!

ทักษะเวท มังกรว่ายเปลี่ยนวารี!

อ๋าวอี่หรี่ดวงตาของเขาลง บัดนี้ เขาพร้อมที่จะปล่อยเพลิงสวรรค์น้ำแข็งทมิฬออกไปรอบกายขณะที่กำลังจับตาดูพื้นผิวทะเลและค้นหาโดยรอบอย่างต่อเนื่อง

ความรู้สึกนี้เขาเคยสัมผัสมาก่อน…และทันใดนั้น ก็มีร่างหลายร่างปรากฏขึ้นมาในทะเล ทั้งหมดล้วนดูเหมือนอ๋าวโหมว พวกมันถือทวนและกระบี่ยาว แล้วพุ่งตรงไปที่อ๋าวอี่!

แต่อ๋าวอี่ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย แล้วทันใดนั้น เขาก็กระทืบเท้าบนพื้นผิวทะเล และคลื่นของน้ำทะเลก็รวมตัวเป็นมังกรคราม เข้ากระแทกและระเบิดทำลายร่างรอบตัวเขาทั้งหมดอย่างรุนแรง!

จู่ๆ ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของทะเล!

ในขณะนั้น อ๋าวอี่ก็กระโดดไปทางซ้าย เขายกมือขึ้นและกำแน่น จากนั้นก็ควงกำปั้นระดมหมัดพุ่งทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วยฝ่ามือของเขาตามสัญชาตญาณ!

ท่ามกลางเสียงคำรามดังกึกก้อง ก็มีสายน้ำสองสามสายพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเล ทำให้ทุกอย่างยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก

และเมื่อน้ำทะเลกำลังพุ่งสูงขึ้น บัดนี้ ร่างของอ๋าวอี่…

ในขณะนั้นเท้าของอ๋าวอี่อยู่ห่างจากพื้นผิวทะเลสามฉื่อ เส้นผมยาวซึ่งถูกมัดเอาไว้ของเขาสะบัดปลิวพลิ้วไสวไปทางด้านหลังอย่างนุ่มนวล

เขาไพล่มือซ้ายไว้ด้านหลังพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปข้างหน้าและคว้าลำคอของอ๋าวโหมวก่อนจะยกร่างสูงแปดฉื่อของอ๋าวโหมวขึ้นไปในอากาศ

ทันใดนั้น ดวงตาของอ๋าวโหมวพลันเบิกกว้างและเสียงสั่นสะท้านอย่างกะทันหัน

“เจ้า…เจ้าพบร่างของข้าได้อย่างไรกัน…”

อ๋าวอี่กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ทักษะเวทของเจ้ายังอ่อนด้อยกว่าสหายสนิทของข้ามากนัก”

หลังจากนั้นภาพของผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่อ่อนโยนสง่างามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอ๋าวอี่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็โยนอ๋าวโหมวที่อยู่ในมือของเขาออกไปทันที

“ไปและขอโทษศิษย์หลานของข้าเสีย”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *