ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 159 บันทึกเสนอแนะฉบับแรกของฉางเกิง (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 159 บันทึกเสนอแนะฉบับแรกของฉางเกิง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 159 บันทึกเสนอแนะฉบับแรกของฉางเกิง (1)
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก เวลานี้ ข้าอยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่นขั้นสูงสุดแล้วขอรับ!”

“โอ? เมื่อสายเลือดราชามังกรได้ตื่นขึ้น การฝึกบำเพ็ญนั้นก็รวดเร็วมากขอรับ”

ในวิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ย เจตจำนงวิญญาณของรูปปั้นทั้งสองได้กลับไปกลับมาและเชื่อมต่อกันอีกครั้ง

ก่อนที่สำนักตู้เซียนจะออกเดินทาง หลี่ฉางโซ่วได้เรียกอ๋าวอี่มาอีกครั้งด้วยกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์มังกร

ทันทีที่อ๋าวอี่ได้พบหลี่ฉางโซ่ว เขาก็ตื่นเต้นดีใจพลางกล่าวว่าฐานพลังปราณของเขาก้าวหน้าขึ้นเพราะอาจารย์ของเขามอบพลังให้เขาจนรู้แจ้งแล้ว ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วพลันถอนหายใจด้วยรู้สึกว่า…

อ๋าวอี่ไม่เพียงเป็นผู้ชนะท่ามกลางหมู่มังกรเท่านั้น เขายังก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย!

หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าอ่านตำราโบราณของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมาว่า การเสริมพลังรู้แจ้งมีไว้เพียงเพื่อให้ความกระจ่างแก่เหล่าศิษย์ได้รู้แจ้งเท่านั้น แต่การทะลวงฝ่าขอบเขตของตัวเองต้องไหลลื่น เป็นไปตามธรรมชาติและมั่นคง จะบังคับไม่ได้ แน่นอนว่า เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ดังนั้นจึงมีอุดมคติและแนวทางที่แตกต่างจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจคำพูดของข้ามากนัก”

ทว่าสีหน้าท่าทีของอ๋าวอี่เปลี่ยนเป็นจริงจังขณะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านกล่าวสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะใส่ใจให้มากขึ้นกว่านี้ขอรับ”

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่ก็หารือกันถึงเรื่องการพัฒนาของสำนัก ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะถามถึงสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์มังกร

ในขณะนี้ ความโกลาหลในสี่คาบสมุทรยังไม่ได้รับการแก้ไข และเผ่ามังกรก็ไม่ได้โจมตีชนเผ่าทะเลที่ติดตามเขามานับไม่ถ้วน

เผ่าพันธุ์มังกรรู้ว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

เพียงแต่ว่าเผ่าพันธุ์มังกรหาเหตุผลไม่ได้ จึงทำได้เพียงสงบใจ ระงับอารมณ์ แล้วสงบใจลงอีกครั้ง… จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าเคยคิดหาวิธีที่จะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มังกร แต่ในเวลานี้ข้ายังคิดได้ไม่กระจ่างชัด จึงยังไม่อาจสร้างขึ้นมาได้”

อ๋าวอี่พลันตกตะลึง แล้วรีบถามขึ้นทันทีว่า “เหล่าผู้สูงส่ง… เตือนข้าหรือขอรับ?”

“ความจริงแล้ว เป็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวถึง” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งขณะจงใจเผยสีหน้าท่าทางลำบากใจพลางกล่าวเสริมว่า “อย่าห่วงเลย รอให้ข้าพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบก่อนแล้วค่อยคุยกับพี่อี่อีกครั้ง”

“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าสำนัก!”

อ๋าวอี่กล่าวด้วยสีหน้ากระดากก่อนจะทำการโค้งคารวะเต๋าให้พร้อมเผยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกตัญญูของหนุ่มน้อย

เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ลึกลับอย่างแท้จริง มีทั้งเหล่าผู้อาวุโสที่มีใบหน้าเย็นชาโหดเหี้ยมและสุภาพบุรุษซึ่งมั่นคง สง่างาม สุภาพเรียบร้อย อ่อนโยน กล้าหาญ และใจดี เฉกเช่นศิษย์พี่เจ้าสำนัก…

บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้เป็นเอกในใต้หล้าควรเป็น!

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ถามว่า “อาจารย์ของเจ้าได้ชี้แนะให้เจ้ากระจ่างรู้แจ้งทุกสิ่งด้วยประสงค์จะให้เจ้าไปเข้าร่วมในการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าด้วยใช่หรือไม่?

“ขอรับ!” อ๋าวอี่พยักหน้าหงึกหงักหนักแน่น และบอกเขาทันทีถึงเรื่องที่ท่านอาจารย์เซียนใหญ่อู้หยุนมอบกระดองเต่าหยกให้เขาเพื่อเป็นตัวแทนไปเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล

ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วรับรู้เรื่องนี้ ก็เอ่ยถามอย่างเป็นกันเองว่า “มีเหล่าผู้อาวุโสในเกาะเต่าทองเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้หรือไม่”

สีหน้าอ๋าวอี่ดูแปลกไปเล็กน้อย แต่ก็ยังกล่าวว่า “เดิมที มีเพียงอาจารย์ลุง อาจารย์ป้า และศิษย์พี่รวมแล้วประมาณสิบสองถึงสิบสามคนที่จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้ มีศิษย์ชั้นนอกผู้ยิ่งใหญ่ของสำนัก อาจารย์ลุงจ้าว มาที่เกาะเต่าทองเพื่อสั่งสอนพวกเรา เขาขอให้เราส่งคนไปเข้าร่วมการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเพื่อสร้างชื่อเสียงและเพิ่มศักดิ์ศรีให้กับสามสำนักบำเพ็ญเต๋ามากขึ้น บัดนี้ จึงมีเซียนราวสามถึงสี่ร้อยคนออกจากเกาะกำลังจะไปยังดินแดนเทวะมัชฌิมาด้วยกัน และเท่าที่ข้ารู้มา ยังมีหกในสิบจักรพรรดิสวรรค์บนเกาะจะมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยขอรับ!”

หลี่ฉางโซ่วชะงักงันทันที

นี่คือ… การต่อสู้ระหว่างดินแดนใช่หรือไม่?

ลองคิดดูว่า จอมปราชญ์เทพมีบัญชาให้ข้าไปเข้าร่วมการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า

เป็นไปได้หรือไม่ที่จอมปราชญ์เทพขอให้ศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีอายุไม่ถึงสองร้อยปี… ไปป้องกันการต่อสู้ระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน?

เป็นไปไม่ได้แน่!

จอมปราชญ์เทพจะเลิศล้ำปัญญาจน ทำเช่นนั้นได้อย่างไร…

อา มันก็พูดยาก

เขาต้องเตรียมพร้อมที่จะออกไปได้ทุกเมื่อ หากเกิดเหตุผิดปกติ เขาก็จะหนีไปในทันที

อ๋าวอี่กล่าวต่ออีกครั้งว่า “นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินจากอาจารย์ลุงว่า ท่านอาจารย์ลุงจ้าวได้ไปเยือนเกาะอมตะอื่นๆ ทั้งหมดในดินแดนเทวะทั้งห้า รวมถึงเกาะเผิงไหลและเกาะเก้ามังกรด้วย ทั้งยังได้เรียกปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนในสำนักไปขอรับ”

เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็เอามือก่ายหน้าผากพลางถอนหายใจทันที “การประชุมครั้งนี้ควรจะเป็นการรวมตัวของทั้งสามสำนักในดินแดนเทวะมัชฌิมาไม่ใช่หรือ? เกาะอมตะต่างๆ ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เป็นแหล่งกำเนิดเต๋าของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และมีศิษย์ในนามหลายคนที่มีชื่อของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพอาศัยอยู่ที่นั่น เหตุใด…”

อ๋าวอี่ยิ้มและกล่าวว่า “ไม่แน่ใจในรายละเอียดนัก แต่คราวนี้จะต้องครึกครื้นมากอย่างแน่นอนขอรับ!”

ครึกครื้นหรือ?

มันย่อมจะครึกครื้นมากจริงๆ

ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์หนึ่งพลันผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว

ศิษย์ของสามสำนักบำเพ็ญรวมตัวกันในห้องโถง มีเซียนต้าหลัวจินและเซียนจินสองสามคนจากวังอวี้ซวีผู้อยู่ในพิธีได้นำเซียนกว่าสิบคนมาเข้าร่วมชมพิธี และเหล่าเซียนจากเกาะอมตะต่างๆ ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยก็มีสหายมามากมายเช่นกัน…

เมื่อคนสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็หยิบแผ่นหยกสื่อสารออกมาทันที แล้วกระตุ้นเปิดใช้งาน

“พี่ใหญ่ กวงเฉิงจื่อ! มีคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมามากเกินไป! เรียกเซียนจินทั้งหมดสิบสองคนมาเถิด หากทำไม่ได้ ก็ขอให้อวิ๋นจงจื่อ หนานจี่เซียนเวิง และรองเจ้าสำนักหรานเติ้งมาด้วย! อย่าลืมนำสมบัติและแผนผังค่ายกลมาด้วย!”

หากนี่คือความขัดแย้ง ก็มีโอกาสสูงมากเกินไปจริงๆ ที่จะเกิดการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่าย

สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของพวกเขาเทียบกับทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้เลย อย่างมากที่สุดก็มีคนแค่สองสามคน ซึ่งต่างก็ไม่ใช่คนละระดับเดียวกันเลย…

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจ เขาเต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจในหนทางข้างหน้าอีกครั้ง

ข้าควรเตรียมวิธีการหลบหนีให้พร้อมมากกว่านี้จะดีกว่า

ในเวลานี้ สำนักตู้เซียนกำลังจะออกเดินทางแล้ว ขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจอมปราชญ์เทพถึงต้องการให้เขาไปเข้าร่วมการการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋านี้…

หลี่ฉางโซ่วเตือนอ๋าวอี่ในเรื่องสำนักเทพทะเลอีกเล็กน้อยก่อนที่ทั้งสองคนจะสิ้นสุดการสื่อสารทางจิตวิญญาณ

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็พยายามเป็นอิสระตื่นจากความฝันที่เขาสร้างขึ้น เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเห็นอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาเดินมาหาเขาพร้อมกันจากด้านนอกหอโอสถ

โหม่ง~

ในขณะที่เสียงระฆังในหอไป่ฝานดังขึ้น หลี่ฉางโซ่วก็ฉับพลันยกชายเสื้อคลุมเต๋า แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะโค้งคารวะให้อาจารย์ของเขา

“ท่านอาจารย์ เวลานี้ ศิษย์จะมุ่งหน้าเดินทางไปยังดินแดนเทวะมัชฌิมาพร้อมกับสำนักขอรับ”

นักพรตเต๋าชราฉีหยวนกล่าวชี้แนะว่า “จงอย่าสร้างปัญหา จำไว้ว่าให้ตัดสินใจโดยคำนึงถึงสำนัก และรับผิดชอบการเป็นหัวหน้ากลุ่มให้ดี”

“ศิษย์น้อมรับคำสั่งสอนของท่านขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางยิ้ม และเมื่อเดินออกจากประตู ทันใดนั้น เมฆขาวก็ค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ศิษย์น้องหญิงและกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์ จงฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขาอย่างสงบ อย่าสร้างปัญหาให้อาจารย์ จำไว้เสมอว่า อย่าปล่อยให้ถุงเก็บสมบัติที่ข้ามอบให้เจ้าแยกออกจากร่างของเจ้าเด็ดขาด หากประสบปัญหาใดๆ บนยอดเขา ให้ไปหาผู้อาวุโสว่านหลินหยุนที่ยอดเขาตันติ่ง”

“ข้าจดจำคำสั่งของท่านเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากพลางพยักหน้าแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่… โปรดถนอมตัวด้วยเจ้าค่ะ ข้าจะรอจนกว่าท่านจะกลับมา…”

แล้วจู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอย่างสงบว่า “ร้อยจบ”

ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ก็นึกถึงเนื้อหาของ ‘พระสูตรมั่นคง’ ได้ทันที— “ข้าจะรอจนกว่าท่านจะกลับมา…” มันเป็นหนึ่งในสิบประโยคต้องห้าม

หลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากขณะยอมรับอย่างเจ็บปวดใจ “อืม” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางยิ้มและโค้งคำนับเล็กน้อย ในขณะที่หลิงเอ๋อร์รีบก้มศีรษะโค้งคำนับตอบกลับอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวกับฉีหยวนซึ่งกำลังแย้มยิ้ม แม้ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นแต่ก็เบิกบานใจยิ่งนัก “ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้แล้วขอรับ” “ไป ไปเถิด” ฉีหยวนโบกมือในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก้าวถอยห่างออกไปหลายฉื่อก่อนจะหันหลังและขี่เมฆบินตรงไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์

……………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *