ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 349 คนดี (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 349 คนดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 คนดี (1)

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่บินกลับไปในทันทีโดยไม่ได้ปล่อยให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงต้องรอเป็นเวลานาน

สิ่งที่หายากคือ ในยามนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้คิดจะปกปิดตัวเอง และรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาก็ได้เปิดเผยสู่สายตาของ…ยุงบนไหล่ของหลี่ฉางโซ่ว

ทว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ย่อมเป็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แม้ก่อนหน้านี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะพยายามซ่อนตัวอย่างดีที่สุด และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่เคยระวังตัวกับหลี่ฉางโซ่ว เขาก็สังเกตเห็นการดำรงอยู่ของผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้ในทันที…

“เหตุใดนางถึงมาที่นี่”

“นางมาส่งข้อมูลให้ศิษย์ก่อนหน้านี้” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว “ศิษย์จะให้นางกลับไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ทันทีที่กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ปล่อยเปลวเพลิงสมาธิแท้ออกไปจากฝ่ามือของเขา แล้วเผายุงเลือดทันที

ในเคหาสน์ถ้ำแห่งหนึ่ง คนที่ดุร้ายในชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีแดงก็ได้กระโดดลงไปในสระสมบัติที่อยู่ด้านข้างจนน้ำสาดกระเซ็น…น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดเห็นมัน

ในวิหารเทพทะเล ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แย้มยิ้มพลางถามหลี่ฉางโซ่วว่า ในเวลานี้ ร่างของเขากลับไป ‘ซ่อน’ ตัวอยู่ในสำนักตู้เซียนหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วขัดเขินเล็กน้อย แต่ก็พยักรับหงึกหงัก

เขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น!

เมื่อเขามา เขาก็มาอย่างกังวล และเมื่อเขากลับไป ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไปส่งเขาด้วยตัวเอง ในใจของหลี่ฉางโซ่วจึงเปี่ยมสุขนัก

“ข้า ฉางโซ่ว ยินดีที่จะสั่งสอนศิษย์สักคนในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…อืม ปล่อยให้เลือดไหลถึงขีดสุด!”

ในครั้งนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ใช้เวทเต๋าเฉียนคุน แต่ขี่เมฆบินไปพร้อมกับหลี่ฉางโซ่วในท้องฟ้ายามราตรีด้วยความเร็วกลางๆ อย่างไม่ช้า ไม่เร็ว ดูเหมือนว่าจะกังวลเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วพึมพำในใจเช่นกัน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะเดาได้หรือไม่ว่า ปรมาจารย์จอมปราชญ์ได้เตรียมจัดนัดบอดให้เขา?

เช่นนั้นแล้ว เขาอยากให้ศิษย์น้อยเช่นข้ารับผิดหรือไม่?

เขา… เขายอมรับไม่ได้ นั่นคือ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่มีชื่อเสียง!

“ฉางโซ่ว ยังมีบางเรื่องที่ข้าต้องเตือนเจ้า”

ศิษย์อยู่นี่แล้วขอรับ!

หลี่ฉางโซ่วรู้ว่าเขากำลังมีปัญหา จึงรีบทำการคารวะเต๋าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ศิษย์กำลังฟังอยู่ขอรับ”

“ไม่ต้องระวังท่าทีเช่นนั้น” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าช่วยแบ่งเบาความกังวลของข้าได้ดีที่สุด เราสนิทกันมากที่สุด อืม ใช่แล้ว ข้าไปที่เกาะซานเซียนมาก่อนหน้านี้”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน …

ดูเหมือนว่า บทพูดนี้จะต่างไปจากสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

“เหตุใดท่านถึง…ไปที่เกาะซานเซียนขอรับ?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยกมือขึ้น ตบไหล่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วแล้วกล่าว “แน่นอนว่า ที่ข้าเดินทางไปนั้นก็เพื่อเจ้า ข้าได้ทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดเจนแล้ว ศิษย์น้องอวิ๋นเซียวไม่เคยมีใจให้ผู้ใดเลย ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ได้หมายความว่านางจะมีใจต่อเจ้าเช่นนั้น แต่ในขณะนี้ เจ้าก็ไม่มีผู้ใดจะมาต่อสู้กับเจ้าเพื่อนาง!”

สู้…เพื่อนาง?

หลี่ฉางโซ่วอดจะเอียงศีรษะไม่ได้ในขณะที่ค่อยๆ มีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากของเขาช้าๆ

นี่มันเรื่องอันใดกันเล่า?

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แล้วรีบกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านคิดว่าศิษย์ผู้นี้มีความคิดไม่เหมาะสมกับผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวหรือขอรับ?”

“โอ้?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและหรี่ตาลง ดูเหมือนว่า จะมีดวงดาวสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า

“เจ้าถามใจตัวเอง แล้วเจ้าก็จะรู้เอง ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ตาม ยามเมื่อข้าเทศนาเต๋า ข้าเห็นเจ้าและศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวกำลังเดินทางไปในทะเลทักษิณ คนหนึ่งมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่อีกคนมีสีหน้าจริงจัง นี่ไม่อาจหลอกลวงผู้อื่นได้”

หลี่ฉางโซ่วอดจะขมวดคิ้วครู่หนึ่งไม่ได้ก่อนจะก้มศีรษะลงและกระแอมไอ แล้วยิ้มแหยออกมาพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่า ข้าย่อมมีความรู้สึกประทับใจนาง ทว่าท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ไม่เคยกล้าคิดเพ้อฝันผิดๆ ถึงผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวเช่นนี้”

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เบื้องหลังนี้ มันมีกรรมเกี่ยวข้องมากเกินไป

หลี่ฉางโซ่วเห็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มโดยไม่เอ่ยอันใด แล้วรีบกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์คิดว่าเรื่องระหว่างชายหญิงควรจะดำเนินไปเป็นขั้นตอนขอรับ”

“โอ้ ขั้นตอนอย่างไรหรือ?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สนใจทันที

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ก่อนอื่น มีความประทับใจที่ดีต่ออีกฝ่าย แล้วหากต่างสนใจกันและกัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม ทั้งสองก็จะกลายเป็นคู่รักที่ดีที่สุดได้”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถามอีกครั้งว่า “’ความประทับใจที่ดี’ เจ้าหมายความอย่างไรหรือ?

“โปรดอภัยให้ศิษย์ที่บังอาจกล่าวถึงความคิดของศิษย์เอง” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ที่เรียกว่าความประทับใจที่ดีก็คือ เมื่อรู้สึกว่าคนผู้หนึ่งนั้นไม่ได้เลวร้าย อาจเกิดจากรูปลักษณ์หรือตัวตนของเขา ศิษย์มีความประทับใจที่ดีต่อผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวเพราะตัวตนของนาง ผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวมีลักษณะท่าทีที่มีเสน่ห์ยิ่ง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับในสำนักตู้เซียน ศิษย์ก็ความประทับใจที่ดีต่ออาจารย์อา และต่อศิษย์น้องหญิงของศิษย์เองด้วย ศิษย์รู้สึกว่านางน่ารักน่าเอ็นดูนัก ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรักระหว่างชายและหญิงขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งในตำหนักเทพจันทรา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “ในเมื่อเจ้ามีความประทับใจที่ดี แล้วไยถึงไม่มีความรู้สึกรักแบบชายหญิงกับพวกนาง?”

“ประการแรกคือ ศิษย์มุ่งมั่นทุ่มเทในการฝึกบำเพ็ญเต๋า ประการที่สองคือ ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม และประการที่สามคือ ศิษย์จะต้องดูแลในเรื่องการแต่งงานอย่างรอบคอบและจริงจัง”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “กรรมระหว่างคู่บำเพ็ญเต๋านั้นมีมากเกินไป และการจะเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากับใครสักคนนั้น ก็จะต้องแบกรับกรรมทั้งหมดที่คนผู้นั้นนำมา ยิ่งไปกว่านั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้สั่งสอนศิษย์ว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่แน่นอน”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “มันย่อมไม่มีประโยชน์ในการฝึกบำเพ็ญ หากเจ้ากลัวกรรมมากจนต้องฝืนใจของเจ้าเองเช่นนี้”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์รู้สึก ว่าความรู้สึกดีๆ สามารถสะสมได้

และหากความรู้สึกดีๆ ได้รับการสะสมจนถึงระดับหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำให้ศิษย์ปรารถนาจะอยู่กับพวกนางได้โดยไม่ใส่ใจเรื่องกรรม และนั่นย่อมจะเป็นความต้องตาจนกลายเป็นความต้องใจ หากศิษย์รู้สึกมีใจหวั่นไหว ก็จะไม่ฝืนใจหรือยับยั้งใจของตน ไม่เช่นนั้น ก็ย่อมจะขัดกับคำสอนของท่านขอรับ”

“ดี” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพยักหน้าอย่างพอใจ “ความจริงแล้ว เจ้าเพียงแค่ต้องบอกข้าว่าเจ้ามีความประทับใจที่ดีต่อศิษย์น้องอวิ๋นเซียวหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก เหตุใดเล่า? เจ้าไม่อยากเสียหน้าหรือ?”

“ทว่าท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ การมีความรู้สึกดีๆ ต่อใครสักคนนั้น ไม่เหมือนกับความรู้สึกต้องตา…”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอีกครั้งว่า “ศิษย์น้องอวิ๋นเซียวก็คิดว่าเจ้ามีตัวตนไม่เลวเช่นกัน”

“นี่?”

“และบอกว่าเจ้าเป็นคนดี”

“แค่กๆ!” หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงและกระแอมไอสองครั้งและรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอีกครั้ง

นี่คืออันใดกัน?

บังคับจับคู่เป็นอันตรายร้ายแรงที่สุด!

จากนั้น เขาก็ได้ยินปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอีกครั้งว่า “ข้าได้เห็นแล้วว่าศิษย์น้องอวิ๋นเซียวไม่ได้เกลียดชังเจ้า และยังชื่นชมเจ้าอยู่เล็กน้อยอีกด้วย ซึ่งหาได้ยากยิ่ง

ทว่าคนเฉกเช่นศิษย์น้องอวิ๋นเซียวที่ชื่นชมชีวิตแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างสุดใจ และย่อมจะไม่ใจวอกแวกไปด้วยเรื่องเช่นนี้ ดังนั้น หากอยากทำให้นางประทับใจ ก็ต้องก้าวไปในวิถีที่ยาวไกลและคดเคี้ยว[1] แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้สนใจ ข้าก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ปล่อยให้ดำเนินไปตามกระแสแห่งธรรมชาติ แล้วค่อยมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต”

หลังจากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวอย่างจริงจังว่า

“หากเป็นเรื่องเช่นนี้ ข้าจะช่วยเจ้าหากทำได้ หากเจ้าช่วยสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องดี”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงัน …

ไฉนข้าถึงรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบุรุษหนุ่มรูปงามหลอกล่อให้เข้าไปมีเรื่องกับอัจฉริยะแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย?

โชคยังดีที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เพิ่มเติม จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูและหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงคุยกันต่ออยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะส่งหลี่ฉางโซ่วกลับไปยังบริเวณใกล้เคียงของสำนักตู้เซียน

บัดนี้ พิธีเทพทะเลได้เข้าสู่ขั้นตอนการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งหลี่ฉางโซ่วได้จัดการงานต่างๆ มาก่อนล่วงหน้าแล้ว และยังมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ใช้จัดการเรื่องฉุกเฉินได้ด้วย ดังนั้น ย่อมไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ

เมื่อเข้าใกล้สำนักตู้เซียน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวอีกครั้ง “ในเวลานี้ เจ้าเป็นเทพผู้ชอบธรรมของศาลสวรรค์ ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์แล้ว และเจ้ายังได้รับบุญของศาลสวรรค์ด้วย หัวใจเต๋าของเจ้าจะผันผวนเพราะเหตุนี้ด้วยหรือไม่? ”

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ห่วงใย ศิษย์น่าจะไม่เป็นไรขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้ที่เป็นเทพแห่งท้องทะเล มีเพียงเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ หลี่ฉางเกิงเท่านั้น แล้วจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ขอบเขตเซียนหยวนแห่งสำนักตู้เซียน?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกะพริบตาแล้วตบมือพลางหัวเราะพร้อมกับชื่นชมเขาที่น่าทึ่งยิ่งอย่างไม่ขาดปากว่า ‘เยี่ยมมากๆ’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ต่อจากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เอามือไพล่หลังขณะก้าวออกไปข้างหน้า แล้วร่างของเขาก็หายไปในพริบตาเดียว

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วร่อนลงไปยังป่าภูเขาเบื้องล่างทันที จากนั้น เขาก็ตรวจสอบหินที่สัมผัสบนร่างของเขา และเดินวนรอบนอกประตูสำนักสองสามครั้ง

จนถึงยามรุ่งสาง หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายไปที่ด้านหน้าของประตูสำนักตู้เซียน และเรียกให้หลิงเอ๋อร์ออกมาพาขาเข้าไปข้างใน

………………………………………………………………..

[1] มาจากชื่อเพลงของวงสี่เต่าทองแห่งอังกฤษในยุค 1970 จากเนื้อหาจะหมายถึงหนทางที่ยากลำบาก ยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ยังคงพยายามไขว่คว้าให้ได้มา ทั้งที่ยากหรือไม่มีทางได้มา เป็นดั่งเส้นทางยากลำบากที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *