ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 489 แตงของเจ้ากำลังจะสุกแล้วแน่หรือ? (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 489 แตงของเจ้ากำลังจะสุกแล้วแน่หรือ? (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 489 แตงของเจ้ากำลังจะสุกแล้วแน่หรือ? (2)

หลี่ฉางโซ่วหยุดเขียนและเริ่มไตร่ตรอง จากนั้นเขาก็หันกลับมาแย้มยิ้มและกล่าวว่า “แต่เปี้ยนจวงจะพาแม่ทัพสวรรค์สองสามคนไปงานเลี้ยงที่วังมังกร เจ้าอย่าลืมหาคนมาเลี้ยงด้วย หากเจ้ายังไม่พอใจเขา เจ้าก็สามารถลงโทษเขาเล็กน้อยได้ ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าก็สามารถทำให้เขารู้ว่าเขามีพลังเพียงใด จะได้ควบคุมอารมณ์ของเขาได้”

อ๋าวอี่อดจะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “พี่ชาย แล้วข้าจะลงโทษเขาอย่างไรดี”

“เจ้ายังต้องให้ข้าสอนเรื่องนั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เพียงแค่ทำให้เปี้ยนจวงเมา แล้วหาปีศาจปลาและกุ้งที่น่าเกลียดๆ สักสองสามตัวมาล้อมรอบเขา เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ก็ให้ปีศาจปลาและกุ้งพวกนั้น เรียกเขาว่า ‘เจ้าหน้าที่’ พร้อมๆ กันไม่ได้หรือ?

แน่นอนว่า ข้าแค่ยกตัวอย่าง เวลานี้ เปี้ยนจวงเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพเรือเทียนเหอ เขาถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถเก่งกาจในสายตาขององค์เง็กเซียน ดังนั้น อย่าก่อเรื่อง ลงมือให้มากเกินไปนัก

ดวงตาของอ๋าวอี่สว่างไสวขึ้นทันที แล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง พี่ชาย!”

เขาหันกลับมาและถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปเต็มที่แล้ว!

หลังจากที่อ๋าวอี่จากไป หลงจี๋ก็กะพริบตาและคิดถึงเรื่องนี้ ในที่สุด นางก็กลับมามีสติคิดได้ แล้วเอามือปิดริมฝีปากบางของนางในขณะที่หัวเราะออกมาเบาๆ

จากนั้นนางก็หยิบแผ่นหยกของนางออกมาและเขียนว่า “เทพแห่งท้องทะเลไม่เพียงแต่มั่นคงและระมัดระวังอย่างยิ่งเท่านั้น แต่เขายังมีลักษณะนิสัยที่น่าสนใจอีกด้วย นอกจากนี้เขายังชั่วร้ายยิ่ง เขาจงใจวางกับดักรองผู้บัญชาการของเขาและวางกับดักสาวงามในทะเล…”

“หลงจี๋” เสียงของหลี่ฉางโซ่วดังล่องลอยมาอีกครั้งว่า “เรื่องเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องจดบันทึกไว้ก๋ได้ หากคนอื่นรู้ว่า ข้าจงใจทำให้เปี้ยนจวงลำบาก อนาคตของเปี้ยนจวงก็จะมืดมนอย่างน่าเป็นห่วง”

หลงจี๋นั่งตัวตรงขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัว นางขนลุกไปทั่วทั้งร่างด้วยความประหลาดใจ

เทพแห่งท้องทะเลรู้ได้อย่างไรว่าข้าเขียนอะไรลงไปในแผ่นหยก? แผ่นหยกนี้ เป็นพระมารดาของนางประทานให้ ทั้งยังเป็นสมบัติ…

“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะลบมันออกเดี๋ยวนี้”

หลงจี๋รีบตอบกลับและลบคำพูดในแผ่นหยก

หลี่ฉางโซ่วยังคงวาดเส้นทางน้ำต่อไป บัดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป เขาเพ่งจิตส่วนใหญ่ของเขาให้จดจ่ออยู่รอบข้างเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความวุ่นวายและภัยคุกคามที่สำนักบำเพ็ญประจิม อาจก่อให้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ต้องรีบจัดการสยบมังกรแล้ว

ในอีกสิบเอ็ดปีข้างหน้านี้ เขาต้องการเพียงหาเวลาพบกับราชามังกรแห่งทะเลทักษิณและราชามังกรแห่งทะเลอุดร ส่วนที่เหลือ… เขาจะปล่อยให้เผ่ามังกรคิดออกเอง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สำนักบำเพ็ญประจิม ก็ดำเนินการช้ามาก…

หลี่ฉางโซ่วเคร่งเครียดอยู่ครึ่งเดือนก่อนที่เขาจะมองเห็นศัตรูในที่สุด

มีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวในวิหารเทพทะเลในสถานที่ต่างๆ แต่ทูตเทวะของหมู่บ้านสงได้จากไปแล้ว

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลี่ฉางโซ่วได้เปลี่ยนแผนของเขาก่อนหน้านี้ โดยเปลี่ยนจาก ‘ซ่อนตัวเต็มที่’ เป็น ‘หลอกล่อศัตรูอย่างแข็งขัน’ ไปแล้ว

เขาปล่อยให้เหล่าทูตเทวะชั้นยอดออกจากที่หลบภัยลับใต้ดินและย้ายไปอยู่ในวิหารเทพทะเลหลัก

ในแผนเดิมนั้น ได้มีการติดประกาศในสถานที่ต่างๆ โดยแจ้งว่า ทูตเทวะกำลังจะพัฒนาพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

หลี่ฉางโซ่วเพิ่มความพยายามของเขาและทิ้งเบาะแสมากมายเอาไว้ทั่วทุกที่ ซึ่งเบาะแสเหล่านั้นล้วนชี้ไปที่วิหารเทพทะเล และล่อนักฆ่าจากสำนักบำเพ็ญประจิม ไปยังบริเวณใกล้เคียงของเมืองอันสุ่ย

วิหารเทพทะเลหลักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นั้นมากเกินพอที่จะรองรับทูตเทวะได้มากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยคน

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หลี่ฉางโซ่วปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปสำรวจตรวจจับในวิหารเทพทะเลของเขา เขาก็อดจะจินตนาการถึงเสียงยอดเยี่ยมอมตะนิรันดร์กาลจากรายการหนึ่งในชีวิตชาติก่อนของเขา ไม่ได้ว่า “ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เหล่ามนุษย์เวทจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง”

“ในเมืองอันสุ่ยทางทะเลทักษิณ มีเสียงร้องคำรามที่ทรงพลัง และร้องรับกันอย่างเบิกบานสนุกสนาน”

ดูสิ พวกมนุษย์เวทได้เดินออกจากบ้านของพวกเขาและไปรวมตัวกันที่ลานกว้างและสวนด้านหลังของวิหารเทพทะเล พวกเขากำลังเบ่งมัดกล้ามอันแข็งแกร่งที่พวกเขาภาคภูมิใจ

นอกจากบ้านและฐานรากแล้ว พวกเขาก็ได้ยกทุกอย่างเท่าที่พอจะยกได้ มองจากการกระทำเช่นนี้ ก็ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่า พวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด”

“ความแข็งแกร่งเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับพวกมนุษย์เวทเมื่อพวกเขาเผชิญกับความกลัวที่ไม่รู้จัก”

“ทูตเทวะเหล่านี้ไม่ได้อาศัยเพียงพละกำลังเพื่อดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามเท่านั้น แต่พวกเขายังมีทักษะความสามารถเฉพาะของตัวเองอีกด้วย”

“ยกตัวอย่างเช่น การเล่นค่วยปัน[1] ร้องเพลงโขวฉุ่ย[2] อ่านหนังสือ เล่าเรื่องราว สร้างหรือเขียนเรื่องราว และอื่นๆ

พวกเขาอาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มสองหรือสามคนเพื่อฝึกฝนทักษะพิเศษของพวกเขาในฐานะทูตเทวะของสำนักเทพทะเล และพวกเขาจะเปรียบเทียบกันเองตามจำนวนเมืองที่พวกเขาออกเทศนา…”

กล่าวสรุปสั้นๆ ก็คือ ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เหล่าทูตเทวะที่อยู่ในช่วงพักร้อนนั้น พวกเขาก็ได้พักผ่อนหย่อนคลายอย่างสบายใจยิ่ง

สาเหตุที่หลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนแผนของเขานั้นง่ายมาก เพราะกำลังมีจอมเวทมาจากแดนยมโลก!

ในขณะนั้นมีจอมเวทตัวจริงหลายสิบคนปะปนรวมอยู่ในหมู่ทูตเทวะ

พวกเขายังเป็นจอมเวทสงครามเลือดโบราณที่บริสุทธิ์! หากจอมเวทคนใดได้รับบาดเจ็บ ก็จะมีคนลดน้อยไปหนึ่งคน พวกเขาก็แทบจะไม่เคลื่อนไหวอะไรในแดนยมโลก

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วสามารถเชิญพวกเขามาได้เกือบห้าสิบคนในครั้งนี้!

ในวันนั้น หลี่ฉางโซ่วนำมนุษย์เวทสองสามคนไปยังแดนยมโลกและมาถึงนอกเมืองเฟิงตูได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ

จากนั้นเขาก็ได้พบผู้อาวุโสทั้งสองคน หัววัวและหน้าม้า

เมื่อพวกเขาเห็นหัววัวและหน้าม้า สงเหล่าซานและมนุษย์เวทคนอื่นๆ ก็ระเบิดน้ำตา ร้องไห้ออกมาทันที

เมื่ออารมณ์ของพวกเขาถูกกระตุ้น หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเบาๆ

หัววัวและหน้าม้ามีนิสัยอย่างไร?

พวกเขาได้ยินมาว่า พวกมนุษย์เวทที่ทำงานให้กับเทพแห่งท้องทะเลกำลังตกเป็นเป้าหมายของสำนักบำเพ็ญประจิม และสำนักบำเพ็ญประจิม ก็ได้ระบายความโกรธต่อลูกหลานของพวกจอมเวทเพราะพวกเขาไม่อาจจัดการเทพแห่งท้องทะเลได้!

หลังจากนั้นยมทูตดูดวิญญาณทั้งสองก็เดือดดาลฉับพลัน พวกเขาถอดหมวกและกระทืบเท้าพร้อมกับก่นด่าสาปแช่งออกมาทันที

ทันใดนั้นพวกเขาก็แบกมนุษย์เวทสองสามคนโดยไม่เอ่ยวาจาใด แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน หัววัวและหน้าม้าก็แบกพวกของสงเหล่าซาน กลับมาพร้อมเหล่าบุรุษที่มีท่าทางฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดหลายสิบคน

พวกเขาติดตามหลี่ฉางโซ่วกลับไปที่วิหารเทพทะเล และปะปนไปกับบรรดาทูตเทวะที่พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ

หากมีคนถามว่า เหตุใดจอมเวทแห่งแดนยมโลกถึงไม่กลัว สำนักบำเพ็ญประจิม ซึ่งมีจอมปราชญ์…

บรรพชนของพวกเขาคือ ผานกู่ แล้วผู้ใดจะไม่มั่นใจเล่า!?!

พวกจอมเวทมีเรื่อง รุกรานเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วนมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาอาศัยการล่าสัตว์เพื่อเป็นจ้าวเหนือแผ่นดิน วันนี้พวกเขาไม่กลัวสำนักบำเพ็ญประจิมเลย

ในเวลาเดียวกัน หัววัวและหน้าม้าก็เป็นตัวแทนของนักพรตจอมมหาเวท พวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่เทพแห่งท้องทะเล มีความห่วงใยในความปลอดภัยของเผ่ามนุษย์เวท

หากหลี่ฉางโซ่วไม่หยุดพวกเขา พวกเขาก็คงจะนำอาหารพิเศษของท้องถิ่นมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง… บางทีสถานการณ์อาจเป็นเช่นนั้น

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่เพียงแค่เฝ้ามองดูจากข้างสนาม เขาได้เตรียมกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไว้อย่างเงียบๆ แล้ว เขาไม่อาจอาศัยเพียงจอมเวทให้ต่อสู้ในศึกครั้งนี้ได้

ในขณะที่เขารวมระบบเฝ้าระวังของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไว้ในรัศมีหลายพันลี้โดยรอบเมืองอันสุ่ยนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองสามตัวก็กระตุ้นสัมผัสเซียนรับรู้ของพวกมันออกมาพร้อมๆ กัน

พวกเขารวมข้อมูลและการคาดการณ์เอาไว้ที่ก้นบึ้งในใจ คนที่ส่งมาจากสำนักบำเพ็ญประจิมไม่มีที่ซ่อน พวกเขาถูกค้นพบทันทีที่ปรากฏตัว

ครั้งนี้ มีปรมาจารย์ที่ส่งมาจากสำนักบำเพ็ญประจิมเป็นจำนวนน้อยมาก และยิ่งมีผู้ดำรงอยู่น้อยมากที่อยู่ในระดับของเหวินจิงและจินฉานจื่อ ส่วนใหญ่เป็นปีศาจและปีศาจที่เหลืออยู่ในทะเลลึก

เห็นได้ชัดว่า สำนักบำเพ็ญประจิมรู้สึกว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับเหล่ามนุษย์เวท

ในเวลาเพียงสามวัน ก็มีปีศาจหลายร้อยตัวปรากฏตัวขึ้น ห่างจากเมืองอันสุ่ยออกไปหลายร้อยลี้

ปีศาจสองสามตัวที่ซ่อนตัวเก่งได้ปลอมตัวเป็นมนุษย์และเข้าใกล้วิหารเทพทะเลเพื่อรับข้อมูลข่าวกรอง

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตัดสินใจออกจากสนามต่อสู้นอกเมือง ไม่เช่นนั้น จะต้องสูญเสียเหล่ามนุษย์ในเมืองอันสุ่ยไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

ดังนั้น หลี่ฉางโซ่ว จึงแอบหารือกับหัววัวและหน้าม้า และตัดสินใจที่จะเริ่มการโจมตีก่อน

ในวันที่สี่ เวลาพลบค่ำ เหล่าปีศาจที่อยู่นอกเมืองก็เริ่มรวมตัวกัน

พวกเขาอาจกำลังเตรียมการลอบโจมตีในตอนกลางคืน หลี่ฉางโซ่วจึงมุ่งมั่นที่จะโจมตีก่อน

ก่อนอื่นเขาส่งข้อความเสียงไปที่หัววัวและหน้าม้า โดยบอกให้พวกเขาเปลี่ยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินให้มีขนาดเท่ากับทูตเทวะแห่งหมู่บ้านสง

จากนั้น เขาตะโกนเรียกทูตเทวะสองสามคน ชายร่างใหญ่กำยำห้าถึงหกคนก็เดินอาดๆ ท่ากร่างวางโตออกมาจากวิหารเทพทะเลและเดินไปรอบๆ ตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวาด้านนอก

หลังจากซื้อของอยู่พักหนึ่ง หลี่ฉางโซ่ว ก็หยุดอยู่ที่ตรงหน้าคนขายแตงโมที่ปลอมตัวเป็นปีศาจ

เขาก้มลงหยิบแตงโมลูกใหญ่แล้วใช้นิ้วเคาะมันเบาๆ ผู้ขายแตงโมปีศาจก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขายิ้มและกล่าวว่า “นายท่าน กระหายน้ำหรือ? เช่นนั้นก็เอาไปกินเลย ขอให้เทพแห่งท้องทะเลคุ้มครองท่าน”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที

ให้พร ผิด!

หลี่ฉางโซ่ว แค่นเสียงและกล่าวว่า “แตงโมของเจ้าจะสุกหรือไม่?”

“หือ?”

“ข้าขอถามหน่อย แตงโมของเจ้ากำลังจะสุกแน่หรือ!?”

คนขายแตงโมปีศาจยังคงสับสน

………………………………………………………

[1] การเล่นดนตรีจังหวะเร็วที่เคาะจังหวะด้วยแผ่นไม้ไผ่ซึ่งปกติจะมีการขับลำนำไปด้วย

[2] ประเภทของเพลงยอดนิยมที่เล่นไม่หยุดตามถนนและตรอกซอกซอยในช่วงเวลาหนึ่ง และผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กจะร้องเพลงเบาๆ เพลงนั้นไม่จำเป็นต้องเขียนดี แต่จับใจมากและง่ายต่อการร้อง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *