ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 74.1 ข้าจะทุ่มสุดตัว! (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 74.1 ข้าจะทุ่มสุดตัว! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในขณะนี้หลี่ฉางโซ่วงงงวย

เหตุใด!

เหตุใดจึงมีเซียนเทียนสามคนบนยอดเขาหยกน้อย

ในกลุ่มพวกเขา มีสองคนเป็นผู้อาวุโสของสำนัก และหนึ่งในนั้นเป็นคนแปลกหน้า แต่ข้าเคยเห็นเขาที่ทางเข้าเมืองหลินไห่มาก่อน และค่อนข้างคุ้นเคยกับกลิ่นอายลมปราณของเขา…

เหตุใดกัน!!

ขณะนี้ อ๋าวอี่และจิ่วอูกำลังเดินไปรอบๆ ด้านนอกค่ายกลหรือ

มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีเขามังกรอยู่ข้างหน้า และนักพรตเต๋าร่างเตี้ยก็กำลังลอยอยู่ข้างหลังเขา คนที่อยู่ด้านหน้าเดินอย่างเร่งรีบ ทว่าคนที่อยู่ข้างหลังกลับมีรอยยิ้มชั่วร้าย…

พวกเขายังเดินตามคำแนะนำของป้ายไม้และมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองแขกที่ข้าสร้างขึ้นมา…

สองคนนี้มารวมตัวกันได้อย่างไร

มันคงเป็นโชคชะตาพิเศษที่นำพาพวกเขาสองคนนี้มาพบกันก็ได้…

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูสร้างเรื่องอีกแล้วหรือ

ไม่ถูกต้อง หลายปีมานี้ มิตรภาพของข้ากับท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูก็เริ่มดีและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้น เขาก็ให้คำปฏิญญาต้าเต๋าแล้วด้วยเช่นกัน…

หือ?

ในทิศทางของยอดเขาหลัก ยังคงมีกลิ่นอายลมปราณของเซียนเทียนมากมาย ซึ่งพวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่โดยปกติแล้วมักจะไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้…

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันตกตะลึง

เขาลองนึกถึงการสนทนาของกลุ่มคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยในเมืองหลินไห่ที่เขาได้ยิน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมองหาสำนักเซียนเพื่อหารือเกี่ยวกับเต๋าและท้าประลอง

และเขาก็ไม่คาดคิดเมื่อได้ยินว่า สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยกำลังไปสำนักตู้เซียนเพื่อหารือเรื่องเต๋า!

อ๋าวอี่มีความขุ่นเคืองบางอย่างต่อสำนักตู้เซียน

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว อ๋าวอี่ก็เป็นองค์ชายรองของวังมังกร และในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้ วังมังกรทะเลบูรพาก็มีความตึงเครียดกับสำนักเซียนในดินแดนเทวะบูรพา…

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ครั้งนี้ มังกรน้อยต้องการยั่วยุผู้คนและสร้างความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย

ไม่น่าเป็นเช่นนั้น อ๋าวอี่ไม่ได้โง่เขลา หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ เผ่ามังกรก็จะถูกเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยโต้กลับจนพ่ายแพ้ไปในพริบตา…

แม้ว่ามังกรน้อยตัวนี้จริงๆ แล้ว…ไม่ได้ฉลาดมากนัก…

หรือว่าเขาลุ่มหลงสาวงามเกินไปจนสมองเสียหาย

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในคราแรกเขาสับสนกับสถานการณ์ แต่ก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอันใดขึ้น

ในขณะนั้นเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนของสำนักตู้เซียนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปที่ยอดเขาหยกน้อย

พวกเขากำลังแผ่สัมผัสเซียนรับรู้และพลังปราณสัมผัสรับรู้เพื่อจ้องมองไปรอบๆ หอโอสถ…

ในบรรดาศิษย์สำนักตู้เซียน ขอบเขตพลังที่ข้าเผยให้เห็นน่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย จึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ ในด้านนี้

ทุกอย่างต้องมีเหตุผล

การที่เขาได้เผชิญหน้ากับอ๋าวอี่ก่อนที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น ก็เป็นเหตุบังเอิญเช่นกัน

เขาแน่ใจว่า อ๋าวอี่จำเขาไม่ได้ ในเวลานั้น ทุกคนที่ปรากฏตัวล้วนเป็นนักพรตเต๋าชราที่มีใบหน้าเย็นชาเหมือนกันหมด และกลิ่นอายลมปราณก็ล้วนถูกจำลองขึ้นมา

ในกรณีนี้ เป็นไปได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจในทะเลบูรพา…

ครั้งสุดท้ายที่มังกรน้อยตัวนี้จงใจพ่ายแพ้ในมือของเขา เขาจึงรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อไม่ได้พ่ายแพ้ให้เขาตามที่ตั้งใจไว้ และอาจไม่พอใจในเรื่องนั้น หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็เดินทางหลายหมื่นลี้เพื่อมาท้าประลองกับเขาที่นี่อีกครั้ง?

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในห้องลับใต้ดิน…

“มังกรตัวนั้น และสตรีน้อยผู้นั้น ข้าย่อมไม่มีวันเข้าใจวงจรสมองของพวกเขาว่าคิดอะไร”

ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดี…

หลี่ฉางโซ่วสังเกตตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในหอโอสถ และเห็นว่า หินสัมผัสทั้งสามชิ้นบนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเกิดจากสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กลายเป็นเสี้ยวควันสีเขียวเล็กๆ และกลับไปที่หอโอสถ

ในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วหายตัวไปก่อนจะมาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในทันที

เขาก้าวขึ้นไปนั่งลงบนเบาะนั่งสมาธิหลังเตาหลอมโอสถ และหลับตาทำสมาธิ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำตามคำสั่งสอนที่เคยให้ไว้กับศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ และแสร้งทำเป็นเพ่งจิตมุ่งไปที่การบรรลุเต๋า…

หลี่ฉางโซ่วคิดว่า หากเขาสามารถฝ่าฟันจุดตีบตันในช่วงการปิดด่านได้ เขาก็จะมีความก้าวหน้า ดังนั้นเขาจึงแอบปรับทักษะสงบลมปราณเต๋า

การอำพรางตัวพื้นผิวภายนอก ขั้นตอนที่ห้าของขอบเขตคืนกลับอนัตตา

การอำพรางตัวภายใน ขั้นตอนที่เก้าของขอบเขตคืนกลับอนัตตา

การอำพรางตัวลึกล้ำของขอบเขตเซียนหยวน

หลังจากทำเช่นนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มตรวจสอบและทบทวนตัวเองอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง และในที่สุดก็พบว่าไม่มีอะไรบนยอดเขาหยกน้อยที่อาจจะเปิดเผยรายละเอียดของไพ่ไม้ตายได้…

ในเวลานี้ หลิงเอ๋อร์ยังซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมมุงจากอย่างเชื่อฟังโดยแสร้งทำเป็นฝึกบำเพ็ญอยู่

คราวนี้ศิษย์น้องหญิงน้อยทำได้ดี

เอาไว้เขาค่อยไปกล่าวชมนางในภายหลัง

หลี่ฉางโซ่วรู้ว่าเขาทำได้เพียงแสร้งทำเป็นเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญและหยั่งรู้เต๋า เขาจะรอให้บรรดาปรมาจารย์ในสำนักตื่นขึ้นหรือตื่นตระหนกกับความซับซ้อนของค่ายกล…

เขาทำได้เพียงถอยเพื่อรุกคืบและหาโอกาสที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา!

ขณะนี้ ในค่ายกลขนาดใหญ่

ตามคำแนะนำป้ายไม้บอกทางทีละขั้นตอน เวลานี้ พวกเขาก็มาถึงห้องรับรองแขกกลางแจ้งแล้ว ขณะที่ทั้งอ๋าวอี่ และจิ่วอูต่างก็อดมองหน้ากันไม่ได้

ในเวลานี้ อ๋าวอี่ยังเป็นเด็กชายอายุสิบสองหรือสิบสามปี เขาสูงหกฉื่อซึ่งรวมเขามังกรของเขาด้วย และเขาก็ยังสูงกว่าจิ่วอูถึงหนึ่งหัว

หลังจากอ่านข้อความที่เขียนบนป้ายไม้แล้ว เขาก็หันศีรษะมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง

จิ่วอูยิ้มและกล่าวว่า “องค์ชายอ๋าวอี่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นทางแยกอีกทางหนึ่ง”

อ๋าวอี่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าพบวิธีออกจากค่ายกลพื้นฐานเหล่านี้แล้ว แต่ไฉนข้าถึงยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้”

จิ่วอูกล่าวว่า “นี่คือค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการที่ศิษย์หลานฉางโซ่วสร้างขึ้น” จิ่วอูกล่าว “จะมีค่ายกลมารับช่วงต่อทันทีหลังจากที่ออกมาจากค่ายกลก่อนหน้านี้ได้สำเร็จแล้ว หากต้องการทำลายค่ายกลนี้ ก็ต้องมีความสำเร็จระดับสูงในการสร้างค่ายกล”

“องค์ชายอ๋าวอี่ อย่าบีบคั้นตนเองเกินไปนัก”

“หึ!”

อ๋าวอี่พ่นลมหายใจแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่เชื่อว่า วันนี้ ข้าจะมาติดกับอยู่ที่นี่ได้!”

หลังจากนั้นเขาก็หยิบไข่มุกสีฟ้าเย็นออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอกของเขา แล้วทันใดนั้นไข่มุกก็เปล่งประกายและพลังวิญญาณภายในค่ายกลก็ถูกปิดกั้นทันที

อ๋าวอี่ยิ้มเย็นก่อนจะหันกลับ เดินไปตามทาง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบเส้นทางใหม่

จิ่วอูรีบตามไป แต่รอยยิ้มที่มุมปากของนักพรตเต๋าร่างเตี้ยกลับยิ่งบานแฉ่งมากขึ้น…

ย้อนกลับไปในตอนนั้น เมื่อเขาเข้ารวมพลังกับจิ่วซือ ผู้เป็นภรรยาของเขา ทั้งคู่ต่างก็มึนงงสับสนกับค่ายกลนี้ และบัดนี้ก็เห็นได้ชัดว่าค่ายกลในยามนี้นั้น ยังสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก มากกว่าเมื่อครั้งที่พวกเขาพยายามจะทำลายด้วยซ้ำ…

โดยแก่นพื้นฐานแล้ว ค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลพื้นฐานบางอย่าง อย่างไรก็ตาม การออกแบบที่พิถีพิถันและละเอียดของหลี่ฉางโซ่วทำให้มันมีความเฉลียวฉลาดมาก

หลังจากครึ่งชั่วยาม…

อ๋าวอี่มองไปที่ป้ายไม้ข้างหน้าเขา และมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นมากะทันหัน

มันเขียนว่า ‘ท่านหลงทางหรือไม่’

เขาเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง!

“บัดซบยิ่ง!”

ใบหน้าที่บอบบางของอ๋าวอี่กระตุกขึ้นเนื่องจากการกัดฟันแน่นจนเกินไป จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะแล้วเดินไปในอีกเส้นทางหนึ่งทันที

ในหอโอสถ เวลานี้หลี่ฉางโซ่วลืมตาซ้ายของเขาขึ้นมา

ความจริงแล้ว ดูเหมือนว่า มังกรน้อยตัวนี้จะมีอาวุธเวทที่จะทำลายค่ายกลได้ แต่เขาได้หันไปรอบๆ และวนเวียนอยู่รอบนอก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับค่ายกลมากนัก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็แอบลบค่ายกลต่างๆ ที่อยู่ภายในระยะรัศมีหนึ่งร้อยจั้งจากหอโอสถ เพื่อให้เซียนเทียนเหล่านั้นได้เข้าไปใกล้หอโอสถ และเห็นว่าเขากำลังเข้าฌานอยู่ในการปิดด่านบำเพ็ญเพียรอย่างระมัดระวังเท่านั้น

เช่นนี้แล้ว ย่อมจะดูสมเหตุสมผลมากขึ้น

……

หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วยาม…

ในขณะนั้น มีสามเซียนเทียนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาหยกน้อย พวกเขาทั้งสามล้วนมีสีหน้าท่าทีแตกต่างกัน ผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ แน่นอนว่า พวกเขาไม่อาจหัวเราะมากเกินไป

นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อก็ยิ้มเช่นกัน แต่บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว

พวกเขาทั้งหมดสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายกลได้คร่าวๆ เมื่อหยวนเจ๋อเห็นอ๋าวอี่หันกลับมาราวกับแมลงวันหัวขาด เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเช่นกัน

ภายในค่ายกล บัดนี้ ดวงตาของอ๋าวอี่แดงก่ำ เขามีสภาพจิตใจไม่มั่นคงขณะที่ถือกระบี่และไข่มุกเอาไว้ในมือแล้วเดินผ่านค่ายกลอย่างรวดเร็ว

จิ่วอูลอยอย่างช้าๆ อยู่ทางด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน ขณะจับสายตาเฝ้าระวังอ๋าวอี่ที่อาจจะใช้กระบี่ยาวซึ่งเป็นกระบี่สมบัติวิญญาณทำลายค่ายกล …

อีกสักครู่ จิ่วอูจะขอให้อาจารย์ของเขาจัดการพาพวกเขาทั้งสองคนออกไปเพื่อให้องค์ชายแห่งวังมังกรยอมจำนน

และศิษย์หลานฉางโซ่วก็ไม่จำเป็นต้องออกมาจากการปิดด่านของเขา เขาจัดการทุกอย่างให้แล้ว!

จากนั้น อ๋าวอี่ก็เริ่มหายใจเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ…

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ อ๋าวอี่ยังคงตื่นอยู่ แม้เขาจะวิตกกังวลอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติจนออกนอกลู่นอกทาง

เขาตัดสินใจจะทำลายค่ายกล และหากเขาจัดการทะลุทะลวงเข้าไปได้ เขาก็จะชนะ!

ความจริงแล้ว ค่ายกลที่นี่เป็นการจัดวางค่ายกลพื้นฐานที่ผู้บำเพ็ญขอบเขตคืนกลับอนัตตาจัดวาง แต่ข้าก็ยังไม่อาจออกไปได้…

อันที่จริง ข้ายังหาแม้แต่แกนค่ายกลไม่พบด้วยซ้ำ!

เมื่อข้าอยู่ในไข่ ข้าได้เรียนรู้หลักการมากมายเกี่ยวกับการจัดวางค่ายกล…เผ่าพันธุ์มังกรอ่อนแอเมื่อเผชิญกับค่ายกลหรือไม่

ไม่ เผ่ามังกรของข้ายังสามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง!

และบัดนั้น จิ่วอูก็กระซิบว่า “องค์ชายอ๋าวอี่ หรือไม่ท่านก็ปล่อยมันไป…”

“ข้าจะทำลายค่ายกล!”

อ๋าวอี่หันศีรษะไปแล้วส่งเสียงคำรามต่ำ

“อ่า เช่นนั้นก็ลุยต่อไปเลย”

จิ่วอูยิ้มและเดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด เขากลัวว่าจะหลงกับอ๋าวอี่

บนเมฆด้านนอก เหนือค่ายกลมีสตรีสาวสองคนพูดคุยกัน จากนั้นหานจื่อก็กล่าวกระซิบกับอาจารย์ของนางว่า “ท่านอาจารย์ ท่านโปรดสอนทักษะในการสร้างค่ายกลมากมายให้กับข้าด้วยนะเจ้าคะ”

“เหตุใดเจ้าไม่ลองไปเรียนกับศิษย์พี่โหรวโหรวดูเล่า เรื่องนี้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของอาจารย์อาอ๋าวอี่ ก็แค่เข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้น”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *