ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 561 ปิดปากให้สนิท (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 561 ปิดปากให้สนิท (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 561 ปิดปากให้สนิท (1)

เมื่อเห็นอาจารย์ลุงจ้าวปรี่เข้ามา หลี่ฉางโซ่วก็นับวันและเดาอะไรบางอย่างได้คร่าวๆ

หากเขาจำไม่ผิด เทพธิดาจินกวงซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าและรูปแบบของนาง คงจะไปเป็นลมใกล้กับถ้ำหลัวฝู และอาจารย์ลุงจ้าวซึ่งกำลังกลับบ้านก็บังเอิญไปพบนาง จึงรีบพานางกลับไปรักษาในถ้ำ

จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันตามลำพัง ในขณะนั้น ดูเหมือนว่า อาจารย์ลุงจ้าวจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันใด และจับภาพความงดงามของเทพธิดาจินกวงได้…

เมื่อเขาได้สติรู้สึกตัว อาจารย์ลุงจ้าวก็ตระหนักได้ว่า เขาไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์ละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน เขาจึงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบมองหาคนที่จะปรึกษาหารือด้วยได้ …

เดาเอา!

นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่สมเหตุผล ซึ่งหลี่ฉางโซ่วสร้างขึ้นบนพื้นฐานจากความเข้าใจในตัวตนของ อาจารย์ลุงจ้าว!

มันไม่ใช่กลอุบายที่แยบยลอย่างแน่นอน!

ในท้ายที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็เคารพนับถืออาจารย์ลุงจ้าวมากและรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อบรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แต่เขาก็ยังไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับกรรมของคนอื่นด้วยเช่นกัน…

จ้าวกงหมิงเดินไปอย่างเร่งรีบและดึงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วมานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะขมวดคิ้วและลังเล จากนั้นเขาก็เล่าความจริงให้หลี่ฉางโซ่วฟัง…

ใช่ มันเป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดเดาเอาไว้แล้ว

“ฉางเกิง! ข้าคิดว่าศิษย์น้องหญิงของข้า เทพธิดาจินกวงได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับใครบางคน ข้าจึงพานางกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บของนางที่ถ้ำ แล้วผลก็คือ…

ในท้ายที่สุด… ฉางเกิง เราจะทำอย่างไรดี? ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนั้นมาก่อนหน้านี้เลย แต่จู่ๆก็ … ”

ขณะนี้ จ้าวกงหมิงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความว้าวุ่น และเครางดงามของเขาก็ขมวดเป็นปม “เวลานี้ นางอยู่ในถ้ำของข้า ศิษย์หลานของข้า เทพธิดาหั่วหลิงได้เข้าไปดูแลนางแล้ว ดังนั้นข้าจึงมีโอกาสรีบออกมา หากมีคนอื่นถามเรื่องนี้ แล้วข้าจะอธิบายอย่างไรดี?”

“ก็เพียงบอกความจริงกับพวกเขาตรงๆ ไม่ใช่หรือ?” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและถามกลับ ในขณะนั้น ทูตเทวะก็นำน้ำชามาให้เขาที่ด้านข้าง หลี่ฉางโซ่วใช้พลังเซียนถือถ้วยชาและแสดงท่าทางเป็นสัญญาณให้ทูตเทวะออกไป

จ้าวกงหมิงรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อย เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นมาก่อน แต่เมื่อจู่ๆ ข้าได้เห็นศิษย์น้องหญิงจินกวงในวันนี้ ข้าก็รู้สึกเหมือนนางเป็นคนละคน กลายเป็นอีกคนหนึ่งเพียงเพราะนางเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดอื่นที่แตกต่างออกไป… ความรู้สึกนี้ช่างแปลกจริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วจิบชาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องประเพณีคู่บำเพ็ญเต๋าของผู้ฝึกบำเพ็ญ?”

อาจารย์ลุงจ้าวยิ้มและหรี่ตาพลางกระแอมไอให้คอโล่งก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “ก็แค่ว่า… คนสองคนต่างเสนอว่าจะส่งกันและกันกลับ คนหนึ่งพูดว่า ‘เทพธิดา’ ข้าจะพาเจ้ากลับ อีกคนก็พูดว่า สหายเต๋า ข้าจะพาเจ้ากลับ จากนั้นทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันราวกับว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆ แล้วกล่าวคำอำลากันก่อนจะจากไป… ว้าวๆๆ”

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เทพธิดาอวิ๋นเซียวและข้าก็ยังไม่ถือว่าเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า ส่วนใหญ่ มันเป็นเพราะเหตุการณ์ในป่าดอกท้อครั้งก่อน

พี่ชาย ในสมัยโบราณมีคำกล่าวแห่งเต๋าว่า “คู่เปี่ยมธรรม” ในเวลานั้น คู่บำเพ็ญเต๋าบริสุทธิ์ยิ่ง

ในช่วงปลายสมัยโบราณ เผ่ามนุษย์เพิ่มขึ้น ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์ส่วนใหญ่ก็เป็นคู่บำเพ็ญเต๋า ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นมนุษย์ธรรมดาจึงมีเจตนาที่จะเป็นสามีภรรยา คู่ชีวิตธรรมดากัน

แม้เทพธิดาอวิ๋นเซียวและข้าจะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า เราก็จะยังคงนั่งสนทนาหารือเรื่องเต๋า พูดคุยหยอกล้อกัน และช่วยเหลือ สนับสนุนเกื้อกูลกัน”

จ้าวกงหมิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น และกล่าวว่า “แต่ข้าก็รู้สึกอยู่เสมอว่า ดูเหมือนว่าจินกวงจะไม่ต้องการเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของข้า … นอกจากนี้ คนที่กลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันบนเกาะเต่าทองก็กังวลถึงเรื่องลูกหลานของพวกเขาเช่นกัน”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน

“เช่นนั้น เรื่องนี้ก็เป็นปัญหายุ่งยากมาก” จ้าวกงหมิงรีบถามว่า “ฉางเกิง ในครั้งนี้ ข้าจะบอกศิษย์น้องหญิงจินกวงอย่างไรดี”

หลี่ฉางโซ่ววางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องของความรู้สึก ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเองจะดีกว่า นอกจากนี้มันยังคาดเดาการเปลี่ยนแปลงได้ยากอีกด้วย

ครั้งที่แล้ว ท่านไม่มีความรู้สึกใดกับเทพธิดาจินกวง แต่วันนี้ท่านมาหาข้าและบอกว่า… เอ่อ ท่านคิดว่า ความจริงแล้ว เทพธิดาจินกวงไม่เลวเลย

พี่ชาย มันยากมากที่ข้าจะทำเช่นนั้นได้จริงๆ ท่านต้องยืนยันความรู้สึกของตัวท่านเองให้ได้ก่อนว่า ท่านปฏิเสธหรือยอมรับนาง? ท่านจงใจหมายถึงมันหรือไม่? ข้าจะช่วยท่านได้ก็ต่อเมื่อท่านบอกข้าได้เท่านั้นใช่หรือไม่?”

“ฉางเกิง เจ้ากล่าวมีเหตุผล”

จ้าวกงหมิงลูบเคราและถอนหายใจ เขาครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วส่ายศีรษะช้าๆ พลางกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกสับสนเล็กน้อยจริงๆ! ฉางเกิง เจ้ามีเรื่องอันใดต้องทำหรือไม่? หากไม่มี เช่นนั้น ไยเจ้าไม่พาข้าออกไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายใจ? และให้ข้าคิดหาวิธีจัดการกับความรู้สึกของข้าได้”

หลี่ฉางโซ่วใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และกล่าวว่า “ข้ากำลังจะไปเยี่ยมชมดินแดนของเผ่าเวทที่ดินแดนเทวะอุดร พี่ชาย เช่นนั้น เหตุใดท่านไม่ไปเที่ยวเล่นทางเหนือกับข้าเล่า? ”

“ตกลง!”

จ้าวกงหมิงตกลงอย่างง่ายดาย ตราบใดที่เขาไม่ต้องกลับไปที่ถ้ำหลัวฝู ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ก็ย่อมเป็นการดี

หลี่ฉางโซ่วขอให้จ้าวกงหมิงรอสักครู่ จากนั้นเขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อไปที่คลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ด้านล่าง และหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์บางส่วนมาสำรองเอาไว้ จากนั้นเขาก็ออกเดินทางสู่ดินแดนเทวะอุดรไปกับจ้าวกงหมิง

หลี่ฉางโซ่วต้องยอมรับว่าเขาคิดจะให้จ้าวกงหมิงเข้าไปเป็นเทพเซียนในศาลสวรรค์ก่อนล่วงหน้า ซึ่งอาจช่วยให้อาจารย์ลุงจ้าวหลีกเลี่ยงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้

แต่โอกาสที่ความคิดนี้จะประสบความสำเร็จนั้นต่ำมาก อย่างไรเสีย หลี่ฉางโซ่วก็ไม่กล้าวางแผนมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฉวยประโยชน์โดยปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแนวทางของสถานการณ์และชี้นำแนวทางไปเท่านั้น

เขาต้องให้จ้าวกงหมิงทิ้งความประทับใจดีๆ ให้กับศาลสวรรค์ก่อนเพื่อให้มีหนทางสำหรับการจัดการในอนาคตได้มากขึ้น…

มันไม่มีทางช่วยได้ การตายของจ้าวกงหมิงเป็นจุดเปลี่ยนของสำนักบำเพ็ญเต๋าอย่างสมบูรณ์ที่จะเปลี่ยนจากความรุ่งโรจน์ไปสู่ความเสื่อมโทรม

ยิ่งหลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์แนวโน้มของการปราบดาเทพขึ้นมามากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า มันยากที่จะช่วยชีวิตอาจารย์ลุงจ้าวได้ ต่อให้เขาจะเอาเหรียญทองแดงลั่วเป่าออกไปแล้วและช่วยให้อาจารย์ลุงจ้าวได้รับผลบุญบ้าง แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนัก

เพราะในท้ายที่สุด เขายังคงต้องพิจารณาถึงพลังยับยั้งของเส้นโชคชะตา ภัยพิบัติ และโชคลาภอีกด้วย…

ประตูชีวิตที่ใหญ่ที่สุด ตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปูที่ยังอยู่ในมือของนักพรตเต๋าลู่หยา

เมื่อกล่าวถึงนักพรตเต๋าลู่หยาแล้ว… เมื่อไม่นานมานี้ คู่รักเสือดำนั้นก็ไม่กล้าจะบูชาตามอำเภอใจอย่างไม่ระวังอีก แผ่นป้ายจารึกอนุสรณ์ของลู่หยาได้ถูกนำออกไปแล้ว พวกเขาจึงไม่รู้ว่า นักพรตเต๋าลู่หยากำลังทำอะไรอยู่บนเส้นทางเมฆ

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและถามว่า “พี่จ้าว ท่านรู้เรื่องราชินีจอมปราชญ์มากเพียงใดหรือ?”

จ้าวกงหมิงซึ่งจมอยู่ในความครุ่นคิดลึกซึ้งอยู่ ก็ตอบอย่างเป็นกันเองว่า “นางคือมารดาแห่งเผ่ามนุษย์ นางเป็นแขกนักพรตเต๋าในวังเมฆม่วง… ไฉนจู่ๆ เจ้าจึงถามถึงเรื่องนี้?”

“จู่ๆ ข้าก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้” หลี่ฉางโซ่วยืนเอามือไพล่หลังและมองไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว “หากเกิดมหาสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจขึ้นมาในเวลานี้ ข้าไม่รู้ว่าราชินีจอมปราชญ์จะดูแลเผ่ามนุษย์หรือเข้าข้างเผ่าปีศาจ”

จ้าวกงหมิงกล่าวว่า “ฉางเกิง เจ้ากังวลมากเกินไป ปรมาจารย์จอมปราชญ์จะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เหล่านี้ได้อย่างไร?”

“นั่นก็จริง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและเห็นด้วย จากนั้นเขาหลี่ฉางโซ่วยังคงพูดคุยและหัวเราะกับจ้าวกงหมิงและพุ่งไปที่ดินแดนเทวะอุดรด้วยความเร็วปานกลาง

ในเวลาเดียวกันนั้น… ในถ้ำหลัวฝูแห่งภูเขาเอ๋อร์เหมย เมฆสีขาวได้บินผ่านอย่างรวดเร็วและเข้าสู่ค่ายกลด้านนอกอย่างคุ้นเคย เมื่อมาถึงปากทางเข้าถ้ำและก็มีเสียงตะโกนว่า “ศิษย์น้องกงหมิง ศิษย์น้องกงหมิง เจ้าอยู่หรือไม่?”

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหอบเบาๆ ดังมาจากภายในถ้ำ เสียงจี้หยกบนผนังดังขึ้น และเทพธิดาหั่วหลิงก็เดินออกมาจากถ้ำ

นางสวมชุดกระโปรงยาวที่ดูราวกับทำขึ้นมาจากเปลวไฟ นางมีรูปร่างสูงใหญ่ ลำคอระหง และใบหน้างดงาม

ในขณะนั้นเทพธิดาหั่วหลิงเงยหน้าขึ้นและเห็นนักพรตเต๋าชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลือง กำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆตรงหน้าถ้ำ นางบีบนิ้วเรียวในแขนเสื้อ จากนั้นก็นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วว่าคนผู้นี้เป็นใคร แล้วกล่าวว่า “หั่วหลิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ขอน้อมพบท่านอาจารย์อาหวงหลงเจ้าค่ะ”

ตามลำดับการเข้ามาของสาวกของทั้งสามสำนัก อาจารย์ของเทพธิดาหั่วหลิง นักพรตเต๋าตั๋วเป่าได้กราบเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ซันชิงก่อนหวงหลง หวงหลงประสานมือของเขาและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องกงหมิงอยู่ในถ้ำหรือไม่?”

เทพธิดาหั่วหลิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “อาจารย์อาจ้าวมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำและไปตามหาเทพแห่งท้องทะเล… ไม่สิ ท่านไปตามหาเทพวารี และขอให้ข้าช่วยอยู่ดูแลบ้านที่นี่ อาจารย์อาหวงหลง ท่านมีอันใดจะสั่งไว้หรือไม่เจ้าคะ?”

“เทพวารี…”

หวงหลงเจินเหรินอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ เขามองไปที่ยันต์หยกในมือแล้วถอนหายใจอย่างหดหู่ เหตุใดจู่ๆ ข้าถึงเข้าปิดด่านกะทันหัน?! ตลอดเวลาหลายปีของการบำเพ็ญเพียร ข้าไม่ได้รู้แจ้งมานานแล้ว

ตลอดเวลาหลายปีของการฝึกบำเพ็ญเต๋า ข้าไม่ได้รู้แจ้งมานานมาหลายปีแล้ว แต่ถึงกระนั้น จู่ๆ ข้าก็เพิ่งได้รับการรู้แจ้งเช่นนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในทะเลบูรพา เป็นเหตุให้ข้าพลาดข้อความจากเทพวารี และไม่ได้ไปช่วยเหลือทั้งสี่คาบสมุทร…

เขามาที่นี่เพื่อตามหาจ้าวกงหมิงเพราะอยากให้จ้าวกงหมิงไปที่เมืองอันสุ่ยกับเขาเพื่อถามว่ามีวิธีใดบ้างที่จะชดเชยได้ เขาละอายใจเกินกว่าจะปล่อยผ่านไป!

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หวงหลงเจินเหรินก็ถอนหายใจอีกครั้งและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไปเดี๋ยวนี้ รบกวนมากแล้ว” กล่าวจบ หวงหลงเจินเหรินก็โค้งคำนับให้เทพธิดาหั่วหลิงแล้วจากไป

แปลก… เทพธิดาหั่วหลิงกะพริบตาและส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปที่ถ้ำหลัวฝู

ที่นั่นยังมีเทพธิดาคนหนึ่งที่แกล้งทำเป็นบาดเจ็บจนไม่กล้าขยับกาย และกำลังรอให้นางกลับไปหารือว่าจะทำอย่างไรต่อไป

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด