ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 323 อุบายเล็กๆ ของฉางโซ่ว (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 323 อุบายเล็กๆ ของฉางโซ่ว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 อุบายเล็กๆ ของฉางโซ่ว (1)

หากสหายผู้นั้นไม่ได้ปรากฏตัวพร้อมกับหมวก หลี่ฉางโซ่วก็คงจะจำเขาไม่ได้จริงๆ เวลานี้ เขากลายเป็นหัววัวผู้โด่งดังแห่งแดนยมโลกจริงๆ

เจ้าหัววัวผู้นี้เป็นใครหรือ?

มีกวีในยุคโบราณกล่าวไว้ว่า

“ในแดนยมโลกมีเหยียนชิงเทียน[1] ผดุงความยุติธรรมอยู่ยั้ง ตัดสินถูกผิด แยกแยะตงกัง ไม่ไว้หน้าผู้ใด ผู้พิพากษาแห่งแดนยมโลกพร้อมช่วยเหลือ มีหัววัว หน้าม้า[2]อยู่ข้างกาย”

‘หัววัว’ และ ‘หน้าม้า’ ที่กล่าวถึงในบทกวีนี้เป็นผู้ส่งสารของยมโลกที่ หลี่ฉางโซ่วคุ้นเคยมากในชีวิตก่อนหน้านี้และโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็เหมือนกับความไม่เที่ยงของขาวดำ

‘หัววัว’ และหน้าม้าที่กล่าวถึงนี้คือ ยมทูตแห่งแดนยมโลกที่หลี่ฉางโซ่วคุ้นเคยในชีวิตก่อนหน้านี้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว นับว่าพวกเขามีชื่อเสียงพอๆ กับเฮยไป๋อู่ฉาง[3]

ในความทรงจำอันเลือนรางของหลี่ฉางโซ่ว ยามที่เขายังเยาว์ มีร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า ม้าหัววัว อยู่ใกล้บ้านของเขา ซึ่งอาหารมีรสชาติดียิ่ง!

ทว่าเมื่อกล่าวถึงเรื่องนั้น… หัววัวและหน้าม้าที่โด่งดัง ความจริงแล้ว ก็เป็นเพียงปรมาจารย์เผ่าเวทสองคนที่สวมหมวกเช่นนั้นหรือ?

เผ่าเวทไม่ธรรมดาจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจขณะที่ยังคงไม่ลืมใส่ใจในความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในยามนี้

บัดนี้ เรื่องได้พัฒนามาถึงขั้นที่พวกเขาถูมือ ลับมีด เตรียมพร้อมสู้แล้ว มันมีเรื่องความถือดีและบ้าอำนาจของเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกที่จงใจยั่วยุให้เกิดปัญหาจนเป็นเหตุให้ “หัวเหล็ก”[4] ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งปล่อยลูกบ้าเข้ามาอีกด้วย หากพูดจาดีๆ กับพวกเขาและทำให้รู้สึกได้หน้า แล้ว ‘ผีน้อย’ เฉกเช่นแม่ทัพหนุ่มแห่งแดนยมโลกผู้นี้ ย่อมจะสัมผัสได้ถึงความเหนือกว่าแล้วไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา

นอกจากนี้ คณะของหลี่ฉางโซ่วมาที่แดนยมโลกเพื่อสร้างความสัมพันธ์และเข้าทางประตูหลัง[5] ซึ่งอาจเรียกได้ว่าพวกเขาพยายามแทรกแซงการปฏิบัติงานปกติของสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งถือว่าพวกเขาผิดมาตั้งแต่แรก

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะสู้กัน ก็มีปรมาจารย์แดนยมโลกอีกคนหนึ่งคือ หัววัว ปรากฏตัวขึ้นและเข้ามาร่วมวงด้วย เช่นนั้นแล้ว เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วจึงกังวลและระวังตัวมากขึ้นเล็กน้อย …

จี้อู๋โหย่วจึงส่งข้อความเสียงไปยังคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหลังเขาทันที

“ระวังตัวด้วย เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ธรรมดา หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง”

โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยรู้สึกว่าเจ้าสำนักดูไม่เหมือนก่อนหน้านี้

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะในใจ เขาคิดว่า คงจะเยี่ยมมากหากเจ้าสำนักเข้าใจกฎเอาแต่ใจ

แค่กๆ นี่เรียกว่า ศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินทำตามอำเภอใจได้หรือไม่?

เอาน่า พวกเขาพร้อมจะยอมรับคำชี้แนะที่ดี

จากนั้นเขาก็ได้ยินเจ้าหัววัวกล่าวว่า “พวกเจ้ามาหาเรื่องที่นี่หรือ?”

“สหายเต๋า ข้าไม่ได้มาหาเรื่องวิวาท” จี้อู๋โหย่วเอากระบี่กลับไปไว้ที่ด้านหลังและกล่าวอย่างสงบว่า “เดิมทีข้าต้องการเดินทางไปเมืองเฟิงตู แต่ท่านแม่ทัพแดนยมโลกที่อยู่ข้างหลังท่านจงใจทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นและหยุดข้าเอาไว้ที่นี่

ในขณะนั้น หัววัวก็สวมหมวกลงบนศีรษะเพื่อให้ศีรษะดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น สีหน้าท่าทางของเขาเมื่อสวมหมวกนั้น ดูสดใส มีชีวิตชีวายิ่ง

จากนั้น หัววัวก็หันศีรษะไปมองแม่ทัพหน้าซีดที่อยู่ข้างหลังเขา

เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ไยเจ้าถึงหยุดพวกเขาโดยไร้เหตุผล? เจ้าไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาไปหลังจากได้รับสมบัติมาหรือ? หากพวกเขาไม่ไป แล้วพี่น้องที่อยู่ข้างหลังพวกเราจะได้รับของขวัญอย่างไร?”

บัดนั้น ผู้ฝึกบำเพ็ญสำนักตู้เซียนทั้งห้าคนต่างก็พูดไม่ออกทันที

แม่ทัพแดนยมโลกรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ใช่ว่าข้าจงใจหยุดพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาพูดจาอวดดีและยังจงใจยั่วยุพวกเราอีกด้วยขอรับ!”

จี้อู๋โหย่วกล่าวว่าทันทีว่า “พวกเราจงใจยั่วยุเจ้าหรือ? สหายเต๋า เช่นนั้น ไยเจ้าถึงปล่อยให้ผู้อื่นไปในขณะที่หยุดเพียงพวกข้าเอาไว้เท่านั้นเล่า?”

หลี่ฉางโซ่วแอบชื่นชมท่านเจ้าสำนักของเขา

ท่านเจ้าสำนักเชี่ยวชาญวิธีการเบนจุดสนใจและแอบเปลี่ยนแนวความคิดอย่างลับๆ อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ เขาเคยทำมาบ่อยครั้ง มองเผินๆ แล้ว เขาดูไม่มีอะไรมาก

แค่กๆ เห็นได้ชัดว่า เขามีประสบการณ์ชีวิตมาก และมีความสามารถพิเศษในการวิ่งงานติดต่อธุระต่างๆ ที่วังดุสิตต้องการอย่างยิ่งจริงๆ!

เมื่อตำแหน่งในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้ามั่นคงแล้ว ข้าจะแนะนำเขาให้กับท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

ยมทูตเกี่ยววิญญาณ หัววัว มองลูกน้องของเขาก่อนจะมองไปที่จี้อู๋โหย่ว แม้จะสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเลือกยืนเคียงข้างคนของเขา…

“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งห้ากลับไปได้แล้ว วันนี้ ข้าจะไม่ถามอะไรในเรื่องนี้เพิ่มเติมอีกและจะไม่มาเถียงกับพวกเจ้า แดนยมโลกเป็นสถานที่สำหรับการกลับชาติมาเกิดของสิ่งมีชีวิต เป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์ ย่อมไม่ใช่ที่จะให้ทุกคนมาสร้างปัญหาได้”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหัววัว จี้อู๋โหย่วขมวดคิ้วในขณะที่เจียงหลินเอ๋อร์ดูกังวลอย่างยิ่ง

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ และในท้ายที่สุด เขาก็อดออกมาล่อหลอกพวกเขาสักหน่อยไม่ได้…

“ท่านแม่ทัพใหญ่!”

ทันใดนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็กล่าวออกมาอย่างหนักแน่นว่า “อย่าบอกนะว่า ท่านได้ตัดสินใจเช่นนั้นโดยไม่ไถ่ถามเหตุผล?”

หัววัวพ่นลมหายใจพลางไพล่มือเอาไว้ด้านหลังแล้วกล่าวว่า

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าสู่แดนยมโลกได้”

ในขณะที่โหย่วฉินเสวียนหย่าจะกล่าวต่อ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาจากด้านข้างเพื่อหยุดนางเอาไว้

นางจึงหันไปมอง แล้วพบกับสายตาของหลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิงโหย่วฉิน เมื่อจัดการเรื่องต่างๆ เจ้าไม่อาจมองเพียงแค่ตัวของเจ้าเองได้ แต่เจ้ายังต้องใส่ใจทั้งใบหน้าของตัวเองและใบหน้าของอีกฝ่ายด้วย ให้ข้าลองเรื่องนี้ดูสักหน่อย เจ้าเก็บเครื่องมือเวทของเจ้าเอาไว้ก่อนเถิด”

โหย่วฉินเสวียนหย่าตะลึงงันทันที นางเพียงพยักหน้าเบาๆ จากนั้น กระบี่บินที่อยู่รอบกายนางก็กลับเข้าฝักแล้วกลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ก้าวออกไปสองก้าวบนเมฆสีเทาแล้วโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก ปรมาจารย์ใหญ่ ปรมาจารย์ลุงใหญ่ โปรดให้ศิษย์ลองดูสักหน่อยได้หรือไม่? และข้ายังจะขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่ยมทูตเกี่ยววิญญาณผู้นี้พาเราไปยังเมืองเฟิงตูเองได้หรือไม่ขอรับ?”

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องดูแลใบหน้าของบรรดาปรมาจารย์ของเขาก่อน

จี้อู๋โหย่วลังเลด้วยกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่ฉางโซ่ว

เพราะอย่างไรเสีย นี่คือศิษย์ของสำนักตู้เซียน และยังเป็นศิษย์ลับๆ ของท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู!

เอ่อ พูดไม่ได้ พูดไม่ได้… ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งขมวดคิ้วพลางมองหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเคร่งเครียด ราวกับเขากลัวว่า หลี่ฉางโซ่วจะพูดอะไรผิดและจะเกิดเหตุร้ายไม่คาดฝันบางอย่างขึ้นกับเขา

ทว่าเจียงหลินเอ๋อร์รีบกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉางโซ่ว พวกเราแล้วแต่เจ้า”

“ขอรับ ท่านปรมาจารย์ใหญ่”

หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋ามาตรฐานและยิ้มก่อนจะบินไปทางหัววัวและกลุ่มเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลก

เขาบินช้าอย่างยิ่งและเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา

แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ในขณะนี้ ทั้งหัววัว ยมทูตเกี่ยววิญญาณไปจนถึงเหล่าเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ แห่งแดนยมโลก กลับล้วนรู้สึกถึงบางอย่างที่อธิบายไม่ได้…เป็นความต้องการที่จะถอยหนีไปในทันที

และก่อนที่หัววัวจะทันได้กล่าวอันใด หลี่ฉางโซ่วก็ทำการคารวะเต๋าให้อีกครั้ง

“ผู้น้อย หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน ขอน้อมพบท่านผู้อาวุโสหัววัวขอรับ”

“หือ?” หัววัวกะพริบตาปริบๆ “เจ้ามา… จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือ? สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าที่เป็นศิษย์ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์หรือ?”

“ผู้อาวุโสต้องล้อเล่นแน่แล้ว ใต้หล้านี้ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าอ้างตัวเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางแย้มยิ้มแล้วปล่อยอักขระเต๋าบางส่วนออกมา ทำให้ดวงตาของหัววัวฉายแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง

เขาไม่รู้จักอักขระเต๋าเหล่านั้น แต่กลับสัมผัสได้ว่าพวกมันลึกลับมาก

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ที่นี่มีคนมากเกินไป ข้าขอคุยกับท่านผู้อาวุโสเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ขอรับ”

“เหตุใดกันเล่า?” หัววัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย “หากเจ้ามีเรื่องจะพูด ก็พูดมาเถิด”

หลี่ฉางโซ่วจับแขนเสื้อของเขาแล้วหยิบหินสีแดงเข้มออกมา

ทันใดนั้น สีหน้าท่าทีของยมทูตเกี่ยววิญญาณก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แล้วกลายเป็นคนจริงจัง เฉียบคม ระมัดระวังตัว ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมที่มีท่าทางไม่ใส่ใจจริงจังอย่างสิ้นเชิง!

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ประสานมือคารวะและผายมือเชื้อเชิญ

“โปรดมาทางนี้เถิดขอรับ” หลี่ฉางโซ่วก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับหัววัวทันทีแล้วเดินไปทางด้านข้างราวยี่สิบฉื่อ เป็นเหตุให้ผู้คนทั้งสองกลุ่มต่างก็เอียงศีรษะพูดคุยกัน …

ภายใต้สายตาจ้องมองที่สับสน ตกใจ และงุนงงของบรรดาเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลก และคนของสำนักตู้เซียนทั้งสี่คน หัววัวก็หยิบง่ามเหล็กออกมาแล้วกระแทกลงไปกับพื้นเบาๆ ทันใดนั้น ข่ายอาคมสีแดงเลือดก็เข้าล้อมรอบร่างของพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้

แม้แต่จี้อู๋โหย่วซึ่งเป็นเซียนจิน ก็ไม่อาจได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน…

โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตาและอดจะฝืนหัวเราะแห้งๆ ออกมาไม่ได้

เขา ทำได้อย่างไรกัน?

………………………………………………………………..

[1] ผู้เขียนปรับมาจากเพลงประกอบละครเปาบุ้นจิ้นหรือฉายาเปาชิงเทียน หรือท่านเปาฟ้าใส ที่ว่า ในศาลไคเฟิงมีเปาชิงเทียน …ส่วนในที่นี้ เหยียนชิงเทียน หรือเหยียนฟ้าใส คำว่าเหยียน ก็มาจากเหยียนหลัว ซึ่งก็คือ ผู้พิพากษาแห่งแดนยมโลกตามตำนานจีน

[2] หนิวเทาหรือหัววัว และหม่าเมี่ยน หรือหน้าม้า คือ คู่ผู้พิทักษ์ หรือยมทูตแห่งแดนยมโลกที่อยู่ข้างกายเหยียนหลัวหวัง ซึ่งหากเปรียบเทียบในบทเพลงก็เปรียบได้กับหวังเฉา หม่าฮั่น ของท่านเปา

[3] เฮยไป๋อู่ฉาง ความจริงแล้วทรงเป็นยมทูตดำขาว คือ ไป๋เทียนหรือไป๋อู่ฉาง และเฮยเทียน หรือเฮยอู่ฉาง ถือเป็นกลางวันและกลางคืนตามลำดับ ไป๋อู่ฉาง ทรงชุดและหมวกทรงกรวยสูงสีขาว ถือป้ายที่เขียนว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้” และรับดวงวิญญาณดีมีศีลธรรมที่สิ้นอายุขัยไปรับการพิจารณาจากศาลในนรกเพื่อข้ามผ่านสะพานทองและสะพานเงินไปเสวยกรรมดี ส่วนเฮยอู่ฉาง จะทรงชุดและหมวกทรงกรวยสูงสีดำพร้อมป้ายที่เขียนว่า “ข้ามาจับเจ้าแล้ว” มือถือโซ่เพื่อมัดดวงวิญญาณบาปที่สิ้นอายุขัยแล้วลากลงไปรับกรรมในนรก นอกจากนี้ อู่ฉาง ยังหมายถึงความไม่เที่ยง ดั่งที่ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนไม่แน่นนอน แต่เป็นไปตามกฎแห่งกรรม มีเกิดมีดับ ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีขาวมีดำ ตามกฎหยินหยาง

[4] พวกคนหัวแข็ง ดื้อรั้น หัวชนฝา หัวดื้อ หรือพวกคอแข็ง หยิ่งทะนงมาก

[5] หรือเข้าทางหลังบ้าน หมายถึง การแอบใช้วิธีลับๆ ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นทางการโดยผ่านการเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ชิดหรือคนที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจโดยตรงเพื่อขอผลประโยชน์บางสิ่งบางอย่าง แทนที่จะไปหาผู้ที่มีอำนาจตรงๆ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *