ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 365 นับถอยหลังสู่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 365 นับถอยหลังสู่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 นับถอยหลังสู่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน (1)

“อย่าคิดมากน่า อาจารย์อาอย่างข้าก็แค่บังเอิญเผลอตัวไปเล็กน้อย ให้ข้าพิงไหล่เจ้าสักหน่อยเถิด!”

จากนั้น จิ่วจิ่วก็ยกมือขึ้นตบไหล่หลี่ฉางโซ่ว “ข้าจะทำความสะอาดให้เจ้า!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างสงบ ส่วนจิ่วจิ่วก็หดคอลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด นางนึกขึ้นได้ว่าเป็นอาจารย์อาของเขา จึงพ่นลมหายใจเบา ๆ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ใครจะรู้เล่าว่า นางไปพิงเขาได้อย่างไร!?!

หลังจากส่งอาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่สู่ดินแดนแห่งการกลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว หลี่ฉางโซ่วและจิ่วจิ่วก็ออกจากแดนยมโลก

ก่อนจากไปกัน หลี่ฉางโซ่วก็หยิบ ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ ที่เขาเตรียมไว้ออกมาเมื่อเขามาถึงและมอบมันให้กับหัววัวและหน้าม้า

พวกมันเป็นปลาวิญญาณหลีเหว่ยร้อยตัวและสัตว์วิญญาณที่ได้รับอาหารเลี้ยงดูมาอย่างดีจำนวนหกสิบหกตัวที่ถูกขุนรอให้เชือดแล้ว

เดิมทีหัววัวและหน้าม้าก็ไม่อยากยอมรับมัน แต่ของขวัญขอบคุณของหลี่ฉางโซ่วก็เป็นดุจแมววิญญาณที่เข้ามาไปในหัวใจของทั้งสองคน แล้วทั้งเกาและข่วนอยู่ที่นั่นตลอดเวลา…

พวกเขาหิวจริงๆ

นอกจากผู้ฝึกบำเพ็ญแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในแดนยมโลก และพวกเขาก็ไม่ค่อยออกไปเดินเที่ยวเล่นข้างนอก จึงไม่ได้กินเนื้อร้อนๆ แม้เพียงสักคำมาหลายปีแล้ว

เผ่าเวทก็รับได้ดีกับเรื่องนั้น

กล่าวกันว่า สงครามจอมเวท-ปีศาจในเวลานั้น หาใช่เพราะว่า เผ่าปีศาจต้องการครองโลกมาแต่แรก

ทว่า…เป็นเพราะเรื่องอาหาร…

บรรพชนเผ่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่เกลียดชังเผ่าเวท จึงถูกเผ่าเวทไล่ล่า

กล่าวได้เพียงว่า โลกบรรพกาลนั้นมหัศจรรย์เกินไป และห่วงโซ่ชีวภาพก็ไม่น่าเชื่อถือ

หลังจากส่งหลี่ฉางโซ่วและจิ่วจิ่วออกไปแล้ว หัววัวและหน้าม้าก็แอบย่องกลับไปยังหน้าที่ของเขา บนภูเขาสูงในทันที

ทั้งสองคนหยิบไพ่ไม้ตายออกมาและสร้างข่ายอาคมที่แยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก จากนั้นพวกเขาก็ก่อไฟขนาดมหึมาขึ้นมา และหยิบลูกทรงกลมสัตว์วิญญาณซึ่งเป็นเครื่องมือเวท ออกมาสองลูก และมองดูถ้อยคำสองบรรทัดที่เขียนบนพวกมันไว้

“เหมาะกับการย่างด้วยไฟธรรมดา เนื้อสดและอร่อย คั่วจนผิวนอกไหม้เกรียมเล็กน้อย เนื้อในคือดีที่สุด กรอบนอกนุ่มใน”

เมื่อเปิดลูกทรงกลมสัตว์วิญญาณออก สัตว์วิญญาณขนาดเท่าลูกสุกรสองตัวก็ล้มลงไปกับพื้น และขาของพวกมันก็ถูกมัดด้วยเชือก…

หัววัวและหน้าม้ายุ่งในทันทีและทำความสะอาดสัตว์วิญญาณในเวลาสั้นๆ ก่อนจะวางบนกองไฟและย่างช้าๆ

“นี่อะไร?”

หัววัวมองดูซองสองซองที่ตกลงมาจากลูกทรงกลมสัตว์วิญญาณ แล้วหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่ายังมีฉลากติดอยู่บนนั้น…

“เครื่องปรุงรสลับ เผ็ดเล็กน้อย”

“เครื่องปรุงรสลับ เครื่องเทศยี่หร่า”

“พวกมนุษย์พิถีพิถันมากเกินไปหรือไม่? พวกเขาจะไม่กินมันทันทีหลังจากย่างมันหรือ?”

“ทำเลย พวกเราทำวันนี้เลยเถอะ!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ปรมาจารย์เผ่าเวททั้งสองที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ กองไฟ ต่างก็ออกปากว่าเนื้อนี้มี “กลิ่นหอม” มากเพียงใด

หนึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็กินมันเข้าปาก…

หัววัวฉีกเนื้อชิ้นเล็กๆ ออกมาแล้วลิ้มรส พลางหลับตาแล้วเคี้ยวมันอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้น เขาก็พลิกตัวและคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นก็ปล่อยหมัดต่อยลงไปที่พื้นอย่างแรงจนสั่นสะเทือนภูเขาเบื้องล่าง และกฎห้ามต่างๆ ก็ถูกเปิดใช้งาน

หน้าม้าย่นคิ้ว เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้น เขาก็ฉีกเนื้อขาหลังชิ้นเล็ก ๆ ออกมาก่อนจะใส่เข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ

ทันใดนั้น แผงคอบนศีรษะของเขาก็ลุกชัน ดูเหมือนว่า ร่างของเขาจะถูกไฟฟ้าดูดอย่างรุนแรง และดวงตาโตของเจ้าม้าเฒ็มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางจากทั้งสองตา…

“เจ้าวัว สุดยอด มันอร่อยยิ่ง!

อา ดูเหมือนว่า กล้ามเนื้อและกระดูกของข้าจะยืดออก แต่ข้าก็รู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ไม่อยากแบ่งปันของอร่อยๆ เช่นนี้กับพวกพ้องเผ่าเรา ”

“ม้า ข้าเกลียด!ข้าเกลียดมัน! ข้าไม่ได้ใส่ใจวิธีที่มนุษย์กินมาหลายปีแล้ว และข้าก็พลาดมาหลายปีแล้ว!”

จากนั้น หน้าม้าก็ฉีกเนื้อชิ้นที่สองด้วยมือที่สั่นเทา หลังจากเคี้ยวมัน เขาก็ร้องอุทานออกมาเบา ๆ ว่า “ใจมนุษย์ล้ำลึกสุดหยั่ง พวกเขาเป็นจอมวางแผน พวกเขากำลังพยายามใช้วิธีนี้เพื่อเยาะเย้ยเทพมารดาแห่งแผ่นดินหรือไม่? อา… ไม่ ข้ากัดได้ครั้งละไม่มาก เครื่องปรุงรสที่เซียนเทียนเผ่ามนุษย์ผู้นี้ให้ไว้นั้น ช่างน่าทึ่งจริงๆ! ”

“เอ่อ เซียนเทียน? เขาไม่ใช่หยวนเซียนหรือ? ข้าไม่ได้มองเขาใกล้ๆ ม้า เจ้ากินได้หรือไม่?”

“แน่นอนว่า ข้ากินได้ เขาปกปิดขอบเขตพลังของเขาเอาไว้… นี่ยังไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้น! วัว เราต้องแบ่งสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบเอาเปรียบเจ้ามากที่สุด และคราวนี้ ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

“กินเสร็จแล้ว เจ้าจะฝึกฝนหรือไม่?”

“ช้าๆ ลิ้มรสช้าๆ…โอ กลิ่นบัดซบนี่! ”

ไม่นานหลังจากนั้น ภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ท้องฟ้าหนึ่งเส้นก็เริ่มสั่นไหวไม่หยุด และกฎห้ามต่างๆ บนนั้นก็ส่องแสงกะพริบวิบวับ และพลังปราณโลหิตอันทรงพลังสองสายก็ทำให้เหล่าวิญญาณผีที่อยู่ห่างออกไปนับพันลี้ ล้วนหวาดกลัว!

ผู้ฝึกบำเพ็ญสองสามคนที่ผ่านสถานที่นี้อดจะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ และเมื่อจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านทางแล้ว พวกเขาก็รู้สึกกังวลจนไม่กล้าก้าวต่อไปข้างหน้า

นี้… ไว้ใจได้หรือไม่?

“ไม่เอาน่า ไปเร็วเข้า ไม่ต้องกังวล ผู้ใหญ่สองคนของเราแค่กำลังขยับยืดเส้นสาย กล้ามเนื้อและกระดูก พวกเขาจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า! ”

ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ทางตะวันออกของเมืองเฟิงตู หลี่ฉางโซ่วก็บินตรงไปยังน้ำเต้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงชายแดนยมโลกหลังจากกล่าวคำอำลากับหัววัวแล้ว เขาเผยรอยยิ้มบางออกมาขณะอ่านคัมภีร์การหลอมโอสถในมือปากของเขา

เพราะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาจารย์อาจิ่วจิ่ว เขาจึงเพ่งจิตส่วนใหญ่เพื่อคอยปกป้องนาง เพราะอย่างไรเสีย อาจารย์อาน้อยก็เป็นสตรีที่ล้ำค่าและควรได้รับการปกป้อง แน่นอนว่า จะต้องไม่ให้มีอะไรผิดพลาดได้

จิ่วจิ่วถามว่า “ฉางโซ่ว พวกเราจะกลับกันตอนนี้เลยหรือไม่? ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ยากนักที่เราจะออกมาได้ เราไปหาครอบครัวที่อาจารย์ป้าเจียงอวี่จะได้ไปเกิดใหม่กันเถิด แล้วค่อยกลับไปที่สำนักก็ยังไม่สายเกินไป ”

ทว่าหลังจากบินได้สักพัก จิ่วจิ่วก็ใคร่ครวญอีกครั้งและถามว่า “นี่ แล้วครอบครัวนั้นอยู่ที่ใดเล่า?”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน

ดูเหมือนว่า เขาจะลืมไปและไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก

“อืม ออกไปจากแดนยมโลก แล้วตรงไปที่ดินแดนเทวะทักษิณ จากนั้น ค่อยค้นหามันในภายหลัง ข้าได้จดตำแหน่งของมันคร่าวๆ เอาไว้แล้ว ข้าไม่น่าจะผิด”

จิ่วจิ่วเลิกคิ้วและชมเชยว่า “ชิ ออกมาพร้อมกับเสี่ยวฉางโซ่วนี่ ข้าไม่ต้องกังวลอะไรจริงๆ ข้าจะปล่อยทุกอย่างให้เจ้าทั้งหมด!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไร แล้วอ่านคัมภีร์การหลอมโอสถต่อไป พลางคำนวณในใจซ้ำๆ ว่า เขาจะสามารถเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมรับทัณฑ์สวรรค์เพิ่มได้สักกี่ชิ้น

เขามุ่งไปทางตะวันออก และออกจากแดนยมโลก จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปดินแดนเทวะทักษิณ

จิ่วจิ่วขับเคลื่อนน้ำเต้าใหญ่ บินต่อไปเป็นเวลาสองวันจนมาถึงใกล้เมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่ใกล้ทะเลทางตะวันออกของดินแดนเทวะทักษิณ

ครอบครัวที่ว่านเจียงอวี่กลับชาติมาเกิดนั้น เป็นแม่ทัพรักษาการณ์เมืองนี้

เขากวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปทั่ว และภาพเมืองที่คึกคักจอแจก็สะท้อนอยู่ในหัวใจเต๋าของเขา

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกถึงการตรัสรู้บางอย่างในใจของเขา ราวกับว่ามีเสียงบอกเขาว่า เขาสามารถใช้โอกาสนี้มองไปรอบ ๆ โลกมนุษย์เพื่อเติมเต็มช่องว่างในหัวใจเต๋าของเขาที่อยู่ห่างจากความสมบูรณ์แบบไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในขณะนั้น เขามีโอกาสที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เพียงเก้าสิบเจ็ดในร้อยส่วนเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเตรียมตัวไปมากเพียงใด เขาก็ไม่อาจบรรลุสภาวะในอุดมคติที่เก้าสิบแปดในร้อยส่วนได้ นั่นคือ หัวใจเต๋าของเขายังคงไม่สมบูรณ์อยู่เล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา เราลงไปเดินเล่นในโลกมนุษย์กันเถิดขอรับ”

“ตกลง” จิ่วจิ่วสะพายกระบี่มุ่งมาดพิฆาตมารเอาไว้บนหลังของนางและร่อนลงไปในป่าดอกท้อนอกเมืองกับหลี่ฉางโซ่ว พวกเขาแต่ละคนล้วนระงับกลิ่นอายลมปราณเอาไว้และมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ทันที

ในขณะนี้ จิ่วจิ่วกำลังเดินอยู่บนพื้น และเพียงเท่านั้นที่หลี่ฉางโซ่วสังเกตเห็นว่านางยังคงสวมรองเท้าแตะฟางนุ่มสบายเหล่านั้นอยู่ที่เท้าของนาง

ในเรื่องการแต่งตัว หลี่ฉางโซ่วก็แสวงหาเพียงความสะอาดธรรมดาๆ เท่านั้น

จิ่วจิ่วไม่สนใจเรื่องนี้เลย ต้องขอบคุณความจริงที่ว่า บรรดาเซียนล้วนมีร่างเซียนที่ใสสะอาดบริสุทธิ์และไร้สิ่งเจือปน

เมื่อเข้าสู่เมืองแล้ว จิ่วจิ่วก็มองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ในขณะที่พวกมนุษย์ธรรมดาต่างก็มองดูสตรีผู้นี้อย่างสงสัยใคร่รู้เช่นกัน…

ใหญ่มาก…

มันโตมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร…

………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *