ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 541 ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าข้า (ถ่วงเวลา) (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 541 ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าข้า (ถ่วงเวลา) (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 541 ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าข้า (ถ่วงเวลา) (1)

หลี่ฉางโซ่วเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตชาติก่อนของเขา

“ทุกผลงานที่งดงาม ล้วนมีคนทำงานหนักมากมายอยู่เบื้องหลังมัน”

เมื่อหัววัวและหน้าม้าปรากฏตัวด้วยท่าทางโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ก็มีหลี่ฉางโซ่วที่วุ่นวายและทำงานหนักอยู่เบื้องหลังเช่นกัน

ขั้นแรก เขาใช้ค่ายกลขนาดเล็กเพื่อขยายเสียงและเพิ่มบรรยากาศ เขายังปรับตำแหน่งของเขานอกห้องโถงใหญ่และถูโซ่ทั้งสองรอบเพื่อสร้างเสียงประกอบ…

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้ม เขาเคยชินกับมันแล้ว

เทพธิดาอวิ๋นเซียวมีสีหน้าท่าทางดูค่อนข้างบอบบาง ดวงตางดงามของนางเปล่งประกายเมื่อจ้องมองไปที่ด้านหลังของหลี่ฉางโซ่วในขณะที่เขาวิ่งงานไปรอบๆ

วิธีการที่หลี่ฉางโซ่วจัดการกับสิ่งต่างๆ นั้นมีลักษณะแตกต่างไปจากวิธีที่นางเคยชินกับการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างสิ้นเชิง นางมักจะสนทนากับอีกฝ่ายหนึ่ง พูดคุยถึงภูมิหลังของกันและกัน แล้วทะเลาะกันเมื่อเกิดความขัดแย้ง

อืม…

มันเปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญา

เพื่อให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเทพธิดาอวิ๋นเซียวรู้สึกมีส่วนร่วมเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วจึงแบ่งเสียงที่เขาส่งไปยังหัววัวและหน้าม้า…

“เชิดหน้าให้สูงเข้าไว้และเบ่งหน้าอกให้ผึ่งผาย มีพลังภายใน พวกท่านต้องแผ่พลังภายในสง่างาม ตอนนี้ พวกท่านเป็นตัวแทนของเผ่าเวท เผ่าเวท ราชาแห่งโลกโบราณที่ก่อกำเนิดขึ้นจากสายเลือดของมหาเทพผานกู่

พวกเขาจะเสียชื่อเสียงต่อหน้าเผ่ามังกรได้อย่างไร? สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือ ถ่วงเวลา สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การทำให้พวกเขาหวาดกลัว

คิดว่ามังกรเหล่านี้เป็นเพียงรูปสลักไม้รูปปั้นดิน[1] …” ขณะที่เขาร้องตะโกน หัววัวและหน้าม้าก็เหยียดยืดหลังให้ตรงยิ่งขึ้น และพลังโลหิตในร่างของพวกเขาก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ในห้องโถงหลักของวังมังกร ขณะนี้ อ๋าวฉื้อหยุดชะงักการโจมตีทั้งหมดเพราะมีหัววัวและหน้าม้าปรากฏตัวขึ้น

“เจ้าหน้าที่จากแดนยมโลก?”

“เผ่าเวท? วังมังกรรับเผ่าเวทมาเมื่อใดกัน?”

“ฝ่าบาท เผ่าเวททั้งสองนี้ไม่ได้อ่อนแอเลย หรือว่าพวกเขามีแผนบางอย่าง?”

อ๋าวฉื้อมองไปที่ผู้อาวุโสมังกรที่อยู่ข้างๆ เขา แล้วก้าวออกไปข้างหน้าทันทีหลังจากนั้น พลังลมปราณของเขาพุ่งสูงขึ้น และฝ่ามือของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บ จากนั้นก็มีกระแสวังวนสีม่วงแดงหมุนช้าๆ ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขา

ผู้อาวุโสกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หรือว่า แดนยมโลกจะเข้ามายุ่งเรื่องของเผ่ามังกรด้วย?”

หัววัวและหน้าม้ายิ้มเย็นชาไม่เอ่ยอะไร พวกเขาเพียงยืนกอดอกนิ่ง ราวกับเทพอสูรสวมหมวกสองตน!

ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้น ผู้อาวุโสที่มีหัวมังกรสามคนตามมาข้างหลังเขา ประกบคู่ม้าหัววัวอย่างคลุมเครือ

ผู้อาวุโสเผ่ามังกรขมวดคิ้วและก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวโดยมีผู้อาวุโสหัวมังกรสามคนเดินตามหลังเขาไปในทันที จากนั้นพวกเขาก็เข้าล้อมรอบหัววัวและหน้าม้าเอาไว้เผินๆ

เบื้องหลังหัววัวและหน้าม้านั้น เหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรและกองทหารมังกรเซียนวารีที่กำลังอารักขาราชามังกรทะเลประจิมก็ตกตะลึงเช่นกัน

หากผู้คนที่มาช่วยในวันนี้คือ แม่ทัพแห่งศาลสวรรค์และปรมาจารย์มังกรจากวังมังกรแห่งทะเลแห่งอื่นๆ ทั้งสาม นั่นก็จะสมเหตุสมผลและอยู่ในความคาดหวังของพวกเขา

แต่พวกเผ่าเวทที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นนั้นเป็นพวกเผ่าเวทสงครามของเผ่าเวทที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรแต่อย่างใด… เหล่ามังกรจึงรู้สึกสับสนมึนงงยิ่ง

ในขณะนั้น มีการส่งข้อความเสียงเข้าไปในหูของราชามังกรทะเลประจิม แน่นอนว่า เป็นของหลี่ฉางโซ่ว … “ราชามังกร เป็นข้าเอง เทพวารีแห่งศาลสวรรค์ข้าเป็นคนหนึ่งที่ดึงปรมาจารย์เผ่าเวททั้งสองให้มาช่วยที่นี่ชั่วคราว

เหล่าศัตรูนั้นทรงพลังยิ่ง ดังนั้นข้าจึงใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลา ขอท่านราชามังกรโปรดร่วมมือกับข้า โปรดสงบไว้… ใช่ สงบอารมณ์และผ่อนคลาย ตอนนี้ สถานการณ์โดยรวมอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว”

บนบัลลังก์ ราชามังกรแห่งทะเลประจิม ซึ่งเดิมทีเคยค้อมร่างโค้งงอตัวอยู่ ก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึ้นทันที ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบตามปกติเช่นเดิม

รายละเอียดดังกล่าวทำให้อ๋าวฉื้อและกองทัพกบฏยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

อ๋าวฉื้อหรี่ตาลงและตะโกนเบาๆ ว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผู้ที่หยุดการคืนชีพของเผ่ามังกรจะต้องถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”

ในขณะนั้นปรมาจารย์เผ่ามังกรสี่คนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็แผ่พุ่งพลังลมปราณและกระโจนออกไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน!

“ช้าก่อน!”

หน้าม้าเบิกตากว้าง และทันใดนั้นเขาก็ร้องตะโกนเสียงลั่น และมังกรเฒ่าในรูปมนุษย์ทั้งสี่ตัวก็หยุดลง!

ทันใดนั้น สายตานับร้อยล้วนจับจ้องไปที่หน้าม้า ทว่าหน้าม้าก็หยิบหวีหินออกมาอย่างใจเย็น…และจัดแผงคอที่เรียบลื่นและสง่างามของเขา

ปรมาจารย์เผ่ามังกรทั้งสี่กำลังเดือดดาลจัด แต่เพียงในขณะที่พวกเขากำลังจะโจมตีต่อไป หัววัวก็กระแอมไอออกมาเบาๆ แล้วระงับเสียงในใจของเขาเมื่อกล่าวว่า “ก่อนที่พวกเจ้าจะลงมือ จงพิจารณาให้รอบคอบ เผ่ามังกรไม่ได้อยู่ในสายสังสารวัฏ ข้าไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่มีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างปรากฏขึ้นในทะเลประจิมในภายภาคหน้า ม่อ~”

มังกรเฒ่าทั้งสี่ขมวดคิ้วและหันไปมองอ๋าวฉื้อ ในขณะนั้น อ๋าวฉื้อถือกระบี่และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วตวาดว่า “ข้าไม่มีเรื่องใดเกี่ยวข้องกับแดนยมโลก วันนี้ พวกเจ้าสองคนกำลังทำอันใด? สังสารวัฏเป็นเรื่องใหญ่แห่งเต๋าสวรรค์ แล้วกล้าดีอย่างไรถึงมาข่มขู่ข้าเช่นนี้!”

หัววัวผายมือออกแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปร้องเรียนต่อองค์เง็กเซียนที่ศาลสวรรค์ได้เลย”

อ๋าวฉื้ออดจะจ้องมองเขาและตวาดออกมาไม่ได้ว่า “เจ้าหน้าที่แดนยมโลกของเจ้ากำลังข่มขู่ผู้อื่นด้วยเรื่องสังสารวัฏและทำทุกอย่างตามอำเภอใจเจ้า!”

หน้าม้ากล่าวเสริมอย่างสงบว่า “สหายเต๋าคิดผิดแล้ว ฮี้ๆ”

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “เดิมทีพวกเราสองคนก็เป็นเจ้าหน้าที่ของแดนยมโลกและเรารีบมาที่ทะเลประจิมนี่เพื่อจับกุมวิญญาณกลับสู่แดนยมโลกเพื่อให้พวกวิญญาณเหล่านั้นเข้าสู่สังสารวัฏ แต่เมื่อเราเห็นว่าพวกเจ้าทำมากเกินไปแล้ว พวกเราจึงลุกยืนขึ้นเพื่อทวงความยุติธรรมและกล่าวถ้อยคำเพื่อผดุงความยุติธรรม”

หัววัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ว่ากันตามตรง พวกเราเป็นแค่คนผ่านมาจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นที่น็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย”

หน้าม้ากล่าวต่อว่า “แต่ก่อนที่พวกเจ้าจะลงมือ พวกเจ้าลองคิดดูสิว่า เกิดอันใดขึ้นกับราชามังกรทะเลประจิมทำผิดอันใด?”

อ๋าวฉื้อตวาดลั่นขึ้นมาทันที “พวกเจ้า!”

“ขอฝ่าบาทโปรดอย่าได้วิตกไปเลย พวกเราเพียงลุกขึ้นยืนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเท่านั้น”

“หากเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นในวังมังกรทะเลประจิมจริงๆ พวกเราก็คงทำได้เพียงแนะนำท่าน ยมราช จ้าวแห่งแดนยมโลก ให้มอบวิญญาณมังกรกลับชาติมาเกิดคุณภาพสูงแก่เหล่ามังกรอื่นๆ ในอีกสามทะเล”

“แน่นอนว่า พวกเราเพียงแค่เสนอแนะ แม่ทัพระดับล่างแห่งแดนยมโลกไม่ได้มีอำนาจมากนัก”

ในขณะนั้น พี่น้องทั้งสองต่างก็พูดคุยหยอกล้อกันไปมาในขณะที่พวกเขายังดูจริงจังทีเดียว เป็นเหตุให้บรรดามังกรแห่งวังมังกรล้วนนิ่งอึ้งพูดไม่ออกจนกระทั่งอ๋าวฉื้ออดจะร้องตะโกนออกมาไม่ได้ “ฆ่าพวกเขา!”

บัดนั้นผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่ก็เตรียมพร้อมจะโจมตีเป็นครั้งที่สี่ แต่จู่ๆ ก็มีแรงกดดันมหาศาลปรากฏขึ้นจากด้านหลังหัววัวและหน้าม้าในขณะที่ราชามังกรทะเลประจิมลุกขึ้นยืนและมองดูสถานที่ด้วยสายตาเย็นชา

เหล่ามังกรสองห้า[2]ทั้งสี่เงียบงันทันที อ๋าวฉื้อขยับถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ราชามังกรแห่งทะเลประจิมกำลังจะก่นด่าออกมาด้วยความเดือดดาล จู่ๆ เสียงของหลี่ฉางโช่วก็ดังขึ้นในใจของเขา

ราชามังกรตัดสินใจในทันทีและกล่าวซ้ำตามข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่วว่า “หากพวกเจ้าล่าถอยไปเสียในตอนนี้แล้วออกไปจากทะเลประจิม ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าเพื่อเห็นแก่มิตรภาพเก่าแก่ของเรา”

อ๋าวฉื้อแค่นเสียงเยาะและกล่าวว่า “พระบิดา ท่านคิดว่าข้ารับใช้แดนยมโลกทั้งสองคนนี้จะพลิกสถานการณ์ได้หรือ? ข้าเตือนเขาหลายสิบครั้ง แต่พระบิดากลับไม่ใส่พระทัยรับรู้ ความจริงแล้ว เผ่าพันธุ์ของเรายอมจำนนต่อศาลสวรรค์ที่อ่อนแอเช่นนี้…

พระบิดา ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านมีลักษณะอย่างไรเมื่อท่านยืนก้มศีรษะของท่านให้องค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์? ท่านดูเหมือนเพียงสุนัขเฒ่าที่กระดิกหางเพื่อวิงวอนร้องขอความเมตตาสงสาร ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ในขณะนั้นราชามังกรทะเลประจิมเงียบงันไปชั่วครู่

หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงมาว่า “อย่าโกรธเขาเลย ราชามังกร เราควรคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม หากราชามังกรและมารดามังกรปลอดภัย วังมังกรแห่งทะเลประจิมก็จะไม่ล่มสลาย สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้คือ ถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ ขอองค์ราชามังกรโปรดตอบตามคำแนะนำของข้าด้วย”

“เฮ้อ” ราชามังกรทะเลประจิมถอนหายใจช้าๆ ดวงตาของเขาเผยรอยแห่งความสงสารในขณะที่เขามองไปยังที่ใบหน้าคุ้นเคยที่อยู่เบื้องหลังอ๋าวฉื้อ

จากนั้นราชามังกรทะเลประจิมก็กล่าวต่อว่า “อ๋าวฉื้อ บอกคนที่ยุยงเจ้าให้ออกมา ในเมื่อวันนี้เรามีเรื่องกัน และเผยโฉมหน้ากันออกมาแล้ว เหตุไฉนยังต้องหลบหน้ากันอยู่อีกเล่า? ในเมื่อไร้ความกลัว แล้วเหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเปิดเผย?”

“พระบิดา ท่านกลัว” ทันใดนั้น อ๋าวฉื้อก็หัวเราะและกล่าวอย่างสงบว่า “พระบิดา ความจริงแล้วท่านคิดจะถ่วงเวลาเพื่อรอให้ท่านลุงท่านอาทั้งสามคนมาช่วย ไม่ต้องคิดมาก อีกประเดี๋ยว พวกเขาเองก็จะวุ่นวายจนเอาตัวไม่รอดแล้ว พระบิดา เหตุใดท่านไม่สละราชสมบัติและมอบเสี้ยววิญญาณมังกรออกมา? เช่นนั้น ลูกจะไม่ทำให้พระบิดาต้องลำบากพระทัย ทว่าหากพระบิดายังขืนดื้อรั้นต่อไป!”

อ๋าวฉื้อสูดลมหายใจเข้าลึก และชูกระบี่ในมือขึ้นพร้อมกับเปล่งแสงสีทองออกมาจากร่างพลางกล่าวว่า “ลูกก็ทำได้เพียงปลงพระชนม์ท่านเพื่อฟื้นฟูเผ่ามังกร ทุกคน พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่?!”

เบื้องหลังอ๋าวฉื้อ บรรดาปรมาจารย์เผ่ามังกรต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วรวมพลังลมปราณของพวกเขาด้วยกัน

ราชามังกรแห่งทะเลประจิมเผยสีหน้าเศร้าใจเล็กน้อย ในขณะนั้น ร่างนับพันทั้งภายในและภายนอกห้องโถงพร้อมจะเคลื่อนไหว อ๋าวฉื้อก้าวออกไปข้างหน้าทีละก้าว บัดนี้กองทัพกบฏกำลังจะโจมตีอีกครั้งแล้ว!

“ช้าก่อน!”

หัววัวร้องตะโกนอีกครั้งและหยุดพลังภายในของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง มังกรชราสองสามตัวโกรธจัดจนเกือบจะกระโจนเข้าใส่และฉีกทึ้งพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ แต่คราวนี้ หัววัวกล่าวอย่างสงบว่า “หากเจ้าอยากต่อสู้ ก็ห้ามทำร้ายพี่น้องของเรา”

“ฮี้~”

หน้าม้าร้อง จากนั้นก็กล่าวอย่างสงบว่า “พวกเรามาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยววิญญาณของพวกเจ้าเท่านั้น หากพวกเจ้าไม่โหดเหี้ยมพอในระหว่างการต่อสู้ วิญญาณของพวกเจ้าก็จะถูกพวกเราจัดการ”

หัววัวกล่าวต่อว่า “แดนยมโลกไม่เคยยุ่งเรื่องการสังหารสิ่งมีชีวิต พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการกลับชาติมาเกิดของวิญญาณเท่านั้น ม่อ~”

จากนั้นหัววัวและหน้าม้าก็หันกลับมาอย่างสงบต่อหน้าผู้คนหลายร้อยคนและเดินไปที่มุมด้านหลังห้องโถง ในขณะนั้น ทั่วทั้งห้องโถงเงียบกริบจนกระทั่งได้ยินเสียงเข็มหมุดร่วงหล่นได้…

………………………………………………………………..

[1] ในอีกนัยหนึ่ง เปรียบได้กับหัวหลักหัวตอ คนทึ่มทื่อ

[2] พวกมังกรทรยศ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด