ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 139 2คำเตือนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 139 2คำเตือนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่า เหตุใดถ้อยคำเหล่านี้จึงคุ้นเคยนัก

“รู้หรือไม่ เหตุใดท่านอาจารย์จึงสอนว่าอย่าไปเกี่ยวข้องกับกรรม”

เสวียนตูถอนหายใจและกล่าวว่า “เป็นเพราะไม่อาจตัดกรรมได้ขาด บางทีเจ้าอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันอาจทำให้เจ้าได้รับภัยพิบัติร้ายแรงได้ เมื่อมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ข้าก็สามารถให้หลักความจริงที่ดีที่สุดแก่เจ้าได้ นั่นคือ…โลกบรรพกาลเต็มไปด้วยอันตรายมากมายยิ่งนัก”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ในขณะนั้นเขารู้สึกประทับใจ และในที่สุดเขาก็รู้สึกขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจในการจัดการนี้!

เสวียนตูกล่าวต่ออีกว่า “ดูปรมาจารย์ปีศาจคุนเผิงผู้ที่เคยสยายปีกและทะยานไปไกลกว่าเก้าชั้นสวรรค์ แต่ในที่สุดเขาก็พิการและต้องหนีจากทะเลโกลาหล ดูจักรพรรดิปีศาจทั้งสองที่ทรงพลังและยืนอยู่บนยอดเขาปู่โจว แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตายไม่เหลืออะไรเลย จากนั้นก็ยังมีเผ่าเวทสงคราม สิบมหาเทพมาร อสูรทะเลเลือด และผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังและทักษะเวทโดดเด่นน่าตื่นตะลึงไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี…มีมากมายนับไม่ถ้วน ฉางโซ่ว ไม่มีผู้ชนะในโลกนี้ มีแต่คนเป็นและคนตายเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดท่านไม่สอนหลักการนี้ให้ข้าฟังขอรับ”

“นี่เป็นเพียงแค่การเตือน มีผู้ใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงกรรมได้จริงๆ”

เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “ข้าแค่พูดเพื่อเตือนเจ้า

เซียนจินที่มีอายุขัยยืนยาวนั้นไม่มีอะไร แล้วหากบางคนเป็นเซียนต้าหลัวจินเล่า? จงอย่าชะล่าใจเพียงเพราะได้ขึ้นสู่สวรรค์แล้ว การมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนด้วยความสงบสุขนั้นเป็นหลักการที่ถูกต้องแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วลุกยืนขึ้นและโค้งคารวะให้ เขารู้สึกว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูนั้นสง่าและมีเสน่ห์ยิ่งนัก

หลี่ฉางโซ่วอยากพูดคุยกับเสวียนตูจริงๆ เพราะทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่างานหนักที่เขาทำมาหลายร้อยปีได้รับการยอมรับในที่สุด

แต่เขาก็ไม่อาจทำได้

เขาต้องตื่นตัวตลอดเวลา

แม้ในเวลานี้ เขาจะรู้สึกขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นห่วงเขามาก แต่เขาก็มิอาจพึ่งพาเขาหรือเชื่อใจเขาได้อย่างอย่างเต็มที่

เป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะจ้องมองเขาตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีผู้ใดโจมตีเขา อย่างมากที่สุด ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็สามารถช่วยเก็บศพของเขา หากร่างของเขายังอุ่นอยู่ เขาก็สามารถใช้โอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนหรืออะไรทำนองนั้น…

เขากำลังคิดมากเกินไป

“จากนั้น เจ้าก็สามารถจัดการกับเรื่องของเผ่าพันธุ์มังกรได้ตามที่เจ้าเห็นควร”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูตบเข่าของเขา เมื่อเห็นว่าไฟที่อยู่ตรงหน้าเขาใกล้จะมอดแล้ว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

“เช่นนั้น วันนี้ เราจบการสนทนาที่นี่ เจ้าอยากเรียนรู้พลังและทักษะเวทใด ข้าไม่ผิดสัญญากับเจ้าแน่”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “กฎหลบหนีขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปรบมือและหัวเราะ จากนั้นเขาก็หยิบแผ่นหยกสองชิ้นออกมาจากแขนเสื้อของเขา

“เดิมทีข้าคิดจะมอบมันให้เป็นรางวัลกับเจ้าสองครั้ง แต่ข้าจะให้เจ้าทั้งหมดในครั้งเดียว ข้ามีกฎการหลบหนี แต่ขอบเขตพลังในยามนี้ของเจ้าต่ำเกินไปที่จะฝึกฝนได้ นี่เป็นทักษะที่ช่วยให้เจ้าจำแลงกายนอกร่างได้ เจ้าสามารถทำความเข้าใจมันและทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเจ้ามีพลังและทักษะเวทที่สมบูรณ์แบบได้ มีพระสูตรที่ท่านอาจารย์เขียนด้วย มันจะสามารถให้ข้อคิดบางอย่างในการฝึกฝนเต๋ากับเจ้าได้ เพียงจำไว้ว่าอย่าแสดงพระสูตรนี้ออกไป และจงทำความเข้าใจด้วยตนเอง”

หลี่ฉางโซ่วถือแผ่นหยกสองชิ้นและเผยท่าทางดีใจออกมาอย่างเหมาะสมพลางกล่าวว่า “ขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ”

“หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดก็มีศิษย์น้อยจากกลุ่มต่างๆ ที่อาจารย์ให้ความสำคัญ ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีเพราะเจ้าเป็นศิษย์ที่ท่านอาจารย์ชื่นชม”

เสวียนตูตบไหล่หลี่ฉางโซ่ว “เมื่อข้าลงมาในครั้งนี้ เจ้าอยากให้ข้าไปปรากฏตัวที่สำนักเทพทะเลหรือไม่

ในอดีตไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังมาก่อน

แต่ตอนนี้มีแล้ว

แต่จะดีที่สุด หากไม่มีปัญหาใดๆ ข้าชอบศิษย์ที่มีสงบมั่นคงและเชื่อถือได้มากกว่า หากเจ้าสร้างกรรมมากเกินไป ข้าอาจจะฆ่าเจ้าเสียเอง”

หลี่ฉางโซ่วผงะงัน

เขาเพิ่งฟาดสายฟ้าใส่ข้าอย่างรุนแรงหลังจากที่ให้ความเมตตาต่อข้าใช่หรือไม่

“ท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่โปรดวางใจ ในอนาคต ศิษย์จะทำสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวังมากขึ้นอย่างแน่นอนขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ในขณะนี้ ทะเลทักษิณเป็นที่รวมตัวของเหล่าปรมาจารย์มังกร ข้าอยากขอให้ท่านเปิดเผยร่องรอยของท่านสักหน่อยขอรับ ท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่

แต่เนื่องจากท่านบรรพาจารย์ได้กำหนดให้เผ่าพันธุ์มังกรเข้าสู่สวรรค์ ศิษย์จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องเตือนสำนักบำเพ็ญประจิมให้ตื่นกลัว…”

“โอ้?” เสวียนตูหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีแผนอะไรดี พูดมาสิ สิ่งที่ข้าไม่ชอบมากที่สุดก็คือการคิดเรื่องเหล่านี้”

“เอ่อ… ศิษย์พล่ามเรื่องเหลวไหลแล้ว หากศิษย์พูดผิดไป โปรดอย่าตำหนิข้านะขอรับ”

และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวกระซิบสองสามคำ

เสวียนตูพยักหน้าและยิ้มอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า “มันก็เหมือนกับที่ข้าคิดเอาไว้เลย”

“ศิษย์ใช้สมองมากเพื่อคิดเรื่องนี้ ศิษย์ควรได้รับคำแนะนำของท่านขอรับ ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่”

“อืม ใช่ ไม่เลว หากเจ้าพูดได้ดี ก็พูดอีกสักสองสามคำได้”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

ท่านปรมาจารย์ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ

เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์มีเรื่องอยากพูด แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่ขอรับ…”

“พูดมาเถิด”

“ศิษย์เข้าใจว่า ท่านวางระบบของคู่บำเพ็ญเต๋าเพื่อช่วยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เจริญรุ่งเรือง…แต่…”

เสวียนตูยิ้มและกล่าวถามว่า “อันใดกัน ไม่ดีหรือ”

“ยอดเยี่ยมมากขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงเบา “แต่ปัญหาคือพวกเขา…จะไม่ให้กำเนิดบุตร…”

เสวียนตูขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น พูดตามหลักเหตุผลแล้ว เมื่อหยินและหยางเกี่ยวพันกัน ก็น่าจะมีวิญญาณถือกำเนิดขึ้น”

และฉับพลันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจบางสิ่งบางอย่างในทันที

กลายเป็นว่า ท่านเข้าไปยุ่งกับระบบคู่บำเพ็ญเต๋ามาหลายปีแล้ว แต่ท่าน…

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาสามารถควบคุมเรื่องนั้นได้ด้วยตัวเอง” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเอ่ยถามขณะที่รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที

“ศิษย์มั่นใจแปดในสิบส่วนขอรับ แต่ศิษย์ไม่รู้อะไรในเรื่องนี้มากนัก…มันซับซ้อนเกินไปจริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงให้คำตอบเช่นนี้เท่านั้น

ในป่าเขารกร้างกันดารที่เผ่ามังกรซุ่มโจมตีอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ บัดนี้ อ๋าวอี่ยืนอยู่ที่ไหล่เขา ท่ามกลางฝุ่นผงที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าขณะที่ถอนหายใจในใจของเขา

หากไม่ใช่เพราะแผนการที่ปรมาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังพี่ฉางโซ่วมอบให้เขา จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน ต่อให้เผ่าพันธุ์มังกรจะคว้าชัยได้

ข้าเป็นหนี้บุญคุณพี่ฉางโซ่วมากจริงๆ

หลังจากกลับมาที่เกาะเต่าทองแล้ว อ๋าวอี่ก็ตัดสินใจสรุป ‘ยี่สิบหกขั้นตอนในการสร้างการล่าถอย’ ลงในชุดกลยุทธ์ต่อสู้ หากพี่ฉางโซ่วเห็นด้วย เขาจะเสนอกลยุทธ์เหล่านั้นให้พระบิดาของเขา…

ทว่าในขณะนั้น มังกรเฒ่าสองสามตัวจากเผ่ามังกรก็เดินเข้ามาอย่างกังวล

มังกรเฒ่ากล่าวว่า “ฝ่าบาท ศัตรูที่เราพบในครั้งนี้คือสัตว์ร้ายโบราณ ยุงดำปีกโลหิต มันโหดร้ายมาก…เราสามารถเชิญปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินให้มาปรากฏตัวเพื่อช่วยให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เราต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวและอับจนหนทางเช่นนี้ได้หรือไม่ขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อ๋าวอี่ก็ครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าต้องหารือเรื่องนี้กับศิษย์พี่เจ้าสำนักของข้าก่อนจะตัดสินใจได้…”

“โอ้?”

ทว่าทันใดนั้นได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในอากาศ

เวลานี้ อ๋าวอี่ชะงักงัน ดูเหมือนว่าเหล่ามังกรกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม ในขณะนั้น พวกเขาก็มองขึ้นไปยังจุดที่สูงหลายร้อยจั้งบนท้องฟ้า

ชั่วขณะนั้น ณ ที่นั่น ร่างในชุดคลุมสีดำยืนอยู่เอามือไพล่หลัง โดยไม่รู้ชัดเจนว่าเขามาจากไหนและมาปรากฏตัวเมื่อใด ทว่าคนผู้นั้นกวาดมองลงมาด้านล่างและกล่าวว่า “จงอย่าทำร้ายมนุษย์”

หลังจากกล่าวจบ ร่างนั้นก็ปล่อยเสี้ยวอักขระเต๋าออกมาและหายวับไปในพริบตา

ในเวลานี้ เหล่ามังกรด้านล่างต่างมองหน้ากัน

“นั่นคือ…”

“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่! อักขระเต๋านี้มาจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!”

ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงซึ่งกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ก็พลันสั่นสะท้านและทันใดนั้นความเกรี้ยวกราดของนางก็หายไปในทันที…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *