ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 110.1 สหายเต๋า ท่านเคยได้ยินหรือไม่… (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 110.1 สหายเต๋า ท่านเคยได้ยินหรือไม่... (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในหมู่เมฆขาวท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม หน้ากระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ

ชั่วขณะที่นักพรตเต๋าชราฉีหยวนถูกศิษย์คนโตตะโกนเรียกให้หยุดนั้น หลี่ฉางโซ่วและหลานหลิงเอ๋อร์ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าทันทีและขวางทางอาจารย์ของพวกเขา

ในขณะนั้น สถานการณ์นี้ก็เตือนให้นักพรตเต๋าชราฉีหยวนนึกถึงการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายในหอโอสถทันที

ทันใดนั้น นักพรตเต๋าเฒ่าพลันก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวและมองดูศิษย์ทั้งสองคนของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม…

“พวกเจ้าสองคนจะทำอะไรกันอีก”

“ท่านอาจารย์โปรดอย่ากังวล คราวนี้ศิษย์น้องหญิงและข้าจะไม่วางยาสลบท่านอีกอย่างแน่นอนขอรับ” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มอ่อนโยนด้วยท่าทางนอบน้อม

หลานหลิงเอ๋อร์พลันกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ อาจารย์ป้าท่านนี้ไม่ได้ติดต่อท่านมาหลายปีแล้ว จู่ๆ นางก็ส่งสารมาถึงท่านสองฉบับในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และยังขอให้ท่านไปพบนางด้วย นั่นไม่ใช่ว่า…กะทันหันเกินไปสักหน่อยหรือเจ้าคะ”

ฉีหยวนเฒ่าถอนหายใจและกล่าวว่า “อาจารย์ป้าของเจ้าเพียงโกรธที่ในตอนนั้นข้าไร้ความสามารถเท่านั้น”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ท่านอาจารย์ บุรุษไม่อาจเรียกตนเองว่าไร้ความสามารถได้นะขอรับ”

ทันใดนั้น ฉีหยวนก็ไม่รู้ว่า เหตุใดหลิงเอ๋อร์จึงเหลือบมองศิษย์พี่ของนางและยิ้มแฝงนัยบางอย่าง…ด้วยความเขินอาย

หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่ออีกครั้งว่า “ท่านอาจารย์ อาจารย์ป้าของเราก็มาจากยอดเขาหยกน้อยเช่นกัน หากนางประสงค์จะพบท่าน เหตุใดนางจึงไม่กลับมาที่สำนักเล่าขอรับ ย้อนกลับไปในเวลานั้น เมื่ออาจารย์ป้าออกจากสำนัก นางยังไม่ได้เป็นเซียน นางออกไปโดยอ้างว่าจะไปตามหาท่านปรมาจารย์ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไป ทว่านางไม่ได้กลับมาเกือบพันปีแล้ว ซึ่งตามกฎของสำนัก ถือว่านั่นเป็นการทรยศนะขอรับ”

“ท่านอาจารย์ หากท่านไปหาอาจารย์ป้าท่านนี้ ท่านจะอธิบายให้สำนักฟังว่าอย่างไรขอรับ ท่านอาจารย์ หากผู้อาวุโสในสำนักถามถึงเรื่องนี้ ท่านจะตอบพวกเขาด้วยเหตุผลที่ชัดเจนได้อย่างไรขอรับ”

ฉีหยวนเฒ่าขมวดคิ้วและครุ่นคิดกะทันหันพลางถือแส้หางม้าแล้วเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังขณะเดินไปมาบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ

ในเวลานั้น หลิงเอ๋อร์ฉับพลันแอบยกนิ้วให้หลี่ฉางโซ่วในขณะที่เขาเพียงพยักหน้าแล้วไม่เอ่ยอันใด

หลี่ฉางโซ่วรู้ตัวว่าบางครั้งเขาก็คิดเรื่องซับซ้อนและอ่านสิ่งต่างๆ มากเกินไป

แต่ก็ควรพิจารณาให้มากดีกว่าจะไม่พิจารณาใดๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหตุการณ์บางอย่างแปลกๆ ในเรื่องนี้เกี่ยวกับท่านอาจารย์ของเขา

แม้ว่าเขาเพิ่งกล่าวว่าจะไม่วางยาและทำให้ท่านอาจารย์ของเขาหมดสติ แต่เขาก็ไม่ผิดที่จะสร้างค่ายกลสะกดจิตหรือใช้วาจาโน้มน้าวเขาให้สับสนได้

ทว่าทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะโน้มน้าวอาจารย์ของเขาด้วยเหตุผลต่อไป เขาก็ได้ยินอาจารย์ถอนหายใจออกมา

ฉีหยวนกล่าวว่า “นั่นก็จริง ทันทีที่ท่านอาจารย์ป้าของเจ้าจากไป สำนักก็ได้ลบชื่อของนางออกจากรายชื่อศิษย์แล้ว”

ฉีหยวนมองหลี่ฉางโซ่ว และแม้ยากที่จะเอ่ย แต่เขาก็ยังถามต่อไปว่า “ฉางโซ่ว แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี”

หลี่ฉางโซ่วใช้พลังปราณส่งเสียงโดยกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านไม่เขียนข้อความและบอกข้าว่าท่านจะพบนางที่ใดขอรับ ข้าจะส่งสารนี้ในนามของท่านอาจารย์โดยใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

ท่านอาจารย์ ท่านเคยเห็นพวกมันมาก่อนแล้ว มันเหมือนกับยามที่ข้าออกไปซื้อสมุนไพรขอรับ

เราไม่อาจมองเรื่องนี้จากมุมมองของเราเองได้ ท่านอาจารย์ ในสารของท่าน ท่านสามารถโน้มน้าวอาจารย์ป้าให้กลับสำนักและยอมรับความผิดพลาดของท่านได้ขอรับ

แม้กฎในสำนักของเราจะเข้มงวด แต่การลงโทษก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก อย่างมากที่สุด ท่านจะต้องเข้าปิดด่านเป็นเวลาพันปีเท่านั้น

ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับ”

ฉีหยวนยังคงนิ่งเงียบในขณะที่ตัดสินใจแล้ว

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวกับหลิงเอ๋อร์อีกครั้ง เพื่อบอกนางให้รู้ว่าจะพูดอะไร จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มการสนทนาที่ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

ไม่นานหลังจากนั้น ฉีหยวนก็พยักหน้า ถูกทั้งสองคนโน้มน้าวให้เชื่อใจ

นักพรตเต๋าชรารีบกลับไปที่ห้องของเขาและเขียนจดหมายโดยใช้ยันต์หยกสื่อสาร เขาแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไตร่ตรองถ้อยคำและประโยคของเขา หลังจากง่วนอยู่สองชั่วยาม เขาก็มอบยันต์หยกสื่อสารให้หลี่ฉางโซ่วอย่างเคร่งขรึม

“ห้ามแอบดูนะ!”

“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ขณะที่ท่านกำลังเขียนจดหมาย ศิษย์ก็ได้อ่านจบแล้วขอรับ”

“เจ้า!”

“ข้าล้อเล่น แค่ล้อเล่นขอรับ ท่านอาจารย์อย่าโกรธสิ”

“ไม่ช้าก็เร็ว พวกเจ้าสองคนจะทำให้ข้าโกรธจนตาย!”

หลังจากนั้น นักพรตเต๋าชราฉีหยวนก็บอกสถานที่นัดพบให้เขารู้

ในโลกมนุษย์ของดินแดนเทวะทักษิณ มีเมืองมนุษย์ที่เรียกว่า ‘หลินตง’ บนชายฝั่งทะเลบูรพา

เวลาที่ตกลงจะพบกันคือสองเดือนหลังจากนี้ ทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะพบกันที่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลังยามอาทิตย์อัสดง…

หลี่ฉางโซ่วแนะนำให้อาจารย์ของเขาฝึกฝนที่บ้านในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้เขายังเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลรอบกระท่อมมุงจากของท่านอาจารย์เพื่อป้องกันการตรวจจับจากภายนอก

“ศิษย์พี่ ท่านคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ”

หลิงเอ๋อร์แอบย่องขึ้นไปหาเขาและกระซิบถาม แต่หลี่ฉางโซ่วไม่เอ่ยอันใดนอกจากบอกนางว่าอย่าเพิ่งออกไปเดินรอบๆ ในช่วงเวลานี้

“ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ข้าจะไม่ไปที่หอโอสถแล้ว ข้าจะแค่ฝึกฝนในกระท่อมมุงจาก” ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วยังคงสงบนิ่ง

หลิงเอ๋อร์จัดเส้นผมของนางแล้วถามเสียงเบาว่า “หากเป็นเช่นนั้น น่าจะส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกจากภูเขาดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่จำเป็นหรอก” หลี่ฉางโซ่วมองศิษย์น้องหญิงของเขาและยิ้ม “เจ้าค่อนข้างคุ้นเคยกับกระบวนการนี้แล้ว เพียงแค่ฝึกฝนอย่างสงบ เมื่อเจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียนและพบกับเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะให้เจ้ามีส่วนร่วมมากขึ้น”

“เจ้าค่ะ! ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วง ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักเจ้าค่ะ!”

หลิงเอ๋อร์ตกลงอย่างกระตือรือร้นทันที

ยินเรื่องสำนักเทพทะเลทักษิณหรือไม่”

เมื่อหลี่ฉางโซ่วกลับไปฝึกฝนที่กระท่อมมุงจากแล้ว นางก็พลันรู้สึกตัวและยกมือก่ายหน้าผากพลางคร่ำครวญ

หากข้าอยากให้ศิษย์พี่ใช้ดั่งอาวุธเวท อย่างน้อยที่สุด ข้าจะต้องเป็นเซียน…

จริงสิ อาจารย์อาน้อยเล่า!

ในขณะนี้ นางเข้าใจผิดเรื่องความชื่นชอบในเรื่องขนาดของศิษย์พี่ และยังยกระดับความต้องการของเขาในการเป็น ‘อาวุธเวทมนุษย์’ อีกด้วย!

ขณะที่นางกำลังบ่นในใจ ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนมาจากระยะไกล

“หลิงเอ๋อร์น้อย…”

หลิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองและเห็นร่างเงาสีดำพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว

นางคว้าขวดหยกสองขวดทันทีโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ศิษย์พี่ของนางอยู่ข้างนาง ย่อมไม่มีผู้ใดภายนอกจะสามารถลอบโจมตียอดเขาหยกน้อยได้…

ในเสี้ยวอึดใจนั้น หลิงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง

ไม่จำต้องมองหน้าคนผู้นั้นให้ชัด เพียงได้กลิ่นร้ายกาจของนาง ก็รู้ว่าต้องเป็นอาจารย์อาน้อย ซึ่งนางกำลังบ่นถึงอยู่ในใจ ได้มาถึงที่นี่แล้ว!

หลิงเอ๋อร์เก็บขวดหยกออกไปแล้วฉับพลันนั้น ก็ร้องเสียงแผ่วเบาออกมาเมื่อถูกกระแทกเข้าที่หน้าอกจากการถูกจิ่วจิ่วกอดและยกขึ้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะหมุนไปสองสามรอบตรงจุดนั้น จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะกันที่หน้ากระท่อมมุงจาก

“ท่านอาจารย์อา ท่านกำลังทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดเจ้าค่ะ…”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รู้สึกถึงความรักที่ข้ามีต่อเจ้าสิ! หลิงเอ๋อร์น้อย!”

“ท่านอาจารย์อา ข้าผิดไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า! อย่าจั๊กจี้ข้านะ…ข้าผิดไปแล้ว…”

ที่กระท่อมมุงจากข้างๆ หลี่ฉางโซ่วพลันเผยรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น

แต่ในใจลึกๆ แล้ว เขายังกังวลกับการฝึกฝนของหลิงเอ๋อร์

การเล่นกับจิ่วจิ่วทุกวันจะทำให้การฝึกฝนของนางล่าช้าอย่างแน่นอน และเขาจะต้องเตือนนางในเรื่องนี้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *