My Death Flags Show No Sign of Ending 107 ซินเทียผู้สูดดมสารระเหยมากเกินไป

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 107 ซินเทียผู้สูดดมสารระเหยมากเกินไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ โอ๊ย มันเจ็บนะ … นายมีปัญหาอะไรกับเท้าข้าเนี้ย ฮาโรลด์ ] – โคดี้

[ ชั้นมีปัญหาเพราะนายพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องต่างหาก ] – ฮาโรลด์

 

การพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างฮาโรลด์และโคดี้ทำให้บรรยากาศที่ตรึงเครียดเมื่อซักครู่เริ่มผ่อนคลายลง

แม้พวกเขาทั้งคู่จะอายุต่างกันมาก แต่ในสายตาของซินเทียดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันทีเดียว แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเธอก็รู้ถึงบุคคลิกของโคดี้ เขานั้นมาเยี่ยมครอบครัวของเธออยู่บ่อยครั้งตั้งแต่สามีของเธอล้มป่วยกะทันหัน ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีและตรงไปตรงมา ซินเทียจึงมองว่าเขาคงสามารถเป็นเพื่อนได้กับทุกคน

แต่ในทางตรงข้าม ฮาโรลด์กลับไม่เป็นมิตรอย่างน่าเหลือเชื่อดั่งที่โคดี้พูดเอาไว้ ฮาโรลด์ทั้งใช้คำพูดที่รุนแรงและตรงไปตรงมาจนเกินไป ทำให้ซินเทียนึกภาพได้ไม่ยากเลยว่าฮาโรลด์นั้นจะสร้างศัตรูไว้มากมายขนาดไหน

แม้คำพูดของฮาโรลด์จะบาดลึกเข้าไปในจิตใจของเธอถึงเพียงใด แต่ด้วยเหุตผลบางอย่าง คำพูดเหล่านั้นกับทำให้เธอประทับใจและซาบซึ้งมากกว่ากำลังใจใดๆก็ตามที่เธอเคยได้รับมาครั้งอดีต

ลึกๆแล้ว เธออาจจะยอมแพ้ไปแล้ว นั้นเพราะสามีของเธอล้มป่วยอยู่แบบนี้มาแล้วกว่า 5 ปี ไม่เคยเห็นแสงแห่งความหวังใดๆว่าเขาจะอาการดีขึ้น และรายได้ที่น้อยลง+กับเงินเก็บที่แทบไม่เหลือ ทำให้เธอไม่สามารถพาหมอมาดูอาการของฟินเนอร์แกนได้

บางที สักแห่งภายในจิตใจของเธออาจคิดว่าภายใต้วิกฤตที่เธอกำลังเผชิญนั้น เธอยอมรับกับตัวเองว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ กลับมองออกว่าเธอนั้นถอดใจไปจนหมดสิ้นแล้ว

เพราะเด็กคนนี้เข้าใจในสิ่งที่เธอคิด เด็กคนนี้จึงให้เธอได้เลือก ว่าเธอจะยอมแพ้และหนีจากความจริงอันเจ็บปวดหรือจะลุกขึ้นมาสู้กับมันด้วยพลังของตนเอง

เด็กคนนี้มอบทางเลือกเหล่านั้น ก็เพื่อตัวเธอเอง

เพื่อที่เธอจะลุกขึ้นเข็มแข็ง ทั้งในฐานะภรรยา และแม่คนหนึ่ง

 

( คำพูดของเขา … ถึงมันจะทั้งรุนแรงและเห็นแก่ตัว … แต่กลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนเหลือเกิน ) – ซินเทีย

 

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์แล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ขุนนางอย่างฮาโรลด์จะมอบทางเลือกให้กับเธอหรือสนว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาจะรักษาสามีของเธอตามที่เขาต้องการเลยก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากเธอด้วยซ้ำ และไม่ว่าการรักษาเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ คนธรรมดาอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านใดๆทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบใจที่เห็นคนอื่นยอมก้มหัวให้แก่ผู้มีอำนาจไปเสียทั้งหมด แม้ว่าตัวของเขาเองจะมีอำนาจอยู่เหลือล้นก็ตาม

และเมื่อเขาเห็นว่าซินเทียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้ เขาคงยื่นมือเข้ามาหาเธอ

เขาจับมือของเธอ ดึงให้เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และต้องการให้เธอเริ่มต้นเดินอีกครั้งด้วยพลังของตนเอง

นั้นคือสิ่งที่ซินเทียรู้สึกหลังจากได้ยินคำพูดและการกระทำทั้งหมดของฮาโรลด์

เธอรู้สึกประทับใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฮาโรลด์นั้นเป็นขุนนาง และสิ่งที่เขาทำทุกๆอย่างก็เพื่อช่วยเธอ ให้กำลังใจเธอ ซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ เธอคงเสียสติไปแล้วแน่ๆถ้าไม่รู้สึกถึงความตั้งใจที่แฝงมาเหล่านั้น

และ 1 สิ่งที่เธอตระหนักได้ในที่สุด นั้นคือ เด็กหนุ่มที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์กนั้น เขาเป็นขุนนางอย่างแท้จริง

 

[ เอาล่ะ ไม่เป็นไร งั้น พวกเรากำลังรีบเสียด้วย งั้นเริ่มกันเลยมั้ย ] – โคดี้

[ ตะ-ตอนนี้เลยหรือคะ ? ] – ซินเทีย

[ ข้าเข้าใจดีที่มันดูกะทันหันแต่ว่าจริงๆแล้ว ฮาโรลด์ เขาค่อนข้างยุ่งมาก ] – โคดี้

[ ใช่ และชั้นก็ถูกแกลากมาทีนี่ ] – ฮาโรลด์

 

เขาบ่นออกมาพร้อมกับยืนขึ้นจากที่นั่ง

ขณะที่ซินเทียกำลังมองดูฮาโรลด์ที่กำลังลุกขึ้น เขาก็หันสายตามาประสานกับเธอและถามคำถามขึ้น

 

[ ชั้นจะขอยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย การรักษาที่ชั้นกำลังจะทำนั้นมันไม่รับประกันว่าจะประสบผลสำเร็จ มันอาจจะทำให้เขาดีขึ้นหรือไม่ส่งผลใดๆเลยก็ได้ และชั้นก็บอกไม่ได้ว่ามันจะมีอาการผิดปกติแทรกซ้อนเพิ่มเติมด้วยรึปล่าว เมื่อเธอเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอยังอยากที่จะให้ชั้นรักษาเขาอยู่อีกรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

[ … ค่ะ ดิฉันขอมอบสามีของดิฉันให้คุณดูแลค่ะ ] – ซินเทีย

[ … เข้าใจแล้ว ] – ฮาโรลด์

 

ราวกับจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เขาก็เริ่มออกเดินทันที บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าฟินเนอร์แกนอยู่ที่ไหน เพราะทิศทางที่เขามุ่งไปนั้นเป็นห้องนอนของสามีของเธอ

หลังจากเธอเดินไปจุดเทียนเล่มหนึ่งภายในห้อง ก็พบกับฟินเนอร์แกนที่ตอนนี้กำลังหลับตาอยู่ บางทีเขาอาจจะหลับไปแล้ว

ฮาโรลด์มายืนอยู่ที่ข้างเตียงของเขาและวางมือลงบนดาบ

 

[ … คะ-คุณกำลังจะทำอะไรคะ ? ] – ซินเทีย

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฮาโรลด์จะดึงดาบออกมาจากฝัก โคดี้กับเข้ามาจับที่มือของเขาและหยุดเอาไว้ก่อน

 

[ ถึงคิวของข้าแล้ว ข้าไม่ยอมให้นายต้องลงมือด้วยตัวเองหรอกนะ เข้าใจรึปล่าว ? ] – โคดี้

 

ชายทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างเงียบๆ ซินเทียไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอรู้เพียงว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น

หลังจากเวลาผ่านไปซักพัก โคดี้ก็เริ่มพูดอีกครั้ง

 

[ ข้ารู้จักนายดี นายคงคิดมาตลอดว่าที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ทั้งหมดด้วยตัวของตนเอง ข้าพูดถูกรึปล่าว ? ] – โคดี้

[ ….. ] – ฮาโรลด์

[ แต่ว่า ข้าไม่สามารถปล่อยให้นายทำแบบนั้นได้หรอกนะ ข้าเป็นคนที่ขอให้นายมาที่นี่ ดังนั้นตรงส่วนนี้มันเป็นความรับผิดชอบของข้า ] – โคดี้

[ … หึ จะทำอะไรก็ทำ ] – ฮาโรลด์

 

ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะยอมแพ้ เขายื่นดาบเล่มนั้นให้กับโคดี้

และเขาก็รับมันมาพร้อมกับดึงดาบออกจากฝัก

 

[ ดะดะ-เดี่ยวนะคะ … คุณตั้งใจจะใช้สิ่งนั้นทำอะไรกันแน่ ? ] – ซินเทีย

[ เอ่อ.. มันค่อนข้างอธิบายยากซักหน่อย แต่คร่าวๆคือ ดาบของฮาโรลด์มีพลังวิเศษ และพวกเราตั้งใจจะใช้พลังนั้นในการรักษาฟินเนอร์แกน ] – โคดี้

 

พลังวิเศษ? พวกเขากำลังจะใช้ดาบรักษา ?

“เขาคงไม่ใช้ดาบนั้นฟันไปที่…. ใช่มั้ย ?” ซินเทียเองก็นึกภาพไม่ออกว่าพวกเขาจะเอาดาบมารักษาได้อย่างไร ราวกับไม่สนใจ โคดี้เริ่มยกดาบขึ้นเองและหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 2 – 3 ครั้ง

ทันใดนั้น คริสตัลที่อยู่ในดาบก็เริ่มส่องแสง จากสลัวๆทีละนิด มันค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ซินเทียเฝ้ามองภาพเหล่านั้นอย่างเงียบๆ จนในที่สุดโคดี้ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

[ อั๊กก ! ] – โคดี้

 

เขาเริ่มดูหายใจลำบากและมีเม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาที่หน้าผากของเขา แสงของคริสตัลเริ่มกระพริบถี่ขึ้น และค่อยๆอ่อนลง จนในที่สุดมันก็หายไป

ทั้งหมดนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่เมื่อแสงดับลง โคดี้ก็ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับดาบที่ยังอยู่ในมือ

 

[ แฮกๆ .. มันเหนื่อยแฮะ .. ] – โคดี้

[ คะ- คุณโอเคไหมคะ ? ] – ซินเทีย

[ ไม่เป็นไร ข้าสบายดี ] – โคดี้

[ สบายที่ไหนกันละคะ ? คุณดูแย่เอามากๆ ] – ซินเทีย

[ ไม่— ไม่มีอะ– ] – โคดี้

 

“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ขณะที่โคดี้จะพูดคำเหล่านั้นออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่ทว่า เขากลับทำไม่ได้ และทันทีที่เขาพยายามจะลุกอีกครั้ง ดาบเล่มนั้นก็หลุดออกจากมือ

เสียงของโลหะตกลงกระทบกับพื้นดังก้องไปทั่วห้อง

 

[ ยอมแพ้ซะ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนาย ] – ฮาโรลด์

[ … นายน่าจะบอกกันก่อนซักหน่อย ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะรุนแรนถึงขนาดนี้ ] – โคดี้

 

โคดี้ยิ้มออกมาราวกับหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง เมื่อเธอเดาจากบทสนทนาระหว่างเขากับฮาโรลด์ก่อนหน้านี้ โคดี้คงรู้สึกแย่เพราะสิ่งนี้เป็นเหมือนภาระหน้าที่ของเขาแต่เขากลับทำมันไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม โคดี้ยังพยายามเอื่อมมือไปหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่า ฮาโรลด์กับชิงหยิบมันขึ้นมาตัดหน้า

เมื่อฮาโรลด์หยิบมันขึ้นมา เขาจ้องมองดาบเล่มนั้นอยู่ซักพักราวกับกำลังใช้ความคิด

 

[ เข้าใจล่ะ… ] – ฮาโรลด์

 

หลังจากพึมพัมอะไรบางอย่าง ฮาโรลด์ก็หันมาหาโคดี้และกล่าวออกมาอย่างไร้ความปราณี

 

[ นายใช้พลังของดาบเล่มนี้ไม่ได้ ] – ฮาโรลด์

[ นายจะบอกว่าดาบเล่มนี้เลือกผู้ใช้งั้นรึไง ? ] – โคดี้

[ ไม่ มันก็เหมือนดาบอื่นๆทั่วๆไป ใครๆก็สามารถครอบครองมันได้ เพียงแค่นายไม่มีพลังเวทย์มากพอที่จะสามารถเปิดใช้งานความสามารถของมัน ] – ฮาโรลด์ 

[ ถ้ามันต้องการพลังเวทย์ปริมาณขนาดตามที่นายว่าจริง มันก็ฟังดูราวกับว่าคงมีแค่นายเท่านั้นแหละที่ใช้มันได้ ฮาโรลด์ … ] – โคดี้

 

โคดี้คงรู้สึกผิดหวังจากคำที่ฮาโรลด์กล่าวมา เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า

ซินเทียรู้ดีว่าโคดี้นั้นเป็น 1 ในกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดของกองอัศวิน และถ้าหากคนอย่างเขากลับหมดแรงน้ำข้าวต้มหลังจากที่พยายามใช้ดาบเล่มนี้ นั้นหมายความว่าดาบเล่มนี้มอบภาระให้แก่ผู้ใช้มันมากขนาดไหน 

แล้วทำไมฮาโรลด์ถึงใช้มันได้อย่างน่าตาเฉย ? ฮาโรลด์เป็นคนที่สุดยอดขนาดไหนกันแน่ ?

 

[ ตามนั้นแหละ ดังนั้น นายก็นั่งดูเงียบๆไปซะในขณะที่ชั้นจะแสดงให้ดูเองว่ามันทำงานยังไง ] – ฮาโรลด์

[ ก็ได้ๆ เข้าใจ– ข้าเข้าใจแล้ว เฮ้อออ .. นี่มันก็นานมากแล้วนะที่ข้าไม่ได้รู้สึกสมเพชตัวเองขนาดนี้มาก่อน ] – โคดี้

[ นั้นถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพร์นะ นั้นเพราะชั้นคิดมาโดยตลอดว่าชีวิตของนายมันน่าสมเพชตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่ก่อนแล้ว ] – ฮาโรลด์

[ แย่หน่อยนะที่หน้าของข้าหนาเกินไป ข้าเลยไม่ค่อยรู้ว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าน่าสมเพชมันคืออะไรกันแน่ ] – โคดี้

 

แม้โคดี้จะรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงการล้อเล่น แต่ใบหน้าของเขานั้นรู้สึกขมขื่นจริงๆ

ถึงแม้ว่าตัวของโคดี้จะล้มเหลว แต่ซินเทียก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเขานั้นพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยฟินเนอร์แกน เธอดีใจที่รู้ว่ายังมีคนอื่นๆที่ยังไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยสามีของเธอ

อย่างไรก็ตาม ซินเทียกลับรู้สึกว่าโคดี้นั้นกะตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะรับหน้าที่รักษาให้ได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่ามีเหตุผลอะไรบางอย่างรึปล่าวที่ทำให้โคดี้กลับต้องรู้สึกแย่ที่ต้องปล่อยให้ฮาโรลด์จัดการ เธอเริ่มรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับ “ความรับผิดชอบ” ที่โคดี้พูดเอาไว้ในตอนนั้น

ซินเทียเริ่มคิดว่า หรือความพยายามที่จะช่วยฟินเนอร์แกนนั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขาทั้งสอง ?

 

[ ถ้างั้น ก็ปรับเปลี่ยนใบหน้าหนาๆนั้นให้มันกลับมาเป็นใบหน้าปลิ้นปล้อนอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่หมอนี่ฟื้นขึ้นหลังหลับไป 5 ปีมาแล้วต้องมาเห็นใบหน้าเห่ยๆอันขมขื่นของนาย ] – ฮาโรลด์

[ ก็ได้ ก็ได้ ชิ ถ้าเรื่องนี้ ข้าน่ะมั่นใจพอตัวเลยล่ะ  ] – โคดี้

[ เธอเช่นกัน ซินเทีย นั้นคือใบหน้าของภรรยาที่กำลังรอคอยสามีของตนฟื้นขึ้นมางั้นรึไง ? ชั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอเชื่อชั้น แต่อย่างน้อย เธอก็ควรเชื่อในตัวฟินเนอร์แกน ] – ฮาโรลด์

 

คำพูดเหล่านั้นสลัดความขมขื่นของโคดี้และความกังวลของซินเทียจนหมดไป

“อ่า.. คนๆนี้ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนถึงขนาดไหนกันนะ ?” ทั้งคำพูดของเขา แผ่นหลังที่ให้ความรู้สึกที่เชื่อถือได้นั้นเพียงพอที่จะทำให้ทุกๆคนมีความกล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบาก ขณะที่เธอกำลังคิดเช่นนั้น ซินเทียก็เผยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติออกมา

 

[ … ดิฉันจะเชื่อในตัวของฟินเนอร์แกนค่ะ และดิฉันก็เชื่อในตัวของคุณด้วยเช่นกัน ท่านฮาโรลด์ ] – ซินเทีย

 

อาจเพราะรู้สึกพอใจแล้ว ฮาโรลด์จึงหันกลับไปทางฟินเนอร์แกนโดยไม่พูดอะไรอีก

เขาเริ่มยกดาบขึ้นเหมือนก่อนหน้านี้ คริสตัลเริ่มส่องแสงออกมาเหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ตาม แสงเหล่านั้นกลับสว่างกว่าตอนที่โคดี้เป็นคนทำอย่างเห็นได้ชัด นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของพลังเวทย์ของพวกเขา

บรรยากาศภายในห้องเริ่มแปรปรวน แม้ว่าตัวของซินเทียจะไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ แต่เธอก็รู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ถูกรวบรวมอยู่บริเวณแสงของดาบ

เมือฮาโรลด์รู้สึกว่าเขาน่าจะรวบรวมพลังเวทย์ได้มากพอแล้ว เขาจึงจับดาบเล่มนั้นด้วยมือทั้ง 2 และแทงด้ามดาบลงที่ท้องของฟินเนอร์แกน ทันใดนั้น ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น

 

[ … อัก- อั๊ก! ] – ฟินเนอร์แกน

ฟินเนอร์แกนลืมตาตื่นขึ้น มีเป็นดวงตาเช่นเดียวกับที่เขาเคยมีก่อนที่จะล้มป่วยลง และเขายังส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา

ทั้งฟินเนอร์แกนและฮาโรลด์ต่างถูกแสงสีเขียวอ่อนอันเจิสจ้าคลุมร่างทั้งคู่จนมิด มันดูราวภาพวาดของพระเจ้าที่กำลังมอบปาฎิหาริย์ ไม่สิ สำหรับซินเทีย แล้ว นี่มันคือปาฎิหาริย์สำหรับเธอย่างแท้จริง

มันคือพรที่ปลุกสามีของเธอจากการหลับใหลอันยาวนาน สิ่งที่เธอพยายามมาตลอด 5 ปี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ

และสิ่งนั้นมันกำลังจะเกิดขึ้น

 

[ เร็ว ! กลับมาได้แล้ว ! ] – ฮาโรลด์

 

พร้อมกับคำที่ฮาโรลด์พูดออกมา แสงของคริสตัลก็เจิสจ้าขึ้นมากกว่าครั้งไหนและระเบิดหายไป

ท่ามกลางความเงียบ แม้แต่แสงจากเทียนภายในห้องก็ดับลง เหลือเพียงแสงจันทร์อ่อนๆที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างพอให้ซินเทียได้มอนเห็นร่างของฟินเนอร์แกนท่ามกลางความมืดมิด

ขณะที่กำลังลุ้นว่าสามีของเธอนั้นจะตื่นหรือไม่ มันอดไม่ได้ที่ซินเทียจะรู้สึกกังวลใจ หัวใจของเธอเต้นรัวมากจนเหมือนกับว่ามันดังก้องไปทั่วห้อง

หลังจากอยู่ท่ามกลางความเงียบงันเพียงไม่กี่วิ ช่วงเวลานั้นก็มาถึง

 

[ อึก . .. กะ- เกิด..อะไร…ขึ้น ? ข- ข้าอยู่…ที่ไหน … ] – ฟินเนอร์แกน

 

ฟินเนอร์แกนกำลังพูดออกมา แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรง แต่เขากำลังพูดอยู่จริงๆ

เพราะน้ำตาของเธอทำให้ภาพทุกๆอย่างเริ่มดูพร่ามัว เธอเริ่มมีเสียงสะอื้น เริ่มที่จะร้องไห้ แต่เธอก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ เพื่อคงความเข้มแข็งที่จะต้อนรับสามีผ่านอารมณ์อันท่วมท้นที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ

 

[ ที่รักคะ… ] – ซินเทีย

[ … ซิน– เทีย..รึ ? ทำไม … ทำไมเธอถึง..ร้องไห้ … ] – ฟินเนอร์แกน

[ ที่รักกก!!! ] – ซินเทีย

 

ไม่มีคำพูดใดๆอีกออกมาจากปากของซินเทีย

แม้ว่าฟินเนอร์แกนจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ไหว และซินเทียก็ได้แต่เข้าไปกอดและร้องไห้ออกมาอย่างเปิดเผย ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงหัวใจของสามีอีกครั้ง ความอบอุ่นของร่างกายสามีอีกครั้ง

ฟินเนอร์แกนที่รู้สึกตัวแล้วก็รู้สึกสับสนไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม หากดูจากสภาพของซินเทียในตอนนี้เธอคงไม่สามารถอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจได้ เพราะสิ่งเดียวที่เธอทำมีเพียงเรียกชื่อของเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียงที่อกของเขา หากพิจารณาจากระยะเวลาอันยาวนานที่เขาอยู่แต่บนเตียง มันคงเข้าใจได้ไม่ยากว่าฟินเนอร์แกนจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนถึงจะยกแขนของตนขึ้นได้ไหว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยกแขนขวาที่ซูบผอมข้างนั้นอย่างเงียบๆ และลูบไปที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา

.

.

.

.

 

ไม่รู้ว่ากาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันอยู่ตามลำพัง ในที่สุดก็มีเสียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอกของห้อง ซินเทียจึงรู้สึกตัว

 

[ นี่ พวกคุณทั้ง 2 ต้องขอโทษด้วยที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะในตอนที่กำลังซึ้งกันอยู่ แต่ตอนนี้ ข้าต้องขออธิบายสถานการณ์ต่างๆให้ฟินเนอร์แกนฟัง ตกลงนะ ? ] – โคดี้

[ ดะ-ดิฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ! ] – ซินเทีย

 

ซินเทียรีบลุกไปเปิดประตูทันที 

เมื่อมองไปที่หน้าต่าง เริ่มเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องบ้างแล้ว ซินเทียจึงรู้สึกตัวว่านี่มันเกือบจะเช้าแล้ว

และหลังจากที่เข้ามาภายในห้อง โคดี้ก็เดินตรงมายังเตียงของฟินเนอร์แกน

 

[ ไง ฟินเนอร์แกน รู้สึกยังไงบ้าง ? ] – โคดี้

[ โค…ดี้ .. งั้นรึ ? .. นายดู–แก่กว่า…ตอนที่พวกเราเจอ…กันครั้งสุดท้าย.. นะ .. ] – ฟินเนอร์แกน

[ ที่ข้าดูเหมือนตาลุงก็เพราะนายหลับไปตั้ง 5 ปี ] – โคดี้

[ .. อะไร.นะ ? ] – ฟินเนอร์แกน

[ ข้าเองก็อยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมดตอนนี้เลย แต่ก่อนอื่น สภาพร่างกายของนายเป็นยังไงบ้าง รู้สึกผิดปกติอะไรรึปล่าว ? ] – โคดี้

[ ก็ .. ข้ารู้สึก.. พูด..ลำบาก .. และ ร่าง..ของข้า ..หนักเหมือน..ตะกั่ว ..แต่ถ้า..เพราะ..ข้าหลับ..ไปหลาย ..ปี ก็..เข้าใจ…ได้- ] – ฟินเนอร์แกน

[ ถ้านายรู้สึกทรมาน ไว้พวกเราค่อยคุยกันวันหลังก็ได้นะ ] – โคดี้

[ ไม่.. ข้าไม่..เป็นไร … บอกข้า.. เกิดอะไร.. ขึ้นกับ..ข้า ? ] – ฟินเนอร์แกน

[ ก็ได้ ถ้างั้น ข้าจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ] – โคดี้

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โคดี้ก็เริ่มอธิบายให้ฟัง

เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้เมื่อ 5 ปีก่อนในป่าเบลติส ศึกระหว่างกองอัศวินและชนเผ่าสเตลล่า

เขาเล่าว่าในตอนนั้นฟินเนอร์แกนได้รับเลือกให้เป็น 1 ในขณะลูกขุนที่รับผิดชอบในการตัดสินอัศวินหน้าใหม่คนหนึ่งในความผิดข้อหาเป็นสายลับจากจักรวรรดิ

และตอนนั้น โคดี้ได้ถามกับฟินเนอร์แกนเกี่ยวกับคดีนี้ ฟินเนอร์แกนก็เกิดคลุ้มคลั่งและเริ่มทำร้ายตัวเอง หลังจากถูกขัดขวางไม่ให้ทำร้ายตัวเองต่อไปได้อีก เขาก็หมดสติและหลับไปตลอด 5 ปีมานี้

 

[ —– และนายก็หลับมาโดยตลอดจนกระทั้งก่อนหน้านี้ ในที่สุดนายก็รู้สึกตัว ] – โคดี้

[ ข้าเข้าใจ..แล้ว…ซินเทีย…ข้า..ขอโทษ..ที่..ทำให้…เธอต้อง..ลำบาก ] – ฟินเนอร์แกน

[ ไม่เป็นไรค่ะที่รัก ตอนนี้ คุณก็รู้สึกตัวแล้ว ทุกๆอย่างกำลังดีขึ้นแล้ว … ] – ซินเทีย

[ และ.. โคดี้..นายคือ…คนที่..ช่วยข้า..เอาไว้..งั้นรึ ? ] – ฟินเนอร์แกน

[ ข้าก็หวังจะเป็นคนนั้นเหมือนกัน มันคงเท่น่าดู แต่ว่า คนที่ช่วยนายจริงๆ คือ ฮาโรลด์ สโตร์ก จำเขาได้รึปล่าว ] – โคดี้

[ .. อ่าา ..ใช่ …คนที่..ต้องโทษ..ประหารในตอน..นั้น …. ข้าจำ..ได้ ..เขาเป็น…คนที่..ช่วยข้า..เอาไว้…นี่เอง ] – ฟินเนอร์แกน

[ อ-อะไรนะคะ! คุณหมายความว่ายังไงคะ ? ] – ซินเทีย

[ เรื่องมันยาวน่ะ แต่ถ้าจะให้สรุปคร่าวคือ ฮาโรลด์ตกหลุมพลางของใครบางคนจากเหตุการณ์ต่อสู้ที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ] – โคดี้

 

ตามคำพูดของโคดี้ เขาเล่าว่าฮาโรลด์นั้นถูกใส่ร้ายว่าเป็นสายลับจากจักรวรรดิ และมีใครบางคนพยายามกดดันให้คณะลูกขุนตัดสินประหารชีวิตเขา

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮาโรลด์นั้นไม่ได้เป็นสายลับแต่อย่างใด เขายังเปิดโปงแผนการของจักรวรรดิซาเรี่ยน และเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดความขัดแย้งระหว่างอัศวินและชนเผ่าสเตลล่าอีกด้วย

ถึงกระนั้น เขากลับถูกตัดสินประหารชีวิต แต่สิ่งนั้นกับเป็นแผนหลอกเพื่อนำฮาโรลด์มาใช้ประโยชน์อะไรบางอย่าง กระทั้งตอนนี้ ชีวิตของเขาก็ยังตกอยู่ในอันตราย

 

[ ฟินเนอร์แกน บอกข้ามาที มีคนข่มขู่ครอบครัวของนายเพื่อให้นายยอมรับในการตัดสินประหารชีวิตฮาโรลด์ใช่หรือไม่ ? ] – โคดี้

[ … ใช่..แล้วล่ะ … ถ้าข้า..ไม่ทำ..ตาม … ครอบครัว…จะตก…ในอันตราย … ] – ฟินเนอร์แกน

[ ถึงกระนั้น…!! แต่ท่านฮาโรลด์ยัง—- ] – ซินเทีย

[ ใช่ เขารู้เรื่องทั้งหมดดี แต่เขาก็ไม่ได้โกรธหรือโทษอะไรในตัวของฟินเนอร์แกนหรอกนะ ] – โคดี้

[ … ฮาโรลด์ … อยู่…ที่นี่..งั้นรึ ? … ถ้าเช่น…นั้น…ข้าเอง..ก็..อยากจะ ..ขอโทษ…และ…ขอบคุณ…กับ…เขา ] – ฟินเนอร์แกน

[ จริงๆแล้ว .. หมอนั้นมีเรื่องด่วนต้องรีบไปจัดการ ดังนั้นพอรักษานายเสร็จ หมอนั้นก็ออกไปจากเมืองทันที และให้ข้าเป็นคนอยู่รอคอยอธิบายสถานการณ์ต่างๆให้นายฟังแทน ] – โคดี้

 

ซินเทียถึงกับช็อค เพราะเธอนั้นยังไม่ได้กล่าวขอบคุณฮาโรลด์เลยด้วยซ้ำ

เขาได้มอบทั้งความเมตา ความกล้า ความสุข ทำให้จิตใจของเธอลุกขึ้นที่จะก้าวเดินอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง และความหวังให้กับชายผู้เป็นที่รักของเธอ

แต่ถึงกระนั้น ทันทีที่เขาทำการรักษาจนเสร็จ เขาก็จากไปทันที จากที่โคดี้กล่าวมา มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเธอนั้นจะได้พบกับฮาโรลด์อีกครั้งในชั่วชีวิตนี้ แต่เขากลับทิ้งอะไรหลายๆสิ่งไว้มากมายเหลือเกิน

 

[ แต่หมอนั้นมีข้อความฝากไว้ให้พวกนายทั้งคู่ “จากนี้เป็นต้นไป ขอให้พวกเธอใช้ชีวิตอย่างอิสระตามแต่ใจต้องการเถอะ” นั้นคือทั้งหมดที่หมอนั้นพูด น่าๆ ข้ารู้ หมอนั้นน่าจะพูดอะไรที่มันซึ้งๆกว่านี้หน่อย ] – โคดี้

[ … ไม่ค่ะ เพียงเท่านี้ก็ดีเกินพอแล้วค่ะ … ] – ซินเทีย

[ งั้นรึ? งั้นก็ดีแล้วล่ะ ] – โคดี้

 

ในที่สุด พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงจนแสงสว่างสาดส่องเข้ามาทั่วห้อง มันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน สำหรับตัวของซินเทีย เธอรู้สึกว่าแสงเหล่านั้นคือแสงที่ฮาโรลด์สาดส่องออกมา ที่ต่อหน้าแสงเหล่านั้น ศีรษะของเธอก้มลงโดยธรรมชาติ และน้ำตาที่เธอคิดว่าได้ร้องไห้ออกไปจนหมดแล้วก็เริ่มไหลอาบแก้มเธออีกครั้ง

เธอรู้ดีว่าคำพูดของเธอคงไปไม่ถึงเขา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพูดออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะคะ”

 

[ มาม๊า ทะไมมาม๊าถึงร้องไห้? มาม๊าเจ็บตรงไหนหรอ ? ] – มิไฮ

[ มิไฮ… ] – ซินเทีย

 

เมื่อเห็นภาพที่แม่ของเขากำลังสะอื้นร้องไห้ มิไฮก็เข้ามาปลอบเธอด้วยการสวมกอด

 

[ ไม่มีอะไรจ้ะมิไฮ มาม๊าสบายดี มาสิ มาทักทายปาป๊าของลูกเร็ว ] – ซินเทีย

[ คับ มาม๊า …. อรุณสาหวัดคับ ปาป๊า ] – มิไฮ

[ … มิไฮ ..งั้นรึ .. โอ…ลูกดู … เติบโตแล้ว … ] – ฟินเนอร์แกน

[ อ่าาา !! ปาป๊าา!! ปาป๊าาาตื่นแล้ววว!! ] – มิไฮ

 

มิไฮกกระโดดเข้าไปยังอ้อมกอดของฟินเนอร์แกน ที่ตอนนี้กำลังลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือของโคดี้

เมื่อซินเทียลองมองย้อนกลับไปดูดีๆ มิไฮนั้นเกิดขึ้นมาหลังจากที่ฟินเนอร์แกนล้มป่วยลงไม่นาน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าลูกชายของตน

มิไฮที่กำลังพูดคุยกับพ่อของเขาพร้อมกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสา และฟินเนอร์แกนที่ฟังเขาอย่างตั้งใจพร้อมกับยิ้มแย้มและน้ำตาไหลรินในเวลาเดียวกัน มันคือภาพแห่งความสุขที่ตัวของเธอรอคอยมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่เช่นนั้น ซินเทียก็สังเกตเห็นโคดี้ว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

 

[ โคดี้ มีอะไรรึปล่าวคะ ? ] – ซินเทีย

[ โอ้ ปล่าวๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่สงสัยว่า พวกคุณมีลูกกี่คนกันแน่นะ ? ] – โคดี้

 

ซินเทียไม่เข้าใจว่าทำไมโคดี้ถึงถามออกมาเช่นนั้น แม้ว่าครั้งสุดท้ายที่โคดี้มาเยี่ยมครอบครัวของเธอมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว แต่ถึงกระนั้น ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโคดี้ก็แวะเวียนมาหลายต่อหลายครั้ง แล้วทำไมเขาถึงมาถามเรื่องสมาชิกครอบครัวของเธอในตอนนี้ ?

ขณะที่กำลังสงสัยว่าทำไมโคดี้ถึงถามออกมาแปลกๆ ซินเทียก็ตอบราวกับว่าเรื่องนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว

 

[ เป็นอะไรไปคะ โคดี้ ? มิไฮคือลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเราไงคะ ] – ซินเทีย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด