My Death Flags Show No Sign of Ending 46 ฮาโรลด์และคาซุกิ vs ริทเซลต์

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 46 ฮาโรลด์และคาซุกิ vs ริทเซลต์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

(มุมมองของฮาโรลด์)

 

 

ผมพึ่งจะเข้ามารับดาบที่หมายโจมตีมาที่ยูโนะ โชคดีจริงๆที่มาทัน แต่ทว่าผมยังโล่งใจได้ไม่ถึงอึดใจ เมื่อมองดูรอบๆดีๆ ผมก็พบกับร่างของกลุ่มคนชุดดำที่ตอนนี้ต่างพากันได้รับบาดเจ็บสาหัส 

พร้อมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เห็นได้ชัดว่าใครคือต้นเหตุของโศกนาฎกรรมในครั้งนี้

ต้นเหตุนั้นคือชายร่างยักที่ดูชั่วร้ายคนนี้ เขาสวมอยู่ในชุดเกราะผู้ที่หมายจะสังหารยูโนะ ที่รอบๆมีเหล่าทหารจากจักรวรรดิซาเรี่ยนซึ่งดูน่าจะเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขา กลุ่มคนพวกนี้คงเป็นกำลังเสริมที่คนส่งสารเคยบอกกับผมเอาไว้ในตอนนั้น

ทันทีที่ผมเข้าใจสถานการณ์โดยรอบ หัวใจของผมก็บีบรัดแน่นขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่อย่างใดหรือความกังวลที่ผมจะต้องตกอยู่ในสภาพเดี่ยวกันกับคนอื่น ..

แต่มันคือความรู้สึกที่ราวกับเลือดในร่างกายของผมกำลังเดือด มันเป็นความโกรธเดือดดาลที่ผุดออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจของผม

อาจเป็นเพราะความรู้สึกเหล่านี้ ปากของผมเลยดูก้าวร้าวกว่าปกติ มันกล่าวออกไปเองโดยที่ผมไม่มีความตั้งใจที่จะพูดเลยด้วยซ้ำ

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะสามารถคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลใดๆได้อีก ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวนั้คือ ต้องช่วยยูโนะ และ ทำลายล้างศัตรูทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าผม 

และแล้วความโกรธของผมที่มีต่อ ริทเซลต์ ก็ทะลุจุดขีดสุดขึ้นไปอีกทันทีที่ผมเห็นเขาจงใจ “สังหารลูกน้อง” ของตนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน เมื่อพบกับภาพนั้น ความรู้สึกที่อยากจะ “ฆ่า” ก็เข้าครอบงำผมในทันที

ผมรู้สึกได้ว่านี่มันผิดปกติ แต่ผมก็ไม่มีเวลามัวมาคิดกับเรื่องเหล่านี้ และเหนือสิ่งอื่นใด ผมก็ไม่ได้มีความตั้งใจใดๆที่จะระงับความรู้สึกเหล่านั้นเช่นกัน

ผมพ่นคำพูดยั่วยุออกไปอีกครั้ง ในตอนนั้นผมตัดสินใจได้แล้วว่ามันคงจะดีที่สุดหากเอาชนะ ริทเซลต์ได้ ในการดวลครั้งนี้

ถึงแม้ว่าผมอยากจะจัดการเขาโดยเร็วก็เถอะ แต่ไม่ใช่ว่าผมเองก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกันหรอ ? ผมรู้สึกได้ว่ากำลังมีเลือดไหลออกมาจากศีรษะของผม

จู่ๆก็มีเปลวไฟพุ่งเข้ามาหาผม ผมกระโดดหลบการโจมตีนั้นออกมาได้ทัน แต่ก็มีหอกน้ำแข็งพุ่งมาดักตรงจุดที่ผมกำลังกะโดดลงที่พื้น

แต่ผมก็รับมือได้โดยง่ายเพียงแค่ใช้ดาบปฟันทิ้งไปเท่านั้น

หมอนั้นร่ายเวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากจบบทแรกเขาก็ร่ายต่อทันที เวทมนตร์พวกนั้นพุ่งเข้ามาโจมตีที่ผมโดยไม่มีช่องว่างให้หายใจ แต่ละการโจมตีมีความแม่นยำ และพลังทำลายที่ค่อนข้างสูง

สมแล้วกับฉายาของเขา “The Magician” ไม่ใช่ชื่อที่มีไว้โชว์จริงๆ

ถึงแม้ว่า ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะรับมือกับการโจมตีของผมด้วยทักษะดาบได้ด้วยหรือไม่ แต่เขาเองก็สามารถตอบสนองด้วยเวทมนตร์ได้ทันแม้จะเห็นความเร็วของผมแล้วก็เถอะ อาจเพราะมันยังคงมีระยะห่างระหว่างพวกเราทั้ง 2 แต่ทว่า ผมเองก็ไม่สามารถลดระยะห่างของพวกเราลงได้เลย

ผมเองก็มีแผนอยู่ในหัวแล้วที่จะหยุด “ทริค” ที่เขาใช้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์หากผมยังไม่สามารถบุกเข้าไปถึงตัวได้

ผมเคยลองกระโดดเข้าไปโจมตีตรงๆบริเวณหน้าอกของเขา แต่ริทเซลต์ก็สกัดการโจมตีของผมด้วยเวทมนตร์ของเขา มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากผมลองโจมตีแบบเดิม เขาก็คงใช้การป้องกันแบบเดิม

งั้น ถ้าหากผมเปลี่ยนการโจมตีเป็นเวทมนตร์แทนล่ะ ?

เมื่อคิดเช่นนั้น ผมเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีไปเน้นเวทมนตร์แทน แต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ดูเหมือนเขาจะมีความสามารถด้านเวทมนตร์สูงกว่าผม และรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เราทั้งสองยังคงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆได้

พวกเรายังคงผลัดกันโจมตีรูปแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา ประเด็นคือ ผมที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิดอยากจะลดระยะห่างระหว่างพวกเรา และ ริทเซลต์ ที่เป็นนักเวทและต้องการต่อสู้โดยทิ้งระยะห่าง

ยิ่งกว่านั้น ผมที่ได้รับบาดเจ็บมาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ริทเซลต์อยู่ในสภาพที่เกือบจะเต็ม 100

แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าใครเสียเปรียบ

และมีอีกอย่าง ที่เป็น ”จุดอ่อนใหญ่” ของผมตอนนี้ ..

จู่ๆ ริทเซลต์ก็ลดมือของตัวเองลง และมองมาที่ฮาโรลด้วยใบหน้าเรียบเฉย

 

[ ไอ้หนูแก จะเสียเวลาไปกับการต่อสู้ที่ไร้ค่านี้ไปทำไม ? ในเมื่อผลมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าแกเอาชนะข้าไม่ได้ ]

[ พูดต่อไปเถอะ เดี่ยวข้าจะตัดหัวนั้นออกให้เอง ]

[ มองดูรอบๆสิ แกยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกรึ ? ช่างเป็นเด็กที่โง่เขลา หมดทางเยียวยา ]

 

รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของเขา มันทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังว๊าบ

จู่ๆ ริทเซลต์ก็ปลดปล่อยฝนน้ำแข็งออกมา แต่ทว่าเป้าหมายการโจมตีกลับไม่ใช่เพียงแค่ผม น้ำแข็งพวกนั้น พุ่งตรงไปยัง ยูโนะ ที่กำลังรักษาเพื่อนๆของเธออยู่

 

[ เวรเอ๊ย !! ]

 

ขณะที่สบทคำด่าออกมา ผมก็ใช้เวทมนตร์ที่ชื่อว่า <Rain Strom> เพื่อเบี่ยงเบนทิศทางของฝนน้ำแข็งเหล่านั้นออกไป แน่นอนว่ามีฝนน้ำแข็งบางส่วนหลุดเข้ามาได้ ผมจึงทำลายมันด้วยดาบที่ฟันออกไปความเร็วสูง

แต่มันก็ยังไม่พอ .. ผมไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้หมด

เลือดสดๆกระเซ็นไปที่ใบหน้าของยูโนะ

ใบหน้าของยูโนะอาบไปด้วยสีแดงฉาน เธออยู่ในสภาวะช้อคราวกับไม่เชื่อสายตา หลังจากยืนยันได้แล้วว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ผมก็ดึงแท่งน้ำแข็งออกจากไหล่ขวาของผม

มีเลือดจำนวนมากไหลออกมา

ความรุ้สึกเจ็บแล่นไปทั่วที่แขนของผม

แต่เพราะร่างกายของผมกำลังถูกแผดเผาไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธทำให้ร่างนี้ยังคงขยับได้อยู่ และผมก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกเจ็บปวดใดๆนอกเสียจาก-

 

ริทเซลต์- ไอ้เวรนั้น ฆ่ามันซะ

 

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาภายในหัวของผม และผมไม่สามารถเอามันออกจากหัวได้

บางที นี่อาจเป็นวิธีสือสารของ”เขา”คนนั้น …

 

( แบบนี้เองสินะ … นายอยู่กับผมมาโดยตลอด ใช่รึปล่าว ฮาโรลด์ )

 

ผมที่เสียเลือดไปเป็นจำนวนมากแท้ๆ แต่มันน่าแปลกที่ผมยังคงครองสติคิดอย่างถี่ถ้วนเอาไว้ได้

ในตอนนั้น ตอนที่ผมรู้ตัวขึ้นในโลกใบนี้ หลายๆครั้งที่ร่างของผมขยับไปเองโดยที่ไม่ได้สั่ง หลายๆครั้งปากของผมพูดอะไรออกไปเองโดยที่ผมไม่ได้อยากจะพูดเช่นนั้น ..

 

( เป็นนายเองสินะ ? )

 

นั้นสินะ เป็นเพราะนาย ปากของผมจึงหมาชิบหาย เป็นเพราะนาย ผมจึงสามารถเคลื่อนไหวแบบในเกมส์ได้อย่างง่ายๆ

ไม่ว่าสิ่งนี้มันจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย อาจเพราะผมได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงของฮาโรลด์คนเก่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชีวิตวัยรุ่นมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซูกิ สามารถปรับตัวเข้ากับโลกใบนี้ได้อย่างไม่ยากอะไร

แล้วเหตุการณ์นี้จะจบลงเช่นไร ? เจตจำนงของผมจะถูกเจตจำนงของฮาโรลด์กลืนกินในท้ายที่สุด ? หรือจะเป็นบุคคลิคใหม่ที่เกิดจากการผสมกันระหว่าง ผมกับฮาโรลด์ ?

 

( ผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นไงต่อ แต่มันไม่สำคัญตอนนี้ )

 

ผมไม่มีเวลามามัวคิดถึงสิ่งที่ผมไม่เข้าใจได้ ไม่มีแม้แต่สมมุติฐานว่าความคิดเหล่านี้ถูกต้องด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม หากฮาโรลด์ยังมีชีวิตอยู่ในร่างกายนี่จริงแล้วล่ะก็-

 

( ฮาโรลด์ สโตร์ก ให้ผมยืมพลังนายด้วย ! ไอ้หมอนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายนายถึงเจ็บ แผนการของนายไม่เป็นไปดังหวัง ! ทุกๆอย่างเป็นความผิดของไอ้หมอนั้น ! )

 

นั้นคือฮาโรลด์ สโตร์ก ผู้ที่เอาแต่ใจ เอาแต่ใจ เอาแต่ใจตัวเอง 

เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ให้อภัยกับใครก็ตามที่มาทำลายความภาคภูมิใจของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเองก็ตาม ไม่มีทางที่ฮาโรลด์จะยอมแพ้จนกว่าริทเซลต์จะตาย

 

[ โอ้ แกยอมแพ้แล้วงั้นรึ ? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นนี้ สุดท้ายแกมันก็แค่เด็ก เอาอย่างงี้มั้ย ? ถ้าหากแกก้มหัวขอโทษและสาบานจะภักดีต่อข้า ข้าจะอภัยให้แก ]

 

อาจเพราะเขามั่นใจในชัยชนะของตัวเอง เขาจึงยื่นข้อเสนอนี้ออกมา ? ถึงสถานการณ์จะแตกต่างไปจากตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางที่ผมจะยอมรับข้อเสนอนั้นเด็ดขาด

 

[ ข้าเลือกที่จะตายดีกว่ายอมอยู่ใต้แก คนเดียวที่ข้าคนนี้เชื่อฟัง คือตัวข้าเอง ]

[ … เหอะ สุดท้ายแกมันก็เป็นเพียงไอ้เด็กโง่คนหนึ่ง ]

 

การมองเห็นของผมเริ่มพล่ามัว ลมหายใจของผมเริ่มติดขัด ผมรู้สึกราวกับร่างกายพร้อมที่จะทรุดลงไปทุกเมื่อ

ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจบการต่อสู้นี้ด้วยการโจมตีครั้งต่อไป

ที่ด้านหลังของผมยังมีผู้คนอีกหลายคนที่เริ่มลุกขึ้นไหวหลังจากได้รับเวทมนตร์รักษา

 

[ ไอ้พวกงี่เง่า ถอนตัวออกไปจากที่นี่ซะ พวกแกอยู่ที่นี่มีแต่จะเกะกะข้า ]

[ ตะ- แต่ว่า ]

[ ข้าจะไม่พูดซ้ำ ทาสุคุจะต้องเดือดร้อนแน่หากตัวตนของพวกแกถูกเปิดเผย ]

 

ยูโนะและคนอื่นๆไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก บางที เธอกำลังชั่งน้ำหนักความสำคัญระหว่างฮาโรลด์และตระกูลสุเมรากิ

คิดเช่นนั้นจริงหรือ ? มันแน่นอนอยู่แล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องช่างน้ำหนักด้วยซ้ำ

 

[ … เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าได้โปรด อย่างน้อยช่วยรับสิ่งนี้ด้วยค่ะ ]

 

ยูโนะยอมรับข้อเสนอด้วยใบหน้าข่มขื่น แต่ว่าก่อนที่เธอจะถอนตัวออกไป เธอใช้พลังเวทที่เหลือยู่เพื่อร่ายเวทรักษาให้แก่ผม ผมคิดว่าผมคงได้ยินเธอพึมพัมอะไรบางอย่างประมาณว่า “ดิฉันขอโทษ ดิฉันขอโทษค่ะท่านเอริกะ ..แต่”

ขอโทษสำหรับการรักษาบาดแผลของผม , เธอคงขอโทษต่อเอริกะ

เพราะสิ่งนี้มันเหมือนกับว่าเธอกำลังจะ “ทอดทิ้ง” ผม

เธอคงเกลียดผมที่ออกคำสั่งไปเช่นนั้น

แต่นั้นไม่เป็นไร นั้นเพราะนี่คือสิ่งที่ ฮาโรลด์ สโตร์ก เป็น

 

( … เพราะงั้น ผมอยากขอร้องนาย ฮาโรลด์ ได้โปรดให้ผมยืมพลัง”นาย”ด้วย!)

 

แม้ว่าตลอดการฝึก ”ท่า” นี้จนถึงตอนนี้ อัตราความสำเร็จอยู่ที่ราวๆ 20 % มันยังไม่ใช่อะไรที่สามารถนำไปใช่ในการต่อสู้จริงได้

ถึงกระนั้น มันเป็นทางเดียวที่ผมจะมีโอกาสเอาชนะริทเซลต์ได้

ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมเบาขึ้น คงเพราะเวทมนต์รักษาที่ยูโนะใช้ให้กับผม ราวกับเธอกำลังสนับสนุนอยู่ที่แผ่นหลังของผม

ผมไม่กลัวที่จะตาย แต่ถ้าหากผมพ่ายแพ้ริทเซลต์และพบจุดจบ …มันคง-

ผมเริ่มออกวิ่ง เลือดยังคงไหลออกจากบาดแผลที่ยังไม่ปิดสนิท แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรแล้วตอนนี้ ..

ผมเองก็ไม่รู้ว่าการบุกครั้งนี้จะปิดฉากลงอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว ขณะที่ถูกมองด้วยสายตาเย็นเฉียบมาจากริทเซลต์ ผมก็พุ่งเข้าไปประชันหน้าตรงๆ

เวทมนต์ถูกปลดปล่อยมาเพื่อสกัดกั้นผมเช่นเดิม ผมกระโดด! กระโดดข้าม! กระโดดต่อไป- แต่ทว่าก็มีน้ำแข็งก้อนหนึ่งดักรอผมอยู่แล้ว

ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ แน่นอนว่าคุณจะไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆกลางอากาศได้ สิ่งนี้จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

ใช่แล้ว หากผมยัง “ติดอยู่ในอากาศ” อะนะ 

 

ผมเคยเห็นภาพเหล่านี้หลายต่อหลายครั้งแล้วภายในเกมส์ และผมก็เคยใช้เทคนิคนี้กับตัวละครของผมหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน

ลองจินตนาการถึงแท่นเหยียบที่มองไม่เห็น ที่ลอยอยู่ในอากาศดูสิ

ร่างกายของผมโน้มไปข้างหน้าอย่างผิดปกติในอากาศ มันเป็นทิศทางที่เป็นไปไม่ได้ ดวงตาของริทเซลต์เบิกกว้างราวกับไม่เคยพบเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เพราะผมกำลัง”เตะ”ไปบนอากาศที่ไม่มีอะไรเลย 

ผมสามารถหลบก้อนน้ำแข็งพวกนั้นไปได้ ผมเร่งความเร็วด้วยการเตะไปยังอากาศที่ว่างปล่าว และร่างก็ของผมก็พุ่งออกไปในอีกทิศทางหนึ่งทันที

 

<Air Dash> (TL:เดินชมจันทร์ ?)

อืมชื่อท่ามันตรงๆแบบนั้นจริงๆ มันคือเทคนิคที่ช่วยเร่งความเร็วขณะอยู่ในอากาศ มันทำให้คุณสามารถวิ่งไปบนท้องฟ้าได้ และเป็นเทคนิคที่ขาดไม่ได้ในการต่อคอมโบต่างๆ

หากคุณกะระยะผิด มันจะกลับกลายเป็นคุณพุ่งเข้าหาการโจมตีของคู่ต่อสู้ทันที แต่ถ้าคุณสามารถใช้มันได้อย่างเหมาะสม คุณสามารถใช้สิ่งนี้ในการหลบหลีกการโจมตีหรือต่อคอมโบก็ได้

มันคือเทคนิคการต่อสู้ที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของ “ฮาโรลด์ สโตร์ก” ในเกมส์

ขณะบังคับให้เปลี่ยนทิศทางด้วยการเตะเท้าไปอย่างสุดแรงด้วยความเร็วสูงสุด กระดูกของผมเริ่มส่งเสียงคล้ายปริแตก กล้ามเนื้อของผมส่งเสียงฉีกขาดราวกับกำลังพังทลาย

ผมขบฟันแน่น และปล่อยผ่านเสียงกรีดร้องของร่างกายราวกับทำเป็นไม่ได้ยิน ผมได้แต่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เข้าโจมตีไปทั่วร่างกายของผม

ผมเร่งความเร็วแบบนี้ติดต่อกันหลายต่อหลายครั้งในอากาศ ผมไม่คิดหรอกนะว่า ริทเซลต์ผู้ที่น่าจะผ่านมาหลายสนามรบแล้วจะเคยเห็นอะไรแบบนี้หรอกนะ

มันเป็นความเร็วที่เร็วเกินกว่าจะตอบโต้ได้ทัน

เพียงพริบตาเดียว ผมก็ไปโผล่ที่ด้านหลังของริทเซลต์

ริทเซลต์พยายามที่จะหันกลับมาในทันที แต่ทว่ามันช้าไป ดาบของผมถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว

แขนขวาของเขาถูกฟันจนปลิวไปในอากาศ เหลือเพียงความรู้สึกดีที่ดังก้องอยู่ในมือของผม

ผมฟันซ้ำไปอีกครั้งจนชุดเกราะของเขาแตกออก ตามด้วยการโจมตีด้วยฝ่ามืออย่างรุนแรง จากนั้นก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเป็นแกนหมุนเพื่อหมุนตัวเตะร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ

 

แต่ การโจมตีของผมยังไม่จบ

 

ผมยกดาบขึ้นเหนือหัว ชี้ไปยังริทเซลต์ที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ แล้วผมก็ปลดปล่อยเวทมนต์ <Thunder Birds> ทันทีที่นกสายฟ้าเข้าปะทะ มันส่งร่างของเขาปลิวขึ้นไปไกลอีกหลายเมตร แต่ว่าผมยังไม่ยอมให้จบแค่นั้น ผมร่นระยะลงด้วย < Air Dash > ขึ้นไปบนอากาศ  (TL : ริทเซลต์บอกปล่อยกุตายเถอะ กุตายตั้งแต่โดนตัดแขนแล้วต่อด้วยฝ่ามือแล้ว)

 

จากนั้นผมก็ฟัน , ชก , เตะ ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนไป

 

ไม่เหลือภาพของเกราะอันงดงามของริทเซลต์อีกต่อไป มันถูกทำลายลง,แตกกระจาย, ปกคลุมไปด้วยฝุ่น, ชุ่มไปเลือด, และสภาพของผู้ที่สวมดูจะหนักกว่าชุดเกราะนี้ด้วยซ้ำ

 

10 วินาที ในช่วงเวลานั้น กว่า 50 คอมโบที่ผมโจมตีออกไป

 

10 วินาทีที่ริทเซลต์ถูกซัดจนลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ที่บนนั้น มีผมที่ลอยขึ้นไปสูงกว่าตำแหน่งของเขา ผมม้วนตัวปลดปล่อยลูกเตะอันทรงพลังมายังหน้าท้องของเขาเพื่อหวดเขากลับลงมาที่พื้น

 

[ ลาก่อน ]

 

ริทเซลต์ล่วงลงมากระแทกที่พื้น เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงที่ดังกึกก้องราวกับอะไรบางอย่างถูกทำลายลง

ซึ่งผมเอง ล่วงลงมายืนข้างๆร่างของเขา

เงียบ, มีเพียงความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจของผมเองที่ดังจนผิดปกติ

ที่หางตาของผม ผมก็เห็นปลายนิ้วของริทเซลต์กระตุกขึ้นนิดหน่อย

หลังจากโดนการโจมตีชุดนั้นไป ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงมีลมหายใจอยู่ แต่ก็จวนเจียนเต็มทน ดูเหมือนว่าเขาจะอึดกว่าที่ผมคิดเอาไว้ กล้ามเนื้อพวกนั้นคงไม่ได้มีไว้แค่โชว์จริงๆสินะ

 

หมอนี่ยังไม่ตาย ผมยังฆ่ามันไม่สำเร็จ ต้องฆ่ามันซะ

 

การรับรู้ของผมเริ่มขุ่นมัว ภาพรอบๆเริ่มพร่าเบลอ ผมส่งพลังไปแขนที่ยังคงจับดาบ จุดหมายมีเพียงอย่างเดียวคือแทงไปที่คอของริทเซลต์

 

[ ฮะ- .. ฮาโรลด์ .. ? ]

 

มันเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นเคย มันคือเสียงของบุคคลที่ผมพยายามจะช่วยชีวิตเอาไว้

ที่ตรงนั้น มีโรบินซัน ซิด(TL:ตอนก่อนๆน่าจะแปลเป็นชิโด้) ไอรีน กำลังยืนตะลึงอยู่ หากผมมองดีๆ โคดี้ก็อยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน

ทุกๆสิ่งที่ผมพยายามมาทั้งหมด … 

พวกเขาทั้งหมดปลอดภัย ในตอนที่ผมยืนยันสิ่งเหล่านี้ได้ ร่างกายของผม มันก็ – .. เรี่ยวแรงเริ่มหายไป

แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้ว่าเป็นผมล่ะ ? ดูเหมือนคำตอบกับเรื่องนี้คือหน้ากากที่ผมสวมเอาไว้มันหลุดออกไปแล้ว

 

( ชิ .. สงสัยจะหลุดในตอนที่ต่อสู้ล่ะมั้ง .. )

 

ผมได้แต่สงสัยว่าพวกเขาจะคิดยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้

ขณะนี้ผมกำลังสวมอยู่ในชุดของนายทหารของจักรวรรดิซาเรี่ยน มีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย และความจริงที่ว่า ผมเคลื่อนไหวนอกเหนือคำสั่งด้วยตัวคนเดียว และมาปรากฎตัวระหว่างการต่อสู้ของกองอัศวินกับเผ่าสเตลล่า

 

ภาพเหล่านี้จะทำให้พวกเขาคิดเช่นไรกันนะ ?

 

[ นะ- นายกำลังทำอะไรน่ะ .. ? ]

 

โคดี้ถามออกมา มันเป็นน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเหมือนดั่งเคย แต่ผมก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดจายั่วยุด้วยท่าทีสบายๆ ผมจึงพยายามบอกความจริงออกไป

 

[ …ชาย-…นายพลแห่งจักรวรรดิ-  ริทเซลต์ … เรื่องทั้งหมด….ฝีมือของพวกจักรวรรดิ .. พวกมันอยาก-…จับกุม-เผ่า..สเตลล่า … คนบงการคือ- ]

 

ผมมาถึงขีดจำกัดของผมแล้ว สติของผมขาดช่วงไป และผมยังไม่ทันได้สังหารริทเซลต์ ร่างของผมก็ล้มลงราวกับตุ๊กตาที่ถูกตัดสาย

 

 

◇ ◇ ◇

 

ภายในห้องที่ดูคล้ายกับศูนย์วิจัย มันเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่กำลังส่งเสียงดังออกมาแปลกๆ ที่นั้นมีชายคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านรายงานอะไรบางอย่างด้วยความสนใจ

เขามีผมยาวสีขาวซึ่งดูเหมือนมันจะไม่ได้ถูกดูแลเท่าไหร่ มันถูกปล่อยยาวถึงกลางหลัง แก้มของเขาดูซูบบางมากราวกับไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เช่นเดียวกับผิวของเขาที่ดุซีดราวกับไม่เคยเจอแสงอาทิตย์เลยซักครั้ง แถมรอยคล้ำที่ใต้ตาบ่งบอกถึงการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ

แม้สภาพร่างกายของเขาดูๆแล้วมันช่างห่างไกลจากคำว่าสุขภาพที่ดีนัก แต่ใบหน้าของเขาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวอย่างสนุกสนาน

 

[ ฮืมมม .. ภารกิตล้มเหลวงั้นรึ ? เอาเถอะชั้นเก็บตัวอย่างมาได้พอสมควรแล้ว อืม ที่ชั้นรู้สึกกังวล.. เกี่ยวกับเด็กคนนี้ …]

 

แน่นอนแม้โอกาสที่จะล้มเหลวมันเกือบจะเป็น 0 แต่ก็มีความไม่แน่นอนมากมายในโลกใบนี้ ไม่ว่าคุณจะเพิ่มความโอกาสมากสักเพียงไหน มันก็ไม่มีทางที่จะถึง 100 % ได้

ดังนั้นความล้มเหลวในครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ 

แล้วทำไมถึงล้มเหลวล่ะ ?

นั้นเพราะความไม่แน่นอนที่โผล่มาในครั้งนี้คือ ฮาโรลด์ สโตร์ก เด็กชายผู้ที่อายุเพียง 13 ปี

ผู้ที่อายุน้อยที่ในในประวัติศาสตร์ที่เข้าร่วมกับกองอัศวิน เขาฝ่าฝืนกฎระเบียบของอัศวินโดยการไม่ปฎบัติตามคำสั่งตั้งแต่ภารกิจแรกที่ได้รับ จากนั้นดูเหมือนเขาจะหายตัวไป และปรากฎตัวอีกครั้งในชุดของนายทหารของจักรวรรดิซาเรี่ยน

หากมองทั่วๆไปนี่คงเป็นการทรยศไม่ก็คงเป็นสายลับจากจักรววรดิ แต่มันกลับไม่ใช่เช่นนั้น เพราะที่จุดเกิดเหตุพบว่าเด็กคนนี้สังหารทหารของจักรวรรดิไปมากมาย 1 ในนั้นเป็นถึงระดับนายพลด้วย

เป้าหมายของฮาโรลด์นั้นยังไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆคือเด็กคนนี้รู้ว่าจะมีการโจมตีหน่วยอัศวิน

ถึงจะเชื่อว่าโอกาสที่แผนในครั้งนี้อาจถูกล่วงรู้ออกไปได้มีโอกาสค่อนข้างน้อย แต่ว่าฮาโรลด์กลับได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากที่ไหนซักแห่ง

หากข้อมูลที่ได้รับมาค่อนข้างแม่นยำ เด็กคนนี้มีเส้นสายข่าวสารที่ใหญ่ขนาดไหนกันแน่ ?

 

[ .. เธอเป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ ฮาโรลด์ ชั้นล่ะสงสัยจริงๆ เธอจะมาเป็นพลังให้กับชั้นได้รึปล่าว หรือ จะมาขวางทางกันแน่นะ ? ]

 

เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วห้อง แม้รอยยิ้มนั้นจะดูสงบ แต่มันก็แฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง

ราวกับต้องการขัดเสียงหัวเราะนั้น ประตูก็มีเสียงเคาะขึ้น

 

[ ท่านผู้อำนวยการ ถึงเวลาแล้วค่ะ  ]

[ … อืม ชั้นจะออกไปเดี่ยวนี้แหละ ]

 

ราวกับหยิบหน้ากากมาสวมเอาไว้ การแสดงออกทางสีหน้าของเขากลับกลายเป็นไร้อารมณ์ แต่ทว่า ผู้ช่วยของเขาที่คุ้นเคยกับการแสดงออกเหล่านี้กลับรู้สึกแตกต่างออกไปจากทุกที

 

[ มีอะไรดีๆเกิดขึ้นรึคะ ? วันดูท่านผู้อำนวยการจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ]

[ … อืมก็ ดูเหมือนชั้นจะพบตัวอย่างที่น่าสนใจชิ้นใหม่ ]

[ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะตอนนี้พวกเราเกือบจะเสร็จสิ้นงานวิจัยในปัจจุบันของพวกเราแล้วค่ะ ดังนั้นอย่าฝืนตัวเองเกินไปนะคะ ท่านผู้อำนวยการ จูสตัส ? ]

[ อืม ชั้นรู้ ]

 

จูสตัส ฟรอยด์ ตอบกลับมาขณะจ้องมองไปยังที่ใดซักที่หนึ่งที่อยู่ห่างไกล ด้วยดวงตาที่ดำสนิทไร้แสงใดๆภายในดวงตาคู่นั้น

 

—————————-

TL : ริทเซลต์บอกกุตายตั้งแต่โดนตัดแขนแล้วต่อด้วยฝ่ามือแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด