My Death Flags Show No Sign of Ending 109 ชะตาที่ปากไม่ให้หลีกเลี่ยง

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 109 ชะตาที่ปากไม่ให้หลีกเลี่ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

8 ปีแล้วที่ “ฮิราซาวะ คาซูกิ” ได้มาอยู่ในร่างของ “ฮาโรลด์ สโตร์ก”

ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากเรื่องที่ปากขี้เหยียดของเขาเป็นผู้ก่ออยู่เสมอ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เริ่มที่จะชินกับมันแล้วเช่นกัน

เขาจะไม่ชินกับมันได้อย่างไรล่ะ ? ถ้าหากเขามัวแต่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้ผู้อื่นเกลียดหรือทำร้ายคนอื่นอยู่เสมอแล้วล่ะก็ แบบนั้นเขาก็ไม่สามารถเปิดปากสื่อสารกับผู้อื่นได้กันพอดี

นอกจากนี้ แม้คำพูดที่ดูถูกเหยียดเหยียมผู้คนจะทำให้ตัวของฮาโรลด์เป็นคนน่ารังเกียจ แต่คำพูดเหล่านั้นกับไม่สอดคล้องกับการกระทำของเขาในภายหลัง ซึ่งสิ่งเล็กๆเหล่านั้นค่อยๆทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เขาจากเป็น “ไอ้ขยะเลวตัวพ่อ” กลายเป็น “ไอ้ขยะ” เฉยๆในสายตาผู้อื่น ซึ่งอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี และเหนือสิ่งอื่นใด ตัวของเขานั้นคุ้นชินกับการถูกเกลียดชังอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ชินเลยซักนิด

เขาพบว่า หากเขาต้องมาเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับฉากที่ฮาโรลด์เผชิญภายในเกมส์ ปากของเขาจะพูดประโยคเช่นเดียวกับที่ฮาโรลด์พูดภายในเกมส์ออกไปโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้

สิ่งนี้เกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่เขาอาสาที่จะเป็นคนสังหารคลาร่าด้วยตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์นั้นลงเอยที่เขาต้องแสร้งจัดฉากว่าเธอตายไปแล้ว และอีกครั้งในเหตุการณ์ที่พบกับยูสทัสตอนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน

แม้ว่าฉากที่พบกับยูสทัสในคุกจะไม่มีภายในเกมส์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะคล้ายกับฉากภายในเกมส์ที่ < ยูสทัสต้องการมอบพลังให้กับฮาโรลด์ > ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน

จากข้อมูลทั้งหมดที่มี ฮาโรลด์เดาว่าสิ่งนี้คือ < การเล่นตามบทบาท > เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่นำไปสู่การพัฒนาที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฮาโรลด์ภายในเกมส์ ซึ่งเขาคิดว่าไป หากเขาดำเนินเหตุการณ์ในลักษณะใหม่ๆที่ไม่คล้ายกับภายในเกมส์ < การเล่นตามบทบาท > จะไม่เกิดขึ้น

ฮาโรลด์ไม่สามารถพิสูจน์สมมุติฐานเหล่านั้นได้ เพราะถ้าหากเขาจงใจเริ่มต้นเหตุการณ์ให้เหมือนดั่งฮาโรลด์ภายในเกมส์เพื่อพิสูจน์สมมุติฐาน แต่เหตุการณ์ของฮาโรลด์ภายในเกมส์มันเชื่อมโยงกับธงมรณะอื่นๆทั้งนั้น เขาจึงไม่สามารถเสี่ยงทำอะไรแบบนั้นได้ 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ < การเล่มตามบทบาท > ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง และเป็นในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด

นั้นเพราะก่อนที่ฮาโรลด์จะพูดอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ทุกๆคนได้เข้าใจ ปากของเขาก็พูดประโยคจากฉากภายในเกมส์ที่กลุ่มของไลเนอร์ต้องเผชิญกับ ฮาโรลด์ สโตร์ก ในฐานะของศัตรูเป็นครั้งแรก

โดยปกติแล้ว เหตุการณ์นี้ควรเกิดขึ้นตั้งแต้เริ่มต้นเกมส์ได้ไม่นานนัก ตอนนั้นกลุ่มของผู้กล้าควรจะมีแค่ ไลเนอร์ คลอเล็ต และฮิวโก้ แต่สำหรับตอนนี้ กลุ่มของผู้กล้ากลับมี 6 คน และแถมนี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกระหว่างฮาโรลด์กับไลเนอร์อีกด้วย

 

( เวร! ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยฟร่ะ?! ) – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์พยายามใช้สมองคิดถึงความเป็นไปได้ว่าทำไมมันถึงตอนเป็นตอนนี้ด้วย และเขาก็นึกออกได้ข้อหนึ่ง

ครั้งแรกที่ฮาโรลด์ได้เผชิญหน้ากับไลเนอร์นั้นคือตอนงานประลองในเมืองเดลฟิต แม้ตอนนั้นพวกเขาจะเผชิญหน้ากัน แต่มันก็เป็นเพียงการต่อสู้แบบกระชับมิตร ไม่ใช่การต่อสู้จริง และอีกครั้ง ที่หุบเขาแห่งหมอก แต่ตอนนั้นฮาโรลด์ไม่ได้ต่อสู้ในฐานะตัวเอง เขาปลอมตัวว่าเป็นคนอื่น

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ฮาโรลด์ปรากฎตัวเข้ามาภายในฉากในฐานะลูกน้องของแฮร์ริสัน ซึ่งถือว่าเป็นศัตรูกับกลุ่มของไลเนอร์ เหมือนกับในเรื่องราวของเกมส์

 

( … บ้าเอ้ย ประมาจจนได้ ) – ฮาโรลด์

 

เหตุผลการเกิด < การเล่นตามบทบาท > นั้นยุ่งยากเกินไปกว่าฮาโรลด์จะเข้าใจเงื่อนไขของมัน อีกทั้ง ฮาโรลด์เองก็เคยสู้กับไลเนอร์มาแล้วก่อนหน้านี้ แถมสถานการณ์ต่างๆมันก็แตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก

เพราะเหตุนี้ ฮาโรลด์เลยไม่นึกถึงเลยว่า < การเล่นตามบทบาท > มันจะมาเกิดขึ้นในตอนนี้

 

[ นะ-นายพูดอะไรน่ะ ฺฮาโรลด์ … ] – ไลเนอร์

 

ไลเนอร์กล่าวอื่นมาอย่างสั่นเคลือ ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แม้ฮาโรลด์จะไม่ใช่เพื่อนร่วมทาง แต่เขาก็เป็นพันธมิตร แต่ทว่า จู่ๆ กับพูดอะไรที่บ่งบอกว่าพวกเราเป็นศัตรูกัน ด้วยความใสซื่อของไลเนอร์ คงไม่แปลกอะไรถ้าหากเขาจะเข้าใจไปในทิศทางนั้น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าสับสนและสงสัยในระดับที่แตกต่างกันอีกไป

แต่ทว่า กลับมีเพียงคนเดียวที่ยังคงต้องมองฮาโรลด์ด้วยสีหน้าจริงจัง นั้นก็คือ เอริกะ  แต่ฮาโรลด์ก็บอกไม่ได้ว่านั้นเป็นสีหน้าที่มาจากความรู้สึกเกลียดชังหรือไม่ แต่มันดูราวกับเธอไม่มีความสุข หรือ เศร้า หรือความรู้สึกใดๆเลย …. อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดถึงเรื่องเหล่านี้

 

[ ที่ท่านฮาโรลด์พูด จริงจังรึปล่าวคะ ? ] – เอริกะ

[ ถ้าอยากรู้ ? ทำไมเธอไม่ลองก้าวขาออกไปดูล่ะ จะได้รู้ว่าชั้นจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆตามที่พูดหรือปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์พยายามที่จะปฎิเสธคำถามของเอริกะ แต่ทว่า ปากของเขากับพ่นคำยั่วยุออกไปแทน กล่าวโดยสรุป มันกลับไปลูปเดิมๆที่ปากของเขามักจะทำ

แต่ไม่เป็นไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ วิธีเดียวที่จะแก้ไขเรื่องพวกนี้ให้มันถูกต้องนั้นคือการแสดงให้เห็นด้วยการกระทำที่เขาภาคภูมิใจ

อันดับแรก ฮาโรลด์หันหลังกลับ การเปิดเผยแผ่นหลังให้แก่ไลเนอร์และคนอื่นๆเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้ และด้วยลักษณะนิสัยของพวกไลเนอร์ ไม่มีทางที่พวกเขาจะโจมตีศัตรูทีเผลอแบบนี้แน่ ดังนั้นจึงปลอดภัยพอสมควร

ขณะที่ยังหันหลังให้ทุกคนอยู่ เขาก็เดินไปยังมุมหนึ่งของคฤหาสน์

เขาเดินไปยังห้องเก็บของแห่งหนึ่ง ที่กินเนื้อที่เกือบ 1 ใน 3

เขาพยายามหมุนลูกบิดประตูโรงเก็บของด้วยมือเปล่า แต่มันก็ถูกล็อคเอาไว้ ดังนั้นทางเลือกสุดท้าย เขาจึงใช้ดาบพังประตู และเข้าไปด้านใน

ภายในนั้นเขาพบกับอาวุธจำนวนมากมาย เขาจำได้ว่าภายในเกมส์นั้น ที่นี่มีเพียงดาบและขวานที่ถูกแขวนไว้ตามผนังเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น ซึ่งมันอาจเป็นความแตกต่างเล็กๆน้อยๆที่ไม่สำคัญอะไร

ถึงกระนั้น ในหมู่อาวุธจำนวนมากที่ถูกจัดแสดงไว้ มีบางอันที่ดูโดดเด่นกว่าชิ้นอื่นอย่างชัดเจน อาวุธเหล่านั้นถูกตั้งไว้กลางห้อง มันคือดาบที่ถูกขโมยมาจากตระกูลกริฟฟิท และอาวุธที่ ฮาโรลด์ ลิเลี่ยม และเวนโตส รวบรวมมาจากซากปรักหักพัง

อาวุธพวกนี้สามารถเพิ่มพลังรบให้แก่ปาร์ตี้ผู้กล้าได้เป็นอย่างมาก แต่ทว่า หากมีเพียงแค่อาวุธเหล่านี้ ถ้าพวกเขาไปสู้กับบอสตัวสุดท้ายก็คงพ่ายแพ้อยู่ดี ซึ่งฮาโรลด์ได้เตรียมวิธีแก้ปัญหาเอาไว้ให้โดยผ่านทางกลุ่มฟรีรี่แล้ว

สำหรับตอนนี้ ถ้าพวกเขาได้รับอาวุธเหล่านี้ไป พวกเขาก็จะสามารถเดินทางผ่านเควสต่างๆได้อย่างราบรื่น

 

[ เอาไปสิ  นายกำลังหามันอยู่ไม่ใช่รึไง ? ] – ฮาโรลด์

 

ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็หยิบดาบแกรมแกรนด์ที่ถูกขโมยไปจากตระกูลกริฟฟิทออกมา … หรือก็คือ ดาบที่เขาเป็นคนไปขโมยมาด้วยตัวเอง และโยนมันไปทางไลเนอร์

มันหมุนโค้งเพียงเล็กน้อยก่อนปักลงที่ด้านหน้าของไลเนอร์

อย่างไรก็ตาม ไลเนอร์กลับไม่พยายามหยิบมันขึ้นมา แต่ทว่า ใบหน้าของเขากลับยิ่งบิดเบี๊ยวมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ คลอเล็ตจึงพูดขึ้น

 

[ ทะ- ทำไม .. ทำไมท่านฮาโรลด์ถึงรู้ว่าดาบเล่มนี้เป็นของไลเนอร์ล่ะคะ ? ] – คลอเล็ต

 

คำตอบนั้นก็เพราะฮาโรลด์รู้มาจากเกมส์ และเขาเป็นคนที่ขโมยมันเอง แต่ไม่ว่าจะข้อใดๆ เขาก็พูดคำตอบออกไปไม่ได้

ฮาโรลด์ยังไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เขาพูดไปนั้นมันแปลกตรงไหน ? นั้นเพราะเขาไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ฮาโรลด์กระทำนั้น เป็นการยืนยันว่า ฮาโรลด์ คือ “โจร” ที่ไปบุกบ้านของตระกูลกริฟฟิทและขโมยดาบ

อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปของคลอเล็ต ก็ทำให้ฮาโรลด์กระจ่าง

 

[ แม้กระทั้งไลเนอร์เองก็ยังไม่เคยเห็นดาบเล่มนั้นมาก่อน แต่ท่านฮาโรลด์กลับ … ] – คลอเล็ต

 

เดิมทีแล้ว ดาบแกรมแกรนด์ไม่มีฝักดาบแต่อย่างใด ดังนั้นมันจึงถูกเก็บอยู่ภายในกล่องเหล็ก อย่างไรก็ตาม ภายในโรงเก็บของนั้น มันถูกตั้งโชว์อยู่กลางห้องอย่างเปิดเผย ทำให้เขาหยิบมันออกมาเช่นนั้น และเนื่องจากไลเนอร์เองก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นคนที่ควรจะรู้ว่าดาบเล่มนั้นลักษณะเป็นอย่างไรคือผู้ที่เป็นคนค้นพบมันที่ซากปรักหักพังหรือก็คือมีเพียงแค่ โอเบลและลีโอน่า ผู้เป็นพ่อแม่ของไลเนอร์เท่านั้น

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่ฮาโรลด์รู้ว่าเป็นดาบเล่มนี้ทั้งๆที่เห็นเป็นครั้งแรก และประกอบกับสถานการณ์ในตอนนี้ พวกไลเนอร์คงเชื่อมโยงได้ไม่ยากว่าฮาโรลด์นั้นเกี่ยวข้องกับพวกที่ขโมยดาบไป

เมื่อเห็นปฎิกิริยาของไลเนอร์ และ คลอเล็ต มันชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังมีความคิดไปในทิศทางนั้น

แม้ว่าสถานการณ์มันเริ่มจะซับซ้อนกว่าที่พวกเขาไลเนอร์คิดเอาไว้ แต่ความจริงของเรื่องก็คือ พวกเขาคิดถูก

ไม่มีเวลาให้ฮาโรลด์หาคำพูดแก้ตัวอีกแล้ว แถมการเอาแต่นิ่งเงียบยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด

เขาต้องปฎิเสธมัน ปฎิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเลือกที่จะใช้คำพูดอย่างระมัดระวังที่สุด อย่างไรก็ตาม—

 

[ ถามอะไรออกมา ? นี่ยังจะต้องให้ชั้นสะกดมันให้ฟังชัดๆอีกรึไง ? ] – ฮาโรลด์

 

ผลที่ได้ก็คือคำพูดเหล่านั้นถูกพ่นออกมาแทน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำตอบที่มองไปยังมุมไหนก็ได้ แต่ในสถานการณ์นี้ การให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน ถือว่าเป็นการยืนยันความถูกต้องไปโดยปริยาย

เป็นไงล่ะ ? การแก้ปัญหาด้วยการกระทำที่เขาแสนภาคภูมิใจ ? สุดท้ายมันก็จบลงที่ความล้มเหลว ทั้งหมดเกิดจากความประมาทของเขา

 

( อะไรวะเนี้ย ? ธงแห่งความมั่นใจเกินเหตุรึไง ?  ผมประมาทไปซะได้ ! ) – ฮาโรลด์

 

สมแล้วที่เป็น “ฮาโรลด์” คาดหวังอะไรไม่ได้ซักอย่าง เขาคิดขณะหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง

ในที่สุด มันก็มาถึงจุดที่ เขาอยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ก็นะ ในโลกความเป็นจริง อะไรๆมักไม่เป็นอย่างที่หวัง

 

[ ทำไม … ทำไมนายถึง– ผมคิดมาตลอดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน!! ] – ไลเนอร์

 

ไลเนอร์หยิบดาบแกรมแกรนด์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ขณะจ้องมองมายังฮาโรลด์ น้ำตาของเขาก็เริ่มเอ่อล้นราวกับพร้อมที่จะไหลออกมาอยู่ทุกเมื่อ

สำหรับไลเนอร์ ผู้ที่จิตใจดี ซื่อตรง และจริงใจ เขาให้ความสำคัญกับคำว่าครอบครัวและพวกพ้องเป็นอันดับแรก และฮาโรลด์ที่รู้ถึงบุคคลิกของไลเนอร์เป็นอย่างดี เหตุการณ์ในครั้งนี้คงทำให้เขาใจสลายเป็นแน่

ไม่มีคำโกหกใดๆจากปากของไลเนอร์ที่กล่าวว่าฮาโรลด์นั้นเป็นเพื่อนของเขา และการที่พบว่า คนที่ถูกนับเป็น “เพื่อน” กับเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ทำร้ายพ่อแม่ของเขา มันคงทำให้เขาทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ อย่างล้นหลาม

จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียดยิ่งขึ้น ไลเนอร์กำดาบของตนเอาไว้แน่น พร้อมกับตั้งท่าที่จะต่อสู้ และปลดปล่อยแรงกดดันเข้าข่มขู่คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

ฮาโรลด์เองก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน เขายอมแพ้ให้กับสถานการณ์ตรงหน้านี้แล้ว และเดาว่า “ไม่มีว่าจะยังไง สุดท้ายคงจบลงที่ต้องสู้กัน”

ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่มันครงกันข้ามเลยต่างหาก เพราะจากความรู้ที่ได้รับมาจากเกมส์ ทำให้เขามั่นใจว่าสุดท้ายแล้วยังไงการต่อสู้ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

[ … คำว่า ”เพื่อน” มันเป็นสิ่งที่ไร้ค่าสำหรับชั้น ลืมที่ชั้นเคยบอกไปแล้วรึไง ? มีแต่ผู้อ่อนแอเท่านั้นที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ] – ฮาโรลด์

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็หวังเอาไว้ลึกๆว่าเขาจะไม่ต้องสู้กับไลเนอร์และคนอื่นๆ ไม่อยากจะปะทะดาบกับชายผู้สุดแสนใจดี ที่วันหนึ่งจะกลายเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้โลกใบนี้ เขาไม่ต้องการให้เส้นทางของพวกเราต้องตัดผ่านกันเลย

มีบางครั้งที่เขาคิดว่าหากเขาเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้แตกต่างจากเนื้อเรื่องในเกมส์จนมาถึงจุดๆหนึ่ง เขาอาจจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้นี้ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายความปรารถนาของเขาก็ถูกทำลาย เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้และยอมแพ้ ฮาโรลด์จึงก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเปิดสวิตช์ในจิตสำนึกของเขา

 

[ ฮาโรลด์ ผมไม่ปฎิเสธหรอกนะว่านายน่ะแข็งแกร่ง … แต่ว่า ทำไมนายไม่ใช่ความแข็งแกร่งเหล่านั้นเพื่อปกป้องผู้อื่นแทนที่จะทำร้ายพวกเขากัน ? ทำไมนายไม่หยุดยั้งคนพวกนั้นก่อนที่พวกเขาจะทำเรื่องร้ายๆ ทำไม!! ] – ไลเนอร์

 

สายตาของไลเนอร์กำลังบ่งบอกว่าคำพูดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ ลิเลี่ยมและเวนโตสที่กำลังสลบอยู่บนม้านั่ง

 

[ แน่นอนว่าชั้นทำได้ ต่อให้ 2 คนนั้นเข้ามาพร้อมกันก็ไม่คณามือชั้นซักนิด ] – ฮาโรลด์

[ แล้วทำไม ! ทำไมนายถึงปล่อยให้ ท่านแม่กับท่านพ่อมของผ—- ] – ไลเนอร์

[ เพราะมันจำเป็น ] – ฮาโรลด์

 

นั้นคือฟางเส้นสุดท้าย

ด้วยการก้าวเพียงครั้งเดียว ไลเนอร์พุ่งเข้าปิดระยะห่างระหว่างเขากับฮาโรลด์ได้อย่างรวดเร็ว ไลเนอร์รวดเร็วกว่าตอนที่ฮาโรลด์ได้เห็นเขาต่อสู้ที่หุบเขาแห่งหมอกกว่าเดิมหลายเท่า และการโจมตีนั้นเฉียบคมเกินกว่าคนธรรมดาทั่วๆไปจะทำได้

แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือดาบแกรมแกรนด์ในมือของไลเนอร์ ดาบเล่มนั้นมีความสามารถในการดูดซับพลังเวทมนตร์ที่อยู่รอบๆและเปลี่ยนมันเป็นพลังโจมตี เมื่อดาบเล่มนั้นถูกเหวี่ยงลงมา ใบดาบก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ราวกับตอบสนองต่อความโกรธของไลเนอร์

ดาบเพลิงเล่มนี้พยายามเผาผลาญทุกสิ่งที่มันสัมผัส ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็ใช้ดาบทั้ง 2 ของเขาไขว่กันเพื่อตั้งรับและใช้แรงทั้งหมดเพื่อดันไลเนอร์กลับจนเขากระเด็นถอยไปข้างหลังหลายต่อหลายก้าว

 

[ อึก .. ! ] – ไลเนอร์

 

ไลเนอร์ฟินทนต่อแรงกะแทกและรักษาความมั่นคงเอาไว้ด้วยขาทั้ง 2 แม้ว่ามันจะทำให้เขาไถลไปหลายต่อหลายก้าว

 

อย่างไรก็ตาม

 

( นี่มันไร้สาระสิ้นดี!!  จะทำให้พวกเขาบาดเจ็บกับเรื่องไร้ค่าพวกนี้ไม่ได้ ! บ้าเอ๊ย สถาการณ์เลวร้ายมาก ผมต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่งั้นอาจพลาดทำให้—- ) – ฮาโรลด์

 

ในขณะที่ฮาโรลด์พยายามจะก้าวไปข้างหน้า ก็มีการโจมตีหนึ่งโจมตีมาที่บริเวณเท้าของเขา

การระเบิดนั้นทำให้เกิดหลุมความกว้างเกือบ 1 เมตร และที่ใจกลางของหลุมนั้นมีลูกธนูปักอยู่ 1 ดอก ไม่ต้องเดาให้ยากเลย เพราะ ณ สถานที่แห่งนี้มีเพียงคนเดียวที่ใช้ธนู

 

[ << Wind fan Strike >> ] – เอริกะ

 

เธอเริ่มต้นร่ายเวทมนตร์ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ และเป้าหมายนั้นมุ่งตรงมายังฮาโรลด์ ไม่ใช่ฝีมือของใครอื่น เอริกะนั้นเอง

ขณะมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ฮาโรลด์ไม่เห็นถึงความเสียใจหรือความโกรธใดๆ สิ่งที่เห็นมีเพียงภาพสะท้อนจากตัวเขา และความเฉยชาที่เข้ากับบุคลิกของเธอ เมื่อประกอบกับความงดงามของเธอแล้ว ทำให้เธอดูราวกับตุ๊กตาที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต มันคือความงดงามที่แฝงมาด้วยความเยือกเย็น

 

[ ท่านฮาโรลด์ ดิฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ] – เอริกะ

 

จู่ๆ เอริกะก็พูดขึ้น แม้ว่าจะเริ่มการโจมตีไปแล้ว

 

[ …. แล้วไง ? ] – ฮาโรลด์

[ ถึงแม้ดิฉันจะถามท่านว่าทำไมพวกเราถึงต้องสู้กันด้วย แต่ดิฉันเดาว่าคงไม่ได้รับคำตอบใดๆจากท่านอยู่ดีสินะคะ ? ] – เอริกะ

[ …. ]  – ฮาโรลด์

 

เอาจริงๆ ฮาโรลด์ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่จะต้องสู้กับไลเนอร์และคนอื่นๆที่นี่ ที่เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเพราะเขาถูกบังคับโดยปากที่ควบคุมไม่ได้ของเขา ซึ่งทำให้เหตุการณ์ต่างๆพัฒนาจนคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นภายในเกมส์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฮาโรลด์จะพยายามอธิบายให้ฟัง แต่ใครจะเชื่อ ?

ซึ่งฮาโรลด์ ก็ทำได้เพียงเงียบ และไม่สามารถตอบอะไรได้

 

[ … ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่สำคัญอะไรอยู่แล้ว เพราะถ้าหากท่านฮาโรลด์ต้องการที่จะสู้ หรือมีเหตุผลที่จะต้องสู้กับพวกเรา ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็จะสู้กับท่านค่ะ ] – เอริกะ

[ …. เธอเป็นผู้หญิงที่ยุ่งยากเหมือนดั่งเคย ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีไว้เพื่อเยาะเย้ยใคร แต่มันเป็นรอยยิ้มที่มีไว้เยาะเย้ยตัวเอง

ในเรื่องราวของเกมส์นั้น เอริกะเป็นตัวละครประเภทที่ “พูดคุยกันก่อนถ้าถึงที่สุดค่อยสู้กัน” อยู่เสมอ ในฐานะ 1 ในตัวละครของเกมส์ RPG เธอไม่มีปัญหาที่จะต้องสู้กับใครหรืออะไรก็ตาม เนื้อเรื่องส่วนนี้มาจากบุคลิกของเธอที่มาจากภายในเกมส์เท่านั้น เธอไม่เคยออกหน้าว่าต้องการที่จะสู้เลยซักครั้ง แม้ว่าการต่อสู้นั้นจะเกิดขึ้นกับเธอก็ตาม

ตัวตนของเธอเป็นดั่งนักบุญผู้โหยหาสันติ และหลีกเลี่ยงทุกๆสิ่งที่จะต้องทำให้เธอใช้ความรุนแรงเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อรู้ถึงขนาดนี้ แต่ทำไมเอริกะในตอนนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์กับฮาโรลด์ถึงขนาดนี้

และฮาโรลด์ก็ไม่สามารถโทษใครได้เลยนอกเสียจากตัวเองที่ปล่อยให้เรื่องต่างๆกลายเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีสิทธิ์บ่นถ้าเธอจะแสดงความเป็นศัตรูกับเขา

เอริกะยกคันธนูขึ้น ดึงสาย และเล็งไปทางฮาโรลด์อีกครั้ง 

แม้ช่วงเวลาจจะแตกต่างจากในเนื้อเรื่องของเกมส์ แต่ดูเหมือนว่า การต่อสู้ระหว่างฮาโรลด์และปาร์ตี้ของผู้กล้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆแล้ว ตอนนี้

 

[ พวกเรามาสู้กันเถอะค่ะ ] – เอริกะ

 

จากคำพูดของเอริกะ ในที่สุดม่านของเวทีแห่งการต่อสู้ได้ถูกเปิดขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด