My Death Flags Show No Sign of Ending 28

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 28 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่การประลองระหว่างไรเนอร์และฮาโรลด์ได้จบลง คลอเล็ตที่กำลังตกตะลึงหลังจากได้เห็นการต่อสู้ของทั้ง2 ทันทีที่รู้สึกตัว เธอก็เริ่มออกวิ่งไปหาไรเนอร์ทันทีที่เห็นเขาทรุดลง

เวทย์มนตร์ที่ฮาโรลด์ปลดปล่อยออกมาในตอนท้ายนั้น ถึงมันจะไม่มีเป้าหมายที่ไรเนอร์ แต่มันก็ไม่การันตีว่าไรเนอร์จะไม่เป็นอะไร โดยที่ไม่ฟังพ่อของไรเนอร์ หรือก็คือโอเบลที่พยายามจะปรามเธอให้ใจเย็นๆ คลอเล็ตขยับขาของเธอด้วยความกระวนกระวายใจ

แต่เมื่อเธออยู่ห่างจากห้องพยาบาลอีกเพียงเล็กน้อย เธอกลับถูกขัดขวางโดยฝูงชน ขณะคิดว่า “ทำไมคนเยอะจัง ?” คลอเล็ตพยายามแทรกตัวผ่านฝูงชนด้วยความแน่วแน่ พลางส่งเสียง “ขอโทษค่ะ!” [ ขอให้ชั้นผ่านหน่อยค่ะ! ] ด้วยแขนที่ผอมเรียว เธอพยายามแทรกตัวของเธอผ่านเข้าไป

จู่ๆ ฝูงชนก็แยกตัวออกทันที อาจเพราะแรงดันจากฝูงชนที่จู่ๆหายไป คลอเล็ตจึงสะดุดไปด้านหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังก่อน เธอยังประคองการทรงตัวของตนเองได้ ในขณะที่เธอพยายามจัดท่าทางที่เกือบจะล้มลงให้เข้าที่ ทันทีที่เธอเหงยหน้าขึ้น ดาวตาของเธอก็ประสานกับฮาโรลด์

 

[ อะ … ]

 

เธอเผลอส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ดูเหมือนฝูงชนที่แยกออกเป็น 2 ฝั่งอาจเพราะหลบเลี่ยงฮาโรลด์ ถ้าหากเธอมองดูรอบๆดีๆ มันเกิดช่องว่างระหว่างฝูงชนกับตัวเขาเป็นวงกลมล้อมรอบ เธอเข้าใจดี หากใครก็ตามได้เห็นการโจมตีด้วยสายฟ้านั้นของฮาโรลด์ ขาของพวกเขาก็คงหมดเรี่ยวแรงเป็นแน่หากต้องเผชิญหน้ากับฮาโรลด์ ตลอเล็ตเองก็เช่นกัน เธอคงเป็นอย่างพวกเขาหากเธอไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากฮาโรลด์มาก่อนในอดีต

แต่กระนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะพูดคุยกับเขาได้อย่างปกติในทันที มีคำพูดและคำขอบคุณมากมายที่เธอต้องการจะสื่อออกไป แต่หลังจากที่ได้เห็นผู้มีพระคุณกับเพื่อนสมัยเด็กของเธอต่อสู้กัน ทำให้ในตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก มันจึงทำให้เธอไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดใดๆได้

ราวกับไม่สนใจอารมณ์ของเธอ ฮาโรลด์เริ่มพูดในทันที

 

[ หมอนั้นน่ะหรอ ? ] 

[ เอ๊ะ …. ? อะ ! ช-ใช่ค่ะ ! ]

 

อาจเพราะจิตใจของเธอถูกรบกวนอย่างหนัก แม้คำตอบของเธอยังพูดออกไปอย่างติดๆขัดๆ อย่างไรก็ตาม เธอก็เข้าใจดีในความหมายที่ฮาโรลด์จะสื่อและได้ตอบกลับไป

 

[ ข้าจำได้ว่าข้าบอกเธอไปแล้วให้เอาสิ่งนั้นให้คนที่สามารถปกป้องเธอได้ ทำไมเลือกไอ้คนอ่อนแอพรรณ์นั้น ? ]

 

“สิ่งนั้น” คงจะเป็นสร้อยคอที่ฮาโรลด์ให้กับเธอเมื่อ 3 ปีก่อน ในวันนั้นที่ไรเนอร์รับสร้อยคอมา เขาก็สวมมันไว้ที่คอตลอด ในระหว่างการต่อสู้ ฮาโรลด์คงเห็นมันและรู้ได้ทันทีว่าไรเนอร์คืออัศวินที่จะปกป้องคลอเล็ต

 

[ ระ-ไรเนอร์ไม่อ่อนแอซักหน่อย เขาจะปกป้องชั้น ]

 

คลอเล็ต ได้แต่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแสนเปราะบาง อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้หลบตาจากฮาโรลด์ขณะกล่าว

 

[ อืม. ก็ดี หากพอใจกับการถูกปกป้องแค่นี้ก็ไม่เห็นเป็นไร ผู้ขี้ขลาดย่อมหลบอยู่หลังผู้ที่อ่อนแอ อย่างเธอก็คงทำได้แค่นั้น ]

[ ทำไมคุณถึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา…… ]

 

ทำไมฮาโรลด์ถึงต้องดุด่าพวกเธอทั้ง 2 คลอเล็ตไม่เข้าใจเหตุผลในสิ่งที่ฮาโรลด์ทำเลย แต่มันค่อนข้างเจ็บปวดเป็นอย่างมากที่ถูกฮาโรลด์ดุด่า

 

[ เธอก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่หรอ ? ตัวตนที่อ่อนแอ และ ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำอะไรได้ มันเป็นยังไง ? เอาเถอะถึงแม้จะผ่านมาได้แต่ก็ยังเลือกเส้นทางเดินชีวิตเฉกเช่นคนขี้ขลาดก็เหมาะสมกับตัวเองดี ข้าไม่สนใจหรอก ]

 

หลังจากคำพูดจบลง ราวกับว่าหมดความสนใจในตัวคลอเล็ต ฮาโรลด์ก็จากไป การพบกันอีกครั้งของบุคคลที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้จบลงด้วยคำพูดเพียง 2-3 ประโยค มันดูราวกับว่าเธอถูกทิ้งไว้ฝ่ายเดียวอีกแล้ว

“ทำไม” มีเพียงคำๆนี้ที่ยังวนเวียนอยู่ภายในหัวของเธอ ทำไมฮาโรลด์ผู้ที่ช่วยชีวิตแม่และเธอถึงต้องพูดจารุนแรงกับเธอแบบนี้ด้วย

อาจเพราะไม่สามารถเข้าใจเหตุผลได้ ในตอนที่เธอรู้สึกตัวอีกที น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา อาจเพราะเกิดจากการกระทำที่ไร้เหตุผลของฮาโรลด์ หรือไม่ก็เพราะความโศกเศร้าที่ถูกฮาโรลด์ทอดทิ้ง

เธอเช็ดน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อล้มออกมาด้วยแขนเสื้อ และเมื่อหันไปทิศทางที่ฮาโรลด์เดินจากไป แผ่นหลังของเขานั้นดูห่างไกลเป็นอย่างมาก หากว่านี่คือช่องว่างระหว่างเธอและเขา คลอเล็ตอยู่รู้สึกเจ็บปวดหัวใจราวกับถูกบีบรัด

 

[….. ช-ใช่แล้ว ชั้นต้องไปหาไรเนอร์ ]

 

คลอเล็ตพึมพัมกับตัวเองอย่างไร้เรี่ยวแรง ราวกับพยายามจะหนีบางสิ่งที่เธอไม่อยากมอง เธอมุ่งไปยังทิศตรงข้ามกับฮาโรลด์ และเมื่อเธอไปถึงห้องพยาบาล เธอก็พบไรเนอร์ที่นอนหลับอยู่ ตามที่คุณหมอพูดคุยกับโอเบลที่มาถึงช้ากว่าเธอเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าไรเนอร์จะหมดสติลงเพราะความอ่อนล้าเพียงเท่านั้น และแทบไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกใดๆเลย

คุณหมอบอกอีกว่าสักพักเขาคงจะตื่นขึ้นเพราะตอนนี้ได้ใช้เวทย์รักษาทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว

ไรเนอร์นอนหลับสนิทอยู่ราวๆ 10 นาทีหลังจากนั้น ตาของเขาก็เริ่มที่จะเปิดออก

 

[ ไรเนอร์ !! ]

[ คลอเล็ต …. ? อุว้าา ! ]

 

ทันทีที่ไรเนอร์ลืมตาตื่นขึ้น คลอเล็ตก็พุ่งเข้าไปกอดเขาทันที ไรเนอร์ได้แต่สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ทันทีที่เขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์ ใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใหญ่รอบๆ รวมถึงโอเบล ราวกับอ่านบรรยากาศได้ก็เริ่มถยอยออกจากห้องไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ คลอเล็ต เธอไม่มีปฎิกิริยาใดๆนอกเสียจากโอบกอดแน่นขึ้น

 

[ ชั้นดีใจนะ…. ]

[ อะไรหร-.. อ้อใข่แล้ว ผมแพ้นินา ]

 

เมื่อตระหนักได้ว่าถูกบังคับให้นอนลงที่เตียง เขาจึงนึกถึงการประลองก่อนหน้านี้ แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใดๆ

 

[ นายไม่เป็นไรนะ ? เจ็บตรงไหนรึปล่าว ? ]

[ ผมไม่เป็นไร ฮาโรลด์ออมมือให้น่ะ ]

 

ทันทีที่ได้ยินชื่อของฮาโรลด์ออกจากปากของไรเนอร์ สีหน้าของคลอเล็ตก็เริ่มมืดมนลง จริงๆเธอก็ไม่อยากจะรู้สึกแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับฮาโรลด์ก่อนหน้า อารมณ์ของเธอก็เริ่มปั่นป่วน ไรเนอร์ที่สังเกตถึงสีหน้าคลอเล็ตจึงถามออกไป

 

[ มีอะไรเกิดขึ้นหรอ ? ]

 

ดวงตาและน้ำเสียงของไรเนอร์บ่งบอกถึงความกังวลของเขา จากวันนั้น ที่พวกเขาทั้ง 2 สัญญาซึ่งกันและกัน ไรเนอร์พยายามที่จะปกป้องคลอเล็ตอยู่ตลอด และเพราะไรเนอร์ทำเช่นนั้น คลอเล็ตจึงเชื่อในตัวเขาถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นฮาโรลด์ เธอก็ไม่ยอมที่จะให้เขาดูถูกไรเนอร์ได้

 

[ พูดออกมา ไรเนอร์ ]

[ ห๊ะ ? ]

[ ไรเนอร์จะปกป้องชั้นใช่มั้ย ? ]

[ ใช่ ผมสัญญาไว้แล้ว…. จริงสิ ผมพึ่งผิดสัญญาไปเพราะแพ้ตะกี้นินา ]

 

เหมือนเขาจะนึกออกและเริ่มที่จะเกาหัว ราวกับต้องการให้กำลังใจ คลอเล็ตจึงตอบกลับพร้อมกับเสียงหัวเราะ 

 

[ ไรเนอร์ไม่อ่อนแอนะ ]

[ เอ๊ะ ? ]

[ ถึงแม้นายจะแพ้ให้กับท่านฮาโรลด์ แต่ว่านายจะต้องชนะในการดวลครั้งต่อไปแน่ ]

[ ใช่ผมต้องช- …. เอ๊ะเดี่ยวนะ ท่านฮาโรลด์ ? คลอเล็ครู้จักฮาโรลด์ด้วยหรอ ? ]

[ อ่าใช่ ในอดีต เขาเคยช่วยชีวิตชั้นและแม่เอาไว้ สร้อยคออัศวินที่ชั้นมอบให้ไรเนอร์มันเป็นของที่ท่านฮาโรลด์เคยให้ชั้นไว้เมื่อก่อน ]

[ เป็นงั้นเองหรอกหรอ … หรือว่า เค้าเป็นขุนนาง ? ]

[ ใช่แล้วล่ะ ]

[ คิดไว้แล้วเชียว สุดยอดเลยหมอนั้น เขาเก่งและแข็งแกร่งมากๆ ทั้งใช้เวทย์มนตร์ได้ แถมยังเป็นขุนนางอีก ]

 

“สุดยอดด” มันเป็นความประทับใจที่เรียบง่าย แต่มันคือความรู้สึกอย่างแท้จริง คลอเล็ตเองก็คิดเช่นนั้น สิ่งที่ฮาโรลด์แสดงให้เห็นในการประลองกับไรเนอร์นั้นคือความห่างชั้นระหว่างเขากับไรเนอร์

แม้ว่าไรเนอร์จะเป็นเด็กที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน บางครั้งเขาก็สามารถจัดการมอนเตอร์ดุร้ายเพียงลำพังได้ด้วย ถึงกระนั้นฮาโรลด์ก็ยังเอาชนะเขาได้อย่างท่วมท้น

เขามีทั้งพลังที่จะต่อสู้และพลังที่จะปกป้องคนอื่นๆ นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกขอบคุณฮาโรลด์ มันเป็นความรู้สึกที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจและถือเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การนับถือด้วย แต่เธอได้แต่ช๊อคเพราะความรู้สึกเหล่านั้นกับถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี

 

[ ถึงกระนั้น หมอนั้นจะรุนแรงเกินไปรึปล่าว เธอรู้รึปล่าวหมอนั้นพูดอะไรในตอนท้าย ? “เจ้าโง่ ถ้าแกทำแบบนี้ได้ แกก็ควรทำมันตั้งแต่เริ่มสิวะ” ]

 

ขณะเลียนแบบเสียงของฮาโรลด์ ไรเนอร์ได้บ่นออกมา แต่กับไม่มีความรู้สึกโกรธเพราะถูกเยอะเย้ยหรือเพราะพ่ายแพ้เลย มันก็ไม่ผิดหรอกที่จะพูดว่าเปลวไฟในตอนที่ไรเนอร์ใช้ออกมาในตอนสุดท้ายนั้นคือท่าที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เขาใช้ได้ในตอนนี้ และมันก็ถูกป้องกันอย่างงดงาม ไม่มีทางเลยที่ไรเนอร์ผู้ซึ่งเกลียดความพ่ายแพ้ จะไม่รู้สึกอะไร

 

[ นายไม่รู้สึกหงุดหงิดหรอ ? ]

[ หงุดหงิด ? ….. ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้หงุดหงิดหรอก แค่ เอ่อ… อืมม ผมจะพูดไงดี ? ]

 

ไรเนอร์ได้แต่กอดอกและเอียงคอ หลังจากเขา อืม เอ่อ อยู่ซักพัก เขาก็พูดออกมา

 

[ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ใช่ว่าไม่รู้สึกไม่ดีอะไร ตอนนั้นที่เขาทำกับผมตั้งแต่เริ่มการประลอง อืมม มันก็ไม่เหมือนกับว่าเขาจะทำให้ผมเป็นตัวตลกอะไรในสายตาเขาหรอกนะ มันเหมือนอย่าง… อืมมม .. ใช่ มันรู้สึกเหมือนตอนที่ผมโดนอัดโดยแม่ของผมเลย ]

 

แม่ของไรเนอร์ ลีโอน่า ถึงแม้ว่าเธอค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่สุภาพอ่อนโยน แต่เมื่อถึงเวลาที่ฝึกกับไรเนอร์ ปากของเธอจะกลายเป็นดุร้าย และ2มือของเธอมันรวดเร็วมาก แต่นั้นเพราะต้องการผลักดันให้ไรเนอร์มุ่งสุ่ฝันของเขาได้สำเร็จ มันคือ 1 ในหลายๆสิ่งที่ลีโอน่าแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกชายของเธอ ไรเนอร์รู้สึกแบบนั้นจากตัวของฮาโรลด์เช่นกัน

แม้ว่าผู้อ่านอาจจะรู้สึกสมเพชไรเนอร์ที่เขามีความสุขขณะเขาถูกซ้อม อาจเพราะนั้นคือตัวตนของเขา เขาจึงสามารถรู้สึกถึงความตั้งใจอะไรบางอย่างในตัวของฮาโรลด์ได้

 

[ ช่างเถอะ ถ้าพวกเราได้กลับมาสู้กันอีกครั้ง ผมจะต้องชนะแน่นอน! ]

[ ….. จ้าๆ สู้ๆนะ ]

[ เธอรู้สึกท้อแท้หรอ ? ]

[ ไม่ซะทีเดียว ]

 

ขณะกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาจากคอของเธอ คลอเล็ตได้แต่หัวเราะออกมา และหลบสายตาออกไป

พ่ายแพ้ในการดวลดาบที่เขาภาคภูมิใจ แต่ยังมองไปข้างได้อย่างภาคภูมิ ไรเนอร์ในตอนนี้ช่างเปล่งประกายสำหรับคลอเล็ต เธอรู้สึกว่าแสงเหล่านั้นช่วยเยียวยาความอ่อนแอในตัวของเธอได้ 

 

[ ใช่แล้ว ชั้นจะไปเรียกคุณหมอและคุณลุงโอเบล แย่จริง ไรเนอร์อุส่าตื่นแล้ว พวกเขาหายไปไหนกันหมดนะ ! ]

 

ขณะออกจากห้องพยาบาล เธอเดินออกไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆพร้อมกับคำพูดเหล่านั้น

 

 

 

 มันคือความรู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเขาได้ลืมไปนานมากแล้ว มันถูกกระตุ้นด้วยการต่อสู้ของเด็กนั้น สีหน้าของเขามันดูหละหลวมมากกว่าปกติ โคดี้รีบวิ่งออกไปบนถนนสายหลักโดยไม่สนใจกับรูปลักษณ์แปลกๆที่เขาแสดงออกมาทางสีหน้าเหล่านี้ เขาไม่สนใจแม้ว่าเขาจะถูกจับโดยเหล่าลูกน้องของเขา เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องติดต่อเด็กหนุ่มผมดำคนนั้นให้ได้

ความสามารถของลอร์ดคุงในเชิงดาบและเวทย์มนตร์เป็นของจริง ยิ่งกว่านั้น เด็กนั้นได้ฝึกฝนมันมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม โคดี้รู้สึกว่าความสามารถของเด็กคนนี้ยังไม่สมบูรณ์ เด็กคนนี้ยังสามารถเติบโตขึ้นกว่านี้ได้อีกมาก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย บางทีเด็กคนนี้อาจจะสามารถทัดเทียมกับ วินเซนต์ หรือบางทีอาจจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งกว่าก็เป็นไปได้

นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาต้องทำให้แน่ใจ ว่าความสามารถของเด็กคนนี้มันจะต้องไม่เป็นอันตราย นั้นเพราะด้วยพลังที่แตกต่างจากคนอื่น ถ้าหากเขาใช้พลังเหล่านี้ในทางที่ผิด มันจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วควรจะทำยังไงดีน่ะหรอ คำตอบนั้นง่ายมาก โยนเด็กคนนี้ให้อยู่ภายใตกลุ่มคนที่มีอำนาจไงล่ะ

 

[ และนั้นคือเหตุผลว่าทำไม ทำไมนายไม่มาเข้าร่วมกองอัศวิน(พวกเรา)ล่ะ ? ]

[ อะไรคือ “และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไม” ฟร่ะ สมองไอ้หมอนี่มีรอยร้าวหรอ ? ]

 

หลังจากปรากฎตัวเข้ามาราวกับสายลม โคดี้ก็ขอร้องให้เข้ากองอัศวินโดยที่ไม่มีคำทักทายหรือเกริ่นนำอะไรก่อนเลย เด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกับลอร์ดคุงก็ตบมุขกลับไปโดยไม่ได้เอ๊ะใจอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ด้วยกับลอร์ดคุงจะระแวงโคดี้อย่างเห็นได้ชัด ลอร์ดก็ได้แต่ห้ามเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้

 

[ ใจเย็น หมอนี่ถึงดูเป็นแบบนี้ แต่เขาเป็น 1 ในกองอัศวิน ]

[ คนแบบนี้น่ะหรอ ….. ? ]

 

ชายหนุ่มได้แค่ทำหน้าสงสัย นั้นมันก็พอเข้าใจได้ เพราะนี่คือการพบกันครั้งแรกของพวกเขาทั้ง 2 โคดี้ ผู้ที่ไม่ค่อยมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นอะไรแม้ในยามปกติ ตอนนี้เขาไม่สวมชุดเกราะของกองอัศวินแต่ว่ากำลังสวมเสื้อผ้าทั่วๆไปราวกับพยายามกลมกลืนไปในเมือง แม้ว่าลอร์ดจะกล่าวออกมาว่าหมอนี่เป็นอัศวิน แต่มันก็ยังยากที่จะเชื่ออยู่ดี

 

[ อะฮ่า – ! เนื่องด้วยสถานการณ์บางอย่าง ชั้นเลยต้องอยู่ในชุดแบบนี้ แต่ว่า เห็นแบบนี้ชั้นก็เป็นอัศวินเต็มตัวเชียวนะ ]–โคดี้

[ แล้ว. ทำไมนายมาหากพวกเรา ? ]– ฮาโรลด์

[ ไม่สิก่อนอื่น อย่างที่ชั้นพูดไปก่อนหน้า” ไม่สนใจเข้าร่วมกองอัศวิ– ?” ไอ้การชักชวนแบบนั้น ! มันอะไรกัน ห๊ะ ]– อิสุกิ

[ ….. ข้าขอบอกนายไว้อย่าง ชื่อข้าไม่ใช่ลอร์ด ข้าชื่อฮาโรลด์ อย่าเรียกด้วยชื่อแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ]– ฮาโรลด์

[ หืม? ]–โคดี้

[ นายเนี้ยเกลียดชื่อลอร์ดจังเลยน้า ? ] – อิสุกิ

[ เพื่อสนองกับชื่อนั้น ข้าอยากจะหักคอแกซักรอบจริงๆ ]–ฮาโรลด์

[ ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มที่จะฟังดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เอางี้ พวกเราหาเวลามานั่งคุยกับซักหน่อยมั้ย ? ]–โคดี้

 

ด้วยนิ้วโป้งของโคดี้ที่ชี้ไปยังร้านค้าที่ด้านหลังของเขา ในเมืองเดลฟิตที่มีบาร์ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปิดบริการอยู่นับไม่ถ้วน นี่เป็น1 ในไม่กี่ร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่ได้แอลกอฮอล์ ฮาโรลด์ตกลงกับคำเชื่อเชิญนั้นโดยไม่บ่นอะไร ภายในร้านค่่อนข้างเงียบหากเทียบกับเสียงอึกทึกครึกโครมบนท้องถนน แม้ว่าภายในร้านจะมีที่นั่งรวมเค้าเตอร์ไม่ถึง 30 ที่นั่ง แต่ก็มีคนนั่งอยู่แล้วราวๆ 8 โต๊ะ ดูเหมือนว่า 1 โต๊ะจะนั่งได้ราวๆ 3 คน ร้านนี้ถือว่าค่อนข้างเป็นที่นิยมทีเดียว หลังจากที่โคดี้ได้นั่งลงที่โต๊ะกลม ฮาโรลด์ก็นั่งลงตรงข้ามกับเขาอย่างไม่ลังเล

ที่อีกมุมหนึ่ง คือที่นั่งของเด็กหนุ่มที่นั่งขั้นระหว่างกลาง อาจเพราะยังระแวง เขาได้แอบมองโคดี้อยู่ตลอดแม้จะแนะนำตัวกันเล็กน้อยไปแล้วก็ตาม แม้ว่าฮาโรลด์จะเริ่มเล่าเรื่องของเขาและอธิบายว่าเขาเข้าร่วมการประลองได้อย่างไร เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่มีทีท่าที่จะห้ามฮาโรลด์แต่อย่างใดนอกเสียจากดื่มเครื่องดื่มเป็นบางครั้ง และฟังบทสนทนาอย่างอย่างใจเย็น

 

[ โฮ้ ชื่อปลอมมีไว้สำหรับตบตาพ่อแม่ของนายสินะ เอ๊ะ ว่าแต่ ทำไมนายมาไกลถึงที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองล่ะ ? ]

[ แค่อยากทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่น่าเสียดาย ดันมีแต่พวกอ่อนแอเลยไม่ได้ทดสอบอะไรเลย ]

 

แน่นอนที่ว่าความแตกต่างของพลังมันห่างชั้นกันเกินไป มันก็น่าผิดหวังอยู่ ถ้าหากมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อหน่อยล่ะก็— 

 

[ แต่ว่าเด็กผู้ชายผมแดงคนนั้นที่นายสู้ด้วยตอนรอบชิง เขาเก่งทีเดียวไม่ใช่หรอ ? ]

[ หาา อย่าพูดให้ขำ ระดับแค่นั้นมันไม่ต่างอะไรกับปลาซิลปลาสร้อย ]

[ นายไม่รุนแรงไปหน่อยหรอ สำหรับชั้น ชั้นว่าจะไปติดต่อเขาเหมื— ]

[ นายอยากจะพูดอะไร ? ]

 

ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นติดขัดตรงไหน แต่จู่ๆอารมณ์ของฮาโรลด์ก็ดิ่งสู่จุดเยือกแข็ง โคดี้รู้สึกได้ทันทีต่อความขุ่นเคืองที่ฮาโรลด์ปล่อยออกมา

เพราะสัมผัสกับแรงกดดันมหาสารที่เกือบทำให้เขากลัว โคดี้เผลอสะดุ้งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าเขาเองจะยังไม่แน่ใจว่าส่วนไหนของคำพูดของเขาทำให้ฮาโรลด์ไม่พอใจ แต่มันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้โคดี้ติดต่อกับไรเนอร์เด็ดขาด

 

[…… ฮ่าๆ โทดทีๆ ชั้นเพ้อเจ้อไปหน่อย เมื่อเร็วๆนี้ชั้นมักเข้าใจผิดไปเองในหลายๆเรื่อง สงสัยชั้นจะเริ่มแก่แล้วสินะ ]

[ หืม ]

 

แม้ว่าเขาจะพยายามกลบเกลื่อนมันอย่างลวกๆ แต่ว่าพอมาถึงจุดนี้ ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงปัญหาไปได้ด้วยดี แต่กระนั้น ทำไมฮาโรลด์ที่ดูไม่ชอบไรเนอร์เท่าไหร่นักถึงพยายามช่วยเขาในตอนประลองขนาดนั้น

 

( บางทีฮาโรลด์คงผูกพันอะไรบางอย่างกับเด็กผมแดงนั้น มาคิดดูดีๆ ในรอบชิง ดูเหมือนฮาโรลด์จะพยายามสั่งสอนเด็กผมแดงนั้น )

 

ในตอนแรก โคดี้คิดว่ามาฮาโรลด์แค่ต้องการแหย่เด็กนั้นเล่น แต่ว่าจนสุดท้าย ฮาโรลด์ก็ไม่เคยโจมตีเด็กคนนั้นเลยซักครั้งเดียว แม้ว่าตลอดการแข่งขันรอบก่อนๆของฮาโรลด์เขาจะได้ท่าต่อสู้เพียงท่าเดียวในการจบผลการประลองในพริบตา แต่เขากับไม่ใช้มันกับไรเนอร์เลยซักครั้ง

โดยไม่ใช่ความเร็วที่เป็นจุดเด่นของเขา เขาทำเพียงแค่รับการโจมตีของไรเนอร์ไปเรื่อยๆและหลบมันเท่าที่จะเป็นไปได้ การที่ฮาโรลด์ทำเช่นนี้ มันทำให้ไรเนอร์รู้สึกถูกต้อนจนมุม และในที่สุดเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังที่ทะลุขีดจำกัดออกมาได้ หรือพูดอีกอย่าง ฮาโรลด์พยายามที่จะดึงพลังนั้นออกมา

 

( ก็นะ มีแต่เด็กนี่เท่านั้นที่รู้ความจริง )

 

แม้ว่าโคดี้จะยังสงสัย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องรู้ให้ได้ในสถานการณ์ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮาโรลด์สนใจที่จะเข้าร่วมกองอัศวินต่างหากรึปล่าว ราวกับต้องการคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด โคดี้จึงเริ่มพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

 

[ ก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ฮาโรลด์คุง นายสนใจที่จะเข้าร่วมกองอัศวินของพระราชารึปล่าว ? ]

[……… ]

 

ขณะที่กำลังกอดอก ฮาโรลด์ยังคงเงียบสนิท สำหรับเขา คงมีหลายๆสิ่งที่ต้องคิด ดูเหมือนว่าจังหวะนี้จะเป็นเวลาที่เหมาะ อิสุกิจึงเปิดปากและเริ่มพูดขึ้นบ้าง

 

[ อืมม โคดี้ซัง ถ้าผมจำไม่ผิด มันต้องอายุ 16 ปีขึ้นไม่ใช่หรอถึงจะสามารถเข้าร่วมกองอัศวินได้ ฮาโรลด์คุงพึ่งจะอายุ 13 เองนะ ? ]

[ อืมก็จริง แต่ว่าทุกสิ่งมักมีข้อยกเว้นเสมอ แม้แต่คนรู้จักของชั้นก็เข้าร่วมกองอัศวินตั้งแต่ตอนอายุ 14 ]

[ ข้อยกเว้น งั้นรึ ? ]

[ ใช่ ใช่แล้ว ! ในทางปฎิบัติ มันอาจจะฟังดูแหม่งๆ ? มันก็คล้ายๆหากมีพรสวรรค์และความสามารถมากพอก็ถือเป็นข้อยกเว้นได้ เช่นเดียวกับที่ชั้นรู้สึกจากตัวของฮาโรลด์คุง ]

 

นี่คือความรู้สึกอย่างแท้จริงของโคดี้ เมื่อได้ยินคำว่าพรสวรรค์กับความสามารถ แม้แต่อิสุกิก็ไม่สามารถเถียงได้ เพราะเขาเองก็ใกล้ชิดกับฮาโรลด์มากกว่าโคดี้เป็นไหนๆ เขาจึงสามารถเข้าใจในสิ่งที่โคดี้พยายามจะสื่อได้

 

[ ด้วยเรื่องข้อยกเว้น ใครคือคนที่อายุน้อยที่สุดที่เคยเข้ากองอัศวิน ? ]

 

ฮาโรลด์ที่เอาแต่คิดอย่างเงียบๆอยู่ซักพัก จู่ๆก็ถามออกมา

 

[ เด็กผู้ชายอายุ 14 ปีที่พูดถึงนั้น ชื่อของเขาคือ —– วินเซนต์ ] 

 

“นายอยากรู้ใช่มั้ย” ด้วยความรู้สึกเหล่านั้น โคดี้ก็กล่าวชื่อนั้นออกมา

 

วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอร์ด

 

เขาถูกเรียกว่า “แข็งแกร่งที่สุด” ในกองอัศวินของพระราชา ราวกับถูกสร้างมาให้เป็นสัตว์ประหลาด หลายๆความต่างพากันอิจฉาราวกับเขาเป็นฮีโร่

 

[…….. ได้สิ ให้ข้าเข้าร่วมกองอัศวินซะ ]

 

ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ฮาโรลด์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ราวกับว่าเขาคิดจะท้าทายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไรอย่างงั้น

—————————-

TL : ดีมากฮาโรลด์ หักธงคลอเล็ตจังซะ ให้คลอเล็ตxไรเนอร์ไป ส่วนนายสนใจแค่หนูเอริกะคนเดียวก็พอแล้ว XD

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด