My Death Flags Show No Sign of Ending 88 โลกที่ไม่ต้องหากุญแจให้เหนื่อย

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 88 โลกที่ไม่ต้องหากุญแจให้เหนื่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮิวโก้ใช้ชีวิตในฐานะนักผจญภัยมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เหตุผลเดียวที่เขาเลือกเส้นทางนี้แม้จะรู้ดีว่ามันเต็มไปด้วยอันตรายนั้นก็เพราะว่าเขาฝันที่จะถูกหวยได้ลาภก้อนโตจากการค้นพบสมบัติภายในซากปรักหักพัง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นักผจญภัยหลายๆคนจะใฝ่ฝันอะไรแนวๆนี้เหมือนกัน

ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นนักผจญภัยมาเกือบ 8 ปีแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุเพียง 23 ปี แต่สำหรับในฐานะนักผจญภัยเขามีมันอยู่เต็มภาคภูมิ

ดังนั้น ด้วยประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาตลอด 8 ปี เขารู้ได้ทันทีว่า 3 คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ โดยเฉพาะไอ้คนหัวหน้าจอมเผด็จการ หากมองในมุมนักผจญภัยหรือฝีมือการต่อสู้ เจ้าหมอนั้นมันหลุดโลกจนเกินไปจริงๆ

และก็เป็นอย่างที่ฮิวโก้คาดเอาไว้ มอนเตอร์ภายในซากปรักหักพังเริ่มที่จะคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆมากกว่าปกติ ด้วยพื้นที่แคบๆในซากปรักหักพังที่ซึ่งไม่เหมาะแก่การต่อสู้เลยซักนิด ดังนั้นนักผจญภัยส่วนใหญ่จึงตัดสินใจที่ถอยดีกว่าสู้ ด้วยเหตุนี้ ฮิวโก้จึงแนะนำชายคนนี้แบบนั้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คำตอบเดียวที่ออกจากปากชายคนนั้นมีเพียงคำว่า “ไอ้ขี้ขลาด” แถมยังถูกบังคับให้ทำหน้าที่ไกด์พาทัวต่อไป ขณะถอนหายใจ ฮิวโก้ก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า “สมแล้วที่เป็นไอ้จอมเผด็จการ” แม้ว่าชื่อเล่นนั้นเขาจะเป็นคนตั้งเองเออเองก็เถอะ

“ถึงกระนั้น ไอ้หมอนี่มันก็แข็งแกร่งจริงๆ …” ขณะพึมพัมกับตัวเอง พร้อมกับมองดูฉากเดิมๆที่เคยเกิดขึ้นต่อหน้าเขามาก่อนแล้วหลายต่อหลายครั้ง ที่เท้าของชายชุดคลุมมีศพของมอนเตอร์นอนกองอยู่ ร่างของมันถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยมี ส่วนหัว ร่างกายส่วนบน และส่วนล่าง แยกออกจากกัน

เจ้ามอนเตอร์นั้นปรากฎขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว และตัวขาดแทบจะทันทีที่มันพุ่งเข้ามาจู่โจมพวกเขา บางทีชายคนนั้นคงไม่ได้เอาจริงเหมือนกับตอนสู้กับฝูงตุ่นสว่าน ไม่ก็สายตาของฮิวโก้เริ่มคุ้นชิน จึงทำให้เขาเริ่มมองเห็นการเคลื่อนไหวของชายคนนั้นได้บ้างในการต่อสู้เมื่อสักครู่ ชายในชุดคลุมดึงดาบออกจากเอวและตัดคอมอนเตอร์ตัวนั้นแทบจะในทันที และในจังหวะที่ตวัดดาบกลับเพื่อเก็บดาบ ก็แวะฟันร่างของมอนเตอร์ซ้ำจนขาดเป็น 2 ท่อนอย่างง่ายดาย แม้แต่ฮิวโก้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้เช่นกันยังไม่มีบทให้ออกโรง ไม่ต้องพูดถึงเด็กถือสัมภาระทั้ง 2 นั้นเลยด้วยซ้ำ

กว่าฮิวโก้จะรู้สึกตัว กลุ่มของพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดที่ลึกที่สุดที่เหล่านักผจญภัยเคยมาสำรวจในซากปรักหักพัง โดยปกติแล้ว กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ต้องวางแผนมาอย่างลัดกุม และส่วนใหญ่หากเผชิญหน้ากับมอนเตอร์พวกเราก็มักเลือกที่รอให้มันเดินจากไปหรือหนีเท่านั้น แต่ทว่าเรื่องพวกนี้กับไม่จำเป็นซักนะ เพราะความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ของชายคนนี้ได้แก้ปัญหาให้แล้ว

ในฐานะนักผจญภัย ฮิวโก้ได้แต่กร่นด่าอยู่ในใจว่ามันไม่แฟร์เลยนี่หว่า สามัญสำนึกทั่วๆไปในการสำรวจซากปรักหักพังไม่สามารถใช้กับชายชุดคลุมคนนี้ได้ กลยุทธ์ หรือ วิธีรับมือต่างๆ ที่เตรียมมาเพื่อการสำรวจถือเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นสำหรับชายคนนี้

ในขณะที่ฮิวโก้ยังตกตะลึงกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงจุดที่ลึกที่สุดที่เคยมีการสำรวจโดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

 

[ จากจุดนี้ไปคือจุดที่ไกลที่สุดที่คนอื่นๆเคยมาถึง ไม่มีใครเคยไปไกลกว่านี้อีกแล้วล่ะ ] – ฮิวโก้

 

คำพูดของฮิวโก้สะท้อนดังก้องอยู่ภายในห้องทรงกลมอันกว้างใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 50 เมตร และตามผนังห้องมีทางเดินรูปทรงเกลียวคล้ายๆกับทางเดินที่อยู่ตรงโดม ณ ทางเข้าซากปรักหักพัง 

แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของใครก็ตามที่ได้มา ณ ห้องแห่งนี้นั้น คงเป็นประตูขนาดยักบานหนึ่งที่มีลวดลายอะไรบางอย่างสลักเอาไว้อยู่ มันถูกปิดสนิทและไม่เคยถูกเปิดออก นั้นเพราะว่าวิธีการเปิดประตูบานนี้นั้นจำเป็นต้องแก้ไขปริศนาลวดลายอะไรบางอย่างที่ถูกสลักเอาไว้ให้ได้เสียก่อน และแม้เหล่านักผจญภัยจะพยายามถอดรหัสข้อความหรือสืบค้นเบาะแสต่างๆจากจิตรกรรมตามผนังภายในซากปรักหักพังแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าอักษรเหล่านั้นจะมาจากยุคโบราณ จึงทำให้พวกเขาแทบจะไม่คืบหน้าเลยซักนิด

แม้ซากปรักหักพังไฮบาร์เองจะถูกค้นพบเมื่อได้ไม่นานเท่าไหร่ก็จริง แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดนั้นก็คืออักษรโบราณเหล่านี้ พวกเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันเลย และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถอดรหัสมันจากการคาดเดา แม้นักประวัติศาสตร์ยังจำแนกอักษรเหล่านี้ว่าเป็น “อักษรที่สาบสูญ”

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ได้

ต่อให้เป็นชายในชุดคลุมคนนี้ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้หรอก เมื่อฮิวโก้คิดได้เช่นนั้น เขาจึงเลือบไปมองชายคนนั้นที่กำลังมองไปยังจุดๆหนึ่งพร้อมกับกอดอก จากสายตาของเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังมองดูอักษรโบราณ

เขามองมันอยู่สักพักก่อนพึมพัมออกมาว่า

 

[ อืม เข้าใจล่ะ ] – ???

[ นายอ่านมันได้จริงๆหรอ ?! ] – ฮิวโก้

[ แน่นอน ] – ???

[ ไม่มีทางน่า ! ] – ฮิวโก้

 

แม้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลกต่างช่วยกันถอดความหมายของอักษรโบราณเหล่านั้น แต่ก็แทบไม่คืบหน้าเลย แถมจากข้อความทั้งหมดกว่าครึ่งพวกเขาทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น มันจึงเป็นธรรมดาที่จะตกใจที่จู่ๆมีคนบอกว่าอ่านพวกมันออกโดยทันทีโดยแทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ หากคำพูดของชายคนนี้เป็นความจริง ความรู้ที่อยู่ภายในหัวของเขามีกุญแจสำคัญที่จะสามารถเปิดเผยประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ สถาบันวิจัยต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกต่างต้องพากันควานหาตัวเขา ไม่สิ ตอนนี้สถาบันวิจัยเหล่านั้นก็คงตามหาบุคคลที่มีความสามารถนี้อยู่ก่อนแล้ว

 

[ แล้ว มันเขียนว่าอะไร ? ] – ฮิวโก้

[ <ที่จุดสุดของแสงสว่าง> <ต้นกำเนิดของหมู่ดาว> ] – ???

[ …. อืม ถึงจะแปลได้ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ] – ฮิวโก้

 

ถึงฮิวโก้จะพอมีความรู้บ้าง แต่เขาก็ไม่เข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังของข้อความเหล่านั้นเลยซักนิด อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนชายในชุดคลุมจะได้คำตอบแล้ว เขาเงยหน้ามองขึ้นด้านบนราวกับพยายามมองหาอะไรบางอย่าง และไม่นานนัก สายตาของเขาก็หยุดอยู่กับจุดๆหนึ่ง และเริ่มก้าวขาเดินไปยังทางเดินเกลียวโดยไม่พูดอะไร เมื่อเห็นเช่นนั้นคนรับใช้ทั้ง 2 และฮิวโก้ต่างเดินตามไป

พวกเขาทั้งหมดเดินขึ้นไปสูงมากเทียบทั่วกับชั้น4หรือชั้น5ของตึก และที่ทางเดินนั้นมันไม่มีราวกั้นหรือที่จับแต่อย่างใดและพื้นที่ใช้เหยียบหลายๆจุดระหว่างทางเดินขึ้นมานั้นมีรอยแตกร้าวและพังทลายหลายแห่ง แต่ชายในชุดคลุมทั้ง 3 ต่างก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล จนฮิวโก้รู้สึกว่าพวกเขาทั้งหมดมีความรู้สึกกลัวมั้ยเนี้ย

ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็มาถึงที่ห้องเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งห้องแบบนี้มีอยู่มากมายตลอดทางเดิน อย่างไรก็ตาม ห้องส่วนใหญ่ต่างถูกสำรวจไปจนหมดแล้ว จึงไม่เหลือสมบัติแต่อย่างใด 

ภายในห้องเล็กๆนี้ มีเชิงเทียนขนาดใหญ่สูงเกือบเท่าผู้ชายตัวโตๆตั้งอยู่ ซึ่งที่จริงๆห้องอื่นๆก็มีแบบนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ชายในชุดคลุมนั้นเดินเข้าหามันอย่างไม่ลังเลและใช้ไฟเวทมนตร์เพื่อจุดไฟให้กับมัน และนั้นทำให้ภายในห้องสว่างขึ้น แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ฮิวโก้จะหวังที่จะได้เห็นสีหน้าผิดหวังของชายคนนี้ แต่ทว่าเขากลับจ้องมองเชิงเทียนอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

 

[ เอาคบเพลิงมา ] – ???

 

ทันใดนั้น คนรับใช้คนหนึ่งก็หยิบท่อนไว้ที่ยาวๆราวๆ 1 เมตร ออกมา เมื่อชายชุดคลุมได้รับ เขาก็นับมันไปต่อไฟกับเชิงเทียนที่เขาเป็นคนจุดเมื่อสักครู่

จากนั้นก็ออกจากห้องเล็กๆนั้นไปพร้อมกับไฟที่ถูกจุดในคบเพลิง และลงไปยังห้องเล็กๆแห่งหนึ่งระหว่างทางเดิน และก็ใช้ไฟจากคบเพลิงจุดที่เชิงเทียนอีกครั้ง และออกจากห้องไป ระหว่างทางก็อ่านอักษรโบราณที่ถูกเขียนไว้เพื่อไขปริศนาเป็นครั้งคราว เขาทำแบบนี้ซ้ำเรื่อยๆกว่า 5 ห้องด้วยกัน

และในจังหวะที่เขาจุดเชิงเทียนห้องที่ 5 นั้น ก็มีเสียงกึกก้องดังมาจากที่พื้นด้านล่างพร้อมกับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฮิวโก้แทบไม่เชื่อสายตาจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงรีบออกจากห้องเล็กๆนั้น เพื่อตรวจสอบสถานะของประตูขนาดยักที่อยู่ด้านล่าง ภาพที่เขาเห็นนั้นมันทำให้เขาตะลึงจนตาค้าง

ประตูมันถูกเปิดออกแล้ว ประตูที่นักผจญภัยมากมายต่างระดมสมองกันลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่มีใครสามารถเปิดมันออกได้มาก่อน แต่ทว่า ชายคนนี้กลับแก้ไขปริศนากลไกได้อย่างง่ายๆราวกับมันเป็นเรื่องกล้วยๆ เขาเดินลงทางเดินเพื่อไปยังประตูที่ถูกเปิด เมื่อเห็นเช่นนั้นฮิวโก้จึงถามกับเขา

 

[ ด-เดี่ยวสิ !! นายรู้ได้ไงว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเปิดประตูได้ ? ] – ฮิวโก้

[ ก็วิธีเปิดก็เขียนบอกเอาไว้ชัดเจน ] – ???

[ นั้นคือ…. ความหมายของอักษรโบราณพวกนั้นงั้นรึ ? ] – ???

 

เห็นชัดว่าการแก้ปริศนากลไกลนั้นง่ายเพียงนิดเดียว เพียงแค่คุณสามารถอ่านอักษรโบราณเหล่านั้นได้ถูกต้องแม่นยำ 100%  ไม่ใช่ว่าชายคนนี้คือคนเดียวในโลกที่ทำแบบนี้ได้ ?

หมอนี่เป็นใครกันแน่ ? ทั้งความแข็งแกร่งและความรู้ของเขาห่างไกลจากสามัญสำนึกขึ้นเรื่อยๆ 

เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียง เห็นได้ชัดว่าเขายังเป็นเพียงคนหนุ่ม แต่ฮิวโก้รู้สึกว่าต่อให้เขาบอกว่าตนเป็นนักปราชญ์เขาก็เชื่อ 100%

แม้ฮิวโก้จะรู้สึกอย่างไร แต่ชายคนนั้นก็ไม่สนใจ เขาเริ่มเดินหน้าเข้าไปในประตูบานนั้น ที่หลังประตูนั้นก็พบห้องๆหนึ่งที่กว้างพอๆกับห้องก่อนหน้านี้ แต่ว่าห้องก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากดินและก้อนหิน ให้ความรู้สึกเหมือนกับถ้ำ แต่ห้องนี้นั้นทั้งผนังและพื้นของมันถูกสลักขึ้นมาอย่างปราณีต และที่ใจกลางห้องมีแท่งเสาที่ถูกแกะสลักอย่างดงามตั้งอยู่ แต่ทว่าภายในห้องนี้กลับสว่างเสียจนไม่คิดว่าจะอยู่ภายในซากปรักหักพังที่มืดมิด เพราะพวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากแผ่นหินเนื้ออ่อนที่ทั้งเรียบและเป็นมัน พวกมันทั้งหมดถูกสร้างมาจากหินแสงสีขาว สีของมันแตกต่างจากหินสีทั่วๆไปที่หาพบได้ภายในซากปรักหักพัง แม้ว่ามันจะเป็นแสงสีขาว แต่มันก็ไม่สว่างจ้าจนแสบตาเหมือนกับแสงอาทิตย์ มันเป็นสีขาวอ่อนๆที่มอบความสว่างและให้ความรู้สึกอบอุ่น ถ้าใครสามารถเลาะหินเหล่านี้กลับไปได้ล่ะก็ เขาคงรวยเละ

อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจที่จะเลาะหินเหล่านี้กลับไปนั้นกลับไม่เกิดขึ้นกับใคร  ณ ที่นี่เลยสักคน ต้องขอบคุณพื้นที่สีขาวที่ให้บรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ หากจะให้เปรียบเทียบ สถานที่แห่งนี้คงเหมือนกับสถานที่สำคัญทางศาสนาอันงดงามที่เคยปรากฎในนิทานหรือตำนาน แม้ว่าฮิวโก้จะเป็นคนที่ไม่เคร่งศาสนาอะไรแต่เขาก็ริอาจกล้าทำให้สถานที่แห่งนี้มีมณทิลได้

และเสียงเดียวที่ดังก้องภายในห้องแห่งนี้นั้นคือเสียงฝีเท้าของคนทั้ง 4 แต่ทว่า เมื่อเดินเข้ามาสักระยะหนึ่ง แม้แต่เสียงเหล่านั้นก็หายไป

“อัศจรรย์มาก …” ฮิวโก้ถึงกับพึมพัมออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาทึ่งกับภาพที่อยู่ตรงหน้ามากจนเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าเผลอพูดออกมา โดยตาของเขาก็จับจ้องไปตามเพดานจนแทบไม่กระพริบ

ในที่สุด พวกเขาทั้ง 4 ก็เดินมาถึงพื้นที่เปิดโล่งที่ซึ่งมีแท่นบูชาตั้งอยู่ เช่นเดียวกับเมื่อสักครู่ ที่นี่ให้บรรยากาศราวกับอยู่คนละโลกกับห้องเมื่อสักครู่ และส่วนที่ตราตรึงที่สุดนั้นคือคริสตัลขนาดใหญ่จำนวนมากที่ถูกฝังเอาไว้ทั่วเพดาน และที่ใจกลางของคริสตัลจำนวนมากมายหลาย 100 อันนั้นมีคริสตัลขนาดใหญ่มหึมา ดูจากสายตา มันอาจกว้างถึง 5 เมตรได้

ความแวววาที่สะท้อนออกมาจากหินคริสตัลเหล่านั้นให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวยามราตรีได้ล่วงหล่นลงเข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว

ขณะที่ฮิวโก้ตะลึงภาพอันงดงามจนลืมหายใจ ชายคนนั้นยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ของเขา เขามุ่งตรงไปยังที่กลางห้องอันเงียบสงบและศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ จนรู้ฮืวโก้ที่กำลังยืนมองยังรู้สึกทึ่งในความแน่วแน่ของชายคนนี้

แต่ทว่าภาพที่ฮิวโก้เห็นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม  เพราะเมื่อชายคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าหีบสมบัติที่ถูกวางเอาไว้บนแท่นบูชา และเขาค่อยๆโค้งคำนับ 

“เอาแต่ใจและเย่อหยิ่ง” นั้นคือภาพลักษณ์ของชายในชุดคลุมที่ฮิวโก้ประเมิณ ดังนั้นเขาจึงคิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะใส่ใจเรื่องมารยาทเป็นกับเขาด้วย

เมื่อชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เขาก็วางมือบนหีบสมบัติ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ถูกเปิดออก มันมีแต่เสียงที่ดังกึกๆเท่านั้น

เพื่อที่จะตรวจสอบมัน ฮิวโก้จึงเดินเข้ามาดูหีบสมบัติใกล้ๆ เขาพบว่ามันจำเป็นต้องใช้กุญแจเพื่อเปิดมัน

 

[ แล้วนายจะเอาไงต่อ ? ] – ฮิวโก้

[ … โลกเดียวที่หีบสมบัติจะไม่มีทางถูกเปิดออกได้หากไม่มีกุญแจก็คือโลกที่ถูกควบคุมโดยระบบเท่านั้นแหละ ] – ???

[ หือ ? ] – ฮิวโก้

 

ฮิวโก้ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้นเลยซักนิด อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ทันทีจะถาม ชายคนนั้นก็ชิงลงมือเสียก่อน 

เขาดึงดาบที่เอวของเขาออกมา และก่อนที่ใครจะห้ามได้ทัน แสงแฟลสก็ถูกฟาดเข้าที่หีบสมบัติแล้ว พร้อมกับเกิดเสียงแหลมสูงและบางสิ่งที่ล่วงหล่น ชายคนนี้ทำลายล็อคที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ลังเล เมื่อเห็นภาพนั้น ฮิวโก้ได้แต่ขอกลับคำเรื่องที่บอกว่าชายคนนี้มีมารยาทกับเขาด้วย

“แต่ที่สำคัญกว่านั้น” 

 

[ แล้ว สมบัติล่ะ ? ] – ฮิวโก้

 

ในที่สุดธรรมชาติของฮิวโก้ในฐานะนักผจญภัยก็ได้ถูกแสดงออกมาแล้ว แต่ทว่าก่อนที่เขาจะได้ตื่นเต้นกับสมบัติที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง มันเป็นเสียงกับอะไรบางอย่างกำลังแตกร้าว ด้วยความสนใจต่อเสียงนั้น เขาจึงหันไปหาต้นของเสียงรอบๆ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีกว่าเสียงแปลกๆเหล่านั้นมาจากที่ไหน แม้ว่าเขาจะพยายามมองหา แต่ก็ไม่พบ และเสียงเหล่านั้น ก็ค่อยๆดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กำลังสับสน ฮิวโก้ก็พบกับวัตถุอะไรบางอย่างที่ผ่านเข้ามาในระยะการมองเห็นของเขา มันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ลักษณะโปร่งใสสะท้อนแสงคล้ายหินภายในห้อง เขาพบมันไม่ใช่เพียง 2- 3 ชิ้น เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นค่อยๆล่วงหล่นลงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

นี่มันท่าไม่ได้แล้ว ขณะที่รู้สึกเช่นนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น แล้วก็พบว่าคริสตัลเหล่านั้นกำลังเริ่มปริแตก พวกมันกำลังจะพังทลายลงมาในไม่ช้า

 

[ เฮ้ย ซวยแล้ว! เร็วเข้าพวกเราต้องรี– ] – ฮิวโก้

 

ฮิวโก้ยังไม่ทันพูดให้จบประโยค ก็มีอะไรบางอย่างล่วงหล่นลงมาพร้อมกับเศษคริสตัลที่ล่วงลงมานับไม่ถ้วน มันล่วงลงมาจากเพดานจนเกิดเสียงดังกึกก้อง

ขณะที่อาบไปด่วยสายฝนอันส่องประกายที่ถูกสร้างโดยเศษคริสตัล วัตถุทรงกลมที่สร้างจากโลหะขนาดความสูงเกือบ 3 เมตรได้ปรากฎขึ้น ฮิวโก้ไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งนี้คืออะไร ? มันหมายความว่าอะไร ? แต่ที่รู้แน่ๆวัตถุทรงกลมนี้หลับไหลอยู่ภายในคริสตัล

 

[ ในโลกใบนี้มีอะไรอย่างนี้ด้วยหรือ—- ? ] – ฮิวโก้

 

ขณะที่กำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรดี ? เข้าไปใกล้ๆเพื่อตรวจสอบดีรึปล่าว? ก็มีบางสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในทรงกลม

มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น แผ่นโลหะบางส่วนถูกเปิดออกพร้อมกับดวงไฟสีแดง 2 ดวงสว่างขึ้น นอกจากนี้ยังมีแขนโลหะอันแหลมคมงอกออกมาคู่หนึ่ง พร้อมกับขาทั้ง 8ที่งอกออกมาจากส่วนล่างของทรงกลมและเริ่มยกขึ้นขึ้น

ไอ้ลูกบอลทรงกลมนั้นเริ่มขยับขาไปมาอย่างช่ำชองและหันมาทางฮิวโก้และคนอื่นๆ  พร้อมกับปลดปล่อยความรู้สึกของการเป็นศัตรูออกมาอย่างชัดเจนผ่านจุดแสงสีแดงที่ดูเหมือนดวงตาคู่นั้น

———————————

บอสประจำด่าน หรือ เพราะโกงระบบไม่ยอมหากุญแจ gm เลยมาจัดการ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด