My Death Flags Show No Sign of Ending 33

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 33 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันนั้น ที่ค่ายทหารสำหรับอัศวินฝึกหัดที่ตั้งอยู่มุมๆหนึ่งของสำนักงานใหญ่กองอัศวินกำลังมีหัวข้อๆหนึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ เหตุเกิดจากการแจ้งเตือนที่ถูกส่งมาให้เหล่าอัศวินเมื่อ 2-3 วันก่อน เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กใหม่ที่พึ่งจะถูกเกณฑ์เข้าหน่วยกำลังจะมาที่นี่ ซึ่งปกติเวลานี้ยังไม่ใช่ช่วงของการเกณ์เด็กใหม่เข้าหน่วย แถมยังไม่ต้องผ่านการสอบเข้าหน่วยที่จะเปิดให้สอบประจำปี มันจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักไปทั่วทั้งค่าย

และเหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นประเด็นร้อนนั้นเพราะว่าอายุของผู้ที่ถูกเกณฑ์เข้ามานั้นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานค่อนข้างเยอะ เขาเป็นเพียงเด็กชายอายุ 13 ปีเท่านั้น เขาเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการเกณฑ์เข้าหน่วยกองอัศวินฝึกหัด นั้นไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริงเลย เนื่องจากในตอนสอบเข้าเด็กคนนั้นสามารถเอาชนะอัศวินรุ่นพี่ได้หลาย 10 คนด้วยตัวคนเดียว ความอยากรู้อยากเห็นของพวกอัศวินในค่ายว่าเด็กคนนั้นเป็นคนแบบไหนถึงไม่มีที่สิ้นสุด

อัศวินหน้าใหม่ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันตอนนี้อยู่ภายในค่ายของรุ่นที่ 94 กำลังเอะอะกันเป็นพิเศษ และคนที่เสียงดังที่สุดคือกลุ่มที่มาจากหน่วยที่ 7 ของรุ่นที่ 94 ผู้ที่จะได้อยู่ร่วมห้องพักกับเด็กชายคนนั้น

 

[ ถ้าเด็กใหม่ที่ว่านั้นเป็นอย่างที่ลือๆกัน เราจะทำไงดี ? ]

 

ผู้นำหน่วยที่ 7 ไอแซ็ค ขณะกำลังกระวนกระวายใจ เขาได้ตั้งคำถามกับคนในหน่วยของเขา

 

[ อีกแล้วหรอ ? ไอ้ข่าวลือพวกนั้นมันเชื่อไม่ได้ซักนิด และฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้มันออกจะฟังดูเว่อเกินไปหน่อยด้วยซ้ำ … ]

[ แต่ว่าดูเหมือนเรื่องที่เขาจัดการเหล่ารุ่นพี่ไปหลายต่อหลายคนจะเป็นความจริงนะ อย่างน้อย เด็กคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ ]

[ เด็กนั้นเป็นชายร่างกายกำยังที่สูงเกินกว่า 2 เมตร เขาบดขยี้คู่ต่อสู้โดยไม่ใช่อาวุธใดๆ และการโจมตีใดๆก็ไร้ผลกับเขา …แบบนั้นงั้นรึ ? ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถทำงานร่วมกับสัตว์ประหลาดแบบนั้นได้ ]

[ อันที่จริง มีหลายๆคนเชื่อว่าเด็กคนนั้นเป็นผีที่เกิดจากความโกรธแค้นของเหล่าอัศวินที่ตายในสนามรบ นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมการโจมตีทั้งหมดจึงไร้ผล ]

[ เป็นไปไม่ได้ …… ใช่มั้ย ? ]

 

คำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขาอย่างต่อเนื่องแสดงถึงความกังวลที่มาจากความรู้สึกของพวกเขาเอง เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวลือของผู้ที่มาใหม่มันยิ่งห่างใกลความเป็นคนขึ้นเรื่อยๆ เนื้อหาของมันหากใครได้ยินควรจะหัวเราะเยาะด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหัวเราะได้เต็มปากเพราะว่ามันคงจะมีความจริงอยู่บ้าง แต่ไอ้เรื่องที่เป็นผีเนี้ยมันฟังดูบ้าเกินไปหน่อย

ดังนั้น ทันทีที่พวกเขาว่างจากงาน พวกเขาก็มานั่งจับเข่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับตัวตนของเด็กใหม่ แต่หัวข้อเหล่านี้จะจบลงในวันนี้เช่นกัน เพราะ เด็กใหม่ตัวต้นเรื่องนั้นจะมาถึงในวันนี้แล้ว

ทันใดนั้น ลูกบิดประตูก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีการเคาะแต่อย่างใด สายตาของทั้ง 4 จ้องมองไปที่ประตูพร้อมกัน ขณะเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากความเก่าของประตู ร่างของคนๆหนึ่งก็ปรากฎ-

 

[ ขอโทษคร้าบ พวกนายทั้งหมดอยู่ที่นี่กับครบมั้ย ? ]

 

เขาเป็นผู้ชายที่มีผมรุงรังยาวไปถึงท้ายทอย มีหนวดเคราขึ้นเป็นตอๆอยู่นิดหน่อย พวกเขาทั้ง 4 ไม่รู้เกี่ยวกับชายคนที่มานี่เพราะพวกเขาเองก็เพิ่งจะได้เข้ากรมเพียงไม่กี่เดือน แต่ว่าพอมองๆดูที่สายลัดแขนที่บริเวณไหล่ก็ตระหนักได้ว่าเขาคือนายทหารที่ยศสูงกว่า พวกเขาทั้งหมดจึงลุกขึ้นทำความเคารพตอบกลับไป

 

[ อ่าๆ ตามสบาย ชั้นแค่เอาของมาส่ง ที่เหลือฝากพวกนายจัดการกันเองด้วยนะ ]

 

ที่ด้านหลังของนายทหารคนดังกล่าวมีเด็กผู้ชายที่สูงราวๆ 160 cm ด้วยใบหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรและบรรยากาศรอบตัวที่ดูเคร่งขรึม

 

[ โคดี้ นายกล้ามากจะที่ปฎิบัติกับข้าอย่างกับเป็นสิ่งของ เฮ้อ ข้าควรจะยัดนายลงไปในถังใส่ไวน์แล้วถีบมันลงทะเลดีมั้ย ? ]

 

ขณะที่คิดว่าพวกเขาทั้ง 4 คนคงกังวลเกี่ยวกับเด็กชายคนนี้เกินเหตุไปหน่อย โดยไม่แม้จะลังเล ไอ้เด็กนี่ก็ปากหมาใส่นายทหารระดับสูงในทันที ด้วยภาพที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงต่อหน้าพวกเขา เริ่มจากไอแซค และอีก 4 ถึงกับอ้าปากค้าง เด็กนี่ไม่ใช่เป็นแค่เด็กใหม่ที่เพิ่งได้รับการเกณฑ์เข้าหน่วย แทนที่จะกล่าวขอบคุณที่พามาส่ง แต่ดันปากหมาใส่เฉย นึกเหตุผลดีๆไม่ได้เลยว่าเด็กนี่ยังคงเป็นแค่เด็กหรือมันมีคนหนุนหลังใหญ่กันแน่ พฤติกรรมเหล่านี้มันช่างห่างไกลจากสามัญสำนักของพวกเขายิ่งนัก 

 

[ ถ้าถึงเวลานั้น ชั้นก็หวังว่านายจะเติมถังให้เต็มไปด้วยเบียร์ก่อนนะ แต่ว่าไม่เอายี่ห้อ คอร์กแน็ค นะ ยี่ห้อนี่ชั้นไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่ ]

[ พึงพอใจกับเบียร์ตลาดล่างน่ะเหมาะกับแกดีแล้ว  ]

[ ก็จริงที่ว่ามันเป็นยี่ห้อราคาถูก แต่ว่าไม่มีทางที่ชั้นจะดื่มเบียร์ตลาดล่างเป็นการดื่มครั้งสุดท้ายในชีวิตของชั้นแน่นอน ]

 

แต่นายทหารคนนี้กลับปฎิบัติตัวกับเด็กใหม่คนนี่ราวกับเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกว่านั้น เขาถึงกับเผยยิ้มกว้างออกมา พวกเขายังคงยืนอยู่ที่นี่ขณะมองภาพที่หัวของพวกเขาไม่สามารถประมวลผลได้ทัน นายทหารก็จากไปพลางโบกมือลา ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเด็กผู้ชายที่ยังอยู่ต่อหน้าพวกเขา

เขาไม่ใช่คนร่างกำยำสูงกว่า 2 เมตรอย่างในข่าวลือ เขาดูเหมาะสมกับคำว่าขุนนาง หากเทียบกับช่วงอายุของเขา เขาให้ความรู้สึกดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เหมาะสมกับช่วงอายุของเขาอยู่บ้าง เส้นผมและเสื้อผ้าสีดำ ดวงตาสีแดงเข้มที่ดูราวกับมันกำลังดูดกลืนผู้ที่สบตากับมัน ทันใดนั้นดวงตาคู่นั้นก็หรี่ลง ราวกับกำลังประเมิณคนทั้ง 4 นี้อยู่ 

 

[ ข้าชื่อฮาโรลด์ ตั้งใจฟังเอาไว้ซะ แล้วก็อย่ามาทำให้ข้าหงุดหงิด ]

 

ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ สั้นๆได้ใจความ เด็กชายประกาศชื่อของตัวเองว่าฮาโรลด์ออกมา ยิ่งกว่าหยาบคาย เกือบๆจะเรียกว่าได้อุกอาจ ถึงแม้ว่าำพวกเขาจะต้องอยู่ร่วมกัน หากเป็นรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนตามปกติได้ยินคงแสดงความโกรธออกมาแล้ว แต่ว่าคำพูดเหล่านั้นมันอุกอาจไปหน่อย พวกทั้งหมดได้แต่ผงะถอยหลังไปนิดหน่อย

 

[ …. อืม โอเคๆ ฉันไอแซค ยินดีที่ได้รู้จัก ]

 

ไอแซค ผู้ที่ตกตะลึงอยู่เช่นกัน เขาเกือบจะตอบกลับไปอย่างสุภาพไม่ได้และพยายามฝืนยิ้มออกมา ไม่มีใครมองว่ามันน่าสมเพชที่ปฎิบัติต่อหน้าเด็กชายแบบนี้ 

พวกเขาทั้งหมดถูกกดดันโดยความไม่เป็นมิตรที่แพร่ออกมาจากตัวของฮาโรลด์ ราวกับว่ามันไม่อนุญาติให้พวกเขาตอบว่าไม่เด็ดขาด หากใครก็ตามจะพูดอะไรน่าสมเพชออกมา ก็ไม่มีใครในที่นี้จะว่าอะไรได้ เพราะนี่คือสมาชิกหน่อยที่ 7 ของรุ่นที่ 94 ที่มีโอกาสได้พบกับฮาโรลด์ คนที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมอีกเลยไปตลอดชีวิต

 

 

อาจเพราะฮาโรลด์เป็นคนเงียบๆเป็นทุนเดิม หลังจากนั้น เขาก็พูดน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น อาจเพราะไอแซคและคนอื่นๆลังเลที่จะพูดคุยกับฮาโรลด์ที่เอาแต่นิ่งเงียบ และแล้ววันต่อมา บรรยากาศที่ชวนอึดอัดยังอบอวนเช่นเคย ตลอดเช้าตรู่วันนี้ มีหมอกค่อนข้างมาก เหล่าอัศวินหน้าใหม่รวมถึงหน่วยที่ 7 ที่สอบผ่านเมื่อ ปีที่แล้วต่างออกมารวมตัวกันที่สนามฝึก มันเป็นการฝึกฝนปกติของทุกๆเช้า

ถ้าหากจะมีอะไรแปลกไป นั้นก็คือการที่ให้ฮาโรลด์ออกมาแนะนำตัวก่อนจะเริ่มฝึก

 

[ พวกแกทั้งหมดอาจจะได้ยินมาบ้างแล้ว ไอ้เด็กนี่คือคนที่อายุน้อยที่สุดที่สอบผ่าน ฮาโรลด์สโตร์ก ]

 

เนื่องจากคำพูดไม่กี่คำของครูฝึก เสียงพึมพัมต่างแพร่สะพัดไปทั่วเหล่าอัศวินหน้าใหม่ อาจเพราะส่วนใหญ่ต่างมองว่าฮาโรลด์นั้นดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไปเท่านั้น ซึ่งมันแตกต่างจากคนที่ได้ยินมาในข่าวลือ เสียงกระซิบทั้งหมดต่างกังขาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของฮาโรลด์นั้นจริงหรือไม่ อาจเพราะฮาโรลด์ยืนอยู่ข้างครูฝึก เขาคงไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น และแทบจะไม่กระพริบตา

 

[ ใครก็ตามที่สอบผ่าน ไม่ว่าจะอายุเท่าใด ทุกๆคนจะต้องถูกปฎิบัติอย่างเท่าเทียม ฮาโรลด์ แกเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย ? ]

[ อย่าถามอะไรโง่ๆ อย่างปฎิบัติตัวเทียบเท่ากับไอ้พวกไก่อ่อนนี่ ]

[ ดูเหมือนว่ามันจะจริงแหะที่แกไม่รู้วิธีพูดที่ถูกต้อง งั้นแกจะได้เข้าร่วมการฝึกหลังจากที่วิ่งรอบสนามนี้แล้ว 30 รอบ! ไปซะ ! ]

 

หลังจากได้ยินคำสั่งของครูฝึก ทุกๆคนในที่นี่ถึงกับสะดุ้ง ปกติในตอนเช้าจะเป็นการวอมอัพร่างกายด้วยการวิ่งเยาะๆรอบสนามฝึก 10 รอบ หลังจากนั้นจะเป็นการฝึกร่างกายและฝึกเหวี่ยงดาบ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ครูฝึกจะสั่งลงโทษโดยให้ไปวิ่งรอบสนามหากคนๆนั้นมาสายหรือขาดการงาน แต่ว่ามันหาชมได้ยากที่จะถูกสั่งให้ไปวิ่งรอบสนาม 30 รอบแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกของอัศวินฝึกหัดรุ่นที่ 94 ได้ยินจำนวนรอบขนาดนี้ในไม่ถึงครึ่งปีตั้งแต่พวกเขาได้รับการเกณฑ์เข้าหน่วยฝึก ดูเหมือนว่าพฤติกรรมของฮาโรลด์จะทำให้ครูฝึกหงุดหงิดมาก เมื่อได้รับคำสั่งลงโทษ ฮาโรลด์ก็เริ่มออกวิ่งโดยไม่พูดอะไร ทันใดนั้น ครูฝึกก็ส่งเสียงดังอีกครั้ง

 

[ พวกแกทำอะไร ! อยากจะวิ่งเท่ากับมันเรอะ!? ถ้าไม่ ก็เริ่มวิ่งได้แล้ว ! ]

 

ราวกับถูกขับเคลื่อนด้วยเสียงนั้น ทุกๆคนต่างเริ่มวิ่งและคิดว่า “ช่วยพวกเราด้วยเถิด” 1 รอบสนามราวๆ 400 เมตร สำหรับ 30 รอบ ก็ 12 กิโลเมตร สำหรับพวกเขาคงใช้เวลาราวๆ 50 นาที ถ้าหากคนที่อายุเท่าๆกับฮาโรลด์ คงใช้เวลาเกิน 1 ชม. นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะหลงเหลือพลังที่ไหนไปฝึกหลังจากนี้

“บางที่เจ้าเด็กนี่อาจจะลาออกตั้งแต่วันแรก” ทุกๆคนต่างพากันคิดเช่นนั้น แต่ว่าหลังจากวิ่งผ่านมาได้ 2 รอบ พวกเขาต่างสังเกตเห็นบางสิ่งแปลกๆ ช่องว่างระหว่างพวกเขาและฮาโรลด์ที่เป็นผู้นำนั้นไม่ลดลงเลย กลับกัน มันห่างขึ้นเรื่อยๆ

 

[ ไม่ว่าจะมองยังไง หมอนั้นวิ่งเร็วเกินไปแล้ว ]

[ ถ้าเป็นแบบนั้น หมอนั้นคงหมดแรงน้ำข้าวต้มตั้งแต่ยังไม่ถึง 30 รอบแน่ ]

 

หลายๆคนที่กำลังวิ่งอยู่ข้างๆไอแซคต่างพากันแสดงความประทับใจกันออกมาตรงๆ พวกเขาทุกคนก็ต่างคิดเช่นนั้นเหมือนกัน* แต่ว่าราวกับบดขยี้การคาดเดานั้น ทันทีที่พวกเขาวิ่งมาถึงรอบที่ 5 ฮาโรลด์ก็ทิ้งห่างพวกเขาเกือบจะถึง 1 รอบ แต่ทว่า ความเร็วของเขายังไม่ตกลงเลย

ด้วยการควบคุมลมหายใจอย่างดี ร่างกายที่มั่นคง แขนและขาเคลื่อนไหวอย่างถูกต้อง ด้วยการวิ่งระดับนี้ยังห่างไกลจากลิมิตของฮาโรลด์ ซึ่งมันทำให้รู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับอิสระอยู่ซักหน่อย

พวกอัศวินทั้งหมดต่างไม่เชื่อสายตา หากพวกเขาทั้งหมดวิ่งด้วยความเร็วเทียบเท่าฮาโรลด์ ป่านนี้พวกเขาคงเป็นลมกันไปหมดแล้ว ฮาโรลด์ที่ตอนนี้มองกลับไปที่ด้านหลัง พลางคิดอะไรบางสิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พึมพัมอะไรบางอย่างออกมาแก่ผู้ที่อยู่ด้านหลัง

 

[ เร่งเครื่องซักหน่อยดีกว่า ]

 

พวกเขาต่างตกตะลึงทันทีที่ได้เห็นและได้ยิน “หมอนั้นเร็วขึ้นอีกแล้ว ?” ก้าวของฮาโรลด์ดูกว้างขึ้น ความเร็วของฮาโรลด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน ขาของพวกเขาเริ่มที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อยล้าที่ได้รับตอนนี้เกือบจะเทียบเท่ากับการฝึกปกติช่วงเช้าจนจบ “ทำไม” คำถามนี้ผุดขึ้น แต่ยังไม่ทันจะไขกระจ่าง พวกเขาก็ถูกฮาโรลด์ล่อลวงโดยการกระตุ้น แม้ว่าพวกเขาจะเร่งความเร็วขึ้นเช่นกัน แต่ลมหายใจของพวกเขาเริ่มที่จะไม่ไหว หลังทนมาได้อีก 4 รอบ พวกเขาก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวและพร้อมที่จะหยุดขาของพวกเขา

หลังจากวิ่งได้ครบ 10 รอบ ฝีเท้าของพวกเขาก็หยุดลง พวกเขาช้าไป 5 นาที จากเวลาปกติที่พวกเขาทำได้ อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าของพวกเขากับหนักหน่วงกว่าปกติ แต่สิ่งที่หน้าประหลาดยิ่งกว่าเพราะหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ฮาโรลด์ก็วิ่งครบ 30 รอบด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ ขนาดครูฝึกยังแสดงสีหน้าราวกับว่าไม่เชื่อสายตาตัวเอง และฮาโรลด์ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของเขาก็ไม่ได้รู้สึกสดชื่นหลังเหงื่อออกแต่อย่างใด

 

[ ….. ดูเหมือนว่าแกจะมีพละกำลังที่ดีนะ ]

[ ปกติ การฝึกง่อยๆระดับนี้ไม่สามารถทำให้ข้าเหนื่อยได้หรอก ]

[ โฮ่ว งั้นการฝึกต่อไป ข้าจะให้แกเหวี่ยงสิ่งนี้ ]

 

อาจเพราะท่าทีเย่อหยิ่งของฮาโรลด์ไม่มีทีท่าลดลงเลย ครูฝึกเลยคิดว่าเขาคงลงโทษไอ้เด็กนี่ยังไม่พอ เขาจึงมอบดาบยาวให้แก่ฮาโรลด์ที่ปกติมันไม่ได้ถูกใช้ในการฝึก เนื่องจากน้ำหนักของมันทำให้ต้องใช้แรงเหวี่ยงค่อนข้างเยอะ การจัดการกับมันจึงเป็นเรื่องยากมาก ด้วยร่างกายของเขาและกล้ามเนื้อที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ การที่จะเหวี่ยงสิ่งนี้ได้อย่างถูกต้องแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แต่ว่านั้นมันสำหรับเรื่องปกติอะนะ ทุกๆคนรวมถึงครูฝึกที่อยู่ ณ ที่นี่เริ่มที่จะยอมรับความจริงที่ว่าฮาโรลด์นั้นอยู่อยู่เหนือสามัญสำนึกไปหน่อย 

อาจเพราะกังวลถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ฮาโรลด์จึงขยับออกห่างจากพวกเขาหลังจากได้รับดาบยาวเล่มนี้ ขณะที่ยืนยันรัศมีของดาบและเริ่มถือให้ชินมือ เขาก็เริ่มเหวี่ยงมันอย่างอิสระ ภาพที่เขาเหวี่ยงดาบมันดูงดงามราวกับกำลังเต้นรำ

และในตอนนั้น เกิดมีลมกรรโชกแรง แม้มันจะไม่แรงขนาดพายุ แต่มันก็แรงพอที่จะทำให้ต้นไม้สั่นไหวและใบไม้ปลิวกระจายไปทั่ว ใบไม้สีเขียวลอยละล่องกลางอากาศถูกพัดไปยังฮาโรลด์ ทันทีที่ใบไม้สีเขียวเหล่านั้นลอยผ่านหน้าของเขา ฮาโรลด์ก็ปล่อยการฟันออกมาหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากความเร็วดาบนั้นมันเร็วอย่างน่าประหลาด สำหรับไอแซค เขาแทบไม่เห็นใบดาบ เขาเห็นเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้น และคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าการกระทำของฮาโรลด์นั้นมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะฟันใบไม้เหล่านั้น “มันเป็นไปได้ด้วยหรอ ?” ความคิดบ้าๆนี้ผุดขึ้นในหัวของพวกเขา การตัดใบไม้ที่เคลื่อนไหวอยากสะเปะสะปะไปตามแรงลมด้วยดาบนั้นต้องมีทักษะเป็นอย่างมากและต้องมองเห็นการเคลื่อนไหวของใบไม้ได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งฮาโรลด์เป็นคนประเภทที่ทำได้จริง มี 6 ใบถูกตัดทันทีด้วยดาบของเขา มันถูกตัดทั้งแนวตั้งและแนวนอนขวางกัน จนกระจายออกเป็น 24 ชิ้น ใบไม้เหล่านั้นถูกลมพัดปลิวหายไปกับขอบฟ้า ราวกับหมดความสนใจต่อสิ่งนั้น ฮาโรลด์เริ่มเหวี่ยงดาบของเขาต่อ ปล่อยให้คนอื่นๆที่มองดูอยู่ตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

 

[ หืม ไม่เลวนี่ ดาบนี้ ]

 

ฮาโรลด์แค่อยากจะลองดาบเฉยๆ และเรื่องพวกนี้เขาทำได้เป็นปกติอยู่แล้ว 

เนื่องจากดาบยาวอันนี้ เป็นอาวุธที่น้ำหนักมากที่สุดในหมวกหมู่ดาบ ด้วยใบดาบที่ค่อนข้างหนา การที่จะตัดใบไม้พวกนี้ที่ปลิวอยู่ในอากาศว่ายากแล้ว และทางเดียวที่จะตัดมันได้คือต้องใช้ส่วนปลายของใบดาบที่มีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ถึงจะตัดมันได้อย่างปราณีตแบบนี้

มันเป็นเรื่องบ้ามากๆที่จะสามารถตัดวัตถุได้อย่างแม่นนำด้วยดาบยาวที่ทั้งหนักและเหวี่ยงยากเช่นนี้ แถมวัตถุนั้นยังน้ำหนักเบาและถูกลมพัดสะเปะสะปะทำให้รูปร่างของมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หากการฟันนั้นพลาดเพียงแต่มิลลิเมตรเดียว ด้วยช่องว่างที่ขนาดเทียบเท่าเส้นผม มันก็จะไม่มีทางสำเร็จ

ฮาโรลด์มีความสามารถสูงขนาดนั้น ถ้าหากภาพตรงหน้าที่พวกเขากำลังเห็นฮาโรลด์ทำมันสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ข่าวลือที่บอกว่าเขาเอาชนะรุ่นพี่หลาย 10 คนดูน่าจะเป็นความจริงที่สุด

ทุกๆคนในรุ่น 94 ต่างเข้าใจ ฮาโรลด์อยู่ในระดับที่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ พวกเขารู้ได้ทันทีโดยสัญชาตญาณ มันอารมณ์คล้ายๆกับสัตว์ป่าเวลาต้องเผชิญกับศัตรูตามธรรมชาติของพวกมัน  เหมือนดั่งธรรมชาติกำหนดพวกมันเอาไว้ตั้งแต่เกิด พวกมันไม่สามารถต่อกรกับศัตรูทางธรรมชาติของพวกมันโดยตรงได้

 

2 วันหลังจากถูกเกณฑ์เข้าหน่วย ทุกคนในรุ่น 94 ไม่มีใครกล้าหือกับฮาโรลด์อีก หลังจากเขาแสดงความสามารถที่ล้มหลามของตนเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด