My Death Flags Show No Sign of Ending 97 ลางร้าย

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 97 ลางร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่กำลังเดินบนเส้นทางตามสันเขาที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี พร้อมกับพลางชมดอกไม้สีเหลืองอร่ามที่เติมโตอยู่ริมทางเดินไปด้วย จุดหมายปลายทางหากเขาใช้รถม้าที่เขาขับอยู่เป็นประจำคงใช้เวลาไม่กี่นาที แต่ทว่าหลังจากเดินเท้ามามากว่า 1 ชม. จุดหมายก็ปรากฎขึ้นให้เห็นอยู่ลิบๆในที่สุด

ทิวทัศน์ของเมืองที่ค่อยๆปรากฎขึ้นนั้นเป็นเพียงบ้านเรือนแสนธรรมดาๆทั่วๆไป และจุดหมายที่เขามานั้นก็เป็นเพียงบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่งที่ผสมกลมกลืนคล้ายกับบ้านอื่นๆภายในเมือง นั้นคือจุดหมายของเขาผู้ที่ทำงานเป็นคนขับรถม้าของตระกูลสโตร์ก

ที่สวนของบ้านหลังนี้อาจดูไม่กว้างใหญ่นัก แต่มันก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีแปลงผักเล็กๆอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านอีกด้วย ที่นั้นมีต้นเรดกูดกำลังเติบโตและออกผล มันทำให้เซ็นหวนคิดถึงความหลัง ดูเหมือนว่าทั้งสวนแหละผู้ที่ดูแลแปลงผักเหล่านี้จะยังแข็งแรงดีอยู่ ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เซ็นก็เคาะประตู หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก

 

[ นั้นใครจ้ะ? ]

[ สวัสดีครับคุณผู้หญิง ] – เซ็น

[ โอ้ว เซ็นคุงนี่เอง เข้ามาด้านในก่อนสิจ้ะ ]

 

บุคคลที่ทักทายเซ็นนั้นเป็นผู้หญิงที่อายุราวๆ 60 ถึง 70 ปี ซึ่งเธอกำลังนำทางเซ็นไปยังห้องนั่งเล่นที่ซึ่งมีชายแก่ผมสีขาวกำลังรอเขาอยู่บนเก้าอี้ ชายคนนี้คือนอร์แมน เพื่อนร่วมเก่าของเซ็นที่เกษียณอายุไปเมื่อสองสามปีก่อน

 

[ ไง นอร์แมนซัง ] – เซ็น

 

เซ็นยิ้มๆออกมาขณะจงใจทักทายแบบห้วนๆ และเพื่อเป็นการตอบสนองกับคำพูดนั้น นอร์แมนก็ยิ้มตอบ

 

[ สวัสดี ฉันดีใจนะที่เห็นนายยังสบายดี ] – นอร์แมน

[ คุณนอร์แมนก็เช่นกันครับ อะ-ใช่ นี่ครับของฝาก ] – เซ็น

 

ของขวัญชิ้นนั้นคือตระกร้าถักไม้ที่ภายในนั้นมีขนมปังอบหลากหลายชนิดที่ทำมือจากบ้านของเซ็น

 

[ ขอบใจนะ มานี่สิ นั่งลงก่อน ] – นอร์แมน

 

ตามคำพูดของนอร์แมน เซ็นก็นั่งลงที่ด้านหน้าของเขา ถึงแม้ว่านอร์แมนจะเกษียณแล้ว แต่เขาก็ใช้ชีวิตในฐานะวัยชราอย่างมีความสุขไม่มีโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงอะไร แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีเรื่องที่นอร์แมนยังคงเป็นห่วงอยู่ ซึ่งเซ็นก็เข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นเป็นอย่างดี และนั้นคือเหตุผลที่เขาเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งคราวเพื่อแบ่งปันข่าวสารที่เขาได้รับจากฮาโรลด์

5 ปีแล้วตั้งแต่ฮาโรลด์ออกจากตระกูลสโตร์กไปเพื่อไปเป็นอัศวิน ในตอนนั้น เซ็นและเจคผลัดกันส่งจดหมายเพื่อรายงานสถานะการณ์ต่างๆของตระกูลสโตร์กอยู่เรื่อยๆ ซึ่งแม้ว่าฮาโรลด์จะออกจากการเป็นอัศวินแล้ว แต่เขาก็ยังคงอยู่ที่เมืองหลวง ดังนั้น เซ็นและเจคก็เลยต้องรายงานแบบนี้อยู่ตลอด ซึ่งจดหมายเหล่านั้นจะถูกส่งให้กับฮาโรลด์ ทุกๆ 2-3 เดือน และฮาโรลด์ก็จะตอบกลับมาบ้างประมาณ 1 ใน 3 ครั้ง

 

[ แล้ว ครั้งนี้ท่านฮาโรลด์ว่าอย่างไรบ้าง ? ] – นอร์แมน

[ พวกเราไม่ได้รับคำสั่งอะไรเป็นพิเศษครับ เพียงแค่.. สถานการณ์ของตระกูลเมื่อเร็วๆนี้ทำให้ท่านฮาโรลด์เป็นกังวล ] – เซ็น

 

ฮาโรลด์เคยพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ 8 ปีก่อน ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาพูดอย่างมั่นใจว่าตระกูลสโตร์กจะต้องล่มสลายในไม่ช้าก็เร็ว และเพื่อชะลอการล่มสลายนั้น เขาจึงคิดค้นวิธีทำฟาร์มแบบใหม่ที่เรียกว่าการทำฟาร์มแบบ LP และยังนำตระกูลของคู่หมั้นของเขามาเข้าร่วมการพัฒนาเพื่อขยายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อีกด้วย

ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลสุเมรากิ การเงินของตระกูลสโตร์กถึงฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่ทว่าการสนับสนุนจากภาคประชาชนยังคงน้อยอยู่ การไหลออกจากดินแดนของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสัมผัสได้หากคุณได้เข้าไปภายในเมืองซักครั้ง แม้จะรับการละเว้นภาษีเนื่องมาจากการทำฟาร์มแบบ LP แต่ผลผลิตทางการเกษตรและจำนวนฟาร์มที่อนุญาตให้เพาะปลูกได้ภายในอาณาจักรก็ยังคงถูกควบคุมในปริมาณที่ไม่มาก ดังนั้นนี่อาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของประชาชนแล้ว

ตั้งแต่แรกเริ่ม ฮาโรลด์คิดที่จะ “ชะลอ” ไม่ใช่ ”หยุด” การล่มสลายของตระกูลสโตร์ก และดูเหมือนว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นดั่งที่เขาคาดเอาไว้

 

[ เป็นเช่นนั้นรึ ? ในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าพวกเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรท่านฮาโรลด์ได้มากนัก ] – นอร์แมน

 

ขณะหลับตาของเขาลง นอร๋แมนดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เซ็นเองก็เข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นและเจ็บปวดเช่นกัน นับตั้งแต่เด็ก ฮาโรลด์เป็นคนที่สุดยอดมาก แม้เขาจะเข้มงวดและปากเสียแต่เขาก็เป็นคนจิตใจดี เพียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ และยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่ทำงานอย่างหนักและไม่เคยละความพยายามเลย เขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆเกือบทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเซ็นก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานรับใช้ท่านฮาโรลด์ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านฮาโรลด์ได้

 

[ คุณพูดถูก และดูเหมือนว่าท่านฮาโรลด์จะกังวลเกี่ยวกับท่านฮิวอี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกท่านทั้งคู่จะเป็นพี่น้องต่างมารดา แต่น้องชายของท่านฮาโรลด์ช่างน่ารักน่าชังเสียจริง ] – เซ็น

[ ตั้งแต่แรก ท่านฮาโรลด์ไม่ได้สนใจในยศฐาบันดาศักดิ์ของตัวเองเลยซักนิด บางทีเขาคงไม่ได้กังวลเรื่องตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลอะไรนั้นหรอก ] – นอร์แมน

[ ใช่ครับ ดูเหมือนว่าเขาเพียงแค่อยากจะดูแลน้องชายของเขาละมั้ง ? ครั้งล่าสุดเขาก็ส่งเสื้อผ้าและของเล่นเล็กๆมาให้น้องชายของเขาด้วย ] – เซ็น

 

จริงๆแล้ว ที่ฮาโรลด์ส่งมานั้นมี ถึง 2กล่องไม้ขนาดใหญ่เลยล่ะ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ทำให้เขาไม่สามารถมาพบน้องชายของตนด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงส่งของขวัญเหล่านี้มาในวันเกิดของน้องชายแทน

บางทีการกระทำแบบนี้คนทั่วๆอาจจะนึกภาพออกยากได้ยากว่าสิ่งนี้เป็นฝีมือของฮาโรลด์ เนื่องจากปกติแล้วฮาโรลด์นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชาและให้ความรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการข้องแวะกับใครทั้งสิ้น แต่สำหรับนอร์แมนและเซ็นนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ซึ่งครั้งหนึ่งที่พวกเขาส่งจดหมายแจ้งข่าวเกี่ยวกับเรื่องต่างๆกับฮาโรลด์ มีครั้งหนึ่งเขาแจ้งว่านอร์แทนได้เกษียณแล้ว ฮาโรลด์ได้ส่งชุดถ้วยน้ำชาราคาแพงเพื่อมอบให้เป็นของขวัญ และในตอนที่เซ็นแจ้งว่าเขาเองก็แต่งงานแล้ว ฮาโรลด์ก็ส่งของขวัญมาให้ที่แพงกว่าราคาทั่วๆไปเกือบ 2 หลักเพื่อแสดงความยินดี

และยังมีข้อความแนบมาด้วยกับของขวัญสั้นๆว่า “นายคงหาวิธีใช้ประโยชน์จากมันได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

อย่างที่คาด เซ็นลังเลว่าจะรับของขวัญแสนแพงนี้ไว้ดีหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาถึงบุคคลิกของฮาโรลด์ คงเดาได้ไม่ยากว่าเขาคงบังคับให้รับๆไปและไม่ให้โอกาสได้เถียงอะไรแน่ เซ็นจึงเก็บเอาไว้โดยไม่แตะต้องมันเลยเผื่อไว้

อย่างไรก็ตาม นั้นแหละคือตัวตนที่แท้จริงๆฮาโรลด์ แม้ภายนอกเข้าจะดูเย็นชา แต่จริงๆแล้วเขาแคร์ผู้คนรอบๆตัว

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนมากมายที่ยังคงกลัวเขาอยู่เพราะว่าตัวของฮาโรลด์นั้นเกลียดการแสดงอีกด้านหนึ่งออกมาให้คนอื่นๆเห็น

ขณะที่คิดๆอยู่นั้น เซ็นก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า และขณะที่เขายกมันเพื่อดื่ม แต่ทว่าน้ำหนักของถ้วยนั้นก็ตกฮวบลงไปทันที

มันล่วงลงอย่างกระทันหันและกาแฟก็กระจายไปทั่วโต๊ะ

 

[ อ่า! ผ-ผมขอโทษครับ … ] – เซ็น 

[ นายไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ ? ] – นอร์แมน

[ ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าถ้วยมัน … ] – เซ็น

 

ถ้วยกาแฟของเซ็นตกลงกระแทกโต๊ะจนแตก มันคือชุดถ้วยน้ำชาที่ฮาโรลด์ส่งมาให้นอร์แมนเป็นของขวัญตอนเกษียณ เซ็นรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่งเพราะเขารู้ดีว่านอร์แมนนั้นรักของขวัญชิ้นนี้ขนาดไหน

 

[ อย่ากังวลไปเลย ทุกๆสิ่งที่มีจับต้องได้ย่อมมีวันบุบสลายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม มันก็หักได้อย่างหมดจดเสียจริง ] – นอร์แมน

[ เอ๊ะ ? ] – เซ็น

 

หลังจากที่เซ็นได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้ทำถ้วยกาแฟหลุดมือแต่อย่างใด แต่ที่จับของมันยังคงอยู่ในมือของเขา แต่ว่าทำไมมันถึงหล่นได้ ? เมื่อมองดูรอยหักที่ระหว่างถ้วยและด้ามจับ มันแยกออกจากกันเรียบสนิทราวกับถูกตัด

ดั่งที่นอร์แมนพูดเอาไว้ ทุกๆสิ่งย่อมมีวันพังทลายในที่สุด ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านอร์แมนจะใช้ถ้วยน้ำชามากว่า 2-3 ปีแล้ว แต่ถ้วยที่มีรอยแตกเช่นนี้เกิดจากถึงเวลาที่มันต้องบุบสลายจริงๆหรือ ? ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เซ็นรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นลางร้าย

 

[ …. ท่านฮาโรลด์จะสบายดีรึปล่าวนะ ? ] – นอร์แมน

 

นอร์แมนพึมพัมออกมาอย่างแผ่วเบาขณะเช็ดกาแฟที่หกด้วยผ้า และเซ็นก็ไม่มีคำตอบใดๆให้แก่คำพูดเหล่านั้น

 

 

 

————————–

 

 

 

“ทำไมเรื่องราวถึงกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ?” แม้ฮาโรลด์เองจะจำไม่ได้แล้วว่าเคยถามตัวเองแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง เขาได้แต่พร่ำถามตัวเองแบบนี้อยู่ซ้ำๆตั้งแต่วันนั้นเมื่อ 8 ปีก่อน ในวันที่โชคชะตาหรืออำนาจจากเบื้องบนอะไรก็ช่างผลักไสให้เขาต้องมาอยู่ในร่างของฮาโรลด์ สโตร์ก 

แต่ตอนนี้มันสายไปที่จะถามแบบนั้นอีกครั้งแล้ว

นั้นก็เพราะ แม้ว่าฮาโรลด์จะมีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงมาก แต่ผู้ที่ถือจอยบังคับร่างกายอยู่นั้นคือ ฮิราซาวะ คาซุกิ ชายหนุ่มธรรมดาๆที่หาพบได้ทั่วๆไป ชายหนุ่มที่จับพลัดจับพลูใช้ประโยชน์จากความรู้ของเกมส์ที่เขาเคยเล่น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขานั้นก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นั้นไม่ได้หมายความว่าเขามีความฉลาดอะไรขนาดนั้นหรือมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นในฐานะนักวางแผน เพราะถ้าไม่ใช่ความรู้ที่เขาได้รับมาจากเนื้อเรื่องของเกมส์แล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาเช่นเขาจะสามารถเอาชนะยูสทัสหรือเจรจากับทาสุคุได้

ซึ่งเขาก็ทราบถึงความจริงข้อนี้ดี ดังนั้นฮาโรลด์จึงให้ความสำคัญในการพัฒนาเรื่องราวให้เหมือนกับเนื้อเรื่องของเกมส์ที่สุด เพราะนั้นคือจุดแข็งของเขา และเขาเชื่อว่าเส้นทางนี้แหละที่คนธรรมดาเช่นเขาจะสามารถรอดชีวิตไปได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโลกใบนี้จะคล้ายกับเกมส์ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่ามันแตกต่างกัน โลกใบนี้มีอยู่จริงๆ ผู้คนก็คนจริงๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่จะมีหลายๆสิ่งไม่เป็นดั่งที่เขาคิด ในขณะที่สิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดฮาโรลด์ก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยเลยตามเลยและไม่รักษาเส้นเรื่องเดิมต่อไปอีก

นั้นก็เพราะฮาโรลด์เชื่อว่า การตัดสินใจของเขาในตอนนั้น จะนำพาให้เขาไปสู่จุดจบของเรื่องราวที่ปลอยภัยที่สุดและใกล้เคียงกับเนื้อเรื่องของเกมส์ให้มากที่สุด

เขาเอาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเลือกในตอนนั้นถูกต้องหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน ชิ้นส่วนต่างๆที่ฮาโรลด์เคยกังวลนั้นได้ถูกก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ สายลมที่ถูกพัดกันโชกอย่างแรงราวกับสามารถเฉือนผิวหนังของเขาได้ เช่นเดียวกับคมดาบเหล่านั้นที่ถูกโจมตีอย่างทรงพลังราวกับมันเป็นเรื่องไร้เหตุผล เพื่อที่จะหลบจากการโจมตีเหล่านั้น เขาดีดตัวออกห่างจากผู้ที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ที่จะคิดว่า “สมแล้วที่เป็นเขาคนนี้” แต่ฮาโรลด์ก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น

 

[ ฮี ดูเหมือนฉายาของตำแหน่งกัปตันแห่งกองอัศวินจะไม่ได้มีไว้แค่โชว์สินะ วินเซนต์… ] – ฮาโรลด์

 

วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอร์ด ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่กัปตันแห่งกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังอายุยังน้อย วีรบุรุษในสายตาประชาชน เป็นอีก 1 ตัวละครที่เหล่าปาร์ตี้ผู้กล้าจะต้องเผชิญในตอนท้ายๆของเรื่องราว

และในตอนนี้ ฮาโรลด์และเขากำลังปะทะคมดาบกันอยู่

พูดตามตรง ฮาโรลด์ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาสู้กับวินเซนต์ในช่วงเวลาแบบนี้ เอาจริงๆ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้สู้กับวินเซนต์เลยด้วยซ้ำ

แล้วทำไมสถานการณ์ถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ ? คำตอบนั้นง่ายมาก 

 

[ ฮาโรลด์ สโตร์ก …. ศัตรู … เป้าหมาย…ที่ต้องกำจัด …. อันดับสูงสุด … ] – วินเซนต์

 

ดวงตาของวินเซนต์ดูเลื่อนลอยแปลกๆ เขาพูดประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ ไม่ว่าจะมองอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่วินเซนต์ที่ใครต่างรู้จัก และนั้นคือคำตอบที่ว่ายูสทัสต้องการที่จะฆ่าฮาโรลด์ให้ได้จริงๆแล้วตอนนี้

หลังจากที่ขอแยกตัวกับไลเนอร์และคนอื่นที่ดินแดนสุเมรากิ ฮาโรลด์เดินทางกลับไปยังคฤหาสน์ของแฮร์ริสันเพื่อค้นหาสมบัติที่เหลือ และเมื่อได้คำตอบว่าสมบัติอยู่ที่ไหนเขาก็มุ่งหน้าไปที่นั้นทันที แน่นอนว่าการกระทำนี้ไม่ได้รับอนุญาตจากยูสทัส

ตอนนี้นั้น แฮร์ริสันมีสมบัติอยู่ในมือแล้ว 6 ชิ้น หรือก็คือสมบัติทั้ง 6 ชิ้นอยู่ในมือของยูสทัสเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ไม่ได้มีความคิดที่จะให้เรื่องราวดำเนินไปเหมือนเดิมเดะๆอีกต่อไปแล้ว และจะพยายามดิ้นรนให้ถึงที่สุดก่อนจุดจบที่กำลังจะมาถึงในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะไปขโมยสมบัติชิ้นสุดท้ายตัดหน้าเพื่อชะลอแผนการของยูสทัส

อย่างไรก็ตาม นั้นเป็นเพียงความคิดของคนธรรมดา และยูสทัสก็คาดการเอาไว้แล้ว ดังนั้น สิ่งที่รอคอยฮาโรลด์อยู่ที่ซากปรักหักพังไม่ใช่สมบัติแต่เป็นวินเซนต์ที่สูญเสียสติไปแล้ว

 

[ ไอ้เวรเอ๊ย ! แกมาโจมตีชั้นทำไมวะ ? ] – ฮาโรลด์

[ ฮาโรลด์คือเป้าหมายที่ต้องถูกกำจัดอันดับสูงสุด …… ] – วินเซนต์

 

วินเซนต์ยังคงตอบประโยคเดิมออกมาซ้ำๆพร้อมกับแสงแปลกๆที่เปล่งประกายในดวงตา ซึ่งฮาโรลด์ก็พยายามพูดคุยกับเขาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่เป็นผล มีความเป็นไปได้สูงที่วินเซนต์จะถูกล้างสมองไปแล้ว เช่นเดียวกับ 2 คนนั้นที่มาจากเผ่าสเตลล่า นั้นคือเหตุผลที่ทำให้เขาสูญเสียเจตจำนงของตนเอง แต่บางทีการล้างสมองนั้นอาจยังไม่สมบูรณ์เขาเลยยังพอสื่อสารได้

นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงพยายามแก้ปัญหาด้วยการเจรจา แม้ว่าความหวังจะริบหรี่ก็ตาม

วินเซนต์ก้าวมาข้างหน้าอย่างหนักแน่นจนพื้นดินจมลงไป เขาก็ดึงดาบขนาดยักขึ้นและฟันลงมา ซึ่งฮาโรลด์ก็หลบโดยการฉีกออกด้านข้างและใช้ความเร็วพุ่งเข้าไปโจมตีที่ช่องว่าง ฮาโรลด์นั้นรู้ดีว่าเขาไม่มีโอกาสชนะวินเซนต์ได้เลยหากเข้าปะทะกันตรงๆ ดังนั้นสิ่งที่เขาพอจะวัดฝีมือกับชายคนนี้ได้มีเพียงความเร็ว

อย่างไรก็ตาม วินเซนต์เองก็สามารถหยุดการโจมตที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้างด้วยถุงมือเหล็ก การโจมตีนั้นฮาโรลด์ใส่ทุกอย่างลงไปทั้งพลังและความเร็ว แต่ทว่ามันกลับถูกหยุดไว้ด้วยมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียว ความแข็งแกร่งของวินเซนต์ราวกับฮาโรลด์กำลังฟันใส่กำแพงปราสาท

ยิ่งไปกว่านั้น วินเซนต์กลับใช้มือขวาเพียงข้างเดียวยกดาบขนาดยักนั้นขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะสามารถยกมันขึ้นได้ด้วยมือข้างเดียว อีกทั้งการโจมตีด้วยมือข้างเดียวนั้นความเฉียบคมและความรุนแรงยังเหนือกว่าอัศวินทั่วๆไปอีกด้วย แต่แทนที่จะเรียกการโจมตีนี้ว่าฟัน มันดูราวกับจะบดขยี้ศัตรูเสียมากกว่า

ภายในโลกของเกมส์นั้น หากถูกการโจมตีระดับนี้ไปอย่างมากก็เพียงแค่สูญเสีย HP ไปบางส่วน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การโจมตีระดับนี้หากโดนเพียงครั้งเดียวอาจถึงแก่ชีวิตได้เลย แม้ฮาโรลด์จะเคยคิดที่จะป้องกันมันด้วยท่า R-Guard แต่เขาก็กลัวว่าการโจมตีมันอาจจะรุนแรงเสียจนR-Guard ไม่สามารถทำงานได้และมาถึงตัวของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรจะหลบมันจะดีกว่า

เนื่องจากเป็นชุดเกราะหนักและอาวุธขนาดใหญ่ จึงทำให้ความเร็วของวินเซนต์ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชดเชยกับความเร็วที่เสียไปนั้นคือพลังป้องกันและพลังโจมตีที่สุดโต่ง แต่ปัญหาก็คือ ในจังหวะที่เขาเหวี่ยงดาบเพื่อโจมตี หรือใช้ถุงมืออีกข้างเพื่อป้องกัน ความเร็วของมันทั้งคู่แทบจะเท่ากับฮาโรลด์เลย

มันเป็นเรื่องยากสำหรับวินเซนต์ที่จะรักษาความเร็วสูงสุดเอาไว้ได้ตลอดเนื่องมาจากมันต้องใช้พละกำลังอย่างมากเหตุเพราะภาระที่เกิดจากอุปกรณ์ที่เขาสวมใส่อยู่ แต่ทว่าในจังหวะชี้ขาดผลการต่อสู้ ความเร็วของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ นี่เป็นหนึ่งอย่างที่แตกต่างไปจากเนื้อเรื่องของเกมส์ และมันก็ฟังดูสมเหตุสมผล

นั้นเพราะ แม้ว่าวินเซนต์จะมีพลังโจมตีและพลังป้องกันที่สูงลิบ แต่ถ้าหากเขามีความสามารถเพียงเท่านี้จริงๆ มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของกองอัศวินได้หรอก เพราะคนเหล่านั้นที่เคยมาถึงจุดนี้ต่างแทบจะไม่มีจุดอ่อนเลยทั้งสิ้น

ตอนนี้สำหรับฮาโรลด์ มีเพียง 2 ตัวเลือก

1 . ยอมแพ้ที่จะไปชิงสมบัติและหนีไป หากคู่ต่อสู้เป็นวินเซนต์การหนีก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร อย่างไรก็ตาม หากฮาโรลด์เลือกข้อนี้ สมบัติทั้งหมดก็จะตกอยูในมือของยูสทัสตามแผน หรือก็คือ เหตุการณ์จะดำเนินไปเหมือนดั่งภายในเกมส์ แล้วมันก็อาจทำให้เหตุการณ์ต่อไปเกิดขึ้นเร็วกว่าที่มันควรจะเกิดเหมือนดั่งในเกมส์ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ บางทีความคืบหน้าของไลเนอร์และคนอื่นๆอาจไม่ทันและพร้อมที่จะเผชิญในศึกสุดท้าย

2. จัดการวินเซนต์ลงตรงนี้

เดิมที วินเซนต์จะได้ต่อสู้กับไลเนอร์และคนอื่นๆในตอนท้ายของเรื่องจากการปลุกปั่นของยูสทัส แต่ในโลกนี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น นั้นเพราะในเนื้องเรื่องของเกมส์ โคดี้ ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาได้ลาออกจากการเป็นอัศวินหลังจากจบเหตุการณ์การต่อสู้ในป่าเบลติส และด้วยการสั่งการของเขา ทำให้ชนเผ่าสเตลล่าและเพื่อนพ้องอัศวินล้มตายเป็นจำนวนมาก ด้วยความสูญเสียเพื่อนสนิทที่ลาออกไป และอำนาจในฐานะอัศวิน จิตใจที่เหนื่อยล้าจากความบอบช้ำของวินเซนต์จึงถูกยูสทัสใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม การกระทำของฮาโรลด์ได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งหมด ดังนั้นฮาโรลด์จึงนิ่งนอนใจและไม่คิดว่ายูสทัสจะสามารถเกลี่ยกล่อมให้วินเซนต์มาเป็นพวกได้ ซึ่งยูสทัสก็ทำสำเร็จจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ ยูสทัสจึงใช้วิธีที่รุนแรงกว่าอย่างการล้างสมอง แต่ไม่ใช่เพื่อสังหารผู้กล้าอย่างไลเนอร์ แต่กลับเป็นการสังหารเขา ฮาโรลด์ผู้รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่องราว

 

[ บ้าชิบ!!!!!! ] – ฮาโรลด์

 

ถ้าฮาโรลด์ยอมแพ้และหนีไปตอนนี้ วินเซนต์ที่ถูกล้างสมองก็จะเข้าร่วมกับยูสทัสในฐานะเบี้ยที่มีไว้ใช้งาน และวินเซนต์จะกลายเป็นไพ่ตายใบใหม่ของยูสทัส มีความเป็นไปได้ที่แผนของยูสทัสจะยิ่งถูกดำเนินการเร็วขึ้นไปอีก

เรื่องราวได้แตกเส้นทางออกมาจากเนื้อเรื่องของเกมส์แล้ว และฮาโรลด์ก็ไม่ฉลาดมากพอที่จะคาดการณ์สิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นในเส้นเวลานี้ได้ ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร สุดท้ายเขาจะต้องพ่ายแพ้ และไม่สามารถหยุดยั้งยูสทัสได้

ถ้าเป็นเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากตัดสินผลลัพธ์ของมัน ณ ตรงนี้ เขาต้องเอาชนะวินเซนต์ เพราะหากมองอีกมุมหนึ่ง นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสทองที่จะสามารถลดถอน1ในกำลังหลักของยูสทัสได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึง—

 

[ ….. วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอร์ด ที่นี่จะเป็นหลุมศพของแก ] – ฮาโรลด์

 

นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกที่ฮาโรลด์ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ แต่ถ้าหากเขาพ่ายแพ้ นั้นก็หมายความว่าเขาต้องตาย

ในความเป็นจริง ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะใช้  “สิ่งนั้น” เลยซักนิด แต่ถ้าเขายังกลั้นใจไม่ยอมใช้มัน สุดท้ายเขาก็คงตายไปกับความพยายามอันแสนไร้ค่า ดังนั้นตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาจะต้องทำให้ได้คือการเอาชนะวินเซนต์ และเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มันเป็นจริง

 

[ ก็มาเซ่!!!!! ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์ตะโกนออกมา พร้อมกับคริสตัลสีเขียวมรกตที่ถูกฝังอยู่ในดาบที่มือขวาของเขาเริ่มเปล่งแสงสีจางๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด