My Death Flags Show No Sign of Ending 81 ความจริงเบื้องหลังคำโกหกที่เธอไม่เคยสังเกตเห็น

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 81 ความจริงเบื้องหลังคำโกหกที่เธอไม่เคยสังเกตเห็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คลาล่ากำลังร้องไห้ แม้จะไม่ได้มีเสียงออกมา แต่ว่าก็มีน้ำตามากมายไหลออกมาจากระหว่างนิ้วมือของเธอที่พยายามปิดบังใบหน้าอาบลงที่แก้มของเธอ มันเยอะเสียจนหยดจนพื้นเปียกได้เลยล่ะ ก็คงร้องไห้หนักจริงๆนั้นแหละ และนั้นมันทำให้ฮาโรลด์รู้สึกสับสน

แน่นอนว่า การที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอและลูกสาวเอาไว้ การร้องไห้ด้วยความตื่นตันใจและอยากขอบคุณนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้ง 2 แม่ลูกไม่ได้มีความผิดเลยซักนิด ทุกๆอย่างเกิดขึ้นจากความประมาทของฮาโรลด์ในวัยเด็กเองทั้งนั้น ประจวบเหมาะกับคู่รักตระกูลสโตร์กกล่าวหาเธอ ถึงกระนั้นพวกเธอกลับต้องถูกบังคับให้ย้ายที่อยู่อาศัยไปเมืองอื่นโดยไม่เต็มใจ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเหล่านี้ แทนที่เธอจะเป็นฝ่ายร้องไห้ขอบคุณ ควรจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องขอโทษเธอด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ มันก็ผ่านมากว่า 8 ปีแล้วที่เขาได้เข้ามาอยู่ในร่างของฮาโรลด์ ซึ่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมาผู้คนมากมายที่เขาได้ประสบพบเจอนั้นต่างแสดงท่าทีไม่หวากกลัวต่อเขาก็เกลียดชังเขาทั้งสิ้น ซึ่งเขาก็ชินกับมันแล้ว 

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกับรู้สึกสับสนและไม่รู้จะรับมือกับความรู้สึกขอบคุณที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างไรดี ซึ่งเขาก็รู้ว่าหากใครมาเห็นภาพตอนนี้ ภาพของชายหนุ่มที่ทำแม่ม้ายยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านยามวิกาลมันเป็นภาพที่ดูแย่ขนาดไหน ใครที่มาเห็นแน่นอนว่าต้องรายงานเรื่องนี้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยแน่ๆ

ดังนั้น เขาจึงหาทางทำให้คลาล่าฟื้นตัวแล้วพาเขาเข้าไปในบ้านเสียที

 

[ เธอจะทำแบบนี้อีกนานมั้ย? ชั้นบอกเธอไปแล้วไม่ใช่หรอว่าชั้นมีบางอย่างอยากจะถาม ] – ฮาโรลด์

[ ขะ-ขออภัยด้วยค่ะ ถึงบ้านดิฉันจะไม่ได้หรูหราอะไร แต่ว่าเชิญเข้าไปด้านในก่อนค่ะ ] – คลาล่า

 

เมื่อกล่าวออกมาเช่นนั้น คลาล่าก็เดินนำฮาโรลด์เข้าไปภายในบ้านไม้ของเธอ มีโคมไฟเปิดอยู่เพื่อให้แสงสว่างภายในบ้าน มันดูเรียบง่ายมากๆหากเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมที่ฮาโรลด์เคยใช้อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม แม้บ้านหลังจากจะมีเนื้อที่ไม่ใหญ่มาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกสงบและไม่ได้อึดอัดอะไรที่จะต้องอยู่อาศัยในสถานที่เช่นนี้

กลับเข้าเรื่องปัญหาของเขา เด็กสาวผมสีบอร์นที่ดูคล้ายกับผู้เป็นแม่ของเธอ คลอเล็ต เธอกำลังแอบมองเขาจากภายในเงามืด

 

[ คลอเล็ต ท่านฮาโรลด์มาที่บ้านของพวกเรา มาสวัสดีท่านเร็วเข้า ] – คลาล่า

[ มะ-ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ท่านฮาโรลด์ … ] – คลอเล็ต

 

เธอพูดออกมาด้วยอาการประหม่าพร้อมกับก้มศีรษะของเธอลง  นี่คือการพบกันอีกครั้งของพวกเขาในรอบ 5 ปี แต่ก็ตามที่คาดไว้ คลอเล็ตเธอเติบโตขึ้นน่ารักจนใครๆก็อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอว่าสาวงาม เธอมีรูปร่างหน้าตาเฉกเช่นเดียวกับภายในเกมส์ที่ฮาโรลด์รู้จัก

ครั้งสุดท้ายที่ฮาโรลด์พบกับเธอคือเมื่อตอนงานแข่งขันการประลองที่เดลฟิต ในตอนนั้น เขาต้องการให้เธอเข็มแข็งขึ้น จึงใช้คำพูดรุนแรงกับเธอซักหน่อยเพื่อเป็นแรงผลักดันให้เธอก้าวเดินต่อไป แต่ดูเหมือนว่าเพราะเหตุการณ์นั้น มันกลับกลายทำให้เธอกลัวเขาเสียมากกว่า

 

[ คลอเล็ตงั้นเรอะ? หึ นั่งลงตรงนั้นซะ ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์สั่งให้คลอเล็ตมานั่งลงด้วยเช่นกันโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ขัดขืน ตอนนี้ครอบครัวเอมเมอร์เรลกำลังนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะตัวเล็กกลางบ้าน โดยทั้งคู่กำลังหันหน้าไปทางฮาโรลด์ และขณะที่เขากำลังลองดื่มชาที่คลอล่าชงให้แก่เขาพร้อมกับพูดว่า “ดิฉันไม่แน่ใจว่ามันจะถูกปากท่านฮาโรลด์รึปล่าว ..”  ฮาโรลด์ก็เริ่มต้นอธิบายสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง

 

[ ชั้นได้ยินมาว่ามีพวกโจรบุกมาปล้นเพื่อนบ้านของเธอเมื่อคืนนี้ ถูกต้องรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

[ ใช่ค่ะ ] – คลาล่า

[ พวกมันมีกันกี่คน ? ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันได้ยินมาว่าพวกมันมีกัน 2 คนค่ะ ] – คลาล่า

[ มีใครเห็นพวกมันบ้าง ? ] – ฮาโรลด์

[ มีสองสามีภรรยาตระกูลกริฟฟิทที่อาศัยอยู่ภายในบ้านตอนที่พวกโจรบุกปล้นค่ะ และก็ลูกชายของพวกเขา ไลเนอร์คุง ตามที่ดิฉันทราบมา รู้สึกว่าจะมีเพียง 3 คนนี้ที่เห็นพวกโจรค่ะ และที่ลือๆกันภายในเมืองรู้สึกว่าพวกโจรจะปกปิดตัวตนด้วยชุดคลุมสีดำทั้งตัวค่ะ ] – คลาล่า

[ เพื่อนบ้านของเธอไม่อยู่หรอตอนนี้ ? ] – ฮาโรลด์

[ 2สามีภรรยาถูกพวกโจรทำร้ายได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ สำหรับ ไลเนอร์คุง เขาได้ไล่ตามพวกโจรไปเมื่อช่วงบ่ายนี้เอง ตอนนี้น่าจะออกจากหมู่บ้านไปแล้วค่ะ … ] – คลาล่า

 

ฮาโรลด์เปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากคลาล่าเพื่อยืนยันความถูกต้องกับข้อมูลที่เขามี ดูเหมือนว่าเรื่องราวเกือบจะเหมือนๆกับที่เขาได้รับข้อมูลมา แต่ดูเหมือนว่าคลาล่าจะไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการบุกปล้นในครั้งนี้

ขณะที่รู้สึกโล่งใจ ฮาโรลด์ก็หันไปมองคลอเล็ตที่เอาแต่เงียบมาสักพักหนึ่งแล้ว

 

[ เจ้าหมอนั้น ที่ไล่ตามพวกโจรไป คือไอ้หนุ่มผมแดงตอนนั้นหรอ ? ] – ฮาโรลด์

[ ชะ-ใช่ค่ะ ] – คลอเล็ต

 

เมื่อเข้าใจว่าที่ฮาโรลด์พูดว่า “ไอ้หนุ่มผมแดง” หมายถึงใคร คลอเล็ตเธอก็บตอบรับพร้อมกับพยักหน้า แม้ว่าในน้ำเสียงที่เธอตอบกลับมาจะแสดงถึงความกลัวที่มีต่อเขาอยู่บ้างก็ตาม

ฮาโรลด์รู้ดีว่าแม้มันจะแย่สำหรับคลอเล็ต แต่เขาจำเป็นต้องใช้คำพูดที่ทำให้เธอวิตกกังวลมากกว่านี้

 

[ ถ้าชั้นคาดการณ์ไม่ผิด ไอ้หมอนั้นกำลังไปรนหาที่ตาย ] – ฮาโรลด์

 

ทั้งคลาล่าและคลอเล็ตต่างช้อคจนลืมหายใจกันทั้งคู่ เป็นดั่งที่ฮาโรลด์คาด การที่กล่าวเช่นนั้นออกมาทำให้พวกเธอทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากไลเนอร์บุกไปฉายเดียวกับลิเลี่ยมและเวนโตสจริงๆมันก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% เสมอไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ เขาก็คงแพ้แน่นอน และความพ่ายแพ้ในโลกใบนี้ส่วนใหญ่มักจะจบลงที่ความตาย เพราะมันไม่เหมือนกับในเกมส์ที่ก็แค่ “โหลดเซพใหม่”

ถึงแม้ฮาโรลด์จะสั่งลิเลี่ยมกับเวนโตสไว้ว่าห้ามสังหารเด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ไม่ได้เสียหน่อย ดังนั้นหากเป็นไปได้ ฮาโรลด์ต้องการให้คลอเล็ตตามไลเนอร์ไปในทันที

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องใช้คำพูดกระตุ้นอีก

 

[ จากรายงาน อาชญากรรมในครั้งนี้นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของกลุ่มโจรเดียวกับที่สร้างความวุ่นวายภายในเมืองหลวงเมื่อเร็วนี้ๆ [[กองโจรทรินนิตี้]] สมาชิกส่วนใหญ่ในกองโจรนี้มีความสามารถในการต่อสู้ค่อนข้างสูง แม้ว่าจะสามารถล้อมจับพวกมันได้ในที่เกิดเหตุ แต่ถ้าหากไม่ใช้กำลังบังคับ พวกมันก็ใช่กำลังเข้าปะทะและฝ่าออกไปอยู่เสมอ ] – ฮาโรลด์

 

แน่นอนว่าเรื่องที่พูดมานั้นโกหกทั้งเพ กลุ่มโจรพวกนั้นไม่มีอยู่จริง ฮาโรลด์ด้นสดขึ้นมาล้วนๆ แม้แต่ในเกมส์ พวกโจรทั้ง 3 ที่มาปล้นบ้านไลเนอร์นั้นไม่มีแม้แต่ชื่อเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นชื่อทั้งหมดเขาจึงเป็นคนคิดขึ้นมาเอง

อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่มีทางที่จะทราบถึงความจริงเรื่องนี้ ใบหน้าของคลอเล็ตและคลาล่าต่างซีดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์เองก็ไม่ได้เตรียมคำตอบถ้าหากพวกเธอถามว่าทำไมเขาถึงไล่ตามกลุ่มโจรพวกนี้อยู่ ซึ่งฮาโรลด์ได้แต่ภาวนาในใจเงียบๆขอให้พวกเธอไม่เกิดสงสัยขึ้นมา

 

[ นะ-นั้นมัน .. ] – คลอเล็ต

 

ขณะที่เธอนึกถึงภาพที่ไลเนอร์จะต้องตายจากไป คลอเล็ตก็ดูเศร้าลงในทันที เธอรู้เสียใจที่ตอนนั้นเธอไม่ได้บังคับให้เขาหยุดไล่ตามพวกโจรไป ความรู้สึกเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียงของเธออย่างชัดเจน

 

[ แล้ว โจรพวกนั้นหนีไปที่ไหน ? ] – ฮาโรลด์

[ พวกมันไปเมืองข้างๆนี้ค่ะ ทางทิศตะวันตก …. ] – คลอเล็ต

[ หืมม เป็นอย่างที่คาด เอาล่ะชั้นจะต้องกลับเมืองหลวงก่อนเพื่อเตรียมพร้อมที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ ] – ฮาโรลด์

[ ท-ท่านฮาโรลด์จะไม่ไล่ตามพวกมันไปหรอคะ ? ] – คลอเล็ต

 

ตามที่วางแผนไว้ คลอเล็ตถูกคำพูดของฮาโรลด์จูงจมูกเข้าเต็มเปา คลอเล็ตคงอยากให้ฮาโรลด์ไล่ตามพวกโจรไปและช่วยไลเนอร์ ฮาโรลด์รู้ดีว่าเธอหวังไว้เช่นนั้น แต่ว่าถ้าหากเขาทำเช่นนั้น คลอเล็ตก็คงไม่ไล่ตามไลเนอร์ไปแน่ ในทางกลับกัน หากพาคลอเล็ตไปพร้อมกับเขา มันยิ่งทำให้เหลือเวลาในการจัดการปัญหาอื่นๆยิ่งน้อยลงไปอีก แถมจะปลีกตัวออกมาก็ยาก และมีโอกาสสูงที่เขาจะถูกเปิดโปงว่าเป็นหัวหน้าของพวกกลุ่มโจรนี้

 

[ ไม่ใช่ตอนนี้ ต้องเตรียมการอะไรซัก 2-3 อย่างก่อนเพื่อจะไปจับกลุ่มพวกกลุ่มโจรทรินนิตี้ ] – ฮาโรลด์

[ ตะ-แต่ว่า ถ้าเช่นนั้น แล้วไลเนอร์ล่ะคะ ?! ] – คลอเล็ต

[ เธออยากจะให้ชั้นเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อช่วยไอ้หมอนั้นงั้นเรอะ ? นั้นเรอะ คือสิ่งที่เธออยากจะพูด ? ] – ฮาโรลด์

 

คำพูดที่รุนแรงของฮาโรลด์บดขยี้ความหวังของคลอเล็ตที่ต้องการจะให้คนอื่นช่วยแก้ปัญหาให้กับเธอ

 

[ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ- คือฉัน … ] – คลอเล็ต

[ โอ้ว งั้นเรอะ แล้วมันหมายความว่ายังไง ? ] – ฮาโรลด์

[ …. ] – คลอเล็ต

 

คลอเล็ตทำอะไรไม่ได้เลยนอกเสียจากเม้มปากด้วยความอับอาย ดูเหมือนว่าเธอไม่มีคำพูดอะไรที่จะสามารถตอบกลับไปได้ แต่ทว่า เพื่อที่จะทำให้เธอเดินหน้าต่อไปได้ ฮาโรลด์จึงต้องพูดต่อ

 

[ ไอ้กลุ่มโจรพวกนั้นมันสังหารผู้คนเพื่อแย่งชิงสมบัติ นั้นเป็นสิ่งยืนยันว่าฝีมือการต่อสู้ของพวกมันนั้นเป็นของจริง และเธอกำลังจะบอกให้ชั้นไล่ตามพวกมันไปเพื่อแก้ปัญหาให้กับเธองั้นรึไง ? ] – ฮาโรลด์

[ ตะ-แต่ว่า ท่านฮาโรลด์แข็งแกร่งมาก… ดังนั้น- ] – คลอเล็ต

[ ใช่ แน่นอน ชั้นแข็งแกร่งมาก และสามารถเอาชนะพวกมันได้สบายๆ ] – ฮาโรลด์

[ ทะ-ถ้างั้น! ] – คลอเล็ต

[ ชั้นบอกเธอไปแล้วไม่ใช่หรอ พวกมันเป็นกลุ่มโจร มันจะไร้ความหมายทันทีหากจับพวกมันได้แค่คนเดียวแล้วคนอื่นๆหนีไปได้ สรุปสั้นๆ ชั้นต้องการกำลังเสริมในการล้อมจับพวกมันทั้งหมดพร้อมกัน แล้วชีวิตคนพวกนั้น ก็ใช่ว่าจะรอดกลับมาได้ทั้งหมด หากเธอกล้ารับประกันชีวิตคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด เอ่ยปากออกมา ชั้นจะไล่ตามพวกมันไปในทันที ] – ฮาโรลด์

 

“การแสดงความจริงให้เห็นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป” ฮาโรลด์มั่นใจว่าเคยได้ยินใครสักคนพูดประโยคในข้างต้น และเขารู้สึกว่ามันน่าจะเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันเหลือเกิน แม้ว่าข้อโต้แย้งของฮาโรลด์จะถูกต้อง 100% ตามนั้น แต่การบดขยี้ความหวังของเด็กสาวทิ้งอย่างไม่ใยดีก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ควรทำเสียหน่อย

 

[ หยุดทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจได้แล้วคลอเล็ต การพึ่งพาคนอื่น กับ การปล่อยให้คนอื่นจัดการ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ] – ฮาโรลด์

[ อึก ..  ] – คลอเล็ต

【”『เธอก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่หรอ ? ตัวตนที่อ่อนแอ และ ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำอะไรได้ มันเป็นยังไง ? เอาเถอะถึงแม้จะผ่านมาได้แต่ก็ยังเลือกเส้นทางเดินชีวิตเฉกเช่นคนขี้ขลาดก็เหมาะสมกับตัวเองดี 』”】 – ฮาโรลด์ //คำพูกจากตอนที่ 28

 

ฮาโรลด์พูดประโยคเดิมซ้ำกับที่เคยพูดไว้กับคลอเล็ตเมื่อ 5 ปี ก่อน การพึ่งพาคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี จะครอบครัว หรือเพื่อน ความสัมพันธ์เหล่านี้ต่างเกิดจากการพึ่งพาอาศัยกัน อย่างไรก็ตาม คลอเล็ตเอาแต่พึ่งพาคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่กล้าลงมือทำอะไร ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอเก็บความกังวลและความกลัวจากความตายของเธอเอาไว้อยู่ในอกคนเดียวโดยไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ สภาพแวดล้อมที่ฮาโรลด์ หรือ ฮิราซาวะ คาซุกิ เป็นคนมอบให้นั้นหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงกระนั้น เขากลับสั่งให้เธอก้าวเดินออกมาจากกะลาได้แล้ว และดิ้นรนเหมือนกับเขาที่กำลังต่อสู้กับโลกใบนี้

 

“ชิ นี่มันความเห็นแก่ตัวของผมคนเดียวชัดๆ แต่ว่า…” – ฮาโรลด์

 

[ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะจำคำพูดเหล่านี้ได้รึปล่าว แต่นี้คงเป็นผลมาจากที่เธอถูกช่วยเอาไว้และได้มีชีวิตอยู่ต่อละมั้ง ? น่าสมเพชจริงๆ ] – ฮาโรลด์

[ -! ] – คลอเล็ต

 

เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนดังขึ้น เป็นคลอเล็ตเองที่ไม่อาจจนฟังคำดุด่าของฮาโรลด์ได้อีกต่อไป เธอสลัดมือออกจากคลาล่าที่พยายามจะหยุดเธอและวิ่งออกจากบ้านไป มีเพียงแสงสะท้อนเล็กน้อยในตอนนั้นที่ฮาโรลด์สงสัยว่ามันเกิดจากหยดน้ำตาของเธอรึปล่าว และในที่สุดความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งฮาโรลด์และคลาล่า

 

“….. บางที ผมอาจจะพูดเกินไปหน่อย “ – ฮาโรลด์

 

ปากของฮาโรลด์มีชื่อเสียงในด้านนี้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าสมคำร่ำลือ จริงๆเขาควรจะพยายามหยุดตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยให้ปากของเขาพูดไปเรื่อย สุดท้ายมันมักจะจบลงแบบนี้เสียทุกครั้ง

ขณะที่ดื่มชาที่เย็นชืดไปแล้ว เหงื่อเย็นๆก็ไหลอาบแผ่นหลังของเขา ขณะคิดว่าจะทำอย่างไรดี แต่ว่า มันไม่เหลือเวลาให้เขาทำอะไรได้อีกแล้ว

แม้ว่าเขาจะขอให้เอลล์จัดเตรียมม้าไว้รอแล้ว แต่ถ้าหากเขายังไม่ออกจากหมู่บ้านบร๊อชเร็วๆนี้ เขาก็อาจจะไปเมืองใกล้ๆนี้ไม่ทันก่อนรุ่งสาง หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่สามารถไล่ตามไลเนอร์ได้ทัน และไลเนอร์คงจะเข้าไปที่หุบเขาแห่งหมอกด้วยตัวคนเดียวแล้ว ถึงตอนนั้น ฮาโรลด์ก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของไลเนอร์ได้ 

 

[ คลาล่า ] – ฮาโรลด์

[ … ค- คะ ? ] – คลาล่า

[ ถ้าหากคลอเล็ตบอกกับเธอว่าเธอจะตามไลเนอร์ไป อย่าห้ามเธอล่ะ ] – ฮาโรลด์

[  … ทะ-ทำไมกันละคะ ? ถ้าหากสถานการณ์เป็นจริงอย่างที่ท่านฮาโรลด์พูด ในฐานะแม่ของเธอ มันเป็นไปไม่ได้ที่ดิฉันจะไม่ห้ามเธอได้หรอกล่ะ ท่านฮาโรลด์ ] – คลาล่า

 

นั้นมันก็เป็นเรื่องปกติละนะ อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ไม่สามารถผงักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้นได้ หากการโน้มน้ามของเขาล้มเหลว เขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากให้เอลล์จัดการยุยงให้คลอเล็ตไล่ตามไลเนอร์ออกไปให้ได้ ถึงกระนั้น คลาล่าก็จะยังกลายเป็นอุปสรรคต่อแผนการณ์ของฮาโรลด์อยู่ดี

 

[ ฮืมม ? แม่เป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างงั้นเรอะ ? พวกเธอทั้ง 2 นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ] – ฮาโรลด์

[ ทะ-ท่านฮาโรด์จะพูดอะไรกั– … ] – คลาล่า

[ ชั้นกำลังจะบอกว่าเธอก็ยังมัวกังวลในเรื่องไร้สาระเหมือนอย่างเรื่องเมื่อตอนนั้น ] – ฮาโรลด์

[ ยะ-อย่าบอกนะว่าท่านจะ- .. นั้นหมายความว่าท่านฮาโรลด์ตั้งใจจะไปช่วยเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรอคะ ท่านฮาโรลด์ ? ] – คลาล่า

 

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดมากขนาดนั้น แต่เพื่อให้สิ่งต่างๆดำเนินไปเหมือนกับเนื้อเรื่องภายในเกมส์ เขาจึงตั้งใจจะสนับสนุนทุกๆคนอยู่แล้วจากภายในเงามืด และนี่ เป็น 1 ในวิธีที่ทำให้คลอเล็ตรอดชีวิตไปได้ในตอนจบของเกมส์

หากแผนของยูสทัสสำเร็จ ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้จะต้องตาย ดังนั้น คลอเล็ตผู้เป็น 1 ในปาร์ตี้ของผู้กล้าที่พยายามอย่างหนักเพื่อขัดขวางไม่ให้แผนการณ์นี้สำเร็จ นี่เป็นฉากจบที่เธอจะรอดชีวิตไปได้เพียง 1 เดียว

 

[ เรื่องที่เราคุยกันจบลงแค่เท่านี้ เธอรู้เท่านี้ก็พอแล้ว และห้ามบอกใครก็ตามว่าชั้นมาที่นี่ ] – ฮาโรลด์

 

ดั่งคำบอกลา ฮาโรลด์ก็ได้เดินออกจากบ้านไป เหลือเวลาอีกเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น

 

 

——————————-

 

 

แม้ฤดูใบไม้ผลิจะผ่านไปแล้วและอากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น แต่ลมเย็นยามค่ำคืนก็สามารถทำให้ผิวของเด็กสาวที่วิ่งออกมาขณะสวมเสื้อผ้าบางๆอย่างคลอเล็ตรู้สึกหนาวเหน็บได้

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้อยากที่จะกลับไปที่บ้าน ณ ตอนนี้

 

[[การพึ่งพาคนอื่น กับการปล่อยให้คนอื่นจัดการ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน]]

[[ เธอก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่หรอ ? ตัวตนที่อ่อนแอ และ ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำอะไรได้ มันเป็นยังไง ? เอาเถอะถึงแม้จะผ่านมาได้แต่ก็ยังเลือกเส้นทางเดินชีวิตเฉกเช่นคนขี้ขลาดก็เหมาะสมกับตัวเองดี  ]]

 

คำพูดของฮาโรลด์ยังคงดังก้องอยู่ภายในใจของเธอ

วิธีการพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกโกรธ และความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถตอบกลับคำพูดเหล่านั้นไปได้เลยยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด และอีกส่วนคือความละอายแก่ใจตนเอง เพราะเธอเป็นเด็กไม่รู้จักโต เธอพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันจนไม่ได้สนใจคำพูดที่ฮาโรลด์เคยพูดกับเธอไว้เลยซักนิด เธอเสียใจที่ตลอดทั้งวันนี้เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เธอปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ และขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเหตุใดสิ่งต่างๆถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ คลอเล็ตก็ไม่สามารถอดทนต่อน้ำตาของเธอได้ไหว และได้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

จนถึงเมื่อวันก่อน เธอยังคงมีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข เธออยู่กับแม่ที่เป็นที่รัก และกับเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทของเธอ เธอไม่เคยรู้สึกทุกข์หรือกังวลใดๆเลยจนกระทั้งชีวิตประจำวันของเธอก็พังทลายลง และเหลือเพียงตัวคนเดียวที่ทำอะไรไม่ถูกทิ้งไว้ จมอยู่กับความเสียใจที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้ บางที นี่คือสิ่งที่ฮาโรลด์พยายามจะบอกเธอว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน

ไร้พลัง ไร้จุดหมาย คลอเล็ตได้แต่เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้เรี่ยวแรง ความทรงจำของเธอกับไลเนอร์ค่อยๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆจากทุกๆที่ที่เธอเดินผ่าน ความทรงจำเหล่านี้เธอเคยมองว่าเป็นสิ่งธรรมดาทั่วๆไป ตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่ามันสำคัญสำหรับเธอขนาดไหน

 

[ เอ๋ ? นั้นคลอเล็ตไม่ใช่หรอ ? ] – เอลล์

 

จู่ๆ ก็มีเสียงๆหนึ่งลอยมาตามลามยามราตรีเข้าที่หูของเธอ จากทิศทางของเสียงนั้น เธอก็พบร่างของเอลล์ที่ยืนอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่เขามักจักยิ้มตลอดทั้งวันที่ผ่านมา 

และนั้นทำให้เธอรู้ตัวว่าเธอได้เดินมาถึงประตูทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านแล้ว และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอเดินมาถึงที่นี่ได้อย่างไร 

 

[ อะไรพาเธอให้มาเดินในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้กัน ? แล้วทำไมเธอถึงสวมชุดบางๆแบบนั้นล่ะ ? ] – เอลล์

 

คลอเล็ตไม่กล้าที่จะบอกว่าเพราะเธอหนีมาเพราะความอายที่ถูกคนอื่นชี้ให้เห็นถึงความโง่เขลาของตัวเอง ดังนั้นเธอถึงตอบกลับเอลล์ด้วยคำถาม

 

[ หลายๆอย่างเกิดขึ้นน่ะ แล้วนายล่ะ เอลล์ ทำนายถึงจูงม้ามาด้วย ? มีอะไรเกิดขึ้นหรอ ? ] – คลอเล็ต

[ เปล่าๆ มันแค่ – .. มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนหนึ่งมาหาปลุกผม เขาบอกกับผมว่าให้ขายม้าให้เขาเดี่ยวนี้ เพราะม้าที่เขาใช้เขาขี่มันจนตายไปแล้วตอนมาถึงเมืองนี้ ] – เอลล์

[ ผู้ชายท่าทางน่ากลัว ? ] – คลอเล็ต

[ ใช่ เขามีดวงตาสีแดง อายุน่าจะพอๆกับเธอ แววตาเฉียบคม แต่เห็นดวงตานั้น ผมก็กลัวจนยอมขายม้าให้หมอนั้นโดยไม่คิดอะไรในหัวเลยล่ะ ] – เอลล์

 

จากคำอธิบายของเอลล์ “ผู้ชายท่าทางน่ากลัว” ดูจากลักษณะแล้ว คลอเล็ตนึกออกได้ทันทีว่าเขาหมายถึงใคร มันต้องเป็นฮาโรลด์อย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาจากคำพูดและการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ แสดงว่าฮาโรลด์คงมาที่หมู่บ้านนี้อย่างรีบร้อน

ดังนั้นตอนนี้เขาคงกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหลวงและ ….

 

[ เอ๊ะ ? ] – คลอเล็ต

 

เมื่อคิดถึงจุดนั้น คลอเล็ตก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกๆ ทำไมเอลล์ ผู้ที่ขายม้าให้กับฮาโรลด์ ถึงไม่ได้มาจากทางประตูตะวันออก ทิศนั้นคือทางที่มุ่งไปยังเมืองหลวงไม่ใช่หรอ ? แล้วทำไมถึงมาจากทางประตูตะวันตก ทิศนั้นมันมุ่งไปยังเมืองใกล้ๆไม่ใช่หรอ ?

 

[ มีอะไรหรอคลอเล็ต? ] – เอลล์

 

คลอเล็ต อดไม่ได้ที่จะยิงคำถามกับเอลล์ต่อ ที่ตอนนี้เริ่มแสดงท่าทางสับสน

 

[ เอลล์ ! คนๆนั้นที่นายขายม้าให้ไปเค้าทางไหน ? ] – คลอเล็ต

[ เขามุ่งไปทางทิศตะวันตก ดูเหมือนว่าจะเขารีบไปที่เมืองใกล้ๆนี้ บางที คงมีเรื่องด่วนละมั้ง ? ] – เอลล์

 

แต่ว่า – ทำไมล่ะ ? คำถามเหล่านั้นได้วนเวียนอยู่ภายในหัวของเธอ

ฮาโรลด์บอกกับเธอว่าเขาจะกลับไปที่เมืองหลวง เขาพูดเอาไว้ว่าการไล่ตามกลุ่มโจรทรินนิตี้นั้นอันตรายเกินไป และการที่เขาไล่ตามไปกันคนเดียวมันไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ แล้วทำไม เขาถึงมุ่งหน้าไปที่เมืองใกล้ๆนี่กัน? นั้นมันคนละทางกับเมืองหลวงเลยไม่ใช่รึไง ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรีบมากถึงขนาดบุกไปปลุกพ่อค้าเร่คนหนึ่งกลางดึกที่นอนหลับอยู่ภายในเมืองให้ตื่นขึ้นเพื่อมาขายม้าให้แก่เขา

 

“ยะ-อย่าบอกนะว่า เขากำลังไปช่วยไลเนอร์ ?” – คลอเล็ต

 

ความคิดที่เคยเป็นความหวังนั้นได้ผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง เธอยังคงย่ำกับตัวเองว่ามันไม่มีทางเป็นจริงได้เพราะฮาโรลด์บอกกับเธออย่างหนักแน่นว่าเขาจะไม่ไล่ตามไลเนอร์ไป แต่ทว่าคลอเล็ตก็ไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันความคิดเหล่านี้ได้ และในตอนนั้นเอง ที่เธอนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เรื่องราวในช่วงเวลาที่ฮาโรลด์เคยช่วยชีวิตของเธอและแม่เอาไว้ ซึ่งคลอเล็ตได้ยินจากที่แม่ของเธอเล่าให้ฟังหลายต่อหลายครั้ง

ฮาโรลด์หลอกพ่อแม่ของตน ซื้อเวลาของคลาล่าโดยพามาขังไว้ในคุกใต้ดิน และในเวลาเดียวกัน เขาก็วางแผนการณ์อันแยบยลขึ้นมา เขาบอกกับพ่อของเขาว่าเขาอยากได้ดาบ และนั้นจึงทำให้เขาได้รับเงินจำนวนมากเพื่อไปซื้อมัน แต่เขากับนำเงินเหล่านั้นมาให้คลาล่าและโคเล็ตโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากนั้น ในตอนที่คนขับรถม้าถามกับเขาว่าแล้วจะให้เอาเงินที่ไหนซื้อดาบมาให้ล่ะ ? ฮาโรลด์ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “แกโง่รึปล่าว? ก็เลือกดาบถูกๆซักเล่มมาสิวะ ” และผลจากการช่วยเหลือนั้น เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แต่เขากับแบกรับคำกล่าวหานั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครๆรู้ว่าเธอและแม่รอดชีวิตมาได้

 

[ … ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆ ] – คลอเล็ต

 

ในที่สุดคลอเล็ตก็รู้เสียทีว่าความกรุณาของเขาไม่เคยถูกแสดงออกมาจากฉากหน้า ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าความรุนแรงทางวาจาที่เขามักจะใช้นั้นเป็นเพียงฉากหน้าของความใจดีของเขาเท่านั้น จากประสบการณ์ที่เคยได้รับทำให้เธอรู้สึกเสียทีว่าเขานั้นเป็นคนที่อ่อนโยนถึงเพียงไหน

ในตอนนั้น เธอควรจะรู้สึกตัวว่าเขานั้นโกหก เขาโกหก เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น แม้ว่าตนเองจะต้องเจ็บปวด …

เขาพูดว่าจะไม่ไล่ตามไลเนอร์ไปอย่างนั้นเรอะ ? แล้วทำไมถึงมุ่งตรงไปคนละทิศกับเมืองหลวงกันล่ะ ? แม้ข่าวลือแย่ๆของเขาที่เธอได้ฟังมาจากเอลล์ นั้นคงเป็นผลมาจากที่เขายอมแบกรับมันเอาไว้เหตุจากการช่วยเหลือผู้อื่นมาแน่ๆ

เมื่อคลอเล็ตคิดย้อนกลับไป เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เหมือนๆกัน

 

[[ เธอก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่หรอ ? ตัวตนที่อ่อนแอ และ ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำอะไรได้ มันเป็นยังไง ? เอาเถอะถึงแม้จะผ่านมาได้แต่ก็ยังเลือกเส้นทางเดินชีวิตเฉกเช่นคนขี้ขลาดก็เหมาะสมกับตัวเองดี  ]]

 

คำพูดเหล่านี้ มันยังไม่จบ คลอเล็ตจำได้ว่าฮาโรลด์ยังพูดต่ออีกหน่อยว่า [[ชั้นไม่สนใจหรอก]] เธอจำคำเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ

และตอนนี้ เธอก็รู้ตัวเสียทีว่านั้นมันไม่เป็นความจริง

 

“ชั้นไม่สนใจหรอกอะไรกัน โกหกชัดๆ ท่านฮาโรลด์เป็นห่วงพวกเรา 2 แม่ลูกมาโดยตลอด …” – คลอเล็ต

 

แม้ฮาโรลด์จะไม่เคยมาเยี่ยมพวกเรา 2 แม่ลูกเลยซักครั้ง แต่คลอเล็ตจำได้ว่าคนขับรถม้าได้มาที่เมืองนี้เป้นครั้งคราวเพื่อสอบถามสาระทุกข์สุขดิบ ไม่ใช่เพียง 1 หรือ 2 ครั้ง แต่มันบ่อยเลยล่ะ 

แสดงว่าคนขับรถม้าคนนั้นน่าจะได้รับมอบหมายจากฮาโรลด์ให้มาดูความเป็นอยู่ของ 2 แม่ลูกและกลับไปรายงานกับเขา

บางทีเขาอาจจะรู้สึกการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยสู้ดีของเธอ ดังนั้นพอพบหน้ากันอีกครั้งเขาจึงเลือกที่จะใช้คำพูดที่รุนแรงเพื่อเตือนสติ

ภายใต้คำพูดรุนแรงเหล่านั้นที่คลอเล็ตไม่เคยสังเกตเห็น ในตรงกันข้าม แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกโกรธที่ฮาโรลด์ไม่ช่วยเหลือไลเนอร์ด้วยซ้ำ

ความเสียใจ ความอับอาย ความน่าสมเพชนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังทำทุกวิถีทางที่จะทำได้ แล้วเธอกำลังทำอะไรอยู่ ? จมอยู่กับความหดหู่และเตร็ดเตร่ไปอย่างไร้จุดหมาย ?

เธอต้องช่วยไลเนอร์ นั้นคือสิ่งที่สามารถตอบรับความรู้สึกของฮาโรลได้

 

[ ——- ฉันจะตามเขาไป ] – คลอเล็ต

 

คลอเล็ตรีบกลับไปที่บ้านของตนเพื่อหยิบอุปกรณ์บางอย่างที่เธอจำเป็นต้องใช้

และในตอนนั้นเอง เท้าของเธอก็ต้องหยุดลงเพราะคำพูดของเอลล์

 

[ เธออยากจะตามคนน่ากลัวคนนั้นๆไปหรอ ? ] – เอลล์

[ ใช่ ] – คลอเล็ต

[ เธอจะคามคนๆนั้นทันได้ยังไง คนๆนั้นกำลังขี่ม้านะ แล้วเธอกำลังจะใช้ 2 ขาของตัวเองเพื่อวิ่งตาม ? ] – เอลล์

 

นั้นเป็นคำพูดที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ แม้ว่าเธอดูไร้เหตุผล แต่คลอเล็ตก็ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะหยุดเท้าของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกว่า ถ้าหากเธอยอมแพ้และหยุดอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้ บางสิ่งที่สำคัญจะจบลงจริงๆ เธอรู้สึกได้

 

[ ถึงกระนั้น ฉันก็จะไป ] – คลอเล็ต

[ ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไง ? คือว่า คนน่ากลัวคนนั้นรีบร้อนมากและจ่ายเงินกับผมเกินมาเยอะมากๆ เอาจริงๆ มันมากพอที่จะซื้อม้าได้ 2 ตัวเลยล่ะ ดังนั้นผมเลยเตรียมม้าไว้ 2 ตัวเผื่อเขาจะเอาไปด้วย แต่ว่าเขากลับไม่สนใจเลยซักนิด ] – เอลล์

[ เอ๊ะ ? ] – คลอเล็ต

[ อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก ผมกลับไปพร้อมกับเงินที่มากขนาดนี้ คุณลุงคงสงสัยผมแน่ๆและเข้าใจผิดคิดว่าผมไปโกงลูกค้ามา ดังนั้นผมเคยตั้งใจจะผูกม้าอีกตัวไว้แถวๆนี้เผื่อจะมีคนต้องการใช้มันพอดี ก็มันช่วยไม่ได้นี่เนอะ เงินตั้งขนาดนั้น ซื้อม้าได้ตั้ง 2 ตัว แถมยัง ….. ] – เอลล์

 

ใช่ ใช่แล้ว ช่วยไม่ได้ละนะ มันช่วยไม่ได้จริงๆ

ขณะที่พูดวนซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงโมโนโทน เอลล์ก็เดินจากไปทางที่โรงแรมที่เขาพักอาศัยตั้งอยู่ เหลือไว้เพียงคลอเล็ตที่อยู่ในชุดนอนถูกทิ้งไว้เพียงลำพังกับม้าที่ผูกติดกับเสาประตูเมือง 1 ตัว

เธอได้แต่ก้มหัวขอบคุณเอลล์ที่กำลังเดินจากไป

 

[ ขอบคุณมากนะ เอลล์ ] – คลอเล็ต

[ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอมาขอบคุณผมเรื่องอะไรกัน แต่ผมก็ยินดีรับคำขอบคุณนั้นไว้ด้วยใจจริงนะ ] – เอลล์

 

เมื่อเห็นเอลล์แสดงท่าทางยักไหล่ที่ดูแปลกๆ คลอเล็ตก็เผลอหัวเราะออกมาเล็กๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ ม้าที่ถูกมัดไว้กับเสาก็พ่นลมออกมาราวกับเข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่

เหลือเวลาอีกเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนรุ่งสาง

 

——————————————

TL :ทำไมตอนนี้มันยาวกว่าตอนอื่นๆ เกือบ 2 เท่าเลยฟร่ะ
ปล. มอบรางวัลออสก้าสาขานักแสดงชาย(?) ให้กับเอลล์ที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด