My Death Flags Show No Sign of Ending 99 ผู้ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 99 ผู้ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เอริกะไม่ได้แสดงท่าทีสั่นไหวกับคำถามที่จู่ๆก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแต่อย่างใด

 

[ ทำคุณถึงถามเช่นนั้นล่ะคะ ? ] – เอริกะ

[ ฉันอยากรู้แค่นั้นแหละ ฉันสงสัยว่าบางทีอาจเพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็ได้ ไม่งั้นเธอคงไม่ปฎิเสธฮาโรลด์ที่เป็นคู่หมั้นอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้หรอก ] – ลีฟา

[ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ มันก็แค่พวกเราทั้ง 2 คนแตกต่างกันจนเกินไปทั้งแนวคิดและการกระทำก็เท่านั้นค่ะ ] – เอริกะ

[ แสดงว่า เธอกำลังจะบอกว่าพวกเธอทั้ง 2 ไม่มีวันไปด้วยกันได้สินะ ? ] – ลีฟา

[ ถูกต้องแล้วค่ะ ] – เอริกะ

 

นี่คือคำตอบเพียงอย่างเดียวที่เอริกะมอบให้กับทุกๆคนตลอดการเดินทางนี้ และเมื่อถึงจุดๆนี้ มันคงไม่มีความหมายอะไรที่ลีฟาจะคาดคั้นต่อว่าคำตอบเหล่านั้นเป็นเรื่องโกหกหรือไม่ เพราะยังไงซะ เธอก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาล้มล้างคำพูดของเอริกะ

แม้เอริกะจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับเอริกะ ผู้หญิงอย่างเอริกะก็มีจุดอ่อนเช่นกัน ถึงกระนั้น ลีฟาก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่าจุดอ่อนได้รึปล่าว มันแค่สะดวกที่จะเรียกแบบนั้นเฉยๆ 

แต่ว่าบางทีเอริกะอาจจะทราบจุดอ่อนของตัวเองดีเช่นกัน นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเอริกะจึงระวังเป็นพิเศษที่จะเปิดเผยจุดอ่อนเหล่านั้นออกมา การแสดงออกที่มีต่อฮาโรลด์คงเป็นผลมาจากสิ่งเหล่านี้

จุดอ่อนของเธอคือการที่เอริกะดูมีแนวโน้มที่จะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าปกติเวลาพูดถึงฮาโรลด์ ลีฟาเดาว่าที่เธอทำเช่นนี้คงเพราะกำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่

และนั้น ทำให้ฉากหน้าที่เธอแสดงให้กับทุกคนเห็นนั้นมันยังห่างไกลกับความสมบูรณ์แบบ มันแย่ถึงขนาดลีฟาอดสงสัยไม่ได้ว่าคำพูดที่เอิรกะปฎิเสธฮาโรลด์นั้นจริงหรอ ? แม้จะบอกว่าแล้วทำไมไลเนอร์และคลอเล็ตถึงไม่เอ๊ะใจอะไรเลยล่ะ ? นั้นเพราะในสายตาของลีฟา 2 คนนี้ไร้เดียงสาจนเกินไป

 

[ … ฉันก็ไม่ได้อยากที่จะโน้มน้ามหรือเปลี่ยนใจอะไรเธอหรอกนะ ฉันแค่มีบางอย่างอยากจะเล่าให้เธอฟัง เธอจะฟังซักหน่อยมั้ย ? ] – ลีฟา

[ ค่ะ ดิฉันกำลังฟังอยู่ ] – เอริกะ

 

“ขอบคุณนะ” หลังจากกล่าวออกมาเช่นนั้น ลีฟาก็เว้นช่วงไปสักพักก่อนจะเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

 

[ เธอก็เห็นใช่มั้ย ฉันเป็นคนค่อนข้างแปลก ย้อนกลับไปในตอนที่ฉันยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แม้กระทั้งครอบครัวของฉันเองยังรังเกียจฉัน ฉันไม่เหมาะกับที่ไหนๆเลย มันก็สมแล้วสำหรับตัวฉันที่ไม่ยอมทำการทำงานและหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าวิจัย ] – ลีฟา

 

ลีฟาเล่าอดีตของเธอออกมา มันเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยเล่าให้ฮาโรลด์ได้ฟังเลยด้วยซ้ำ

 

[ ในตอนแรก ที่ฉันเริ่มค้นคว้าและเรียนรู้สิ่งต่างๆก็เพราะฉันอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ที่ผู้คนผู้ไม่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากในฐานะคนยากจน แต่ถึงกระนั้น คนที่ไม่มีความสามารถด้านเวทมนตร์ก็สามารถพึ่งสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาตร์ได้ ด้วยวิทยาศาตร์ มันสามารถช่วยผู้คนที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้สามารถทำอะไรได้หลายๆสิ่งไม่ด้อยไปกว่าผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ แล้วโลก— … เอ่อ จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรใหญ่โตแบบนั้นหรอก ฉันแค่อยากให้ครอบครัวและคนในหมู่บ้านของฉันร่ำรวยขึ้นก็แค่นั้น ] – ลีฟา

 

ขณะที่เธอเล่าออกมาเรื่อยๆ เอริกะเองก็ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ซึ่งการที่เอริกะไม่แสดงความเห็นหรือความเห็นอกเห็นใจใดๆออกมานั้นถือเป็นสิ่งที่ดีในมุมมองของลีฟา เพราะมันยิ่งทำให้เธอกล้าพูดออกมาโดยง่าย และเธอก็ไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสงสารหรือความเห็นอกเห็นใจใดๆ เอริกะคงเดาได้เธอไม่ต้องการอะไรแบบนั้น

ในมุมมองของลีฟา เธอไม่คิดว่าเรื่องราวชีวิตที่เธอได้ประสบพบเจอมานั้นเป็นเรื่องโชคร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เธอทำเพื่อตัวของเธอเอง

 

[ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ในที่สุดความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่คิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องกลับไปหาครอบครัวที่เคยทอดทิ้งฉันเพราะฉันมัวแต่ไปทุ่มเทให้กับวิทยาศาสตร์ … แต่ว่าพอรู้ตัวอีกที ฉันก็กลายเป็นคนดื้อรั้นไปแล้ว ฉันกลับหลังไม่ได้แล้ว ต่อให้ถูกมัด ฉันก็จะสู้หัวชนฝา จนกลายเป็นว่าฉันทำเรื่องไม่เหมาะสมไปต่างๆนาๆ ] – ลีฟา

 

ลีฟารู้สึกว่าเรื่องราวของเธอหากใครได้ฟังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

นั้นเพราะเธอเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆที่ไล่ตามความฝันที่ใหญ่เกินตัวจนไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร และถ้าถูกตอกหน้ากลับมาแบบนั้น ลีฟาเองก็ไม่อาจปฎิเสธใดๆได้

 

[ และตอนนั้นเองที่ฉันได้พบกับผู้ชายคนนั้น  มีแต่คำพูดแย่ๆออกมาจากปากของเขา ทำเอาความประทับใจแรกที่ฉันมีต่อเขาแทบจะติดลบเลยล่ะ แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากข่าวลือของเขาเองด้วยก็เถอะ ] – ลีฟา

 

บางทีความประทับที่เธอมีต่อฮาโรลด์อาจจะดีกว่านี้นิดนึงหากไม่ได้ฟังเรื่องข่าวลือเสียๆหายๆของฮาโรลด์ที่เอลล์เป็นคนเล่าให้ฟัง

อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เอลล์ที่เป็นคนเล่าเรื่องราวของฮาโรลด์ให้ฟัง เธอเองก็คงไม่ได้ขอให้เขาเป็นคนนำทางเธอขึ้นไปยังบนเขา

 

[  … หมอนั้น เขาไม่เคยหัวเราะเยาะกับความพยายามของฉันเลยสักครั้ง แถมแนะนำให้ฉันรู้จักกับยูสทัส เพื่องานวิจัยของฉัน ถึงแม้พอกลับมาคิดดูตอนนี้ หมอนั้นคงมีเจตนาแอบแฝงอะไรบางอย่างนั้นแหละ แต่ว่า เป็นเพราะฮาโรลด์เอื้อมมือมาหาฉัน ฉันเลยก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ] – ลีฟา

 

ลีฟาคิดว่าสิ่งที่ฮาโรลด์ทำมาทั้งหมดนั้นคงมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างแน่นอน บางทีเรื่องทั้งหมด เป็นเธอเองที่ถูกเขาหลอกใช้ ถึงกระนั้นการที่เธอไปรับคำเชิญของยูสทัสในตอนนั้นก็สร้างปัญหาให้กับเขามากเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เธอตัดสินใจช่วยเขา ไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้สึกติดหนี้ฮาโรลด์หรืออะไรแบบนั้น เหตุผลมันง่ายกว่านั้นมาก 

นั้นเพราะฮาโรลด์ ”โดดเดี่ยว” พอๆกับเธอ .. ไม่สิ เขากำลังต่อสู้กับความโดดเดี่ยวที่รุนแรงกว่าของเธออีกด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยอมรับในความพยายามของเธอ นั้นทำให้ลีฟารู้สึกมีความสุขมาก

แค่นั้นก็เพียงพอให้เธอรู้สึกอยากยึดติดกับเขาแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่มาจากเธอเพียงฝ่ายเดียว แต่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ เพียงพอที่จะทำให้เธออยากจะสนับสนุนฮาโรลด์ ต่อให้อันตรายแค่ไหน เธอก็อยากจะช่วยเขาให้ได้ เธอยิ้มให้กับตัวเองพลางคิดว่า “บางทีคงมีแค่เธอเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้”

เธอพยายามอย่างหนักมาโดยตลอด อยู่คนเดียวมาโดยตลอด มีหลายๆครั้งที่เธอเริ่มคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันอาจจะสิ่งที่ผิดพลาด เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนั้น เธอกลัว เธอเชื่อว่าตนเองถูกเลือกให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไป มีหลายๆครั้งที่เธอร้องไห้เพราะกลัวสิ่งเหล่านี้ กลัวว่าความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของเธอจะเป็นสิ่งไร้ค่าและไม่มีใครจดจำ

และฮาโรลด์เป็นคนนั้น คนที่จุดแสงสว่างในความืดมิดที่เธอถูกขังเอาไว้ มันแสดงให้เธอเห็นเส้นทางเดินต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนั้นได้หรอกว่าเธอรู้สึกโล่งใจขนาดไหน

 

[ … ฉันถูกฮาโรลด์ช่วยเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาแอบแฝงอะไรก็ตาม แต่ความจริงข้อนั้นก็ไม่เปลี่ยน ] – ลีฟา

 

ความจริงข้อนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

เธอได้รับการช่วยเหลือจากเขาแล้ว และตอนนี้ จะเป็นคราวของเธอที่เป็นฝ่ายยื่นมือไปช่วยเหลือเขาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่ามันอาจจะทำให้เขารู้สึกรำคาญ แต่ลีฟาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำสิ่งเหล่านั้นได้

 

[ … ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะว่า ลีฟาซังได้รับความเชื่อใจจากท่านฮาโรลด์มากมายขนาดไหน ] – เอริกะ

[ เชื่อใจงั้นหรอ .. อ๊ะ— ] – ลีฟา

 

หากมองจากมุมของคนภายนอก คงไม่แปลกอะไรที่จะเชื่อใจหรือไว้วางใจในฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาดของฮาโรลด์อย่างแน่นอน ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใคร หรือเก่งแค่ไหน ไม่มีทางที่เขาจะแพ้คนๆนั้นได้อย่างง่ายๆแน่ แต่ไม่มีใครรู้ที่เขาแข็งแกร่งเพราะดาบนั้น ดาบที่ลดอายุไขของเขา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรเชื่อใจ—– เดี่ยวนะ

 

( เดี่ยวนะ— เดี่ยว ตะกี้ .. เอริกะพูดว่า “ฮาโรลด์เชื่อใจฉัน” ไม่ใช่ “ฉันเชื่อใจฮาโรลด์” ??? ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น —– ? ) – ลีฟา

 

หัวสมองของลีฟาถึงกับว่างเปล่าไปชั่วขณะ “นี่อาจเป็นเบาะแสเล็กๆ รึปล่าว?” นั้นคือสิ่งที่เธอคิด แต่อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของเธอกลับเดินหน้าไปก่อนความคิด ลีฟาเงยหน้าขึ้นมา ที่นั้นเพียงแว๊บหนึ่งเธอเห็นดวงตาของเอริกะสั่นไหว ในตอนนี้ ฉากหน้าอันไร้เทียมทานของเอริกะได้ถูกทำลายลงแล้ว 

สายตาของหญิงสาวทั้ง 2 สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ แววตาของเธอกำลังสั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ หน้าของเธอเริ่มถอดสี ราวกับรู้ตัวแล้วว่าเธอถูกจับได้แล้ว

มาถึงจุดๆนี้ ลีฟาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดโดยสัญชาตญาณของผู้หญิงได้โดยทันที ในที่สุด ชิ้นส่วนต่างๆมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งหมดได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันแล้ว

เหตุใดสิ่งแรกที่เอริกะคิดหลังจากได้ฟังเรื่องราวของลีฟา คือลีฟานั้นได้รับความไว้วางใจจากฮาโรลด์ นั้นเพราะเอริกะคิดว่าการกระทำทั้งหมดของลีฟาได้รับการยอมรับจากเขา และการประเมินนิสัยของฮาโรลด์ในสายตาของเอริกะนั้นเด็ดขาดจนเกินไป

แม้ว่าคำพูดของเอริกะจะไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรแบบนั้น แต่ว่าน้ำเสียงเธอก็มีร่องรอยของความอิจฉาปนออกมาอยู่เล็กน้อย นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเอริกะถึงเสียอาการทันทีหลังจากที่พูดคำๆนั้นออกมา

 

[ เฮ้อออ ] – ลีฟา

 

ลีฟาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อทำลายความเงียบ แต่ว่าเอริกะ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

หลังจากปล่อยให้เวลาไหลไปอยู้สักพัก ในที่สุดลีฟาก็เริ่มพูดต่อด้วยประโยคคำถาม

 

[ ฉันไม่รู้หรอกนะถึงเหตุผลที่ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงพยายามกับเธอให้ออกห่างจากตัวเขา เธอคงรู้เหตุผลอยู่แล้วสินะ ใช่มั้ย ? ] – ลีฟา

[ ค่ะ ดิฉันทราบถึงเรื่องนั้นดี ] – เอริกะ

[ และเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงต้องเกลียดชังตัวของฮาโรลด์ นั้นก็เพราะฮาโรลด์ต้องการให้เธอเกลียดเขา ] – ลีฟา

 

เอริกะหลับตาลงราวกับกำลังอดกลั้นต่อบางสิ่ง หลังจากนั้นเธอก็มองขึ้นไปยังบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น

 

[ ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้ตอบอะไรไป คุณก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วสินะคะ ] – เอริกะ

 

คำพูดของเอริกะบอกเป็นนัยๆว่าความคิดของลีฟาถูกต้อง 

เป็นอย่างที่คาด มันคือความตั้งใจของฮาโรลด์ที่ต้องการให้เอริกะเกลียดเขา ดังนั้น เธอจึงทำเช่นนั้นเพื่อเขา

 

[ เธอจะแก้ตัวต่อไปก็ได้ไม่ใช่หรอ ? ยังไงซะ ฉันก็หาอะไรมาแย้งไม่ได้อยู่ดี ] – ลีฟา

[ ถึงแม้ดิฉันจะแก้ตัวไป มันก็คงไม่พ้นสายของคุณได้หรอกค่ะ ลีฟาซัง ] – เอริกะ

 

ดูเหมือนนั้นจะเป็นคำชมนะ
แต่ไม่รู้ทำไมลีฟารู้สึกหงุดหงิด แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องมาสนใจเรื่องนั้น

 

[ หนึ่งสิ่งที่ฉันอยากจะพูดเคลียร์ก่อนก็คือ ฮาโรลด์ไม่ได้เชื่อใจฉัน แต่เป็นฉันที่ไปรบเร้าจะวุ่นวายกับเขาให้ได้ จริงๆแล้ว หมอนั้นไม่อยากให้ฉันเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขาเลยด้วยซักนิด ถึงขนาดขู่บังคับก็แล้วแต่เป็นฉันเองที่รั้นจะยุ่งวุ่นวายให้ได้ ] – ลีฟา

 

แม้ว่าการกระทำของเธอจะสร้างความรำคาญให้กับฮาโรลด์ แต่ลีฟาก็เชื่อว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ 1ในนั้นคือการที่เธอได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหมอกพิษ

 

[ เอริกะ เธอรู้ใช่มั้ยว่าทำไมฮาโรลด์ถึงพยายามกันเธอให้ออกห่างจากเขาขนาดนี้ ? ] – ลีฟา

 

หลังจากเริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ ลีฟาก็เริ่มถามคำถามอีกครั้ง

 

[ นั้นเพราะท่านฮาโรลด์เชื่อว่ามันไม่เกิดประโยชน์ใดๆจากการที่พวกเราทั้ง 2 คนจะต้องเกี่ยวข้องกัน แต่อะไรที่ทำให้ท่านฮาโรลด์คิดเช่นนั้น ดิฉันเองก็…. ] – เอริกะ

 

เสียงของเอริกะค่อยๆจางหายไป

แต่ลีฟารู้คำตอบข้อนั้นดี และเธอก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน 

ท้องไส้ของเธอเริ่มปั่นป่วน หัวของเธอเริ่มหนักราวกับกลืนสารตระกั่วเข้าไป นี่อาจเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ลีฟาคาดการณ์เอาไว้ ถ้าเช่นนั้น “ฉันควรจะทำยังไงดี” “ฉันควรจะพูดอะไรต่อไปดี” ความคิดต่างๆมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

 

[ … มีอีก 1สิ่งที่ฉันอยากให้เธอตอบ ] – ลีฟา

[ อะไรหรือคะ ? ] – เอริกะ

[ เธอรู้สึกอย่างไรกับฮาโรลด์กันแน่ ? ฉันอยากให้เธอบอกความรู้สึกที่มาจากหัวใจจริงๆ ] – ลีฟา

 

มันไม่ง่ายเลยที่เอริกะจะตอบ บางที นี่อาจเป็นคำถามที่เธอจะไม่มีวันตอบออกมาเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่เคลียประเด็นนี้ให้ชัดๆ สิ่งต่างๆก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ทั้งจากลีฟา เอริกะ หรือแม้แต่ตัวของฮาโรลด์เองด้วยซ้ำ 

 

[ … ดิฉันหลงรักท่านฮาโรลด์ค่ะ หลงรักมาตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็ก ] – เอริกะ

 

น้ำเสียงของเอริกะที่กล่าวออกมา มันฟังดูราวกับเธอสารภาพความผิดร้ายแรงออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอเจ็บปวดขนาดไหนขณะกล่าวออกมาเช่นนั้น และในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ลีฟาเข้าใจถึงความรู้สึกของเอริกะที่มีต่อฮาโรลด์นั้นมันมากมายขนาดไหน

ในตอนที่ลีฟาและเอริกะพบกันที่คฤหาสน์ของตระกูลสุเมรากิ เอริกะกล่าวออกมาว่า “พวกเราทั้งคู่คงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันสินะคะ …” ในเวลานั้นลีฟาหลงคิดไปว่า เอริกะพยายามบอกเป็นนัยๆว่า พวกเธอทั้ง 2 คนคงเคยไปพัวพันกับปัญหาที่ฮาโรลด์นำมาให้เท่านั้น แต่พอมองย้อนกลับไป มีความหมายอื่นๆแฝงมาจากคำพูดของเอริกะในตอนนั้น อาจเป็นเพราะเอริกะคิดว่า ลีฟาและเธอเหมือนกัน พวกเธอทั้งคู่คือคนที่แคร์ฮาโรลด์และพร้อมจะทำทุกๆอย่างเพื่อตัวของเขา 

ที่ลีฟาไม่ทันรู้สึกตัวเพราะว่าเวลานั้นเธอแทบจะไม่รู้จักเอริกะ แต่ถึงเธอจะสังเกตเห็นมันในตอนนั้น ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะในท้ายที่สุด แม้ว่าพวกเธอทั้ง 2 พร้อมที่จะทำทุกๆสิ่งเพื่อตัวของฮาโรลด์ แต่พวกเธอทั้งคู่ก็ไม่สามารถจะทำได้อยู่ดี เพราะพวกเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรกันแน่ และพวกเธอทั้งคู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป้าหมายจริงๆของฮาโรลด์คืออะไร

อย่างไรก็ตาม ลีฟาเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ระหว่างฮาโรลด์และเอริกะเป็นสิ่งที่ผิด ลีฟาเชื่อว่ามันผิดที่เอริกะเลือกที่จะโกหกความรู้สึกของตัวเองโดยคำนึงถึงความต้องการของฮาโรลด์มากกว่า และฮาโรลด์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่โลเลแม้ว่าอายุไขของตัวเองจะต้องหดสั้นลงก็ตาม 

เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของคนเราเป็นเรื่องของคน 2 คนซึ่งเธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ว่าถ้าหากเรื่องราวยังดำเนินต่อไปอยู่แบบนี้ เธอก็มั่นใจว่าเอริกะจะต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากการจากไปของฮาโรลด์อันหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากรู้ว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแล้วยังปล่อยให้มันเลยตามเลย แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนเขาทำกัน หรือแม้กระทั้งในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยซ้ำ

 

[ นั้นหมายความว่าเธอรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าเขาจะทำทุกๆสิ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา ? ] – ลีฟา

[ ค่ะ ดิฉันทราบถึงความจริงข้อนี้ดี ] – เอริกะ

 

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเอริกะรู้จักกับฮาโรลด์ตั้งแต่ยังเด็ก ถึงจะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้กับฮาโรลด์ แต่ลีฟาเชื่อว่าเอริกะคงต้องผ่านอะไรมามากมายเช่นกัน และบางที นั้นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ตัวของเอริกะประเมิณตัวของฮาโรลด์ไว้สูงเกินไป หากมาลองคิดๆดู ฮาโรลด์เป็นคนที่สุดยอดมาก หากเธอเคยเห็นสิ่งที่เขาทำสำเร็จอย่างใกล้ชิด ไม่แปลกใจเลยถ้าเธอจะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

แต่ลีฟาคิดว่าคงจะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาเหล่านั้นฉลาดพอที่จะรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ฮาโรลด์ทำสำเร็จนั้นมันยากขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม เอริกะประเมิณเขาสูงเกินไป ไม่ว่าเขาจะเก่งเจ๋งขนาดไหน มันก็มีขีดจำกัดที่คนๆเดียวจะสามารถไปถึงได้ ถึงกระนั้น เอริกะก็ยังเชื่ออย่างสนิทใจในทุกๆการตัดสินใจของฮาโรลด์ และทำทุกๆสิ่งตามอย่างไม่มีเงื่อนไข แบบนั้นมันเรียกว่าตาบอดแล้ว

 

[ แน่นอนว่า ฮาโรลด์เป็นคนที่สุดยอดมาก และฉันก็เชื่อว่าเขาเป็นคนที่สามารถทำในสิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราๆทำไม่ได้ แต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนอย่างพวกเรา ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรถ้าหากคนอย่างฮาโรลด์จะผิดพลาดได้เหมือนเช่นพวกเรา ฉันพูดถูกรึปล่าว ? ] – ลีฟา

[ …. นี่เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อสำหรับดิฉัน ] – เอริกะ

[ ฉันคิดว่าเธอควรเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้ให้มากนะ เอริกะ และฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่สามารถคิดเรื่องต่างๆได้อย่างใจเย็น ฉันอาจจะพูดอะไรที่เธออาจจะรู้อยู่แล้ว แต่สำหรับฉัน เธอควรเป็นฝ่ายลงมือทำอะไร ออกความเห็น หรือพยายามหยุดเขาไม่ให้ทำอะไรประมาทๆจะดีกว่านะ ] – ลีฟา

[ ดิฉัน— ดิฉันไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยค่ะ ลีฟาซัง ] – เอริกะ

 

ขณะกล่าวออกมาเช่นนั้น เอริกะก็เผยรอยยิ้มราวกับเยาะเย้ยตัวเอง 

“มันไม่เหมาะกับเธอเลยซักนิด” ลีฟาคิดเช่นนั้นขณะมองดูเอริกะที่อยู่ในสภาพนี้

 

[ ดิฉันสามารถเป็นประโยชน์แต่ท่านฮาโรลด์ได้จริงๆหรือคะ ? …. ดิฉันไม่รู้สึกเลยว่าดิฉันจะทำแบบนั้นได้เลยซักนิด ] – เอริกะ

 

ถึงคราวที่เอริกะเป็นฝ่ายเริ่มพูดบ้าง

เธอเริ่มเล่าเรื่องราวครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอ และในขณะเดียวกัน มันก็ช่วยให้ลีฟาได้เห็นถึงอดีตของฮาโรลด์

 

 

——————————-

 

 

[ ดิฉันพบกับท่านฮาโรลด์ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้นดิฉันอายุเพียง 10 ขวบ ] – เอริกะ

 

เหตุผลที่ทำให้เธอได้รู้จักกับฮาโรลด์เพราะเธอต้องหมั้นกับเขาด้วยเหตุผลทางการเมือง ในตอนนั้น ถึงเธอเองจะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็เข้าใจถึงจุดยืนของตนเอง ฐานะตนเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เธอยอมรับว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอบอกกับตัวเองว่านี่คือสิ่งที่ลูกสาวของเจ้าเมืองควรจะต้องทำ เพื่อช่วยเหลือความเป็นอยู่ของผู้คนภายเมือง การแต่งงานกับฮาโรลด์สามารถช่วยเรื่องเหล่านั้นได้ เมื่อคิดถึงตอนนั้น เอริกะจำได้ว่าเธอแทบไม่สามารถระงับอารมณ์ที่เศร้าหมองของเธอได้ ทันทีที่ได้รู้ถึงตัวตนของตระกูลของคู่หมั้นของเธอ คือตระกูลที่ยึดถือในสายเลือดบริสุทธ์และรู้ถึงแนวคิดของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำชาวสุเมรากิ เด็กผู้ชายผู้ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเอริกะก็ได้นำยารักษาที่สามารถระงับการเจ็บป่วยจากหมอกพิษที่แพร่กระจายอยู่ในดินแดนสุเมารากิ โดยนอกจากส่วนผสมของตัวยาและวิธีผลิตที่ชาวสุเมรากิต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เด็กชายก็ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆจากการมอบสูตรยาให้

แม้เด็กชายจะยืนกรานว่าที่เขาให้สูตรยาเพราะตอบแทนที่พวกคุณสนับสนุนตัวของเขา แต่ตระกูลสุเมรากิก็อยู่ในฐานะที่จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลสโตร์กต่างหาก ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำสำหรับตัวของเด็กชาย

ในเวลานี้ ความรู้สึกของเอริกะที่มีต่อฮาโรลด์ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

 

[ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น และนั้นทำให้ดิฉันเริ่มเกลียดท่านฮาโรลด์ ] – เอริกะ

[ เรื่องบางอย่าง ? ] – ลีฟา

 

เอริกะลังเลที่จะเล่าออกมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยอมพูดออกมา

เพราะทุกๆคนในที่นี้โดยเฉพาะลีฟา ทุกคนต่างรู้ดีว่าฮาโรลด์เป็นคนแบบไหน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรหากจะเล่าเรื่องที่ฮาโรลด์กระทำกับคลอเล็ตให้ฟัง

 

[ ในเวลานั้น มีข่าวลือแพร่สะพัดในดินแดนของตระกูลสโตร์กเกี่ยวกับท่านฮาโรลด์ได้สังหารคู่แม่ลูกหญิงรับใช้ในคฤหาสน์ ดังนั้น ดิฉันเลยไปสอบถามเขาเกี่ยวกับความจริงของข่าวลือเหล่านั้น ] – เอริกะ

 

“ฉันหวังว่าข่าวลือพวกนั้นจะไม่เป็นความจริง” จนถึงตอนนี้ เธอยังคงจำความปรารถนาในเวลานั้นได้ดี

แต่ทว่า ฮาโรลด์กลับบดขยี้ความปรารถนาของเธออย่างไม่ใยดี

 

[ เขากล่าวว่า <ชั้นสังหารพวกมันเพราะพวกมันทำให้ชั้นหงุดหงิด>  และ  <พวกมันเป็นแค่คนรับใช้ จะอยู่หรือตายมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของชั้น> แถมยังดูถูกพวกเขาว่า <พวกมันเป็นเพียงพวกชั้นต่ำ> ] – เอริกะ

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น เอริกะทั้งโกรธ ทั้งสิ้นหวัง เนื่องด้วยความเป็นเด็ก เธอจึงไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ได้

 

[ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเขาคือการทำให้ดิฉันเชื่อแบบนั้นจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ต้องขอบคุณในสิ่งที่ท่านฮาโรลด์กระทำ หญิงรับใช้และลูกสาวของเธอจึงสามารถหลบหนีออกมาจากดินแดนสโตร์กได้อย่างปลอดภัย ] – เอริกะ

 

เขาโกหกพ่อแม่ของตน เตรียมเส้นทางและวิธีหลบหนีให้แก่หญิงรับใช้และลูกสาว แถมยังมอบเงินจำนวนมหาศาลให้พวกเธอใช้ตั้งต้นชีวิตใหม่ 

และยิ่งไปกว่านั้น จนถึงทุกวันนี้ ฮาโรลด์ยังแบกรับข้อหาฆาตกรเอาไว้ เพื่อที่2แม่ลูกจะได้มีชีวิตต่อไปได้อย่างปลอดภัย

 

[ … มันฟังดูราวกับเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์จะทำแบบนั้นจริงๆ ] – ลีฟา

[ ทุกอย่างเป็นตามนั้นจริงๆค่ะ และดิฉันก็ได้รู้ความจริงทั้งหมดหลังจากนั้น ] – เอริกะ

 

ความแข็งแกร่ง สง่างาม และความมีเมตตา

กว่าเอริกะจะรู้สึกตัว เธอก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว

 

[ เฮ้อ…ฉันเข้าใจแล้ว มีองค์ประกอบมากเกินพอที่จะทำให้เธอตกหลุมรักหมอนั้นได้ ] – ลีฟา

[ ค่ะ ในตอนนั้นกว่าที่ดิฉันจะรู้สึกตัว มันก็สายเกินไปแล้ว ] – เอริกะ

 

ในตอนแรกที่เธอได้รู้ความจริง เธอก็ไม่แน่ใจว่าเธอแค่รู้สึกผิดหรือเธอตกหลุมรักเขาไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไง เหตุการณ์นี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอมองฮาโรลด์ในทางที่ดีขึ้นมาก

 

[ ท่านฮาโรลด์มักจะพยายามอย่างหนักทำสิ่งต่างๆด้วยตัวคนเดียวอยู่เสมอ ดังนั้น ดิฉันจึงพยายามเท่าที่จะทำได้เพื่อลดภาระของเขา แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ] – เอริกะ

 

ดังนั้น เธอจึงทำในสิ่งที่ฮาโรลด์อยากให้ทำ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไป ในตอนที่เธอรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอได้ฝึกฝนเวทมนตร์รักษาอย่างหนักเพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้ในวันหนึ่ง และเพื่อที่จะสามารถเคียงข้างเขาได้ เธอศึกษาทั้งมารยาทของชนชั้นสูง การบริหารจัดการภายในดินแดน และสาขาวิชาอื่นๆอีกมาก และเพื่อที่จะได้ไม่ต้องได้รับการปกป้อง เธอก็ยังฝึกฝนเวทมนตร์ การยิงธนู ไทจุสึ

 

[ … อย่างไรก็ตาม พอมาคิดดีๆเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ดิฉันกลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเลยได้ซักอย่าง ] – เอริกะ

 

ถ้าเอริกะไม่อยากให้ฮาโรลด์ต้องกังวลจริงๆ เธอควรที่จะเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ และพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน สร้างความไว้วางใจ และถามเขาตรงๆว่าต้องการให้เธออยู่ในจุดๆไหนกันแน่ เขาต้องการเธอรึปล่าว เพราะถ้าเธอทำแบบนี้ตั้งแต่แรก อยู่ในจุดที่เธอควรยืนอยู่ตั้งแต่แรก เขาคงไม่ต้องเจ็บปวดขนาดนี้

นั้นเพราะ ไม่ว่าเธอจะฝึกฝนหรือขัดเกลาตัวเองมาเพียงไหน มันก็ไร้ความหมายหากฮาโรลด์ไม่ต้องการเธอ และด้วยบุคลิกของเขา ยิ่งทำให้สรุปว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะต้องการเธอ

นั้นเพราะในตอนที่เขาเริ่มคิดว่า “ชั้นต้องการเธอ” เขาจะสูญเสียทางเลือกในก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

 

< เฝ้ามองเขา เพื่อดูว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร อยู่ใกล้ๆเขา สนับสนุนเขา และตอนนั้น ลูกจะกลายเป็นผู้ที่เข้าใจในตัวของเขาอย่างแท้จริง >

 

นั้นคือคำพูดที่พ่อของเธอเคยกล่าวกับเธอไว้ และเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำให้คำพูดเหล่านั้นกลายเป็นจริง แต่ทว่าในตอนนี้เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

 

เธอกำลังเฝ้ามองเขาอยู่รึปล่าว ? ตอบ: ไม่ นั้นเพราะเธอทำได้เพียงแค่เฝ้ามองเขาจากที่ๆห่างไกลเท่านั้น

เธอได้สนับสนุนเขาอยู่รึปล่าว ? ตอบ: ไม่

เธอได้อยู่ใกล้ๆเขาในช่วงเวลาที่เขากำลังลำบากรึปล่าว ? ตอบ: ไม่ และฮาโรลด์ก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นอยู่แล้ว

เธอเข้าใจรึยังว่าทำไมฮาโรลด์ถึงยอมเสี่ยงชีวิตขนาดนี้? ตอบ: ไม่ เธอไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 

สิ่งต่างๆที่เธอพยายามกลับกลายเป็นยิ่งแย่ลง จะบอกว่าฮาโรลด์ไม่ต้องการมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ขนาดตัวของลีฟา เธอก็ทำในสิ่งที่ขัดต่อความตั้งใจของฮาโรลด์ แล้วเป็นยังไงเธอได้ร่วมเดินทางกับฮาโรลด์ และได้รับความไว้วางใจจากเขา

หากตัวของเธอใส่ใจฮาโรลด์จริงๆ เธอควรเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตัวเองไม่ใช่รึไง และเผชิญหน้ากับเขาแม้ว่าจะถูกปฎิเสธมากเท่าไหร่ก็ตาม

เหตุผลเดียวที่เธอไม่สามารถทำแบบนั้นก็เพราะเธอไม่มีความกล้ามากพอ เธอก้าวต่อไปไม่ได้เพราะกลัวที่จะถูกปฎิเสธ เธอวิ่งหนีตั้งแต่เริ่มต้น หนีจากการเผชิญหน้ากับฮาโรลด์ โดยหวังลมๆแล้งว่าซักวันฮาโรลด์จะเป็นฝ่ายเรียกหาตัวของเธอ

 

[ ดิฉันละอายใจเหลือเกิน … ] – เอริกะ

 

ถ้าหากเธอมัวแต่จมอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองในอดีต แบบนั้นเธอก็จะไม่มีวันทำสำเร็จ บางสิ่งอาจจะแตกต่างไปจากเดิม หากในตอนนั้นเอริกะพูดออกมาอย่างชัดเจนในสิ่งที่เธอรู้สึกกับเขา ในวันนั้นที่เมืองคาบลัน ที่เธอลากเขาขึ้นไปบนเรือด้วยกัน

แต่ทำไมตอนนั้นเธอถึงกลัว

ทำไมเธอถึงพูดไปว่า < ไม่ว่าท่านฮาโรลด์จะเป็นคนบาปขนาดไหน ดิฉันก็จะยังคงยอมรับใจตัวของท่านเสมอค่ะ ——– นั้นเป็นสิ่งที่ท่านพี่ของดิฉันอยากจะบอกกับคุณ >

เป็นไปได้รึปล่าวที่เธอจะก้าวต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวด ?

นั้นคือความแตกต่างระหว่างเธอกับลีฟา ลีฟาทำได้ แต่เธอทำไม่ได้ และนั้นทำให้เธอตระหนักได้ว่าความรู้สึกของเธอนั้นแทบไม่มีค่าอะไรเลย

ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะมั่นใจในตัวเองได้ ผู้ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวของฮาโรลด์ได้เลยซักอย่าง สิ่งที่เธอพยายามอย่างหนักมาทั้งหมด มันเป็นเพียงเรื่องไร้ความหมาย สิ่งที่เธอพยายามมาทำหมดเพียงเพราะต้องการหลอกตัวเองให้พอใจก็เท่านั้น

และที่สำคัญที่สุด เธอเกลียดตัวเองที่เธอเล่าเรื่องของคลาล่าและคลอเล็ตออกมา ทั้งๆที่เธอสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะเก็บความลับนี้ไว้ในใจตลอดไปจนกระทั้งฮาโรลด์จะยอมบอกกับเธอด้วยตัวเอง

นั้นเพราะพอได้ฟังสิ่งที่ลีฟาเล่า เธอจึงถูกครอบงำด้วยความคิดโง่ๆเพียงชั่ววูบ

 

[ เอริกะ … ] – ลีฟา

 

ดูเหมือนว่าลีฟาอยากจะให้กำลังใจแก่เธอ แต่ตัวของลีฟานั้นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี อย่างไรก็ตาม นั้นยิ่งทำให้ตัวของเอริกะยิ่งละอายใจมากขึ้นที่ต้องเอาปัญหาของตนเองไปให้คนอื่นหนักใจ และสิ่งเดียวที่เธอจะพอทำได้ตอนนี้คือพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

 

[ ต้องขออภัยด้วยที่ต้องให้คุณมาฟังเรื่องอะไรเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้น ลีฟาซัง คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ ] – เอริกะ

[ แต่ว่า … ] – ลีฟา

[ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันไม่เป็นไร ] – เอริกะ

 

หลังจากนั้น บทสนทนาก็ยังคงแนวๆเดิมที่ลีฟาพยายามขออยู่กับเอริกะต่ออีกหน่อย แต่ว่าในที่สุด เธอก็ยอมแพ้และกลับเข้าเต้นไปด้วยใจที่ยังกังวลเกี่ยวกับเอริกะ และเมื่อถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง เอริกะได้แต่จ้องมองไปยังแค้มป์ไฟที่ยังคงลุกไหม้อยู่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้ว่าเธอจะพยายามโยนกิ่งไม้เข้าไปเพื่อเติมเชื้อไฟเท่าไหร่ เธอกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของมันเลยซักนิด “ คนที่กำลังอกหัก เค้ารู้สึกแบบนี้รึปล่าวนะ ? ” นั้นคือสิ่งที่เอริกะคิด 

 

[ … ดิฉันไม่คู่ควรที่จะยืนเคียงคุณ ] – เอริกะ

 

ในที่สุดเธอก็พูดคำๆนี้ออกไป ตลอดเวลามาจนถึงตอนนี้ เธอได้แต่หักห้ามตัวเองไม่ให้พูดมันออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนมันถึงจุดที่คำๆนี้ถูกสลักลึกลงไปในหัวใจของเธอ กลายเป็นตัวตนของเธอ

ในที่สุดน้ำตาก็เริ่มไหลริน ความรู้สึกอบอุ่นเพียงอย่างเดียวกลับกลายเป็นน้ำคาที่ไหลอาบแก้มของเธอ

อย่างไรก็ตาม ความอบอุ่นนั้นชวนให้นึกถึงความรักอันลึกซึ้งที่เธอมีต่อฮาโรลด์ และเธอกลัวว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันจะไหลออกไปจนไม่สิ้นสุด ขณะที่เธอยังคงร้องไห้คนเดียวอยู่เงียบๆในที่สุดพระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้า

 

—————————-

ในมุมมองของเอริกะ ลีฟาคงออกนำไปไกลแล้ว ส่วนเธอยังย่ำอยู่กับที่ T T

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด