My Death Flags Show No Sign of Ending 32

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 32 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หากพูดถึงผลลัพธ์ ฮาโรลด์สอบผ่านอย่างยอดเยี่ยม มันดูง่ายดายมากที่เขาสามารถเอาชนะอัศวินได้มากกว่า 30 คนโดยที่แทบไม่ได้แผลอะไรเลย ด้วยปฎิกิริยาตอบสนองและความสามารถทางร่างกายของฮาโรลด์ ทำให้การเคลื่อนไหวของอัศวินที่นอกเหนือจากการคาดเดานั้นถูกรับมือได้อย่างง่ายๆ และในช่วงครึ่งหลังเขาก็เริ่มคุ้นชินกับมัน และทำให้เขาเกือบรู้สึกว่านี่เป็นงานที่น่าเบื่อหน่าย กว่าเขาจะรู้สึกตัว อารมณ์ของเขาที่เคยพุ่งพล่านก็ลดลงไปแล้วจนเกือบหมดแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะสอบผ่านฉลุย แต่มันก็มีปัญหาอยู่ ปัญหาใหญ่เลยล่ะ เพราะคงไม่มีรุ่นพี่คนไหนชอบใจกับไอ้เด็กใหม่ที่ผ่านการทดสอบโดยการซ้อมเหล่ารุ่นพี่ได้หรอก

 

[ เห้ย แกคือไอ้เด็กใหม่ที่ชื่อฮาโรลด์ ใช่ไหม ? ]

[ …… แล้วไง ]

[ ดูเหมือนแกจะทำไว้แสบนะ พวกเราเลยคิดว่าจะสั่งสอนแกซักหน่อยว่าเด็กใหม่ความประพฤติตนอย่างไร ]

 

ปัญหาก็คือ ตลอด 10 วันที่ผ่านมานี้หลังจากที่เขาสอบผ่าน มักจะมีเหตุการณ์ที่เหล่ารุ่นพี่เข้ามาหาเรื่องบ่อยๆ “พวกท่านอัศวินมีนิสัยเป็นแบบนี้จะดีหรอ ?” ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยอยู่ในจ เอาตรงๆฮาโรลด์คิดว่าเหล่าอัศวินนั้นกล้าหาญและมีเกียรติ แต่นั้นคือมุมมองจากภายนอกอะนะ พอได้สัมผัสถึงรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคนดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาถามเรื่องนี้กับชิโด้ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างบุคคลโดยใช้อาวุธและเวทมนตร์เป็นสิ่งต้องห้าม หากฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก นั้นคือเหตุผลว่าทำไมพวกรุ่นพี่จะเข้ามาหาเรื่องด้วยมือเปล่าอยู่เสมอ และแน่นอนว่าช่วงเวลาที่ฮาโรลด์ถูกหาเรื่องเขาก็ไม่มีอาวุธเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้การฝึกต่อสู้โดยไม่ใช้อาวุธเป็นข้ออ้างในการหาเรื่องนั้นเอง

เหล่ารุ่นพี่ 4 คนยืนเรียงหน้ากระดานต่อหน้าฮาโรลด์ ซึ่งเขาพึ่งจะตากเสื้อผ้าเสร็จและกำลังจะกลับเข้าไปในค่าย เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายและไม่สนใจเท่าไหร่ที่ท่าทีของเขาตอนนี้จะกระตุ้นให้พวกรุ่นพี่โมโหมากขึ้น เพราะสำหรับเหล่ารุ่นพี่ ไม่ว่าฮาโรลด์จะทำอะไร มันคงดูขัดหูขัดตาไปหมดอยู่ดี “ถ้ากูเกลียดมึง อะไรที่เกี่ยวกับมึงกุก็เกลียดหมด” เอาเถอะถึงพวกเขาจะปฎิบัติกับฮาโรลด์แย่ซักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้อยู่ดี

ถ้าเช่นนั้น การปล่อยให้พวกรุ่นพี่อัดคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูก และในเมื่อเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงความเกลียดชังนี้ได้ ดังนั้นเขาก็แค่ช่างหัวมันไม่สนใจจะดีกว่า พูดตามตรง มันไม่มีความหมายที่จะต้องพยายามเข้ากับพวกนี้ให้ได้ ดังนั้นมีเพียงการกระทำเดียวที่ฮาโรลด์สามารถเลือกได้ตอนนี้

เขางอเข่าลงเล็กน้อย ลดจุดศูนย์ถ่วงลง เมื่อมองดูท่าทางที่เหมือนกับว่าเขาจะพุ่งเข้าไปโจมตีคนทั้ง 4 ทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นอย่างตรงข้าม ร่างของฮาโรลด์หายไปทันทีเมื่อเขาปลดปล่อยพลังที่ส่งไปยังขา เหลือเพียงเสียง “หวือ” ดังตัดอากาศ เนื่องจากการมองเห็นของเขาแคบลงเพราะ มุ่งความสนใจไปที่ตัวของฮาโรลด์ ทำให้ดวงตาของพวกเขาไม่สามารถตามความเร็วของฮาโรลด์ได้ทัน และตอบสนองต่อเหตุการณ์ตรงหน้าช้าเกินไป

เมื่อเพื่อเขารู้ว่าฮาโรลด์ได้หายไปแล้ว ฮาโรลด์ก็วิ่งไต่กำแพงทางด้านขวาและข้ามหัวพวกเขาไป ด้วยการกระทำเพียงเสี้ยววิเขาก็สามารถทิ้งห่างรุ่นพี่ทั้ง 4 ได้เกือบ 20 เมตร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รุ่นพี่ทั้ง 4 ไม่สามารถตามเขาได้ทัน และเมื่อทั้ง 4 หันหลังกลับ ร่างของฮาโรลด์ก็ไปไกลแล้ว

โดยไม่สนใจเสียงเรียก “เดี่ยวสิ” ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี๊ยวดังมาจากด้านหลัง เขามุ่งหน้าไปสถานที่ที่คนพลุกพล่านทันที นั้นเพราะ ถ้าที่นั้นมีคนอื่นๆอยู่ด้วยซักหน่อย มันคงเป็นเรื่องยากถ้าจะตามมาหาเรื่องต่อ สุดท้ายพวกนั้นคงจะยอมปล่อยเขาไป โดยที่ไม่ต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือ

 

( เห้อ ถ้าหากมีคนแบบนี้ในกองอัศวินอยู่เยอะ แม้แต่วินเซนต์คงทำอะไรมากไม่ได้หรอก )

 

ฮาโรลด์คิดระหว่างทิ้งระยะห่างออกมาเรื่อยๆ ถึงแม้วินเซนต์จะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากภายในเกมส์ แต่ เนื้อแท้แล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ เป็นคนที่จิตใจดี เป็นอัศวินที่ดี เป็นคนที่พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ

 

[[อัศวินคือดาบและโล่ของอาณาจักร]]

 

นั้นคือสิ่งที่เขาเชื่อมั่น แต่ว่าสิ่งที่วินเซนต์ปกป้องนั้นไม่ใช่เพียงแค่ราชา ดั่งที่เขากล่าว อาณาจักรในที่นี้รวมถึงพลเมืองด้วย

ดั่งประโยคๆหนึ่งที่ยืมมา-

 

[[อาณาจักรดำรงอยู่ได้ก็เพราะประชาชน หากไม่มีชาติ ก็ไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์   ด้วยเหตุนี้การเป็นผู้นำประเทศและการสร้างสายสัมพันธ์แห่งสันติภาพให้กับราษฎรจึงเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ และเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายปฎิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ พวกเราอัศวินคือผู้ที่กำจัดภัยคุกคามและช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุบทบาทของตนได้]]

 

เคารพความเป็นมนุษย์ ยึดถือในความชอบธรรม ยื่นมือช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ตำหนิคนที่ทำผิด และโค่นล้มผู้ที่หมายจะทำลายอาณาจักรอย่างไร้ความปราณี นั้นแหละคือ วินเซนต์

มันไม่ผิดหรอกที่จะกล่าวว่า วินเซนต์คือความถูกต้อง และเขามีความแข็งแกร่งที่มากเกินพอที่จะทำในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นเป็นจริงได้ อาจเพราะส่วนหนึ่งตัวเขาเลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเอง แต่ในท้ายที่สุด วินเซนต์คนเดิมที่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่เขาเชื่อจะถูกบดขยี้ด้วยความคิดของเขาเอง และสุดท้ายหัวใจของเขาก็แตกสลาย

นอกประเด็นไปหน่อย ที่จะกล่าวคือ  ระบบเส้นสายในการคัดเลือกเข้ากองอัศวินที่มันยึดติดฝังรากลึกอยู่ภายในกองอัศวินแบบนี้ ซึ่งมันยังห่างไกลจากอดุมคติของอัศวินและองค์กรอย่างที่วินเซนต์หวังไว้ แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะยกโทษให้กับเรื่องเหล่านี้ และเขาตั้งใจที่จะลบล้างมันหลังจากที่เขาได้ขึ้นเป็นกัปตัน

ขณะคิดว่า “ผมคงจะมีความสุขถ้าหากนายทำมันให้สำเร็จเร็วๆ” ตอนนี้เวลาเที่ยงกว่าๆแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นฮาโรลด์จึงคิดที่จะไปทานอาหารกลางวัน หลังจากเขานำตะกร้าใส่ผ้าไปคืนและมุ่งหน้าไปโรงอาหาร ถ้าหากเป็นที่นี่ ซึ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน พวกรุ่นพี่คงไม่สามารถหาจังหวะเข้ามาหาเรื่องเขาได้หรอก

พูดก็พูด อาหารที่นี่ฟรีทุกอย่าง แต่มันก็เมนูทั่วๆไป นอกเสียงจากอยากจะกินอะไรหรูๆหน่อยก็จ่ายเพิ่มได้แต่ก็ไม่ได้แพงอะไรมาก ขณะนำอาหารปริมาณพอดีๆมาทาน ฮาโรลด์ ผู้ซึ่งไม่เรื่องมากสั่งเมนูทั่วๆไปและหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่นั่งลงรับประทาน และอย่างเช่นเคย เขานั่งกินเพียงคนเดียว

ฮาโรลด์ที่มักจะโดนเข้ามาหาเรื่องอยู่บ่อยครั้ง จึงถูกพวกรุ่นพี่หรือเด็กใหม่คนอื่นๆหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเด็กใหม่เหมือนกัน แต่มันก็ยังมีกำแพงที่เรียกว่าความแตกต่างของเวลาที่เข้ารับการฝึก แต่เหตุผลหลักๆคือฮาโรลด์ถูกหาเรื่องอยู่แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นคนอื่นๆจึงกลัวติดร่างแหไปกับเขาด้วย มันจึงช่วยไม่ได้ที่คนอื่นๆจะพยายามหลีกหลี่ยงเขา

 

[ วันนี้ก็ยังทำหน้าบึ้งอยู่เช่นเคยนะ ฮาโรลด์ ]

 

ถึงจะบอกว่าคนอื่นๆมักจะหลีกเลี่ยงเขา แต่ว่ามันก็มีข้อยกเว้นอยู่ นั้นเพราะผู้ชายที่เข้ามานั่งตรงที่นั่งข้างๆเขา คือชิโด้ และคนอื่นๆที่เดินตามเขามาก็เข้ามานั่งตรงข้ามเขาด้วย ทั้งโรบินสัน และ ไอรีน

 

[ นายต้องการอะไร ? ]

[ แค่มันดูเศร้าที่เห็นเด็กใหม่ต้องมานั่งทานอาหารคนเดียว ดังนั้นหัวใจในความเป็นรุ่นพี่ของผมมันร่ำร้องให้มานั้งเป็นเพื่อนน่ะ ]

[ ไม่จำเป็น เพราะนายก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นๆเหมือนกันไม่ใช่รึไง ? ข้าไม่ยักจะเคยเห็นนายอยู่กับคนอื่นๆนอกจากเจ้าพวกนี้ ]

[ ไร้สาระน่า ผมไม่ใช่โรบินสันนะ ]

[ ข้าคิดว่านายไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นนะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้จริงๆ … ]

 

อยู่ๆก็โดนลูกหลง โรบินสันถึงกับจิตตก รูปร่างสู่งใหญ่ของเขาที่กำลังขนถ้วยซุปด้วยช้อนพลางห่อไหล่ราวกับเด็กขี้อาย

เพราะได้พบกับโรบินสันบ่อยขึ้นหลังจากมาที่นี่ ฮาโรลด์ถึงได้เข้าใจว่าคนๆนี้ที่มีใบหน้าอันดุร้าย หรือก็คือ โรบินสัน เขาเป็นคนขี้อายและละเอียดอ่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขามีนิสัยที่รักสงบ ซึ่งตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตาของเขาสุดๆ

เพราะงั้น ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆที่จะต้องกลัวโรบินสัน แต่ว่ามันก็ต้องใช้ระยะเวลาซักหน่อยกว่าจะชิน และถ้าหากจู่ๆโรบินสันปรากฎตัวออกมา ฮาโรลด์ก็ยังเผลอตกใจจนสะดุ้งบ้าง

 

[ ไงก็ตาม ดูนายป็อบปูล่าพอสมควรเลยนะ พวกรุ่นพี่จ้องนายตาเขม่งเลย ]

 

ชิโดลดเสียงลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาแบบนั้น ดูเหมือนว่าชิโด้เองก็คิดเช่นกันว่าคนรอบๆมองฮาโรลด์ไม่ดียังไงไม่รู้ เมื่อฮาโรลด์ดูๆแล้วชิโด้พูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร ไม่มีท่าทีใดๆเหมือนพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ แสดงว่าหมอนี่เป็นคนดีใช้ได้ รวมถึงไอรีน และ โรบินสัน ที่กำลังมองฮาโรลด์ด้วยสายตาที่ดูเป็นกังวลเช่นกัน

 

[ ……. ก็จริง ตอนนี้รอบๆตัวข้ามีแต่พวกตัวปัญหา ]

[ ถ้าได้ยังพูดออกมาได้ชิวๆแบบนี้ได้ แสดงว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงสินะ ]

 

ชิโด้หัวเราะออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจในคำพูดเหล่านั้น ไอรีนเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน

 

[ แต่นายทำตัวไม่น่ารักอย่างสุดๆเลยนะ หากยังเป็นแบบนี้มันคงเศร้าแย่ถ้านายหาเพื่อนหรือคนรักไม่ได้ ]

[ บุ-ฮ่าๆๆ เธอพูดว่าหาคนรักหรอ ? ฮ่าๆๆ เธอควรจะเป็นคนสุดท้ายที่จะพูดแบบนั้น !! ]

[ นายหมายความว่าไงยะ ? ชิโด้ ]

 

ก่อนที่ชิโด้จะพูดจบ ไอรีนก็พุ่งไปที่ด้านข้างของเขา และก็จัดหมัดใส่หน้าของชิโด้อย่างไร้ปราณีจนเลือดไหลออกมาทางจมูกของเขา

 

[ หึ เสียใจด้วย ข้าไม่ต้องอะไรพรรณ์นั้นหรอก ]

[ อืม ก็จริง~ ]

 

ในตอนที่เขาตอบกลับไอรีนที่เริ่มจะปล่อยบรรยากาศน่ากลัวออกมา จู่ๆโคดี้ก็โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ เขาวางมือของเขาที่บนไหล่ขวาของฮาโรลด์ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆเหมือนดั่งปกติ อาจเพราะทั้ง 3 คนชินกับการที่โคดี้จู่ๆก็โผล่มาแบบนี้เป็นปกติแล้ว จึงไม่ได้แสดงปฎิกิริยาอะไร ยกเว้นฮาโรลด์ที่หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง

 

[ ก็เพราะฮาโรลด์คุงเค้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว~ มันเลยไม่จำเป็นที่เขาจะต้องหาแฟนซักหน่อย จริงมั้ย~ ]

 

โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าแต่อย่างใด จู่ๆโคดี้ก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงกลางวง อาจเพราะความตกใจ ทำให้ฮาโรลด์รับมือไม่ถูก

 

[ …… ทำไมแกถึงรู้ได้ ? ]

 

เขาตอบกลับด้วยประโยคคำถาม ด้วยนี่ มันจึงเหมือนเขายืนยันในสิ่งที่โคดี้พูดนั้นเป็นความจริง ขณะใช้อีกมือเช็ดเลือดกำเดา ชิโด้ก็ใช้มืออีกข้างจับไปที่ไหล่ซ้ายของฮาโรลด์

 

[ บอกมานะ ฮาโรลด์ ! นายมีคู่หมั้นจริงๆหรอ ? ]

[ ใช่แล้ว ทั้งสวยและสง่างาม  เด็กหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องสุดน่ารักราวกับ “นางฟ้า” ]

 

ชิโด้ถามคำถามออกมาขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้เพราะอะไร คนที่ตอบคำถามนั้นคือโคดี้ แม้มันจะน่ารำคาญ แต่ยิ่งกว่านั้น ปัญหาคือวิธีการพูดของเขา มันฟังดูราวกับว่าเขารู้จักเอริกะดี

 

[ เฮ้ยๆ ทำไมนายถึงรู้จักเธ– ]

[ เธอ ? ตะกี้นายพูดว่าเธอหรอ ? อายุแค่นี้ !! แต่นายกับทำตัวเป็นสามีภรรยากันแล้ว !! ]

[ โว้ยย หยุดโวยวายซักที มันน่ารำคาญ !! ]

[ ก็ได้ๆ ชั้นกลับไปทำงานล่ะ พวกนายก็ อยากโหวกเหวกเสียงดังเกินไปล่ะ ]

 

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะชิโด้เกาะติดหนึบราวกับจะถามรายละเอียดให้ได้ ไอ้ตัวการทิ้งระเบิดก็โบกมือลาแล้วก็เดินจากไป

แม้ตัวหัวหน้าจะจากไปแต่สถานการณ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ขณะรับมือกับชิโด้ก็เอาแต่ร้องโหวกเหวกว่า[ ถ้าแค่แฟนกันผมก็พอจะรับได้ ! แต่นี่มันคู่หมั้น !!!! ] และไอรีนที่กำลังช้อคขณะพึมพัมออกมาว่า [ ชั้นแพ้ให้กับไอ้เด็กเวรนี่…. ไอ้เด็กที่ไม่ชอบเข้าสังคมคนนี้…. ] ส่วนโรบินสันที่กำลังสับสนและปลอบใจ 2 คนนั้น

เที่ยงนี้มันหนวกหูจัง

 

 

สมาชิกมากกว่าครึ่งอาศัยอยู่ภายในค่ายทหารซึ่งที่ตั้งของค่ายกระจายอยู่โดยรอบสำนักงานใหญ่ของกองอัศวิน ตามกฎทั่วๆไป เด็กใหม่ ปีแรกๆจะต้องแชร์ห้องกับคนอื่นๆ ราวๆ 6 คน แต่ว่าจะได้สวัสดิการดีขึ้นเรื่อยๆขึ้นอยู่ตามอายุงานและตำแหน่งหน้าที่ โดยจะเป็น 3 คนต่อห้อง ไม่ก็ 2 คนต่อห้อง ในทางกลับกัน คนที่มีครอบครัวหรือสามารถอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองได้ หากปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆได้ แม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานก็สามารถย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่นอกค่ายได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ 1 สิ่งที่แน่นอนสำหรับเด็กใหม่คือพวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่นๆภายในค่ายก่อนอย่างน้อย 4 ปี

ในกรณีนั้น ถ้าหากได้เป็นรองกัปตันของกองอัศวิน พวกเขาจะได้รับห้องส่วนตัว พูดให้ถูกก็คือ เขาจะได้รับทั้งสำนักงาน ที่มีไว้ทำงานและพักอยู่อาศัย ห้องอ่านหนังสือ ห้องรับแขก ๆลๆ

สมกับเป็นวินเซนต์ เขารู้สึกว่านี่มันมากเกินไปสำหรับเขา แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่ส่วนตัวนี้สามารถพักอยู่อาศัยได้โดยที่ไม่ต้องสนใจคนรอบข้างนั้นมันช่างวิเศษทีเดียว

นั้นคือเหตุผลว่าทำไม โคดี้ ผู้เป็นเพื่อนเก่าของเขาทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ เขายิ่งปล่อยตัวตามสบายมากกว่าปกติ ความเคารพต่อตำแหน่งหน้าที่ของซึ่งกันและกันหายไปหมด ตอนนี้ โคดี้ครอบครองโซฟา 3 ที่นั่งในห้องรับแขกด้วยการนอนหงานบนโซฟาคนเดียว ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว่ห้าง และในขณะที่ใช้แขนซ้ายเป็นหมอน เขาก็อ่านรายงานที่ถือด้วยมือขวาพลางเปลี่ยนหน้าด้วยมือข้างเดียวอย่างชำนาญ

 

 

[ เหหห 3 ปีก่อน เขาได้เข้าร่วมกับหน่วยสำรวจและปราบปรามมอนเตอร์งั้นรึ ? ]

 

รายงานที่อยู่ในมือของโคดี้นั้น มีเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับฮาโรลด์ แต่ข้อมูลทั้งหมดเป็นเพียงที่สามารถหาได้จากภายนอกเท่านั้น

นั้นคือเหตุผลว่าทำไมโคดี้ถึงรู้เรื่องของเอริกะเพราะมันอยู่ในรายงานการสืบค้นเรื่องของฮาโรลด์ในครั้งก่อน เอริกะนั้นได้รับการเสนอชื่อเป็นคู่หมั้นของเขา แม้แต่รูปของเธอก็มีอยู่ในรายงาน นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่วินเซนต์ขอให้ลูกน้องของตนรวบรวมข้อมูลต่างๆของฮาโรลด์มาเช่นกัน หลังจากอ่านดูซักพัก โคดี้ก็ลุกขึ้นและถามวินเซนต์ที่ให้รายงานนี้มาเพื่อถามถึงความตั้งใจของเขา

 

[ แล้ว นายเอานี่มาให้ชั้นอ่าน มีอะไรอยากจะบอกงั้นรึ ? ]

[ เร็วๆนี้ ชั้นจะให้ฮาโรลด์เข้าไปอยู่ในหน่วยของนาย ก็เลยแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ให้ ]

[ เห้ยๆ มันยังไม่ถึงเดือนเลยนะตั้งแต่ฮาโรลด์สอบเข้าได้ ตามปกติ อย่างน้อยก็ต้องผ่านหลักสูตรเริ่มต้นก่อนไม่ใช่หรอถึงค่อยเกณฑ์เข้าหน่วย ? ]

[ ชั้นดูๆแล้วว่ามันไม่จำเป็น ในกรณีนี้ ชั้นจะให้ฮาโรลด์เข้ารับการสอบจบหลักสูตรพื้นฐานไปเลย ถ้าหากเป็นเขา แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไร ]

[ นั้นก็- จริงอยู่ นายพูดถูก มันจะไม่ดูได้รับสิทธิพิเศษมากเกินไปหน่อยหรอ ? ]

[ ฮาโรลด์นั้นเกินมาตรฐานไปไกลแล้ว ด้วยเหตุนั้น มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับบรรทัดฐานหรือต้องได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมก่อน อย่างแรก เขาสามารถสอบผ่านได้ด้วยวัยเพียง 13 ปี ด้วยฐานะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรกับเขา ยังไงเขาก็เป็นจุดสนใจอยู่ดี ]

[ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์งั้นสินะ ? แต่ว่ามันจะยิ่งทำให้เขาเป็นจุดสนใจขึ้นไปอีกนะ ? ]

[ นั้นคือเหตุผลว่าทำไม ชั้นถึงให้นายเป็นกันชนให้กับเขา ]

 

ทั้ง 2 สบตากันอยู่สักพัก และโคดี้ คือคนแรกที่หลบสายตาออกไป ขณะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เขาก็กล่าว

 

[ เข้าใจแล้ว แล้ว”เหตุผลจริงๆ” ล่ะ ]

[ ………ปิดบังนายไม่ได้จริงๆ เฮ้อ ]

[  มันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น นั้นเพราะมันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ไม่งั้นก็คงไม่ต้องทำอะไรถึงขนาดนี้ตั้งแต่แรก จริงมั้ย ? ]

 

ขณะกล่าวออกมา โคดี้ก็วางรายงานลงที่โต๊ะ ประเด็นที่โคดี้กล่าวมาก็มีเหตุผล ประการแรก ตามจริง วินเซนต์ก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะซ่อนแผนของเขาจากโคดี้อยู่แล้ว มันเป็นเพียงการสนทนาเหมือนดั่งการเกริ่นนำซะมากกว่า และเหตุผลจริงๆคือต่อจากนี้

 

[ พูดออกมาตามตรงโคดี้  ตอนที่ดูการสอบของฮาโรลด์ นายคิดอย่างไร ? ]

[ …… จำเป็นต้องพูดด้วยหรอ “เป็นไปไม่ได้” นั้นคือที่ชั้นรู้สึก ไม่เกินจริงเลย เขาเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่ดีที่สุดอยู่เสมอ การรับมือกับอัศวินคนอื่นๆก็ทำได้อย่างสมบูรณ์และปรับเปลี่ยนการรุกรับได้อย่างเหมาะสม มันยิ่งกว่าที่ชั้นคาดการณ์ไว้ ]

 

ดูเหมือนว่าโคดี้จะพบเรื่องที่เขาสงสัยเช่นเดียวกับวินเซนต์ นั้นเพราะรูปแบบการเคลื่อนไหวของฮาโรลด์นั้นหาคำอธิบายไม่ได้

 

[ ชั้นก็เห็นด้วย เรื่องนี้มันจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเขาไปเรียนวิธีการต่อสู้แบบนั้นมาจากที่ไหน ]

[ แต่สำหรับฮาโรลด์ เขาเป็นถึงขุนนางบริสุทธิ์เลยนะ ?  เขาเป็น 1 ในพวกขุนนางเลือดบริสุทธิ์หัวแข็งที่ทุกวันนี้เหลือน้อยเต็มที ]

 

หากมองในมุมวินเซนต์ เขากังวลว่าฮาโรลด์อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกับองกรค์ที่มีจุดมุ่งร้ายต่ออาณาจักร โคดี้ได้แต่พยายามพูดให้วินเซนต์ใจเย็นลงซักหน่อย

 

[ อีกเรื่อง ที่ว่าเขาอาจจะเป็นผู้สังหารครอบครัวคนรับใช้นั้น ]

[ อ่า ชั้นก็ปฎิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ ……. แต่ว่ามันก็มีเรื่องราวๆว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเหลือเหล่าทหาร นายคงจะไม่ตัดสินเขาจากด้านเดียวใช่มั้ย ? ]

[ เพราะงั้นชั้นถึงต้องให้เขาเกณฑ์เข้าหน่วยทันที มันจำเป็นต้องเช็คประวัติของเขาอย่างละเอียด นี่คืองานที่ชั้นอยากจะขอร้องให้นายทำ ]

[ หรือก็คือ นายอยากให้ชั้นคอยจับตาดูเขาสินะ เห้อ ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่ามันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรอ ]

[  ชั้นไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อย่างสนิทใจได้เพียงเพราะเขาเป็นขุนนางหรอกนะ พวกเราก็เคยประสบกับตัวกันแล้วไม่ใช่หรอ “การทรยศของโนเฮค” ]

[ ……. ]

 

จากคำพูดของวิเซนต์ ช่วยไม่ได้ที่โคดี้จะเอาแต่เงียบ เขาไม่อยากจะนึกถึงมันด้วยซ้ำ มันเป็นการทรยศที่เกิดจากคนสนิทขององค์ราชา คาเล็ม โนเฮค 

คาเล็ม ในอดีตเขาเป็นผู้นำตระกูลโนเฮค เขาแอบปล่อยข้อมูลระดับสูงแลกกับเงินจำนวนมหาศาลจากองค์กรที่เขาสมรู้ร่วมคิดด้วย แม้นับด้วยนิ้วทั้ง 2 ยังไม่พอแก่ความเสียหายที่เขาได้ก่อไว้ ในเรื่องพวกนั้น มีเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลของกองอัศวินรั่วไหลรวมอยู่ด้วยเช่นกัน

คาเล็ม ในตอนที่ถูกจับกุมไม่ได้ให้การในฐานะพยานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและชิงฆ่าตัวตายไปก่อนด้วยการเอาหัวโขกกำแพงหลายต่อหลายครั้ง เหตุการณ์ต่างๆจบลง องค์กรที่เขาสมรู้ร่วมคิดด้วยถูกลงโทษ และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่สามารถประเมิณได้อย่างถูกต้องว่าข้อมูลที่รั่วไหลออกไปนั้นมีมากน้อยเพียงใด

การทรยศและการตายของคาเล็มสร้างความตกใจยิ่งกว่าความเสียหายต่ออาณาจักรที่เขาก่อเสียอีก นั้นเพราะทั้งองค์ราชา เพื่อนร่วมงาน แม้กระทั้งประชาชน ต่างไว้ใจเขา

 

[ นอกจากนี้ ชั้นก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นคลี่คลายแล้ว ยังมีด้านมืดที่ยังหลบซ่อนอยู่ กลุ่มคนที่สมรู้ร่วมคิดกับโนเฮคในเวลานั้นยังคงหลบซ่อนอยู่ในเงาภายในอาณาจักรแห่งนี้ ]

[ ….. ที่นายมองไกลถึงขนาดนี้ แสดงว่านายจับเค้าลางอะไรบางอย่างได้แล้วสินะ แล้ว นายจะบอกว่าคนพวกนี้อยู่เบื้องหลังฮาโรลด์น่ะหรอ ? ]

[ อาจจะเป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่รั่วไหลจากโนเฮคในตอนนั้น  แต่ก็นะ ในตอนนี้เราทำได้เพียงการคาดเดา ชั้นเสียใจจริงๆเกี่ยวกับฮาโรลด์ แต่มันจ- ] 

[ เข้าใจแล้ว ชั้นจะตรวจสอบให้เอง ]

 

คำพูดที่ว่า “จำเป็นจะต้องสงสัยในตัวเขา” ถูกพูดตัดหน้าโดยโคดี้

 

[ …. ขอโทษด้วย ]

[ ทำไมต้องมาขอโทษอะไรแบบนี้ด้วย มันโอเคนะถ้านายจะกล่าวขอบคุณหรืออะไรแบบอื่น นายน่ะจริงจังมาเกินไป มากเกินจำเป็น ]

[ เพราะว่าหมอนั้นที่อยู่ข้างตัวชั้นไม่ทำอะไรเลยวันๆเอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ ชั้นเลยจะต้องจริงจังแทนในส่วนของเขา ชั้นได้แต่หวังว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนใจซักนิดบ้างก็ยังดี ]

[ โอ้ยๆ หูชั้นชาไปหมดแล้ว ไปล่ะ ไปล่ะ ]

 

โคดี้งอไหล่และรีบลุกขึ้นออกจากห้องไปทันที เมื่อประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ที่ดูเหมือนแผ่นหลังของเพื่อนสนิทยังคงทับซ้อนอยู่ แม้จะรู้ดีว่าคำพูดนี้มันจะไปไม่ถึง แต่มีเพียงคำๆเดียวที่เขาได้พูดออกมา คำว่า [ขอบคุณ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด