My Death Flags Show No Sign of Ending 95 อยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้ตลอดไป

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 95 อยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้ตลอดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันรุ่งขึ้น เนื่องด้วยฮาโรลด์ต้องแข่งกับเวลาในการแก้ปัญหาหมอกพิษ และทันทีที่ลีฟาเตรียมตัวจนพร้อมแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกสำรวจที่ภูเขาตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับไลเนอร์และชาวคณะ เพราะเขารู้สึกว่าเขายิ่งอยู่ในคฤหาสน์สุเมรากินานเท่าใด ไม่แน่อาจจะมีธงแปลกๆถูกปักเพิ่มขึ้นก็ได้

ฮาโรลด์รับหน้าที่เป็นผู้นำทางในการสำรวจภายในพื้นที่หวงห้าม ขณะมองภาพของอิสุกิด้วยสายตาเย็นชา ผู้ที่เป็นหัวฮาโรลด์และเอริกะจนเกินหน้าเกินตา ราวกับผู้เป็นแม่ที่พบว่าตนเป็นห่วงลูกๆจนไม่อาจปล่อยให้ลูกๆนั่งรถประจำทางไปโรงเรียนตามลำพังได้ และก่อนที่จะออกเดินทาง ฮาโรลด์มีบางสิ่งที่จำเป็นจะต้องพูดกับทุกๆคนก่อน

 

[ เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่? ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของท่านเอริกะค่ะ ] – ยูโนะ

 

ยูโนะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไรหากมองจากตำแหน่งหน้าที่และความสามารถของเธอ เธอก็ยังคงอยู่ในชุดแม่ครัวเหมือนทุกๆครั้งซึ่งมันไม่เหมาะที่ใช้เดินป่าเลยซักนิด แต่พอคิดดูดีๆ สมาชิกผู้หญิงทุกคนในปาร์ตี้ก็ชุดไม่เหมาะสมเดินป่าทุกคน เพราะเอริกะเองก็อยู่ในชุดกิโมโน ลีฟาที่สวมชุดคล้ายชุดนักเรียนและกระโปรงสั้น และคลอเล็ตที่เสื้อผ้าของเธอดูบางๆและเปิดเผยเนื้อหนังค่อนข้างเยอะจนดูราวกับเป็นเครื่องแต่งกายจากประเทศเขตร้อน ซึ่งจริงๆมันก็ตรงกับชุดที่พวกเธอสวมใส่ภายในเกมส์ ดังนั้นฮาโรลด์จึงพยามบอกกับตัวเองว่าอย่าไปสนใจและเอาเวลามายืนยันความพร้อม กับพูดคุยเรื่องข้อตกลงกับคนอื่นๆที่จะต้องปฎิบัติในขณะเข้าไปยังพื้นที่หวงห้ามดีกว่า

 

[ … ช่างเถอะ เอาล่ะ รับนี่ไปซะ ] – ฮาโรลด์

[ สิ่งนี้คือ ? ] – ยูโนะ

[ มันคือยาที่สามารถต้านผลของหมอกพิษได้ ดื่มมันซะก่อนที่จะเข้าไปยังพื้นที่หวงห้าม ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์มอบยาต้านพิษที่มีเก็บไว้สำรองจากในคลังของตระกูลสุเมรากิให้กับทุกคน และยังนำเผื่อติดตัวมาด้วยบางส่วนเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่อาจจะต้องใช้เวลาสำรวจนานกว่าที่คาด ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าตราบใดที่มียาต้านพิษแล้วหมอกพิษเหล่านั้นจะไม่มีอันตรายเสมอไป นั้นก็เพราะ ปริมาณที่สูดดมเข้าไปยังร่างกายนั้น ยิ่งมีปริมาณมากเท่าใด ความสามารถของยายิ่งส่งผลน้อยลง ถึงแม้จะกินยาซ้ำเข้าไปได้ 1 หรือ 2 ครั้งได้ถ้ายาเริ่มหมดฤทธิ์และไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกายก็เถอะ แต่ตราบใดที่ปัญหาหมอกพิษยังไม่ถูกแก้ไข หรือใช้เวลานาน ปริมาณที่สูดดมเข้าไปที่มากขึ้นเรื่อยๆอาจทำให้ตัวยาไร้ผลไปในที่สุด

ข้อมูลที่ได้รับมานั้นมาจากตระกูลสุเมรากิที่ใช้ยาเหล่านี้ทดสอบและออกสำรวจตรวจสอบปัญหาของหมอกพิษ และภายในเกมส์เองก็ใช่ว่าจะผลิตยาและดื่มมัน แล้วจะผ่านเหตุการณ์แบบนี้ไปได้ทุกครั้งเสมอไปเสียหน่อย

 

[ อย่างที่ชั้นเตือนไว้ก่อนหน้านี้ ถึงจะมียาต้านพิษนี้แต่ถ้าสูดดมหมอกพิษเข้าไปเรื่อยๆใช่ว่าจะไม่เป็นอะไร ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุดก่อนที่ตัวยาจะหมดฤทธิ์ ] – ฮาโรลด์

[ ก็คงดีไม่น้อยถ้าพวกเราทำสำเร็จอย่างว่า แต่ว่าป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่อยู่นะ แถมหมอกพิษยังกินเนื้อที่ค่อนข้างกว้าง ] – ฮิวโก้

[ ชั้นมีไอเดียคร่าวๆแล้วเกี่ยวกับจุดหมายที่พวกเราจะมุ่งไป ] – ฮาโรลด์

[ … นายนี่รู้เยอะเสียจริงนะ … ] – ฮิวโก้

 

ดวงตาของฮิวโก้ที่กำลังมองฮาโรลด์ราวกับพึ่งพบตัวตนเหนือธรรมชาติ แต่จริงๆเขาแค่มีข้อมูลจากเกมส์ที่เคยเล่นเท่านั้น ซึ่งเขาก็ตรวจสอบแผนที่มาแล้ว แค่นำจุดที่ดันเจี้ยนในเกมส์ตั้งอยู่มาซ้อนทับกับแผนที่ในโลกแห่งนี้ เขาก็กำหนดสถานที่ที่จะมุ่งไปได้แล้ว

แน่นอนว่า มีบางแห่งในแผนที่ในโลกแห่งนี้ที่ซึ่งไม่เหมือนภายในเกมส์เลยซักนิด แถมขนาดของแผนที่มันก็ยังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่วิธีที่ฮาโรลด์ใช้ก็ยังดูมีเบาะแสดีกว่าจะให้หลับตาคลำทางในความมืด 8 ด้าน

ถึงโลกใบนี้จะคล้ายกับโลกภายในเกมส์ที่ฮาโรลด์เคยเล่น แต่จะอธิบายให้พวกฮิวโก้เข้าใจก็คงไม่ไหว ดังนั้นพวกฮิวโก้จะมองฮาโรลด์ว่าดูน่าขนลุกก็ไม่แปลก

แต่ทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจากปล่อยเลยตามเลย

 

[ แน่นอน คิดว่าชั้นเป็นใครกัน ? ] – ฮาโรลด์

[ ถึงมันจะฟังดูน่าขนลุกแต่ว่ามันก็สมกับเป็นนายดี ] – ฮิวโก้

[ พักเรื่องนั้นไว้ก่อน นี่ไรเนอร์ ] – ฮาโรลด์

[ ฮืม ? ] – ไลเนอร์

[ นายยังจำสิ่งที่ชั้นบอกไว้เมื่อวานได้รึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

[ อืมมม เอ่ออ… หมอกพิษนั้นอันตรายมาก มันไม่ดีเท่าไหร่นักหากสูดดมมากเกินไป แถมหมอกนั้นยังทำให้เหล่ามอนเตอร์คลุ้มคลั่ง พวกเราต้องระวังกันให้มาก … ประมาณนี้มั้ง ? ] – ไลเนอร์

[ 30 คะแนนเต็ม 100 ] -ฮาโรลด์

 

สิ่งที่ไรเนอร์ตอบออกมานั้นถูกย่อจนสั้นลงเป็นอย่างมาก ที่พวกเขาได้พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากและสิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยง แต่ดูเหมือนสิ่งเหล่านั้นจะไม่ติดแม้แต่เศษเสี้ยวในสมองของไลเนอร์เลยซักนิด สมแล้วที่เป็นตัวละครสมองกล้าม

และนี่คือสิ่งที่ฮาโรลด์ได้บอกกับทุกคนจริงๆ [[สำหรับตอนนี้ เราจะเน้นไปที่ความเร็วเป็นหลัก ชั้นอยากให้เวลาที่พวกเราต้องอยู่ในพื้นที่หวงห้ามนั้นน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่หายใจเอาหมอกพิษเข้าสู่ร่างกายมากจนเกินไป เพื่อการนั้น ในการหาตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องจักรห้ามเกิดการหลงทางโดยเด็ดขาด และห้ามเข้าต่อสู้กับเหล่ามอนเตอร์เกินจำเป็น เพราะยิ่งเกิดการต่อสู้ ร่างกายจะยิ่งต้องการอากาศที่ใช้หายใจเพิ่ม ยิ่งหายใจเพิ่มมากขึ้น ยิ่งได้รับหมอกพิษเข้าสู่ร่างกายมากตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหมอกพิษพวกนี้ยังทำให้เหล่ามอนเตอร์มีสภาวะคลุ้มคลั่ง ดังนั้นพวกนายจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ว่าจะยังไงก็ตามยกเว้นจะไม่มีทางเลือกจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงที่สุดคือการใช้สมาธิตรวจสอบตำแหน่งของเหล่ามอนเตอร์ ลับประสาทสัมผัสเฉียบคมและมีสมาธิตลอดเวลาเพื่อรับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่เสมอ ]]

นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์บอกกับทุกคนเมื่อคืนนี้ ซึ่งจริงๆไลเนอร์ก็จำทุกคำพูดของฮาโรลด์ได้ แค่เขาประสบปัญหาในการเรียบเรียงคำพูดเหล่านั้นออกมาก็เท่านั้นเอง

 

[ นายมันนิสัยหมูป่า หากมีสถานการณ์เกิดขึ้น นายก็มักจะพุ่งตรงเข้าปะทะลูกเดียวโดยไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบๆตัว และนั้นอาจทำให้รูปขบวนของแนวหน้ามีปัญหาได้ ] – ฮาโรลด์

[ อุก– ] – ไลเนอร์

 

ดูเหมือนว่าไลเนอร์จะพูดอะไรไม่ออก ซึ่งสิ่งที่ฮาโรลด์พูดนั้นไลเนอร์ก็รู้ตัวเองดี ด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมาเนื่องมาจากความยุติธรรมเป็นหลักของเขา นั้นถือว่าโง่เขลาสิ้นดี แต่นั้นแหละคือลักษณะที่เหมาะสมกับคำว่าผู้กล้า ความตรงไปตรงมาของเขาจะเป็นแรงผลักดันให้เขาและพวกพ้องรวมเป็น 1 และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เรื่องในครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องจบลงให้เร็วที่สุด ดังนั้นฮาโรลด์จึงต้องย้ำเตือนให้ไลเนอร์ทำตามที่เขาสั่งให้ได้

 

[ ถ้านายพบกับมอนเตอร์โดยบังเอิญ ให้ความสำคัญในการสลัดมันให้หลุดมากกว่าเข้าไปโจมตี เข้าใจนะ ? ] – ฮาโรลด์

[ ครับผม! ] – ไลเนอร์

 

แม้ไลเนอร์จะตอบรับด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น แต่เมื่อถึงหน้างานจริงแล้วเขาจะทำตามที่สั่งจริงๆหรือไม่ต้องมาลุ้นกันอีกที

คลอเล็ตที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากวงนอก เธอได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดูเหมือนเธอก็จะทราบดีถึงนิสัยส่วนตัวของไลเนอร์ด้วยเช่นกัน

จริงๆแล้วฮาโรลด์ก็ไม่คิดว่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นหรอก เพราะทีมของพวกไลเนอร์ในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าในเนื้อเรื่องของเกมส์มาก แต่ทางที่ดีที่สุดควรจะระวังเอาไว้ก่อน และหลังจากเดินกันอยู่สักพัก พวกเขาก็มาถึงที่ภูเขาซึ่งถูกปิดไม่ให้เข้าไปหลายปีแล้ว

มีการสร้างรั้วกั้นและป้ายบอกเตือนเอาไว้ ถึงกระนั้นถ้าหากใครอยากจะเข้าไปจริงๆก็เข้าไปได้ง่ายๆ นั้นเพราะพื้นที่หมอกพิษกินบริเวณกว้างมากเกินกว่าจะสร้างรั้วกั้นที่หนาแน่นได้ พวกเขาทำได้เพียงเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มกำลังเสริมในบริเวณใกล้ๆที่อยู่อาศัยเพื่อปกป้องชาวบ้านหากเกิดเหตุมอนเตอร์บุก

 

[ พวกนายทั้งหมดกินยาที่ให้ไปรึยัง ? ] – ฮาโรลด์

 

ทุกคนต่างผงักหน้าให้กับคำถามของฮาโรลด์ เมื่อยืนยันได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงก้าวนำขึ้นไปยังบนภูเขา ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง มันดูเงียบสงบจนเกินไป ที่ทางเข้าป่านั้นยังไม่ถูกหมอกพิษแพร่กระจายมาถึงและดูเหมือนป่าปกติทั่วๆไป แต่มันดูเงียบสงบจนน่าขนลุก ในเนื้อเรื่องของเกมส์นั้น สิ่งเดียวที่ปรากฎขึ้นนั้นคือการที่เหล่ามอนเตอร์คลุ้มคลั่ง ถึงหมอกพิษจะส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ แต่พวกเหล่ามอนเตอร์กับไม่ได้รับผลใดๆ นอกเสียจากทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งอยู่ตลอดเวลาและอาจมีอายุไขที่สั้นลงอีกด้วย

ดังนั้นการที่สถานที่แห่งนี้อยู่ในความเงียบนั้น มันจึงดูผิดปกติ ขณะที่ฮาโรลด์เดินนำทุกคนโดยดูแผนที่ไปด้วย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีม่วงอ่อนๆแปลกๆ

 

[ หรือว่านั้นคือ … หมอกพิษ ] 

[ ด้วยความเข้มข้นเท่านี้อาจส่งผลเล็กน้อยหรือไม่เลยก็ได้ แต่ถ้าหากร่างกายของพวกนายรู้สึกหนักๆหรือมึนงง ต้องแจ้งมาทันที ] – ฮาโรลด์

[ ถ้าหากรู้สึกเช่นนั้น พวกเราจะต้องทำยังไง ? ]

[ พวกเราจะใช้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือไม่ก็ใช้เวทมนตร์เยียวยาก็ได้ ] – ฮาโรลด์

 

สิ่งเหล่านี้ฮาโรลด์ได้อธิบายกับยูโนะและเอริกะไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นทุกๆคนในทีมน่าจะหายห่วงเรื่องของเวทมนตร์เยียวยา

เมื่อฮาโรลด์มาคิดๆดูเกี่ยวกับยูโนะ ด้วยความสามารถของเธอ หลังจากจบเหตุการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะได้ร่วมเดินทางไปกับพวกของไลเนอร์แน่นอน อีกทั้งเธอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเอริกะดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่จะติดตามไปด้วย สิ่งนี้เหมือนเป็นยิงปืนนัดเดียวในนก 2 ตัว

แม้ว่าการก้าวผ่านหมอกพิษเหล่านี้ไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่ประสิทธิภาพของยาต้านพิษและเวทมนตร์รักษาได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้ผลอย่างดี ดังนั้นฮาโรลด์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเชื่อว่าทุกๆคนจะไม่เป็นไร “มาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ขณะที่คิดเช่นนั้น เขาก็ก้าวเท้าอย่างไม่ลังเล แหวกผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่ขวางทางอยู่ เพื่อมุ่งเข้าไปส่วนลึกของในภูเขา

 

——————————-

 

 

จากทางด้านหลัง เอริกะได้แต่มองแผ่นหลังของฮาโรลด์ที่เดินนำทุกคนตัดผ่านต้นไม้ใบหญ้าลึกเข้าไปในภูเขา แม้ว่าหมอกพิษจะเริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของเขากลับไม่ลดลงเลย ดูราวกับว่าเขารู้ดีว่าจะต้องไปที่ไหน ถึงเขาจะบอกว่าเขามีไอเดียคร่าวๆถึงจุดที่จะนำพวกเราไป แต่อะไรก็ตามที่เขาบอกว่าเหมือนรู้ นั้นแสดงว่าเขารู้อย่างแน่นอน นั้นหมายความว่าจุดที่เขากำลังนำพวกเราไปจะต้องมีเจ้าเครื่องนั้นอยู่แน่ๆ

เอริกะคิดเช่นนั้น และมันก็เป็นแบบนั้นเสมอมา

ฮาโรลด์นั้นรู้หลายสิ่งหลายอย่างและทำมันด้วยตัวคนเดียวอยู่เสมอ ดังนั้นมันจึงแปลกมากที่ในครั้งนี้เขากลับขอยืมพลังของคนอื่น หรือเขาคิดว่า พวกเรานั้นเหมาะสมกับงานนี้จริงๆ ? นั้นคือสิ่งที่เอริกะสงสัย

การแพร่กระจายของหมอกพิษนั้นเป็นปัญหาของพวกเธอชาวสุเมรากิ ในอดีดนั้นใครๆก็ต่างมองว่าที่ฮาโรลด์สอนพวกเธอเกี่ยวกับวิธีการสร้างยาต้านพิษก็เพราะคิดว่าพวกเราตระกูลสุเมรากิจะมีประโยชน์กับตัวเขาในอนาคต แต่ว่าทันทีที่เขาประกาศตัดความสัมพันธ์กับพวกเธอ ข้อสัญนิฐานนี้จึงถูกปัดตกไป

นอกจากลีฟาที่เป็นกำลังสำคัญในการเพื่อปิดการทำงานของเครื่องจักรนั้น แต่แค่ฮาโรลด์คนเดียวก็เหลือเฟือที่จะคุ้มกันเธอขึ้นไปบนภูเขาได้ เขาจะพกยาต้านพิษไปมากเท่าที่เขาต้องการก็ได้ ด้วยนิสัยของฮาโรลด์ที่เป็นคนจะไม่ทำอะไรโดยที่ไม่จำเป็นหรือไร้ประโยชน์เด็ดขาด ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเวทมนตร์เยียวยาของยูโนะหรือตัวของเธอเลยซักนิด 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มีเหตุจำเป็นอะไรที่ฮาโรลด์จะต้องแก้ปัญหาหมอกพิษในครั้งนี้พร้อมๆกับคนอื่น ? แม้ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก แต่อย่างน้อยก็มีเหตุผลหนึ่งที่ตอบเธอว่าทำไมฮาโรลด์ถึงยังเข้ามาข้องแวะกับตัวของเธอ

แม้ว่าชาวสุเมรากิจะทนทุกข์ทรมานมาเนิ่นนานและฮาโรลด์กำลังพยายามเพื่อช่วยพวกเขาเหล่านั้นอย่างวสุดความสามารถ หัวใจของเอริกะได้แต่รู้สึกเจ็บปวดกับความจริงที่ว่าสิ่งที่เธอทำใด้นั้นเป็นการช่วยเหลือเขาเพียงน้อยนิดเท่านั้น เธอพยายามอย่างหนักมาโดยตลอด พยายามเป็นอย่างมากที่จะเป็นกำลังและสนับสนุนให้กับเขา อย่างไรก็ตาม ทุกๆครั้งที่เธอได้พบกับเขา เธอก็ตระหนักได้ถึงระยะห่างระหว่างเธอและเขาที่มากขึ้นเรื่อยๆ “นี่ฉันจะสามารถไล่ตามท่านฮาโรลด์ได้ทันจริงๆหรือ ?” ทำไมแผ่นหลังของเขาค่อยๆห่างไกลออกไป ความรู้สึกอ่อนแอเหล่านี้เข้ามาถาโถมหัวใจของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า

 

( ท่านฮาโรลด์ต้องการดิฉันจริงๆรึปล่าวนะ ? ) – เอริกะ

 

เธอกลัวจนไม่กล้าถามคำถามนั้นออกมา เพราะถ้าเธอทำผิดพลาดโดยการจมอยู่กับคำถามเหล่านั้น มันจะไม่มีวันที่เธอจะสลัดมันหลุดและไม่มีวันไล่ตามฮาโรลด์ได้ทันอีกเลย

 

( ฉันจะต้องไม่นึกมัน ฉันจะต้องไม่คิดถึงมัน ฉันจะต้องทำให้ดีที่สุด ถึงฉันจะบอกกับตัวเองอยู่แบบนั้น แต่ทำไมตอนนี้หัวใจของฉันมันถึงเจ็บปวดเหลือเกิน ? ) – เอริกะ

 

เอริกะรู้ดีถึงความอ่อนแอของตนเอง ถึงเธอจะบอกกับตัวเองว่าถ้าเธอสามารถสนับสนุนหรือเป็นกำลังให้กับฮาโรลด์ ต่อให้เขาไม่หันมาแลเธอก็ยินดี อย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านั้นไม่ต่างอะไรจากคำโกหกที่เธอใช้หลอกตัวเอง

ต่อให้เขาก้าวออกห่างจากเธอไกลเพียงใด เธอก็ยังต้องการให้เขาหันกลับมา หันกลับมามองดูตัวของเธอ ความรู้สึกเหล่านี้มันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา จนเธอกลัวว่าเขาจะไปเกินกว่ามือของเธอจะคว้าได้ถึง เธอกลัว แต่ก็ทำได้เพียงร่ำร้องอยู่ภายในใจว่า “อย่าไปเลยนะ”

แม้ว่าเธอจะไม่เคยแสดงความรู้สึกเหล่านี้ออกมา แต่ตอนนี้มันก็ยากเกินที่เธอจะระงับความรักที่เธอมีต่อเขา ความรู้สึกของเธอนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้เท่าไหร่ เธอยิ่งพบข้อบกพร่องของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งเหล่านี้ยิ่งบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ

ไม่มีทางที่คนอ่อนแออย่างเธอ ผู้ที่ไม่สามารถเอาชนะจุดอ่อนของตัวเองได้ จะคู่ควรกับท่านฮาโร—–

 

[ นี่ ] – ฮาโรลด์

 

เสียงที่พังดูราวกับไม่พอใจดังขึ้นขัดจังหวะเอริกะที่กำลังใช้ความคิด เธอรู้ว่าไหล่ของเธอถูกเขย่าเบาๆ และในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวว่าฮาโรลด์อยู่ตรงหน้าของเธอ 

เหตุการณ์นี้มันกะทันหันมากจนเธอทำอะไรไม่ถูกนอกเสียจากกระพริบตาปริบๆ

 

[ เฮ้ ไม่ได้ยินรึไง ? ] – ฮาโรลด์

[ … อะ– ปล่าวค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันกะ-กำลังคิดอะไรนิดหน่อยค่ะ… ] – เอริกะ

 

เมื่อเธอรู้สึกตัว เธอได้แต่ตอบคำถามฮาโรลด์ออกไปอย่างติดๆขัดๆ ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็ตกมาอยู่รั้งท้ายของกลุ่มแล้ว ดูเหมือนว่าความคิดเหล่านั้นจะเป็นตัวฉุดรั้งเธอเอาไว้จริงๆด้วย

ฮาโรลด์ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกเสียจากจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอคิดว่าเขาสบตากับเธอแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ ?

 

[ นี่เธอ— ] – ฮาโรลด์

 

ดูเหมือนว่าฮาโรลด์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมาจนจบประโยค ทันใดนั้นร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าหาเขาอย่างรุนแรงด้วยแขนซ้ายของเขา จากนั้นเขาก็โอบกอดเธอเอาไว้

ทันทีที่เอริกะรู้สึกตัว สิ่งที่เดียวเธอรู้สึกคือความสับสนและตกตะลึง เธอตะลึงจนไม่สามารถขยับได้ หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับจะระเบิดจนเธอคิดว่าเธอได้ยินเสียงของหัวใจตนเองเต้นชัดแจ๋ว

แต่ท่ามกลางความตกตะลึง เอริกะก็สัมผัสถึงความอบอุ่นของฮาโรลด์อย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอฝังอยู่ที่หน้าอกของเขา และแขนซ้ายที่โอบกอดแผ่นหลังของเธอเอาไว้ เขากอดเธอแน่นราวกับว่าไม่ต้องการให้เธอขยับไปไหนทั้งสิ้น มันแน่นเสียจนเธอหายใจไม่ถนัด แต่เธอก็รู้สึกดีจนไม่ได้กล่าวออกมา

 

 

( —- เดี่ยวๆๆ นี่ฉันกำลังทำอะไรเนี้ย !? ) – เอริกะ

 

“ฉันอยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้ตลอดไป” ขณะที่เธอกำลังรู้สึกอายที่มีความคิดเช่นนั้น ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดงสด เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆสถานการณ์จึงกลายเป็นเช่นนี้ได้

 

[ ชิ หมอกพิษหนาขนาดนี้ แม้แต่ชั้นยังไม่รู้สึกถึงสัญญาณศัตรูที่อยู่รอบๆได้เลย ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์พูดขึ้นใกล้ๆหูของเอริกะ ความผิดปกติของวิสัยทัศทำให้การมองเห็นเรียกได้ว่าย่ำแย่

 

[ ขะ- ขอโทษนะ ผมผิดเองที่ไม่ทันสังเกต ] – ฟรานซิส

[ ท่านเอริกะคะ ท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึปล่าวคะ ? ] ยูโนะ

 

คนที่กำลังเดินเข้ามาพวกเขาทั้ง 2 คือ ฟรานซิส และ ยูโนะ จากคำพูดและท่าทางของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะมีมอนเตอร์ลอบเข้ามาจู่โจมที่ด้านหลังของเอริกะ ดังนั้นฮาโรลด์จึงดึงเธอเข้าหาตัวเขาและสังหารมัน

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถหันไปมองด้านหลังเพื่อยืนยันสิ่งที่เธอคิดได้เพราะยังคงถูกกอดเอาไว้อยู่ แถมเธอยังรู้สึกดีเสียจนลืมบอกให้ฮาโรลด์ปล่อยเธอได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม การกอดนั้นอยู่เพียงไม่นานเขาก็คลายแขนที่กำลังกอดออกและแยกตัวออกมาจากเอริกะ

เธอเกือบเผลอหลุดเสียงร้อง “อ้าา” ด้วยความเสียดายออกมา แต่ทว่าฮาโรลด์ยังจ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ เพียงเท่านี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผล่าวขึ้นไปอีก

 

[ เอริกะ ] – ฮาโรลด์

[ … คะ ? ] – เอริกะ

[ นี่เธอจำได้รึปล่าวว่าเธอกำลังทำอะไรและอยู่ที่ไหน ? มันไม่มีเวลาให้เธอมัวคิดเรื่องไร้สาระนะ ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันขออภัยด้วยค่ะ … ] – เอริกะ

 

มันเป็นการตำหนิที่เธอสำควรโดนแล้ว และนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นไปอีก ที่เธอไม่สามารถปฎิบัติตามทั้งๆที่เขาเคยเตือนเธอเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ถ้าเธอไม่พยายามหักห้ามใจเอาไว้ เธอคงร้องไห้ออกมาแล้ว

 

[ … ถ้าเธอเข้าใจแล้วก็ดี งั้นรีบเดินทางต่อได้แล้ว ] – ฮาโรลด์

 

จากคำพูดของฮาโรลด์ ดูเหมือนว่าเขาจะหงุดหงิด อย่างไรก็ตาม มือของเขาก็คว้าเข้าที่ข้อมือของเธอพร้อมๆกับที่เขากล่าวออกมา และเริ่มออกเดินพร้อมๆกับดึงมือเธอไป

 

[ อะ- เอ๊ะ – ? – ….. ท่านฮาโรลด์คะ ? ] – เอริกะ

[ หุบปาก แล้วเดินตามชั้นมาเงียบๆ ] – ฮาโรลด์

[ ค-ค่ะ ] – เอริกะ

 

“เขาเจ้าเล่ห์? หรือบางทีแค่ ไม่สนใจคนอื่นเลย ?” นั้นคือสิ่งที่เอริกะสงสัย 

แม้ว่าการไล่ตามคนๆนี้มันจะทั้งยากลำบากและเจ็บปวด แต่เพียงเขาร้องเรียกหาเธอแค่คำเดียว เธอก็พร้อมที่จะตามเขาไปในทุกๆที่ แม้คำเหล่านั้นจะไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝง แต่ก็เป็นพลังอย่างดีให้กับเธอ

 

[ … เขามัน… เจ้าเล่ห์จริงๆ ] – เอริกะ

 

เอริกะพูดออกมาเบาๆ เบาเสียจนไม่มีใครสามารถได้ยินเธอได้ เธอได้ก้มหน้ามองที่พื้นและก้าวเดินต่อไป นั้นเพราะใบหน้าของเธอในตอนนี้มันเต็มไปด้วยน้ำตาและรอยยิ้มแห่งความสุข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด