My Death Flags Show No Sign of Ending 67 ไสหัวไปซะ ที่ฆ่าคนได้

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 67 ไสหัวไปซะ ที่ฆ่าคนได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากจบการล่องเรือเที่ยวชมเมือง ฮาโรลด์ก็กลับคฤหาสน์เบอร์ลิออสพร้อมกับเอริกะ ซึ่งเอริกะเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกตั้งแต่ตอนนั้น เธอทำเพียงเดินตามหลังฮาโรลด์มาอย่างเงียบๆพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

ซึ่งสำหรับฮาโรลด์เอง ก็ใช้ช่วงเวลานี้พยายามเรียกสติตนเองกลับมาเช่นกัน

เพราะก่อนหน้านี้ สติของเขาถูกพรากไปด้วยอาการสับสนอะไรบางอย่าง เขาปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการถูกจับมือนั้นส่งผลอะไรบางอย่างกับเขา แต่ทว่า อารมณ์ที่เขารู้สึกนั้น เขาบอกกับตัวเองว่ามันต้องไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน 

ก็นะ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง หากถูกจับมือด้วยสาวสวยอย่างเอริกะ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้สึกอะไรได้ ดังนั้น การที่เขาแสดงปฎิกิริยาเช่นนั้นจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีความหมายพิเศษอะไรอยู่เบื้องหลังเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาบทบาทที่เขาและเอริกะต้องแสดง และอนาคตที่กำลังรอคอยอยู่ ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ตัวเองถูกดึงดูดเข้าหาเอริกะหรืออะไรทำนองนั้นได้เด็ดขาด

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังย้ำเตือนเรื่องแย่ๆที่จะเกิดขึ้นอยู่ภายในหัวของตัวเอง มันก็ทำให้จิตใจของเขากลับมาสงบอีกครั้ง ถึงกระนั้น การ”แกล้ง” ของเอริกะก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก แม้ว่าร่างกายนี้จะมีอายุเทียบเท่ากับเธอ แต่ทว่าด้านจิตใจนั้น เขามีอายุมากกว่าถึง 10 ปี ในฐานะผู้ใหญ่มันจึงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ถูกเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีมาจูงจมูกเล่นแบบนี้

“ผมต้องใจเย็นกว่านี้” ฮาโรลด์ย้ำกับตัวเอง และเมื่อคิดได้เช่นนั้นความร้อนบนใบหน้าและอัตราการเต้นของหัวใจของเขาก็ค่อยๆสงบลง

ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีกจนพวกเขามาถึงที่คฤหาสน์เบอร์ลิออส ที่ซึ่งออเรเลียนกำลังรอคอยฮาโรลด์อยู่เพื่อขอโทษแก่เขากับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนมื้ออาหารเที่ยง

ออเรเลียนไม่แม้แต่จะโทษฮาโรลด์ที่กระทำหยาบคายเลยซักนิด ตรงกันข้าม เขากลับขอโทษแก่ฮาโรลด์ ซึ่งทำให้ฮาโรลด์รู้สึกประหลาดใจกับทักษะการเจรจาต่อรองของอิสุกิที่ตอนนั้นก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งอสุกิกับชักนำสถานการณ์ให้ออกมาในรูปแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าตำแหน่งว่าที่ผู้นำตระกูลคนถัดไปของสุเมรากิจะไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นจริงๆ

และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณแก่อิสุกิในเรื่องนี้ ฮาโรลด์จึงหมายมั่นที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายมาจากอิสุกิอย่างตั้งใจ แม้ว่าจริงๆแล้ว ถ้าอิสุกิไม่ขอให้เขามาทำหน้าที่นี้ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่ต้องหยาบคายใส่ออเรเลียน แต่ว่าช่างเถอะ ฮาโรลด์เลือกที่จะมองในแง่ดีดีกว่าเพื่อใช้มันเป็นแรงจูงใจในการทำงานนี้ อีกทั้งหากงานง่ายๆแค่นี้เขาเกิดทำพลาด เขานึกไม่ออกเลยว่าจะบทลงโทษอะไรที่รอเขาอยู่จากยูสทัสและอิสุกิ

1 ชม. หลังจากที่ฮาโรลด์และเอริกะกลับมาถึงที่คฤหาสน์ งานปาร์ตี้ก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าแขกผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่จะเดินทางมากันทางเรือ 

หลังจากที่อิสุกิและซิลวี่ผู้ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานขึ้นไปกล่าวคำทักทายบนเวทีแก่แขกที่มารว่มงานเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็เดินไปรอบๆห้องโถงเพื่อแสดงความขอบคุณกับแขกที่มาร่วมงานแต่ละท่านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเพียงไม่นาน ทั้ง 2 ถูกกลืนหายเข้าไปในฝูงชน

 

ถึงกระนั้น จำนวนคนที่พวกเขาทั้งคู่จะสามารถพูดคุยด้วยในแต่ละครั้งก็มีจำกัด ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาทั้งคู่จะรับมือกับฝูงชนทั้งหมดได้ ดังนั้นกลุ่มคนที่เหลือที่เจ้าภาพยังไม่สะดวกมาพูดคุยด้วยก็เริ่มที่จะหาความบรรเทิงอื่นๆให้ตัวเอง พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน เพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเต้นรำไปกับการแสดงของวงออเคสตรา

แต่พูดตามตรง กิจกรรมที่เป็นที่นิยมที่สุดก็คือการเกี๊ยวพาราสี

 

อย่างไรก็ตาม ไอ้หนุ่มพวกนี้ก็ไม่ได้เจ้าชู้แบบที่เห็นได้ในเมืองทั่วไป พวกเขาแค่ต้องการสร้างความสัมพันธ์เพื่ออนาคตของพวกเขาเท่านั้น อย่างที่คาด เหล่าบุตรหลานของพวกพ่อค้าและขุนนางต่างมีทักษะการเข้าสังคมราวกับเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา

ซึ่งเป็นอย่างที่ฮาโรลด์คิดเอาไว้ เอริกะตกเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจนของเจ้าพวกนี้ เนื่องจากเธอมีความสวยจนน่าทึ่ง มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง และยังไม่ได้แต่งงาน แม้ว่าจะมีหญิงอื่นภายในงานที่ดูงดงามและเหมือนจะมาจากตระกูลสูงศักดิ์เช่นกัน แต่ว่าเอริกะก็ยังได้รับความนิยมสูงที่สุด

ด้วยเหตุนี้ จึงหมายความว่างานของฮาโรลด์จะต้องยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งเหล่าชายหนุ่มที่เข้าหาเอริกะทุกๆคนจะถูกฮาโรลด์โจมตีด้วยคำพูดอย่างรุนแรงทันที แต่จำนวนชายหนุ่มที่เข้าหาเอริกะกับไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด

เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก จำนวนฝูงชนที่ล้อมรอบเอริกะ ก็เริ่มใหญ่พอๆกับฝูงชมที่ล้อมรอบอิสุกิผู้เป็นเจ้าภาพเสียแล้ว

 

[ คุณหนูผู้งดงาม กระผมขอทราบชื่อจะได้ไหมขอรับ ? ] 

[ ได้โปรดให้เกียรติเต้นรำกับกระผมจะได้ไหมขอรับ ? ]

[ พวกเราออกจากที่นี่แล้วไปที่ห้องข้าดีไหม ? ข้าไวน์ขวดพิเศษอยากให้ลองชิม ]

 

เหล่าชายหนุ่มต่างเรียกหาเอริกะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่ใช่เจ้าชายโชโตคุ?(TL:หยังหว่า) มีเพียงเสียงของเจ้า 3 คนนี้เท่านั้นที่เขาพอจะฟังออก นั้นคือลิมิตของเขา ส่วนเสียงคนอื่นๆที่ดังก้องอยู่ในหูของเขาปนเปกันไปหมดจนเขาไม่สามารถจับใจความใดๆได้อีก

เจ้าพวกนี้เป็นตัวปัญหาเป็นอย่างมาก พวกเขาตั้งใจที่จะเมินการคงอยู่ของฮาโรลด์ ซึ่งตอนนี้ยังยืนอยู่ข้างๆเอริกะ หรือก็คือ เขาเองก็ถูกรายล้อมเช่นเดียวกับเธอ

ดูเหมือนสถานการณ์ใกล้ที่จะควบคุมไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งเอริกะเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม้ว่าเธอจะพยายามตอบทุกคน แต่ทว่าทุกครั้งที่เธอตอบ ก็จะมีเสียงดังขึ้นอีก 3 ถึง 4 เสียงจนเธอไม่สามารถตอบได้ทัน ก็นะ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ก็เพราะเธอมีเพียงแค่ปากเดียว

และในที่สุด ความอดทนของฮาโรลด์ก็มาถึงขีดจำกัด

ฮาโรลด์เข้ามาขวางระหว่างเอริกะและพวกชายหนุ่มทั้งหลายและปกป้องเธอด้วยก็ยื่นแขนขวามาขวาง แน่นอนว่าการกระทำนี้ย่อมทำให้พวกชายหนุ่มเหล่านั้นโกรธ พวกเขาเริ่มใช้น้ำเสียงที่ดุร้ายกับฮาโรลด์ซึ่งแตกต่างจากตอนที่พูดคุยกับเอริกะอย่างสิ้นเชิง

 

[ แกเป็นใครกันวะ ? อย่ามาขวางนะโว้ย ]

[ กริยาช่างหยาบคายอะไรเช่นนี้ ]

[ รู้จักที่ต่ำที่สูงหน่อย ไอ้คนหยายคายอย่างแกเนี้ยนะ จะยืนอยู่ข้างๆท่านเอริกะ  ]

[ ทำไมเอาแต่เงียบวะ ? เล่นบทเป็นอัศวินขี้ขลาดรึไง ? ]

 

ไฟแห่งความอาฆาตพยาบาทเริ่มสุมมาที่ฮาโรลด์ แต่ทว่าแค่นี้ก็ไม่ถึงระดับที่เขาจะต้องเปิดสวิทช์ ในฐานะผู้ใหญ่ ฮาโรลด์รู้สึกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าพวกนี้ เพราะฮาโรลด์เชื่อว่าเราไม่ควรที่จะโยนความโกรธแค้นใส่ใครบางคนที่เราไม่รู้จักภูมิหลังของคนๆนั้น

อย่างน้อยที่สุด เจ้าพวกนี้ก็น่าจะรู้ว่าเอริกะเป็นน้องสาวของเจ้าภาพงานปาร์ตี้ครั้งนี้ และเนื่องมาจากที่ฮาโรลด์คอยคุ้มกันน้องสาวของเจ้าภาพมาโดยตลอด พวกเขาควรเริ่มต้นด้วยการสอบถามว่าเขาเป็นคนของตระกูลสุเมรากิหรือเบอร์ลิออสรึปล่าวไม่ใช่หรอ ?

เอาจริงๆ สำหรับงานฉลองประเภทนี้ เหล่าแขกที่มาร่วมงานจะได้รับจดหมายแจ้งเรื่องชื่อ ใบหน้า ตำแหน่ง ของคนในงานที่เป็นคนสำคัญอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น พวกเขาอาจจะมองข้ามหัวฮาโรลด์ไปเพราะไม่อยู่ในรายชื่อของคนสำคัญเหล่านั้น หรือไม่ก็คงถูกความงดงามของเอริกะบดบังสติปัญญาไป

ฮาโรลด์พักความคิดไร้สาระเมื่อสักครู่ทิ้งไป ปัญหาหลักตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้เจ้าพวกนี้แยกย้ายกันออกไป ซึ่งในโอกาสอันน่ายินดีเหล่านี้ การใช้ความรุนแรงถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาด ไม่ต้องพูดถึงการยกอาวุธขึ้นมาขู่เลย หากเขาสร้างความโกลาหลภายในงาน มันอาจจะเป็นลางไม่ดีสำหรับเจ้าภาพที่กำลังจะแต่งงาน

แต่จะให้ใข้คำพูดกับคนพวกนี้ มันไม่คุ้มที่จะลองด้วยซ้ำ นั้นเพราะไม่ว่าจะยังไง ปากของเขาจะแปลมันกลายเป็นคำยั่วยุ หรือดูถูก ซึ่งมันยิ่งทำให้เรื่องแย่ลง

“ผมต้องทำไงดีเนี้ย?” ฮาโรลด์ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

 

และเขาก็นึกขึ้นได้ว่าจะทำอย่างไรดี 

 

ฮาโรลด์ถอนหายใจออกเล็กน้อยเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เพราะสิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือจิตสังหารอันเข้มข้น เขาจินตนาการว่าเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ ศัตรูที่มีศักดิ์เทียบเท่ากับยูสทัส ทันใดใน ไฟแห่งความเกลียดก็ลุกโชนขึ้นภายในใจของเขา

ความเกลียดชังเริ่มออกอาละวาด ความอาฆาตเริ่มลุกไหม้ และเจตนาฆ่าเริ่มเดือดดาล ทั้งหมดนี้ผสมปนเปกันเป็น 1 เดียวอยู่ในตัวของเขา และเขาถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาทางคำพูดอย่างสมบูรณ์ เขาราดความรู้สึกเหล่านี้ลงบนเจ้าพวกนี้อย่างไร้เมตตา

 

[ ไสหัวไปซะ ] – ฮาโรลด์

 

มันเป็นเพียงประโยคสั้นๆประโยคเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ภายในประโยคนั้นกับมีความตายที่หนาแน่นมาพร้อมกับมัน

แน่นอนว่าสิ่งที่ฮาโรลด์คิดจะทำนั้นคือทำให้เจ้าพวกนี้หวาดกลัวและหนีไป อย่างไรก็ตาม เจตนาฆ่าของฮาโรลด์— เอ่อ จิตสังหารของเขามันเกินระดับปกติไปไกลโข ไม่มีใครขยับเลยซักก้าวเดียว แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ได้ผลหรอกนะ แต่เพราะมันได้ผลเกินไปต่างหาก ไม่มีทางที่คนที่ไม่ได้เตรียมใจที่จะตายเอาไว้จะสามารถทนจิตสังหารระดับนี้ไหว ไม่มีใครในที่นี้สามารถต้านทานมันได้ พวกเขาถูกจิตสังหารเหล่านี้กดทับเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ก้าวเดียว

เริ่มมีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น และเมื่อมองไปยังต้นเหตุของเสียงนั้น ก็พบว่าเป็นร่างของ 1 ในกลุ่มเจ้าพวกนั้นที่กำลังล้อมรอบเอริกะหมดสติและทรุดลงที่พื้น ซึ่งราวกับเป็นสัญญาณบอกให้เริ่มได้ อีกหลายๆคนก็เริ่มหมดสติแล้วล้มลงทีละคนทีละคน

แต่ใช้ว่าทุกๆคนจะมีปฎิกิริยาเหมือนกันไปเสียหมด มีหลายๆคนที่หมดสติ มีหลายๆคนที่เข่าทรุดลงเพราะความหวาดกลัวจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ไหว หลายๆคนที่รับรู้ถึงความตายก็ร้องขอชีวิตออกมาอย่างน่าเวทนา

ด้วยภาพอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น มันเรียกความสนใจจากแขกคนอื่นๆในงานอย่างไม่ต้องสงสัย

ซึ่งเมื่อมองลอดช่องของฝูงชนไป ฮาโรลก์ก็เห็นภาพของอิสุกิ ที่มือขวาของตนแปะอยู่ที่หน้าผาก ราวกับกำลังบอกว่า “เฮ้อ”

ซึ่งฮาโรลด์ ก็รู้เช่นเดียวกับอิสุกิ

และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ก่อกำเนิดเรื่องเล่าขาลในหมู่ชนชั้นสูงว่า 

 

[[ลูกสาวของตระกูลสุเมรากิมีหมาเฝ้าบ้านที่ฆ่าได้แม้กระทั้งเทพเจ้าแห่งความตายเฝ้าอยู่]]

 

 

 

ชายคนหนึ่ง เขาเผลอคิดไปว่าเขาได้ตายไปแล้ว หรือจะให้พูดให้ถูก เขาเผลอคิดไปว่าตัวเองถูกฆ่าไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกตัวว่าเขานั้นคิดผิด

แต่ว่าในตอนนั้นเขารู้สึกจริงๆว่ามีดาบเสียบทะลุท้องของตนไป อีกทั้งยังเห็นภาพลวงตาว่าตัวเองถูกตัดหัวอีกด้วย และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นมาจากจิตสังหารของใครบางคน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจิตสังหารนั้นจะไม่ได้มุ่งตรงมาที่เขา แต่มันมุ่งตรงไปยังพวกผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของตน และเมื่อเขาหันหลังกลับไป เขาก็พบกับร่างของคนกลุ่มนั้นค่อยๆหมดสติลง ที่ท่ามกลางกลุ่มคนที่หมดสติเหล่านั้น มีหญิงสาวในชุดกิโมโน และชายคนหนึ่งที่ดูราวกับเป็นอัศวินของเธอยืนอยู่

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ เขาประเมินว่าจิตสังหารเหล่านี้คงเป็นฝีมือไอ้หนุ่มคนนั้น และเมื่อวิเคราะห์ดูดีๆ ระดับจิตสังหารที่ทำให้เห็นได้แม้กระทั้งภาพลวงตาแห่งความตายได้ ไม่มีทางที่ไอ้หนุ่มนั้นจะเป็นคนธรรมดา

ไอ้หนุ่มนั้นมันเป็นใคร? เขาแข็งแกร่งแค่ไหน ? แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? แม้ว่าเขาจะมีคำถามมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญสำหรับเขาเลยตอนนี้

นั้นเพราะ สายตาของเขาถูกสะกดโดยหญิงสาวผู้งดงามที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้หนุ่มนั้นอย่างสมบูรณ์ เธอดูราวกับบุปผาท่ามกลางราตรีอันมืดมิด แม้ว่าจะนำดอกไม้ที่งดงามที่สุด ผีเสื้อที่สีสันสดใสที่สุด ภาพวาดที่งดงามที่สุด หากอยู่ต่อหน้าเธอ สิ่งเหล่านั้นต่างถูกบดบังจนเทียบไม่ได้

ความงดงามของเธอช่างทรงพลังเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้การดำรงอยู่ของไอ้หนุ่มนั้นจึงหายไปจากสมองของเขาในทันที และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว เขาก็เดินเข้าไปทักทายหญิงสาวคนนั้นแล้ว

 

[ การที่ได้พบคุณหนูในวันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ของกระผม กระผมอยากจะแบ่งปันความรู้สึกอันสุดแสนวิเศษนี้กับคุณหนูเหลือเกิน แต่ว่าอย่างแรก ได้โปรดให้กระผมได้รู้จักนามของคุณหนูจะได้ไหมขอรับ ? ] – ????

[ … ดิฉันคือลูกสาวของตระกูลสุเมรากิ เอริกะ สุเมรากิค่ะ ดิฉันยินดีที่ได้รู้จักกับท่านเช่นกันค่ะ ] – เอริกะ

[ โอ้ว เอริกะ ! ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะอะไรเช่นนี้ ช่างเข้ากับภาพลักษณ์อันงดงามของคุณหนูเหลือเกิน กระผมมีชื่อ—– ] – ????

[ ฟรานซิส เจ อาร์คไรต์ ] – ฮาโรลด์

 

ผู้ชายคนนี้— หรือก็คือฟรานซิส คำพูดของเขาถูกขัดโดยไอ้หนุ่มนั้น ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆเอริกะ เขาเรียกชื่อของฟรานซิสออกมาได้อย่างถูกต้องทั้งๆที่ ฟรานซิสยังไม่ทันได้แนะนำตัวเอง 

ที่สำคัญ ชื่อของฟรานซิสไม่ได้อยู่ในรายชื่อแขกคนสำคัญที่จะเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่าไอ้หนุ่มนี่รู้จักตัวของเขาอยู่ก่อนแล้ว

 

[ นายรู้จักฉันด้วยรึ ? ก็นะ ยังไงซะฉันก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรอยู่แล้ว ] – ฟรานซิส

[ อืม โดยเฉพาะนิสัยแย่ๆเรื่องผู้หญิง ] – ฮาโรลด์

[ อะไ—- ! ดูเหมือนนายจะรู้จักฉันดีพอตัวเลยนี่หว่า แต่ข้อมูลพวกนั้นมันล้าสมัยไปแล้วเฟ่ย! ] – ฟรานซิส

 

ฟรานซิสได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งและคว้าไปที่มือของเอริกะ

 

[ นั้นเพราะหัวใจของกระผมมอบให้ท่านเอริกะไปหมดแล้วตั้งแต่บัดนี้ ] – ฟรานซิส

[ ท่านอาร์คไรต์คะ จู่ๆท่านมาพูดกับดิฉันแบบนี้ ดิฉันคง —- ] – เอริกะ

[ อาร์คไรต์มันเป็นทางการเกินไป โปรดเรียกกระผมว่าฟราน ] – ฟรานซิส

 

เอริกะได้แต่สับสนกับการรุกอันดุเดือดของฟรานซิส อย่างไรก็ตาม นี่แหละคือวิธีการจีบของเขา 

วิธีที่เขาใช้ตกเหล่าหญิงสาว คือเขาจะทุ่มสุดตัว ถ้าหากมันยังไม่เพียงพอ นั้นหมายความว่า เขาต้องทุ่มสุดของสุดตัวขึ้นไปอีก จนถึงตอนนี้ ฟรานซิสเอาชนะใจหลายต่อหลายคนด้วยเทคนิคนี้

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาได้พบกับเอริกะ เขารู้ได้ทันทีว่าเหล่าหญิงสาวที่เขาเคยพิชิตดวงใจของพวกเธอได้นั้นเป็นเพียงบททดสอบให้เขาฝึกฝนตัวเองเพื่อที่เขาจะสามารถเอาชนะหัวใจของเอริกะไปได้

แต่นั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่เขามี นั้นเพราะใบหน้าอันหล่อเหลาแบบธรรมชาติที่สืบทอดเชื้อสายมาจากตระกูลของเขา ล้วนเป็น 1 ในโชคชะตาที่พระเจ้ามอบให้แก่เขาเพื่อให้เขางดงามไม่แพ้เอริกะเลย

และหากมีใครมาขัดขวางความรักครั้งนี้ของเขา ก็คงเป็นไอ้หนุ่มนั้นที่ปล่อยจิตสังหารที่สามารถฆ่าคนได้ และฟรานซิสเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะไอ้หนุ่มนี่ได้อย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฟรานซิสจึงหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆเอริกะ

แต่ทว่าสายตาของไอ้หนุ่มนั้นกับดูไม่แยแสเลยซักนิด ราวกับความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของฟรานซิสไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับไอ้หนุ่มนั้น ทั้งๆที่เขาหวังว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะมีปฎิกิริยาอะไรบางอย่าง 

 

[ น่าประหลาดใจว่า นายจะไม่หยุดฉันหรอ ? ] – ฟรานซิส

[ เหมือนนายจะแตกต่างจากเจ้าพวกโง่ที่กองอยู่รอบๆ จะทำอะไรก็ทำ ] – ฮาโรลด์

 

ไอ้หนุ่มนั้นพูดออกมาเช่นนั้น พร้อมกับกอดอกและเอนหลังพิงกำแพง จากมุมมองของฟรานซิส ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มนั้นจะไม่สนใจจริงๆ

“หมอนี่ไม่ใช่คนรับใช่หรือคู่หมั้นขอเอริกะหรอกเรอะ ?”

แม้ว่าฟรานซิสจะยังสงสัยอีกหลายๆเรื่อง แต่ไอ้หมอนั้นพูดไว้แล้วว่าจะไม่เข้ามาขวาง ดังนั้น นี่จึงสะดวกสำหรับเขาเช่นกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเริ่มต้นรุกเอริกะอีกครั้ง …..

 

[ ถ้า หมอนั้นอนุญาตก็นะ ] – ฮาโรลด์

 

พร้อมกับคำพูดของไอ้หนุ่มนั้น ที่ไหล่ของฟรานซิสก็มีมือของใครบางคนจับอยู่ มือนั้นบีบมาที่ไหล่ของฟรานซิสราวกับจะขยี้มันให้แหลกเป็นชิ้นๆ ซึ่งความเจ็บปวดแบบนี้ทำให้ฟรานซิสนึกขึ้นได้ เพราะความงดงามของหญิงสาวทำให้เขาลืมไปเสียสนิทว่าเธอเรียกตัวเองว่า สุเมรากิ และฟรานซิสก็มีคนรู้จักที่เรียกตัวเองว่าสุเมรากิเช่นกัน

ฟรานซิสหันหลังกลับพร้อมกับยิ้มแห้งๆ เขาก็พบกับคนๆหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจนถือว่าจะเรียกว่าเป็นเพื่อนกันได้ หรือก็คือ อิสุกิ สุเมรากิ

ในตอนนี้ ฟรานซิสเข้าใจสถานการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างอิสุกิแระเอริกะได้อย่างแจ่มแจ้งโดยไม่ต้องอธิบายใดๆอีก

 

[ นี่ อิสุกิ ให้ฉันเรียกนายว่าพี่เขยจะได้ไหม ? ] – ฟรานซิส

[ เรียกชั้นว่าอะไรนะ ?! เอามือสกปรกของแกออกจากเอริกะซะ ไอ้เวรเสือผู้หญิง!! ] – อิสุกิ

 

เสียงของอิสุกิที่เต็มไปด้วยความโกรธดังกึกก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลเบอร์ลิออส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด