My Death Flags Show No Sign of Ending 43 ตัวร้าย?ที่รับบทเป็นตัวร้าย

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 43 ตัวร้าย?ที่รับบทเป็นตัวร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

( มุมมองของคนชุดดำคนหนึ่ง )

 

 

[ นั้นคือเด็กผู้ชายที่พวกเราได้ยินมางั้นรึ ? ]

 

ในระหว่างทางไปที่ตั้งของเผ่าสเตลล่า ขณะที่พวกเรากำลังวิ่งเรียงหน้ากระดานอยู่นั้น จู่ๆก็มีคนเปิดบทสนทนาขึ้น

 

[ ใช่ นั้นคือเด็กผู้ชายที่นายท่านเป็นคนบอกกับพวกเราอย่างแน่นอน ]

[ ดูเขาจะมั่นใจตัวเองมากเลยนะ หรือจะเรียกว่าหยิ่งดี ? ]

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพวกเราที่จะยอมอุทิศชีวิตของพวกเราเพื่อฮาโรลด์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรถ้าหากพิจารณาในสิ่งที่พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตนจริงๆของตนเองต่อหน้าคนอื่นๆ แต่ในฉากสุดท้ายที่พวกเราได้พบนั้นคือภาพของฮาโรลด์ที่เป็นเพียงเด็กผู้ชายที่เต็มไปด้วยความใจดี 

การรับภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ ข้าจำวันนั้นได้ดีที่พวกเราตัดสินใจอุทิศชีวิตให้แก่เด็กผู้ชายคนนี้

นายท่านของพวกเรา ทาซูคุได้แสดงท่าทีอันซับซ้อนออกมาทางใบหน้าของเขา มันดูราวกับว่าจะมีศึกใหญ่ที่คาดการณ์ไว้จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

ถึงข้าจะได้เสี่ยงชีวิตหลายต่อหลายครั้งเพื่อภารกิจ แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เกลียดอะไรกับคำสั่งเช่นนั้น

ทุกๆคนในที่นี้ต่างรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของนายท่าน ขณะกำลังคิดอยู่เช่นนั้น ทาซูคุก็เริ่มที่จะอธิบายสถานการณ์ของภารกิจครั้งนี้ออกมา

 

[ ภารกิจในครั้งนี้คือหยุดยั้งการต่อสู้ระหว่างหน่วยอัศวินและเผ่าสเตลล่า โดยมีพวกจักรวรรดิซาเรี่ยนคือผู้ร้ายตัวจริงในการยั่วยุให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่อสู้กันเอง ]

[ ….. ทำไมท่านถึงคิดว่าพวกจักรวรรดิอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ล่ะขอรับ ? ]

[ พวกเราได้รับข้อมูลมาว่า ในระหว่างความชุลมุนวุ่นวายในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกจักรวรรดิจะถือโอกาสนี้บุกเข้าจับกุมคนของเผ่าสเตลล่า ]

 

ถ้าหากมันเป็นจริง นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และถ้าหากปล่อยผ่านไปมันอาจจะพัฒนาจนกลายเป็นสงครามได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวข้าและพวกเราชาวสุเมรากิ

 

[ ในสถานการณ์เช่นนั้น น่าจะส่งทหารจริงๆเข้าไปแทนที่จะเป็นหน่วยของพวกเราไม่ดีกว่ารึขอรับ ? ]

[ พวกเรายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเราจึงเคลื่อนไหวอย่างเด่นชัดไม่ได้ เอาจริงๆ ข้าเองก็ไม่อยากที่จะส่งพวกนายไปเช่นกัน ข้าไม่อยากให้ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลสุเมรากิต้องไปเสี่ยงอันตราย ]

[ ท่านจะส่งพวกเราไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามันอันตรายเป็นอย่างมากงั้นรึขอรับ ? ]

 

ข้าแค่อยากจะรู้ว่า ทำไม ?

เมื่อข้าสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ก็เกิดรอยยิ้มเล็กๆที่ใบหน้าของทาซูคุ

 

[ …มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาอวดอ้างอะไร แต่ว่า ข้าติดค้างฮาโรลด์คุงเป็นอย่างมาก ]

 

ฮาโรลด์ ชื่อนั้นมันฟังดูคุ้นๆสำหรับข้า

มันเหมือนชื่อคู่หมั้นของบุตรสาวตระกูลซูเมะรากิ คู่หมั้นของท่านเอริกะ

ข้อมูลหลายๆอย่างของฮาโรลด์ที่รวบรวมมาได้หลังจากที่การหมั้นถูกประกาศนั้นมันฟังดูเลวร้ายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่มีใครเลยยินดีกับการหมั้นของพวกเขาทั้งสอง

 

[ ทำไมชื่อของเขาถึงต้องถูกพูดขึ้นล่ะขอรับ ? ]

[ ฮาโรลด์คุงมีแผนที่จะเข้าไปยังสนามรบเพียงคนเดียวเพื่อจะหยุดยั้งการต่อสู้นี้ ]

[ …กระผมคิดได้เพียงสิ่งเดียวว่านั้นเป็นแผนที่บ้าบิ่นมาก กระผมคิดว่าควรที่จะห้ามเขาจะดีกว่านะขอรับ ]

[ เด็กนั้นจะไม่มีทางหยุด อันที่จริง เด็กนั้นได้ต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวอยู่ตลอดเวลา ]

 

ทาซูคุพึมพัมออกมาอย่างเศร้าๆ มันฟังดูราวกับว่าเขากำลังโทษตัวเอง

เขานั้นพยายามที่จะสนับสนุนฮาโรลด์ เด็กชายผู้ที่วางแผนจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซุเมะรากิ มันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวคนอื่นๆที่ไม่รู้ถึงเนื้อแท้ของฮาโรลด์ให้ช่วยเขา

 

[ ทำไมท่านถึงยอมทำขนาดนี้เพื่อเด็กนั้นกันขอรับ ? ]

[ …. ถ้าหากพวกนายต้องการที่ทราบความจริง เช่นนั้นพวกนายต้องสัญญามาก่อนว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และเรื่องที่ข้าได้เล่าออกไปนั้นพวกนายจะต้องไม่เปิดเผยมันกับผู้อื่นเด็ดขาด ข้าน่ะ ได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปพร้อมกับตัวข้า เอาล่ะพวกนายลองถามใจตัวเองดูว่าพร้อมที่จะอุทิศชีวิตเพื่อฮาโรลด์ได้รึปล่าว ]

 

บรรยากาศภายในห้องหนาวเย็นลงราวกับอุณหภูมิลดลงไป 2-3 องศา ในประโยคที่กล่าวออกมานั้น ข้าคิดว่าข้ารู้สึกถึงความกดดันอย่างรุนแรงที่แผ่ออกมาจากทาซูคุ

เหงื่อเย็นได้ไหลอาบแก้มของพวกเรา มันราวกับว่าพวกเราพึ่งจะรอดพ้นความตายมาหยกๆ

 

[ พวกเราได้ปฎิญาณตนในความจงรักภักดีต่อนายท่านของพวกเราขอรับ ]

[ ขอบใจมาก เอาล่ะ ใครเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฮาโรลด์สังหารคนรับใช้ของเขามาแล้วบ้าง ? ]

[ พวกเราทราบเรื่องนั้นดีขอรับ ]

 

ความผิดของฮาโรลด์ได้รับการยืนยันแล้วจากสายลับของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงทราบเรื่องนี้ดีที่เขาสังหารคนรับใช้

นั้นคือเหตุผลใหญ่ที่ว่าทำไมพวกเราหลายๆคนถึงต่อต้านการหมั้นหมายในครั้งนี้

 

[ ความจริง เขาไม่ได้สังหารคนรับใช้ของเขา คนรับใช้ผู้นั้นถูกตัดสินประหารจากพ่อแม่ของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงช่วยเหลือพวกเธอและสร้างภาพขึ้นมาว่าตนเป็นคนสังหารพวกเธอ ตอนนี้ คนรับใช้และลูกสาวของเธอยังคงมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขโดยเงินจำนวนหนึ่งที่มาจากความเอื้อเฟื้อที่ฮาโรลด์เป็นคนมอบให้พวกเธอในตอนที่พวกเธอหลบหนี ]

 

ทาซูคุได้ทิ้งเรื่องราวอันเหลือเชื่อมาให้พวกเรา 

เรื่องนี้ถูกกล่าวขานมาโดยตลอดกว่า ฮาโรลด์นั้นสังหารคนรับใช้ของตนเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเป็นตอนที่เขาอายุเพียงแค่ 10 ปี ความจริง ข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเด็กที่อายุเพียงแค่นั้นจะสามารถกระทำเรื่องเช่นนี้ได้จริงรึ

 

[ แล้วทำไมถึงยังเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับล่ะขอรับ ? ถ้าหากท่านประกาศเรื่องนี้ออกไปแก่สาธารณชนแล้วล่ะก็ ท่านก็จะสามารถหยุดยั้งกลุ่มคนที่ต่อต้านเรื่องการหมั้นครั้งนี้ได้ ]

[ ฮาโรลด์ไม่ต้องการเช่นนั้นน่ะสิ เขายอมสละเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเพื่อแบกรับคำตราหน้าว่า “ฆาตกร” เพื่อที่จะทำให้สองแม่ลูกนั้นอยู่อย่างปลอดภัย ]  

 

และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมทาซูคุจะเก็บความลับนี้ให้ลงไปพร้อมโลงศพกับตน

เด็กชาย อายุ 10ขวบ ที่ต้องตัดสินใจเช่นนั้น …. ข้ารู้สึกเหมือนในอกจะบีบรัดแน่นขึ้นเมื่อข้าคิดถึงสิ่งนี้

แก้ปัญหาด้วยตนเองโดยยอมที่จะถูกตราหน้าโดยผู้คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยในสิ่งที่เขาทำ แถมเขายังเลือกที่จะแบกรับมันเอาไว้ด้วยตัวเอง

 

[ …. ยิ่งกว่านั้น ฮาโรลด์คือผู้ที่สร้างและเสนอยาต้านพิษให้กับพวกเรา และเป็นผู้ที่พัฒนาวิธีการปลูกพืชแบบ LP อีกด้วย ]

[ นั้นคือเรื่องจริงรึขอรับ !! ]

 

ทุกๆคนต่างรู้สึกช๊อคกับเรื่องที่ถูกเปิดเผยนี้

ยาต้านพิษนั้นที่ถูกผลิตขึ้นด้วยส่วนผสมพิเศษที่ทาซูคุเป็นคงสั่งการออกมาอย่างฉับพลัน ข้าไม่สามารถจะจินตนาการถึงจำนวนของผู้คนที่ถูกช่วยด้วยยานั้นจะมีมากมายขนาดไหน

รวมไปถึงการปฎิวัติวงการปลูกพืชด้วยฟาร์มLP การปลูกพืชรูปแบบใหม่ที่สร้างอิมแพ็คขนาดใหญ่ให้กับเศรษฐกิจของดินแดนซูเมะรากิให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกๆคนในดินแดนซูเมะรากิต่างยกย่องสรรเสริญแก่ทาซูคุสำหรับสิ่งเหล่านี้ “สมแล้วที่เป็นนายท่านของพวกเรา” นั้นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนกล่าวออกมา

ถ้าหากชื่อของฮาโรลด์ไม่ได้ถูกพูดขึ้น พวกเราทุกๆคนต่างก็คิดว่าทุกๆสิ่งที่ถูกกระทำมาทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของทาซูคุ

 

[ ใช่ตอนนั้น จู่ๆเขาก็มาขอความร่วมมือจากพวกเราแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยอ้างว่าเขาไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเขามาเป็นผู้พัฒนาหลักและใช้มันให้เกิดประโยชน์ และเป็นดั่งที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ ถ้าหากเขาเป็นคนพัฒนาเอง พ่อแม่ของเขาก็จะล่วงรู้ และผู้คนจำนวนมากคงไม่ได้ถูกช่วยเหลือเอาไว้เหมือนดั่งพวกเราตอนนี้ ]

 

โยนโอกาสที่จะได้รับคำสรรเสริญทิ้งอย่างไม่ใยดี สิ่งเดียวที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังและความอัปยศ

ขณะที่กำลังปกป้องคนอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เขากับเลือกที่จะแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้แทน นั้นคือตัวตนจริงๆของเด็กชายที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์ก

 

[ และอีกครั้งที่ฮาโรลด์คือผู้ค้นพบข้อมูลเรื่องนี้ แต่กระนั้นเขาก็ยังจะทำมันด้วยตัวคนเดียวทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตรายขนาดไหน ในตอนนั้น เขามาขอร้องให้ข้า “เตรียมชุดเครื่องแบบนายทหารของจักรวรรดิซาเรี่ยน” แล้ว จะให้ข้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ?!]

[ ….. ]

 

ตอนนี้ พวกเราทุกคนเข้าใจแล้วว่าทำไมทาซูคุถึงเป็นห่วงฮาโรลด์มากนัก

ในสายตาของทาซูคุนั้น ฮาโรลด์คือผู้ที่กอบกู้ตระกูลซูเมะรากิ ผู้กอบกู้แห่งดินแดนซูเมะรากิ เขามีหนี้บุญคุณต่อฮาโรลด์ที่ไม่มีวันจะทดแทนได้หมด

และในตอนนี้ เด็กผู้ชายคนที่ว่ากำลังจะเข้าสู่สนามรบด้วยตัวคนเดียวเพื่อที่จะหยุดยั้งสงคราม

 

[ ฮาโรลด์คุงมักจะทำอะไรด้วยตัวคนเดียวอยู่ตลอด เขาน่ะเป็นคนที่แทบจะไม่ยอมพึ่งพาคนอื่นเลย เด็กเอาแต่ใจคนนั้น ถึงเขาจะปากเสียและท่าทีหยิ่งยโส แต่ในความเป็นจริง เขาเป็นคนที่โอบอ้อมอารีมากกว่าคนไหนๆ ข้าอยากจะปกป้องเด็กคนนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าจะปกป้องให้ได้! ]

 

ในกระบวนการทางความคิดของ ทาซูคุนั้น ฮาโรลด์ยังไงก็เป็นแค่เด็ก

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น หน้าที่ของพวกเราก็คือทำให้ความต้องการของคนผู้เป็นนายให้เป็นจริง มันคือความซื่อสัตย์ของพวกเราที่มีต่อชายที่ชื่อทาซูคุ และดินแดนซูเมะรากิ นายเหนือหัวของพวกเรา

 

[ พวกเราจะฎิบัติตามคำสั่งขอรับ ]

 

ทุกๆคนต่างก้มหัวของตนลงอย่างพร้อมเพียง

สำหรับภารกิจที่เต็มอันตราย ซึ่งมันอาจหมายถึงชีวิตของพวกเรา 

แต่ว่า ไม่มีซักคนที่ปฎิเสธมัน

 

◇ ◇ ◇

 

(มุมมองของฮาโรลด์)

 

 

ตอนนี้ผมได้ถอดชุดของหน่วยอัศวินออกและสวมมันแทนด้วยเครื่องแบบของจักรวรรดิซาเรี่ยนแล้ว ขณะที่กำลังเคลื่อนผ่านแนวต้นไม้ที่ปลิวไสว 2 ข้างทาง ผมกำลังวิ่งผ่านทางที่ดูจะไม่น่าเรียกว่าถนนได้ด้วยความเร็วสูง

กลุ่มคนชุดดำอยู่ทางด้านหลังทางขวาของผม ผมไม่ค่อยแน่ใจในด้านความแข็งแกร่งของพวกเขาเท่าไร แต่ว่า มันน่าตกใจจริงๆที่พวกเขาสามารถตามความเร็วของผมได้ทัน

 

( ผมหวังว่าที่ผมกล่าวไปก่อนหน้านี้คงจะปลุกขวัญกำลังใจขึ้นได้บ้างนะ แต่ … )

 

หลังจากหันไปมองที่พวกเขา ผมกลับคิดถึงสิ่งอื่น

ผมรู้ดีว่าถึงสิ่งที่พวกเราจะต้องเผชิญในช่วงสุดท้ายตามเนื้อเรื่องของเกมส์ แต่ว่า ถ้าหากเป็นไปได้ ผมก็ไม่ต้องการที่จะให้มีใครตาย

ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังห่างไกล และสำหรับผมที่จะมีโอกาสโดนโจมตีมากกว่าพวกเขายิ่งนัก

ผมเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่ผมรู้มา ก่อนที่พวกเราจะถึงจุดเป้าหมาย

ทหารของจักรวรรดิซาเรี่ยนมีอยู่ประมาณ 150 คน 100 คนจากทั้งหมดกำลังติดพันการต่อสู้กับเหล่าหน่วยอัศวินในส่วนลึกของป่า ในขณะเดียวกันอีก ประมาณ 50คนกำลังบุกเข้าโจมตีเผ่าสเตลล่า

จำนวนของศัตรูตอนนี้มีมากกว่า 5 เท่าจากข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้  แต่ว่ามันก็ยังน้อยกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้อยู่ และหน่วยอัศวินเองก็มีอย่างต่ำๆก็ 200 คนที่ส่งเข้ามาในตอนนี้ แต่ผมกลับคิดว่าตอนนี้ด้วยจำนวนของพวกเรา ทำให้พวกเราเสียเปรียบ

นั้นเพราะสำหรับราชอาณาจักรแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเคลื่อนทัพจำนวนมากขนาดนี้ผ่านป่าทึบ

บางที่ นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทางราชอาณาจักรจะพอทำได้

นอกจากนี้ ยังมีอัศวินอีกกว่า 120 คนที่อยู่ในภารกิจลาดตระเวนป่า และ พวกเรายังแบ่งกันเป็นทีม ทีมละ 15 คน ดังนั้น มันจึงมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะบังเอิญไปเจอกับศัตรู

แม้ว่านั้นจะไม่ใช่การตอบโต้กลับที่ดีเท่าไหรนัก แต่แบบนี้ถึงจะเจอเหตุการณ์ถูกโจมตีอย่างกะทันหันพวกเขาก็จะไม่เป็นอะไรนัก

แม้ว่าตามเนื้อเรื่องของเกมส์นั้นหน่วยอัศวินจะแพ้ยับเยินและกลุ่มของโรบินสันจะถูกทำลาย ผู้อยู่เบื้องหลังคือยูสตัสที่มีเป้าหมายหลักคือจับตัวคนของเผ่าสเตลล่าสำเร็จและแพร่กระจายข่าว “เผ่าสเตลล่า โจมตีเหล่าอัศวิน”

ซึ่งมันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำลายหน่วยอัศวิน

ผมล่ะสงสัยจริงๆว่า กลุ่มของโรบินสันนั้นเกิดภายใต้ดวงดาวแห่งความซวยงั้นเรอะ ? ที่ต้องถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องตาย

เมื่อคิดเช่นนั้น ผมจำเป็นต้องจบเรื่องนี้ให้ทันก่อนกลุ่มกำลังเสริมจะมาถึง แต่ว่า .. ผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

มันไม่มีทางเลือกนอกเสียจากยอมรับว่า กลุ่มของโคดี้กำลังจะกลับมาที่แนวหน้าในเร็วๆนี้

 

[ ….. พวกเราใกล้ถึงแล้ว ]

 

เสียงคำรามและกรี๊ดร้องดังเข้าสู่โสตประสาทผม ทุกๆก้าวที่เดินไปข้างหน้าเสียงเหล่านั้นจะดังขึ้นและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดพวกเราก็บมาพบกับกลุ่มแรก

 

[ พวกแกทุกคนแยกกันออกไป ในระหว่างที่ข้าดึงดูดความสนใจพวกมัน สอดแนมโดยรอบซะ ! ]

[ รับทราบขอรับ ]

 

ร่างของกลุ่มคนชุดดำทั้งหมดต่างหายเข้าไปในป่าเหลือเพียงคำพูดเหล่านั้นที่ทิ้งเอาไว้

หากพูดในเรื่องความสามารถในการซ่อนตัว ความสามารถของพวกเขาเหนือกว่าผมมาก

และถ้าหากผมสามารถดึงดูดความสนใจทั้งฝ่ายศัตรูและพันธมิตร แน่นอนว่าพวกเขานั้นจะไม่ถูกจับได้

ผมสวมหน้ากากที่ทำจากผ้าเพื่อปกปิดส่วนล่างของใบหน้า หรือก็คือ จมูกและปากของผม เพราะไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆสำหรับผมถ้าหากตัวตนของผมถูกเปิดเผย

ตอนแรกผมคิดว่าผมน่าจะสวมหน้ากากปกปิดทั้งใบหน้าเลย แต่ผมจำต้องทิ้งความคิดนั้นไปเพราะ การลดความสามารถในการมองเห็นลงถือว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยง

ขณะที่หายใจเข้าเต็มปอด ผมเตะพื้นออกไปเพื่อเพิ่มความเร็ว

เพื่อที่ผมจะสามารถดึงดูดความสนใจมากเท่าที่จะมากได้ ผมจึงเริ่มยิงเวทย์มนตร์ขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องที่มาจากท้องฟ้ายามราตรีและ สายฟ้าที่ผ่าลงมายังต้นไม้ข้างล่างนั้น 

ที่ตรงนี้นั้นมีเพียงทหารของหน่วยอัศวินเท่านั้น และมันโดนเพื่อนอัศวินของผมคนหนึ่ง เขาสลบไปทันทีที่โดนสายฟ้านั้น 

ซึ่งทหารซาเรี่ยนยังคงซ่อนตัวอยู่เพื่อเตรียมตัวสำหรับการซุ่มโจมตีจากระยะใกล

เพราะนี่คือทางเดียวที่พวกทหารซาเรี่ยนจะสามารถต่อกรกับหน่วยอัศวินได้ทั้งๆที่จำนวนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

[ นะ- , นั้นมันอะไรกัน ! ? ]

[ เห้ย , ทางนั้น ! ]

 

เหล่าอัศวินต่างหันไปทางที่เพื่อนของตนชี้ไปพร้อมกับตะโกนออกมา และเป็นผมเองที่อยู่ที่นั้น กำลังยืนอยู่เหนือพวกเขาบนกิ่งของต้นไม้

ผมชักดาบออกมาเพื่อเพิ่มระดับความตื่นตัวของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่พอ เพียงแค่นี้มันยังไม่พอที่จะทำให้อัศวินเหล่านี้ตระหนักถึงว่าศัตรูที่แท้จริงคือจักรวรรดิซาเรี่ยน

และเมื่อผมแสดงถึงคมดาบของผม ถึงเวลาที่ผมจะแสดงบทบาทของตัวร้ายแล้ว

 

[ ยินดีด้วย!! เหล่าอัศวินแห่งราชอาณาจักรลิเบล  ตอนนี้พวกแกจะได้กลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิ !! ]

[ แกหมายความว่าไงกันกับคำว่า ‘ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิ’ …อย่าบอกนะว่า แกมาที่นี่เพื่อจะประกาศสงครามกับพวกข้า?! ]

( แกตีความแบบไหนถึงกลายเป็นได้ขนาดนั้นกันฟร่ะ ? )

 

ตอนนี้ ผมที่สวมอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารของจักวรรดิซาเรี่ยน และผมก็ไม่ได้กล่าวอะไรที่เกี่ยวกับการเริ่มสงครามเพื่อแพร่ขยายดินแดนหรืออะไรเถือกนั้นเลย

ผมล่ะสงสัยอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากผมเปิดเผยความจริงไปตรงๆว่าจักรวรรดิมีแผนจะโจมตีหน่วยอัศวินในตอนที่หน่วยอัศวินกำลังล้อมเผ่าสเตลล่า

แม้ว่า ผมจะเป็นเพียงการคาดเดาทั่วๆไป แต่ถ้าหากผมไม่ทำให้มันถูกต้องจริงๆ มันก็จะกลายเป็นว่าผมเผลอเปิดฉากสงครามระว่างราชอาณาจักรลิเบลและจักรวรรดิซาเรี่ยน

ตอนนี้ เมื่อผมตระหนักถึงความเป็นไปได้เหล่านั้น ผมรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่เริ่มจะไหลอาบร่างของผม

ไม่มีทางที่ผมจะหันหลังกลับได้แล้วตอนนี้

และไม่ใช่ใครอื่นที่ล่อลวงให้จักรวรรดิซาเรี่ยนทำแบบนี้คือยูสทัสเอง แต่ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้ถูกเปิดเผยแล้วล่ะก็ มันก็มีโอกาสที่เรื่องที่ยูสทัสมีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกเปิดเผยเช่นกัน

ผมไม่ได้อัจฉริยะขนาดนั้นที่จะมองเหตุการณ์ต่างๆได้อยากเฉียบขาด แต่ว่าสิ่งที่ผมควรทำคือเตรียมตัวรับมือกับการตอบโต้ของหน่วยอัศวินเมื่อรู้ว่าจักรวรรดิคือผู้กระทำผิดตัวจริง และทางราชอาณาจักรจะไม่กระทำการตอบโต้กลับรุนแรงมากนักเช่นกัน

ทันใดนั้น ผมก็เกิดไอเดียขึ้น

 

[ มันไม่จำเป็นสำหรับคนตายที่จะต้องรู้ความจริง ]

 

ผมคือผู้บัญชาการ ผมคือผู้บัญชาการ แสดงละครว่านายกำลังควบคุมกองทัพซาเรี่ยนที่กำลังซุ่มรอการโจมตีอยู่ ….

แม้กระทั้งสำหรับเหล่าทหารซาเรี่ยนเอง ตัวตนของผมก็ยังเป็นปริศนาที่พวกเขานั้นไม่รู้ แถมยังผิดปกติเป็นอย่างมากที่จู่ๆโผล่มาจากที่ไหน

แต่ถ้าหากจู่ๆคุณก็เห็นทหารของจักรวรรดิประกาศออกมาว่าจะโจมตีหน่วยอัศวินของคุณ คุณคงแน่ใจได้ว่า ไอ้หมอนั้นต้องเป็นศัตรูแน่

ยิ่งกว่านั้น ถ้าหากคุณมองมาที่เหรียญตราที่ถูกติดเอาไว้บนอกซ้ายของผม คุณคงจะรู้ว่านี้คือยศของพลโท การเพิกเฉยต่อคำสั่งของผมมันก็เหมือนดั่งการเพิกเฉยต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

มันคือชัยชนะของผม ถ้าหากพวกเขาตีความไปเช่นนั้น

 

[ เริ่มการโจมตี ! ]

 

แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยัน ชัยชนะอันงดงามของผม

ทันทีที่ผมออกคำสั่ง เหล่าลูกธนูก็ถูกยิงออกมาจากทุกทิศทาง เหล่าทหารซาเรี่ยนต่างปฎิบัติตามคำสั่งของผม

เหล่าอัศวินต่างป้องกันตนเองจากเหล่าลูกธนูเหล่านั้น โชคดี ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยซักคน

และแล้ว ตำแหน่งที่เหล่าทหารซาเรี่ยนซ่อนตัวอยู่ก็ถูกเปิดเผย

ที่รอบๆตอนนี้ เหล่ากลุ่มคนชุดดำควรจะจับตำแหน่งเหล่าทหารซาเรี่ยนได้แล้วถ้าหากพวกทำตามแผน

 

( ถึงแม้สิ่งที่ผมทำลงไปจะสามารถทำให้แผนการของพวกเราเสร็จสิ้นเร็วขึ้นเพียงแค่สักนิด แต่ว่า ทำให้สำเร็จทีเถิด สาธุ ! )

 

ผมทิ้งระยะห่างออกมาเพื่อที่ผมจะสามารถซื้อเวลาได้ ขณะที่กำลังปล่อยเวทย์มนตร์โจมตีออกไปโดยที่ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ ผมก็เริ่มสวดวิงวอนอยู่ในหัวของผม

 

——————————–

ช่วงนี้ผู้แปลไฟลุก เลยจะลงไวหน่อย อิอิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด