My Death Flags Show No Sign of Ending 78 สิ่งที่เอลล์คิด

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 78 สิ่งที่เอลล์คิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากขโมยดาบวิเศษ แกรมแกรนด์ ของตระกูลกิฟฟริทมาได้ กลุ่มของฮาโรลด์ก็มุ่งตรงกลับมายังเมืองใกล้ๆหมู่บ้านบร๊อชทันที ยังไงก็ตาม ฮาโรลด์สามารถเดินทางกลับมาถึงโรงแรมได้ทันก่อนรุ่งสาง เขาถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเขาโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว และในที่สุดเขาก็ได้อยู่คนเดียวเสียที เมื่อเขานั่งลงที่เตียงแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นอกจากความเหนื่อล้าทางร่างกายที่เกิดจากการเดินทางนับ 10 ชม.แล้ว เขายังเหนื่อยล้าจากการมีความผิดในฐานะ ผู้บุกรุก ปล้นชิง และทำร้ายร่างกายอีกด้วย ความผิด 3 อย่างที่เขาเพิ่งก่อไป มันสร้างดาเมทรุนแรงต่อมโนธรรมในจิตใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจากรับข่าวลือชื่อเสียงแย่ๆมาก่อนแล้วตั้งแต่ในเมืองหลวง แต่นี้คือครั้งแรกที่เขากระทำในสิ่งที่ผิดจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่น่ายินดีแต่อย่างใด

ฮาโรลด์จ้องมองไปยังกล่องสีเหลี่ยมใบนั้นที่ถูกพิงไว้กับผนังห้อง มันเป็นกล่องที่ดูเรียบๆและทรุดโทรมราวกับถูกโยนทิ้งไว้ในโกดังท่ามกลางสิ่งของอื่นๆเป็นเวลานาน และในที่สุดค่ำคืนอันแสนมืดมิดก็ผ่านพ้นไป แสงตะวันเริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ดาบเล่มนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อเรื่องราวเป็นอย่างมาก หรือจะว่าต่อโลกใบนี้เลยก็ว่าได้

และทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในหัวของฮาโรลด์ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขายอมให้ไลเนอร์แย่งดาบกลับไปได้ ?” ดาบแกรมแกรนด์เป็นดาบที่มีประสิทธิภาพสูงมาก มันเหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าสุดยอดแห่งดาบ จะเป็นอย่างไรถ้าไรเนอร์ใช้มันชินมือตั้งแต่เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าไรเนอร์ได้ดาบกลับคืนไปจริงๆ เขาก็คงกลับไปเข้าร่วมกับกองอัศวิน แล้วคงไม่ได้เข้าไปผัวพันกับหลายๆเรื่องยุ่งวุ่นวายที่ยูสทัสเป็นคนก่อขึ้น มีโอกาสสูงที่ปัญหาหลายๆอย่างที่ไรเนอร์จะต้องไปเป็นคนแก้ไขจะไม่ได้รับการแก้ไขอีกด้วย

ถึงแม้ว่า ฮาโรลด์คิดว่าการคืนดาบไปให้กับไรเนอร์อาจจะเป็นแผนที่ดี เพราะถึงแม้เรื่องราวจะดำเนินต่างจากเนื้อเรื่องของเกมส์แต่ก็ใช่ว่าไรเนอร์จะคลี่คลายปัญหาให้จบในลักษณะเดิมไม่ได้ แต่ว่าเมื่อพิจารณาดูแล้ว จะมาเปลี่ยนแผนตอนนี้คงวางแผนใหม่ไม่ทันแล้ว แถมปากของฮาโรลด์ยังไม่เหมาะที่จะหาวิธีไปพูดขอร้องให้เอลล์ที่ไม่มีความรู้จากเนื้อเรื่องของเกมส์ให้เข้าใจและยอมมาร่วมมือกับแผนการใหม่นี้อีกด้วย นั้นเพราะ การพยายามชักจูงเอลล์โดยซ่อนความจริงอะไรบางอย่างเอาไว้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับฮาโรลด์ ที่สำคัญ ตอนจบของตัวเขาจะอยู่ที่จุดไหนเขาก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นจะให้ไปเสี่ยงโชคกับแผนใหม่ สู้ดำเนินเรื่องตามแผนเดิมที่มีข้อได้เปรียบอะไรหลายๆอย่างดีกว่า

นั้นเป็นเหตุให้ฮาโรลด์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากกลั้นใจฝืนทำในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะต้องขโมยหรือมากกว่านั้น เขาก็จะทำ สิ่งเดียวที่เขาอธิฐานเอาไว้คือขอให้เขาไม่ถูกเปิดโปงในฐานะหัวหน้าแก้งขโมยก็พอ

ขณะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ร่างกายของเขาก็ยอมแพ้ต่อความเหนื่อยล้า และเข้าสู่ห้วงนิทราแม้ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นแล้วก็ตาม

 

————————————-

 

ในตอนนี้การจราจรบนถนนในหมู่บ้านบร๊อชค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร สมาชิกของกลุ่มฟรีรี่ รวมทั้งเอลล์ ก็เริ่มต้นเคลื่อนไหวบ้างเช่นกัน พวกเขาแสร้งว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน และแยกตัวกระจายไปทั่วหมู่บ้านราวกับแค่เป็นนักเดินทางที่ผ่านมาหรือแค่มาทำการค้าขายเท่านั้น ด้วยขนาดหมู่บ้านบร๊อชที่ไม่ใหญ่อะไรมากนัก ทำให้พวกเขาสามารถรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้อย่างแม่นยำพอสมควร และในที่สุด เอลล์ก็เริ่มเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านในฐานะของพ่อค้าเร่หนุ่มที่บังเอิญเดินทางผ่านมายังที่หมู่บ้านแห่งนี้

 

“เมื่อคืนก่อน มีกลุ่มโจรบุกเข้าไปในที่บ้านของตระกูลกิฟฟริท”

 

ขณะที่ผู้หญิง 2 คนกำลังยืนซุบซิบกันอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง บางที่พวกเธออาจเป็นลูกค้ากับเจ้าของร้าน และเนื้อหาที่พวกเธอคุยกันบังเอิญเข้าหูของเอลล์ ผู้ที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นพอดี และเอลล์เองก็ไม่ได้รับการติดต่อจากฮาโรลด์เลยในตอนเช้า ทำให้เอลล์รู้ได้ทันทีว่าภารกิจเมื่อคืนสำเร็จไปอย่างลุล่วง ตอนนี้ ถือว่าฮาโรลด์เคลียด่านแรกมาได้แล้ว ดังนั้นถือว่าพวกเขาสามารถออกสตาทได้อย่างยอดเยี่ยม

 

[ นี่ๆ พวกพี่สาว ที่พวกคุณพูดกันนั้นจริงหรอ ? ] – เอลล์

 

เอลล์แสร้งทำไปเข้าไปพูดคุยกับพวกเธอราวกับได้ยินเรื่องเมื่อสักครู่โดยบังเอิญ ซึ่งดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นที่ดูอายุน่าจะราวๆ40จะพอใจที่ถูกเอลล์เรียกว่าพี่สาว แม้ไม่รู้ว่าเพราะเอลล์เรียกว่าพี่สาว หรือเพราะเธอคันปากอยากจะเล่าอยู่แล้ว เธอเล่าเรื่องเหล่านั้นออกมาให้ฟังโดยง่าย

 

[ ใช่จ่ะ เห็นว่า พวกมันบุกเข้าไปปล้นบ้านของตระกูลกริฟฟิท ]

[ ดูเหมือนมันจะเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับหมู่บ้านที่สงบสุขเช่นนี้ ทุกๆคนในหมู่บ้านปลอดภัยใช่ไหมครับ ? ] – เอลล์

[ เจ้าของบ้านและภรรยาถูกฟันได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โชคดีที่อาการบาดเจ็บของทั้งคู่ถือว่าไม่รุนแรงอะไรมาก แต่ว่า .. การที่พวกโจรถึงกับสามารถทำร้ายพวกเขาทั้งคู่ได้มัน … ]  

[ ครอบครัวกริฟฟิทเป็นผู้ที่มีฝีมือหรอครับ ? ] – เอลล์

[ แม้ว่าพวกเขาจะเกษียณมานานแล้ว แต่พวกเขาก็เคยเป็นนักผจญภัยที่มีชื่องเสียงมาก่อน แม้กระทั้งจนถึงตอนนี้ เมื่อใดก็ตามที่มีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายเข้าใกล้หมู่บ้าน พวกเขาทั้งคู่มักจะเป็นผู้นำกลุ่มในการออกไปจัดการอยู่เสมอ ]

[ ที่พี่สาวจะสื่อก็คือ การที่จะเหนือกว่าสองสามีภรรยากริฟฟิทได้ .. พวกหัวขโมยจะต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ พวกมันต้องเป็นพวกที่น่ากลัวมากแน่ๆ ] – เอลล์

[ ถูกแล้วจ่ะ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นประเด็นร้อนในหมู่บ้าน เมื่อนึกถึงว่าพวกโจรอาจบุกมาที่บ้านฉันคืนนี้ ฉันเองก็ไม่รู้จะกล้าหลับตาลงมั้ยเช่นกัน ]

 

ก็ จริงๆไม่ต้องกังวลอะไรเพราะพวกโจรออกจากหมู่บ้านไปแล้ว แต่นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกชาวบ้านที่คิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงการปล้นธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิธีการป้องตัวของพวกเขาได้มีอยู่อย่างน้อยนิด อย่างไรก็ตาม มีอีกสิ่งหนึ่งที่เอลล์จะต้องยืนยัน

 

[ โจรพวกนั้นมีลักษณะแบบไหนหรอครับ ? ถ้าหากมีใครพบเห็นพวกมัน ผมว่ามันน่าจะดีกว่าหากกระจายข่าวเรื่องลักษณะของพวกโจรให้ทุกๆคนรู้ .. ] – เอลล์

[ ก็ ถึงฉันจะไม่ได้ยินมาจากปากของตระกูลกริฟฟิทเองก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะบอกกับคนอื่นๆว่า พวกโจรมีกัน 2 คน ]

 

โจรมีกัน 2 คน สถานการณ์ตรงตามที่ฮาโรลด์เคยบอกเอาไว้ทุกประการ หากเกิดการต่อสู้ขึ้น ฮาโรลด์จะปลีกตัวออกมาจากหน้าฉากและสั่งการให้ 2 คนที่มาจากเผ่าสเตลล่าออกหน้าแทน นั้นคงเป็น 1 ในการตัดสินใจที่ยากมากๆสำหรับฮาโรลด์แน่ๆ เพราะชายผู้ที่รักการต่อสู้ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดต้องถอยห่างออกมาจากการต่อสู้นั้น มันคงจะเจ็บปวดใจน่าดู นั้นคงเป็น 1 ในการลดความเสี่ยงที่คนอื่นๆอาจจะเชื่อมโยงว่าฮาโรลด์เป็น 1 ในพวกโจรนั้นเอง เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอสมควร และมันอาจนำปัญหามาสู่เขาได้

 

มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะเผลอคิดไปว่าเหตุการณ์มันอาจจะกลายไปเช่นนั้นจริงๆ – เอลล์

 

สำหรับตอนนี้ เอลล์ได้ข้อมูลที่เธอต้องการแล้ว สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือตามหาชายที่ชื่อไลเนอร์และผู้หญิงที่ชื่อคลอเล็ตตามที่ฮาโรลด์ขอให้เธอทำ ตามที่ฮาโรลด์บอกเอาไว้ ไลเนอร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวกริฟฟิทที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อคืนนี้ และคลอเล็ตเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไลเนอร์ การที่ฮาโรลด์รู้จักพวกเขาทั้งคู่ดีขนาดนั้นแสดงว่าฮาโรลด์จะต้องคุ้นเคยกับพวกเขาทั้งคู่มาพอสมควรแล้ว หรือบางทีด้วยเหตุผลบางอย่างฮาโรลด์ต้องการให้ทั้งคู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้คาดคั้นเอาความจริงอะไรจากฮาโรลด์ เพราะเธอรู้ดีว่าต่อให้เธอคาดคั้นไป ฮาโรลด์จะตอบกลับมาในทันทีว่า “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

ชื่อของฮาโรลด์เป็นที่รู้จักในทางที่ไม่ดี ดังนั้น เอลล์จึงไม่สามารถเอ่ยชื่อของฮาโรลด์ขณะเข้าไปติดต่อกับไลเนอร์ได้ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะสืบว่าพวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ แต่ก่อนอื่น เอลล์จำเป็นต้องตรวจสอบไลเนอร์เสียก่อน พ่อแม่ของเขากำลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะอาการบาดเจ็บ ดังนั้น เขาคงจะอยู่ที่นั้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์บอกเอาไว้ไลเนอร์และเพื่อนสมัยเด็กจะออกไล่ตามเขาหลังจากที่ดาบถูกขโมยไปในไม่ช้า ถ้าหากนั้นเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว หลังจากยุติบทสนทนากับหญิงวัยกลางคนคนนั้นอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว เอลลก็มุ่งตรงไปยังจุดหมายต่อไป ที่โรงพยาบาล

หมู่บ้านบร๊อชนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสืบรู้ว่าครอบครัวกริฟฟิทรักษาตัวกันอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ที่ไหน ถึงแม้มันจะดูเก่าไปเสียหน่อย แต่ก็ดูอบอุ่น อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเรียกว่าโรงพยาบาล น่าจะเรียกว่าคลีนิกมากกว่า และดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถาบันทางการแพทย์แห่งเดียวในหมู่บ้าน เอลล์ไปที่คลีนิกโดยให้เหตุผลว่า “ยาที่เธอสำรองเอาไว้สำหรับการเดินทางใกล้จะหมด ดังนั้นจึงอยากจะไปซื้อมาตุนเพิ่มเสียหน่อย”

ในคลีนิกมีห้องสำหรับผู้ป่วยนอก ห้องสำหรับทำการรักษา และห้องสำหรับให้ผู้ป่วยรอซึ่งมีโซฟาเพียงตัวเดียวเท่านั้น แม้กระเตียงสำหรับผู้ป่วยยังมีเพียงไม่กี่เตียง

เอลล์เองก็คิดว่านี่มันดูน้อยเกินไปรึปล่าว ทั้งๆที่นี่เป็นสถานที่สำหรับใช้รักษาเพียงแห่งเดียวในหมู่บ้าน แต่หลังจากได้พูดคุยกับพยาบาลระหว่างรอให้ถึงคิวของเธอนั้น ดูเหมือนว่าการให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้านจะเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับการรักษาในหมู่บ้านแห่งนี้ ดูเหมือนว่าถ้าไม่บาดเจ็บสาหัสหรือป่วยหนักจริงๆ คงจะไม่ต้องมานอนรักษาตัวที่คลีนิก

 

[ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงคิวของผมเสียทีนี่สิ ] – เอลล์

 

เอลล์แสร้งบ่นออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ หากพิจารณาถึงเรื่องที่เพิ่งพูดกันไปเมื่อสักครู่ก็ถือว่าเมคเซ้นต์กับเรื่องที่เธอบ่น

 

[ เธอมีธุระด่วนที่จะต้องไปทำหลังจากนี้หรอ ? ]

[ ไม่ครับ จริงๆก็ไม่ด่วนอะไร คือผมวางแผนที่จะอยู่ที่นี่สัก 2-3 วันอยู่แล้วเลยไม่ได้รีบอะไร แต่ ผมแค่คิดว่าในเมื่อไม่มีคนไข้คนอื่นอยู่แล้วทำไมผมยังต้องถูกรอให้ถึงคิวด้วยกันนะ ] – เอลล์

[ ใช่จ่ะ จริงๆแล้ว ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนอยู่จ่ะ ]

[ คุณหมายถึงครอบครัวกิฟฟริทหรอครับ ? ] – เอลล์

[ เอ๊ะ ? เธอรู้ได้ยังไง? ]

[ นั้นเพราะ ทุกๆคนในหมู่บ้านต่างพูดถึงเรื่องเมื่อคืนกัน มันเป็นฮอตท้อบปิคเลยล่ะครับ ] – เอลล์

[ เข้าใจแล้ว ]

 

คุณพยาบาลตอบกลับพร้อมกับยอมรับในคำพูดของเอลล์ และเธอก็เริ่มเล่า คู่สามีภรรยากริฟฟิท ที่เคยเป็นถึงนักผจญภัยที่มีชื่อเสียง ได้รับบาดเจ็บจากการถูกบุกปล้นโดยพวกโจร เหมือนกับที่พี่สาวคนก่อนหน้าเล่าเอาไว้ เอลล์จึงเริ่มถามต่อในประเด็นที่เธอพึ่งจะนึกออก

 

[ แสดงว่า ที่ผมได้ยินมาว่าคู่สามีภรรยากริฟฟิทได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยนั้น แต่กลับต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ หรือว่า….. ] – เอลล์

[ โอ้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นไปหรอกจ่ะ ที่พวกเขาต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้นั้นเพียงเพราะพวกเราต้องการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ดังนั้นภายใน 2-3 พวกเขาก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะจ่ะ ]

 

เอลล์คิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่คุณพยาบาลจะยอมบอกข้อมูลหรือความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย แต่ว่าเธอกลับเล่าออกมาอย่างง่ายๆ “จบกันเทคนิคการแซะข้อมูลที่เตรียมเอาไว้ไม่ได้งัดออกมาใช้เลย เอาเถอะ มันก็ถือว่าง่ายดีสำหรับงานของฉัน เพราะงั้นไม่เป็นไร” นั้นคือสิ่งที่เอลล์คิด

 

[ ผมโล่งใจจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น ทุกๆคนในหมู่บ้านต่างกังวลและพูดถึงเรื่องนี้กันหมด จนผมรู้สึกกังวลไปด้วย ] – เอลล์

[ ใช่จ่ะ หมู่บ้านนี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ดังนั้นหากคนใดคนหนึ่งมีปัญหา มันก็เหมือนเป็นปัญหาสำหรับคนอื่นๆเช่นกันจ่ะ ] 

[ แต่มันก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดีที่ว่า พวกโจรอาจกลับมาปล้นที่หมู่บ้านอีกครั้งก็ได้ ] – เอลล์

[ นั้นก็ใช่จ่ะ เจ้าพวกนั้นทำเรื่องยุ่งยากและวุ่นวายอย่างกันเดินทางมาขโมยของในหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้ทำไมกันนะ ? ]

 

การที่คุณพยาบาลบ่นออกมานั้นฟังดูเหตุผล แต่ประเด็นคือ แฮร์ริสันถือว่าดาบเล่มนั้นมีค่ามากพอให้เดินทางมาขโมยน่ะสิ และตามที่ฮาโรลด์บอก ยูสทัสเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย และความจริงที่ว่า การที่ทำให้แฮร์ริสันเข้าใจว่ามีฮาโรลด์และคนอื่นอยู่ภายใต้การควบคุมนั้น ก็เป็น 1 ในแผนของยูสทัสเช่นกัน แม้ว่าฮาโรลด์จะไม่เคยพูดเกี่ยวกับรายละเอียด แต่เมื่อพิจารณาจากลักษณะนิสัยของเขาที่เป็นเงียบๆ แต่ว่ายอมทำงานนี้อย่างเชื่อฟัง แสดงว่าเหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ร้ายแรงอะไรบางอย่าง นั้นคือทั้งหมดที่เอลล์คาดเดาเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม แม้ว่าเธอจะยังไม่มีหลักฐานยืนยันความชัดเจนก็ตาม

ท้ายที่สุด กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความจริงคือดาบเล่มนั้น แม้เอลล์จะไม่ได้เห็นของจริงกับตา แต่เธอมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมัน

ลึกลงไปใต้ผืนดิน ลึกลงไปถึงใต้เปลือกโลก 

ว่ากันว่ามีแกนของดวงดาวขนาดยักหลับไหลอยู่ที่นั้น มันแข็งแกร่งและก่อตัวขึ้นเป็นแกนกลางของทวีปแห่งนี้ บางส่วนของแกนกลางของดวงดาวนั้นถูกแกะสลักและแปรรูปเพื่อผลิตอาวุธในตำนานขึ้นมาทั้งหมด 7 ชิ้น

เอลล์เองก็ไม่ทราบว่านี่คือเรื่องจริงหรือไม่ และเธอก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครที่สามารถขุดลงไปถึงใต้ผืนโลกขนาดนั้นเช่นกัน แถมเรื่องที่ว่าแกนของดวงดาวเป็นวัตถุที่แข็งแกร่งและทรงพลังอาจเป็นเรื่องราวปลอมที่ถูกใส่สีตีไข่มาขึ้นมาเองก็ได้ และจริงๆ มันอาจเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ช่างตีเหล็กสมัยนักปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อเพิ่มมูลค่าและชื่อเสียงในอาวุธที่เขาสร้างขึ้น นั้นเป็นการคาดเดาที่สมเหตุสมผลที่สุดที่เอลล์จะนึกออกได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่ทั้งฮาโรลด์และยูสทัสสนใจในดาบเล่มนี้ เอลล์ก็คิดว่าแค่นี้มันก็มีเหตุผลมากพอที่เธอจะสืบค้นลึกลงไปเกี่ยวกับตำนานนี้เช่นกัน ไม่สิ เธอจะใช้พลังของตระกูลกิฟเฟลต์ทั้งหมดในการสืบมัน และถ้าหากได้คำตอบ บางทีอาจจะทำให้เข้าใจว่าทั้งยูสทัสและฮาโรลด์มีเป้าหมายอะไรกันแน่

นี่ไม่ถือว่าเป็นการทรยศต่อฮาโรลด์ แต่เอลล์คิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ และมีความเป็นไปได้สูงที่ฮาโรลด์จะไม่ต้องการให้เอลล์ตรวจสอบเรื่องนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและฮาโรลด์ยังไม่ถึงระดับไว้วางใจต่อกันได้ แต่เธอก็อยากที่จะรักษาระดับความสัมพันธ์ ณ ตอนนี้เอาไว้ เพื่อให้การทำงานร่วมกับเขาผ่านไปได้อย่างราบลื่น

 

[ อร่า ดูเหมือนว่าข้างในจะเสร็จแล้ว ]

 

ขณะที่เอลล์กำลังใช้ความคิดอยู่ในหัว จู่ๆคุณพยาบาลก็พูดขึ้น และราวกับตอบสนองต่อคำพูดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และคนที่ออกมานั้นเป็นชายร่างอ้วนท้วนเล็กน้อยและมีใบหน้าที่ค่อนข้างเป็นมิตร และที่ข้างๆของชายคนนั้น มีเด็กหนุ่มผมสีแดงและหญิงสาวผมสีบลอนด์ แม้สีหน้าของทั้งคู่จะดูไม่ค่อยดีนักแต่รูปลักษณ์ของทั้งสองตรงตามที่ฮาโรลด์เคยบอกเอาไว้ ชายหนุ่มและผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นไลเนอร์และคลอเล็ต และฮาโรลด์มีสมนุติฐานว่าพวกเขาทั้งคู่จะกลายเป็นบุคคลสำคัญในเรื่อง”บางอย่าง” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ บทบาทของเอลล์ที่เธอได้รับคือการสนับสนุนพวกเขาทั้งคู่ในเงามืด ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถกลายเป็นพรรคพวกของไลเนอร์และคลอเล็ตได้อย่างเป็นธรรมชาติ เอลล์จึงสบตากับทั้งคู่และยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

 

[ สวัสดี ผมมีชื่อว่าเอลล์ ผมเป็นนักเดินทางธรรมดาๆที่ดูเหมือนกับพ่อค้าเฉยๆ ] – เอลล์

 

นี่คือการพบกันครั้งแรกของทั้ง 3 คน ที่ในวันวันหนึ่งพวกเขาจะมีชะตากรรมร่วมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด