My Death Flags Show No Sign of Ending 21

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 21 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถึงจะในฝันก็เถอะ ฮาโรลด์ก็ไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูผู้เผยซึ่งความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจนต่อเขาตั้งแต่ก่อนการประลองจะเริ่มนั้นจะกลายมาคิดกับเขาเช่นนี้ ถึงเขาจะรู้ว่าจู่ๆความรู้สึกที่อิสุกิมีต่อเขาจะเปลี่ยนไป แต่เขาทำได้เพียงงงงวยกับมันแค่นั้น

 

“อืมสงสัยเขาจะอารมณ์ดีที่เขาชนะล่ะมั้ง” นั้นคือข้อสรุปที่เขาคิดขึ้นภายในใจ

( หรือก็คือ ผมแพ้. . . อะไรกัน ไอ้ความรู้สึก”ไม่อยากจะแพ้”นี้ )

 

และก็จริง ที่เขาโดนตัดสินให้แพ้เพราะทำผิดกฎ นั้นมันทำให้รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าการพ่ายแพ้แบบธรรมดาเสียอีก

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น อาจเพราะเจ้าร่างกายไฮสเป็กนี้มันคงมีธงแห่งความสามารถอะไรสักอย่างปักอยู่ แม้ว่าจะพยายามปัดกวาดกรณีเลวร้ายต่างๆที่มันแล่นเข้ามาในหัวออกไปด้วยการสั่นหัวไปมา 2-3 ที ความรู้สึกนี้ก็ไม่หายไป เขาจึงพยายามรวบรวมสติกลับมาโดยการออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ด้านนอกของโรงฝึก

แทนที่เขาจะออกไปทางประตูเดิมที่เขาเข้ามา เขากลับมุ่งตรงไปยังพื้นที่โล่งที่อยู่ติดกลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าครามอยู่เช่นนั้น

ขณะกำลังยืนอาบสายลมเย็นสบายที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเวลาที่เหงื่อออก เขาก็เริ่มเดินอีกครั้งด้วยด้วยเท้าปล่าวไปบนก้อนหินสีขาวที่เรียงตัวทอดยาวอย่างสวยงาม

จากโรงฝึกที่ทางเข้านั้นตั้งอยู่บนเนินเขา ที่นั้นทำให้เขาสามารถมองเห็นวิวของเมืองซูเมะรากิ

ภาพของเมืองที่ดูราวกับญี่ปุ่นสมัยเก่าถูกทอดยาวอยู่ที่ด้านล่างของหน้าผา สิ่งปลูกสร้างที่ทอดยาวเหล่านั้นมันถูกสร้างด้วยไม้ทั้งสิ้น และไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆเลยที่สูงตระหง่านตัดกับท้องฟ้า ไม่ว่าจะที่นี่หรือส่วนไหนๆ มันมีแต่ธรรมชาติปกคลุมอยู่โดยรอบ ถ้าจะให้กล่าวถึงสีของภาพเหล่านั้น มันก็คงเป็นกลีบดอกไม้สีชมพูที่ปลิวไสวอยู่ไปทั่ว

แม้ว่ามันจะไม่ใช้ทัศนียภาพที่เขาคุ้นเคยอะไรดีนัก แต่มันก็คงบอกได้ว่าถ้าคนญี่ปุ่นได้มาเห็นคงกระตุ้นให้รู้สึกคิดถึงเป็นแน่

 

อาจเพราะราวกับปืนถูกลั่นไก

 

ในตอนที่เขาได้มาที่โลกแห่งนี้มันก็ผ่านมาแล้วกว่า 5 เดือน ขณะพลางนึกถึงความทรงจำของบ้านเกิดในโลกเดิมของเขาที่แล่นแว็บเข้ามาในความคิด ราวกับต่อมน้ำตาเริ่มปริออกและการมองเห็นของเขาก็กลายเป็นภาพเบลอ

ราวกับว่าสิ่งนี้คือสัญญาณแห่งการระเบิดออก ภายในหัวของฮาโรลด์ที่ตอนนี้ถูกโจมตีโดยคลื่นแห่งอารมณ์อย่างหนักหน่วง

มันคือความรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะการจากบ้าน(โลกเก่า)มาไกลแสนไกล และภาพของอนาคตแห่งความตายที่กำลังรอคอยตัวเขาอยู่ มันคือสิ่งที่คอยย้ำเตือนจนเขาต้องกลับมาคิดมากอยู่เสมอ และการแบกรับในทุกสิ่งอย่างที่สาดเทเข้ามาหาเขาจนมันกลายเป็นความกังวล

แม้ว่าโลกนี้มันจะเหมือนกับเกมส์ที่เขารัก แต่นี่มันเกินขีดจำกัดที่เขาจะรู้สึกสนุกไปกับมันแล้ว  ยิ่งสิ่งที่เขารับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เกี่ยวกับชีวิตของเหล่าตัวละครต่างๆที่จะต้องตายถ้าหากเหตุการณ์ต่างๆยังดำเนินไปเหมือนในเนื้อเรื่อง เรื่องนี้คือสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก

ภายในจิตใจของฮาโรลด์ ที่ตอนนี้ความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆมากมาย ต่างผุดขึ้นราวกับพายุคลั่งหมุนวนอยู่ภายใน มันคงเกินที่เขาจะอดทนได้ไหว ในที่สุด หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเขา มันไหลลินอาบทอดยาวลงมาบนแก้ม

พูดจริงๆ เขาในตอนนี้ได้ถูกพังทลายลงและร้องออกมาให้กับสถานการณ์ที่เขาต้องมาติดอยู่ที่นี่อย่างไร้เหตุผล

แต่สำหรับเหตุผลที่เขาต้องหยุดการร้องไห้อย่างเงียบๆนี้ก็เพราะความหยิ่งทนงในตัวของฮาโรลด์ที่เหมือนดั่งในเนื้อเรื่องของเกมส์ ยิ่งกว่านั้น ฮาโรลด์ผู้ซึ้งมีบุคคลิกที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แม้ว่าตอนที่เขาตายนั้นก็ไม่มีแม้แต่เสียงร้องออกมา 

 

[ ถ้าข้าสูญเสียตัวตนล่ะ ]

 

แม้ว่าเขาจะคิดเช่นนั้น แม้จะมีเพียงคำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากปากของเขา แม้ว่าเขาอยากจะสะอื้นเพียงใด มันก็ติดอยู่กับความทนงตัวที่ไม่ยอมให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ในขณะที่ฮาโรลด์กำลังจมอยู่กับความคิดอยู่นั้น ความสงบก็เริ่มก่อตัวขึ้นที่มุมหนึ่งในจิตใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความทนงตัวที่ยึดติดแน่นขนาดนี้ ฮาโรลด์นั้นจะต้องสูญเสียจิตใจไปแล้วแน่ๆ

ขณะกำลังคิดในหลายๆสิ่งภายในใจ เขาก็จ้องมองไปยังกลีบดอกซากุระที่ปลิวไสวอยู่โดยทั่วเมืองซูเมะรากิ และเมื่อเวลาผ่านไปเนินนาน หัวใจของเขาก็เริ่มค่อยๆที่จะเย็นลง พลางคิดว่าอีกสักพักจะกลับเข้าไปในโรงฝึก และในขณะที่จะหันหลังกลับไป เขาก็ถูกเรียกออกมาซะก่อน

 

[ ท่านฮาโรลด์คะ ]

 

ตราบเร็วเท่าที่เสียงนั้นถึงใบหูของเขา หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวๆอีกครั้ง แต่ว่า มันก็ไม่ได้เต้นรัวเพราะความรู้สึกรักหรือชอบแต่อย่างใด

แต่มันเพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะถ้าใครคนนั้นเข้ามาติดต่อเขาในตอนนี้ มันจะไม่เกิดผลดีเป็นแน่

เมื่อเขาหันกลับไปกลับไปด้วยท่าทางที่ดูราวกับของเล่นที่ทำท่าจะพังลง อย่างไม่ต้องสงสัย เขาก็พบกับร่างของเอริกะ

แต่ สำหรับฮาโรลด์นั้นไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เอริกะคิดที่จะมาที่นี่ตอนนี้ หรือทำใมเธอถึงเรียกชื่อของเขา นั้นเพราะเขาได้จัดการทำให้เธอเกลียดเขาอย่างสมบูรณ์ไปแล้วไม่ใช่หรอ ?

อืมก็จริง ที่เขาคิดว่าถูกเกลียดนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดอยู่ และเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงจงใจตามมาดูฮาโรลด์นั้นเพราะ คำพูดของอิซุกิที่ว่า”ดูเหมือนว่าหมอนั้นจะกำลังท้อแท้นะ ทำไมน้องไม่ลองไปปลอบเขาหน่อยล่ะ ?” เป็นตัวหนุนหลังการกระทำเธอ

ถ้าจะให้พูดจริงๆ เอริกะนั้นคิดว่าฮาโรลด์ดูไม่เห็นเหมือนคนกำลังท้อแท้เลยซักนิด ในเมื่อภาพของฮาโรลด์ที่สามารถพูดคุยกับอิสุกิได้อย่างสนิทสนมยังคงติดอยู่ในใจของเธอ และมันทำให้เธอรู้สึกอิจฉาพี่ชายของตน

ในตอนนั้น สิ่งที่อิซุกิกล่าวออกมามันฟังดูราวกับว่าเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกจริงๆของฮาโรลด์ได้ และนั้นมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก และกว่าเธอจะรู้สึกตัว เท้าของเธอก็มุ่งตรงไปแล้วฮาโรลด์แล้ว 

แต่ว่า เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน มันก็อาจเป็นเวลาเหมาะที่จะขอโทษแก่เขา ถึงเธอจะยังทำตามสิ่งที่ทาซุคุบอก นั้นคือไม่บอกเรื่องที่เธอเคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวของฮาโรลด์ แต่เธอแค่ต้องการจะขอโทษที่เธอลงมือตบตีเขา

และเมื่อตอนที่เธอกำลังจะถึงตัวฮาโรลด์ ภาพที่เห็นมันทำให้เอริกะถึงกับหยุดเดิน

มือขวาของเขากำลังปิดบังไปยังดวงตาคู่นั้นในขณะที่หันใบหน้าของเขาไปยังบนท้องฟ้า มันมีเพียงหยาดต้ำตาเพียงหยดเดียวที่ไหลออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้ว มันไหลรินอาบลงบนแก้ม

 

 

เท้าของเอริกะถึงกับหยุดนิ่งราวกับกำลังหวาดกลัว เธอเข้าใจได้ทันทีว่าเธอนั้นมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะได้เห็นเข้าให้แล้ว สำหรับเหตุผลการหลั่งน้ำตา อารมณ์หลากหลายที่อยู่ภายใต้น้ำตานั้น ถึงเอริกะจะไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าฮาโรลด์จะสามารถมีโมเม้นแบบนี้ได้

ขณะที่กำลังช็อคกับฉากที่ฮาโรลด์กำลังหลั่งน้ำตามอยู่ตรงหน้าเธอ มันมีคำพูดเบาๆกล่าวออกมาว่า “ถ้าข้าสูญเสียตัวตนล่ะ” เข้ามายังในหูของเอริกะ

ฮาโรลด์นั้น คือเด็กผู้ชายที่อายุเท่าๆกับตัวเธอเอง แต่กับต้องมาต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้อยู่เสมอ

ไม่รู้ว่าเขามีเหตุจูงใจอะไร ถึงแม้จะแสดงท่าทางมั่นใจอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้มักจะเผยรอยยิ้มที่ไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใด ถึงแม้จะใช้คำพูดที่ดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอด แต่มันก็มีช่วงที่เขาต้องมาร้องไห้อยู่แบบนี้อย่างหลบๆซ่อนๆอยู่

แค่ความแข็งแกร่งนั้นยังไม่เพียงพอ และเพียงแค่ความฉลาดก็ยังไม่สามารถทำให้ชนะได้  ถ้าไม่ใช้ความไม่ย่อท้อเป็นแรงผลักในการฝ่าฟันอุปสรรค์ด้วย พวกเขาทั้งหมดก็ไม่อาจเป็นอย่างฮาโรลด์ได้

เอริกะเข้าใจอย่างที่สุดในเวลานี้ว่าสิ่งที่ท่านพ่อของเธอพูดไว้นั้นเป็นความจริง

และในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าเธอนั้นกำลังเข้าใจผิด เธอนั้นคิดเสมอว่าฮาโรลด์คือบุคคลที่ซึ่งไม่มีทางบุบสลาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือสถานการณ์ใดๆ เขานั้นจะสามารถเอาชนะและผ่านพ้นมันไปได้อย่างโดยง่าย และความมั่นใจนั้นคงออกมาจากความหยิ่งยโสที่เขามักจะทำอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีทางที่ฮาโรลด์จะมีเพียงแค่ความเข้มแข็ง ฮาโรลด์ยังคงเป็นเด็กที่อายุเท่าๆกับเธอ ตามปกติ เขาควรที่จะไม่เข้มแข็งขนาดนี้

มันก็แค่เขาทำท่าทางเช่นนั้นเพื่อให้มันดูหยิ่งผยอง และให้คนรอบข้างไม่ทันตระหนักถึงความจริง ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฮาโรลด์นั้นไม่ใช่คนที่จะแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้เห็น มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องแสดงท่าทีเช่นนั้

เมื่อรู้ซึ้งกับสิ่งที่ฮาโรลด์เป็น ความคิดเดียวที่เข้ามาอยู่ภายในหัวของเอริกะนั้นคือเธอไม่ต้องการที่จะทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง เขา ผู้ซึ่งพยายามที่จะโดดเดี่ยว และทำทุกสิ่งอย่างด้วยตัวคนเดียว

 

(. . .  นี้มันต้องเป็นสิ่งที่ท่านพ่อพูดถึง เรื่องที่ดิฉันควรจะเป็น”คนผู้ซึ้งเข้าใจเนื้อแท้ของฮาโรลด์”)

 

ถ้าหากสิ่งนี้ คือสิ่งที่ท่านพ่อพยายามจะบอก มันก็ชัดเจนพอกับในสิ่งที่เธอจะทำต่อไป เธอจะไม่ลังเลอะไรอีกแล้ว

แม้ตอนนี้เธอจะยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แม้ว่าจะยังมีอีกหลายๆสิ่งที่เธอนั้นไม่มี แต่เธอก็แน่วแน่ที่ซักวัน เธอจะต้องกลายเป็นคนที่สนับสนุนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยบาดแผลแผ่นนั้นให้ได้ สำหรับวันนี้ มันคือวันแรกที่เธอปลูกฝังความแน่วนี้อันนี้ลงภายในจิตใจ และแทบจะทันทีที่เธอตัดสินใจได้ ความรู้สึกที่หนักอึ้งอยู่ภายในใจก็ได้ถูกปลัดเป่า

นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเรียกชื่อของฮาโรลด์โดยที่ไม่รอเสียก่อน และหลังจากที่เรียกเขา ฮาโรลด์ก็ได้หันมาอย่างเชื่องช้า ภายใต้ด้วยตาของเขาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

แน่นอน เมื่อเธอคิดถึงจิตใจของเขา เธอจึงเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงมีสายตาที่สงสัยเช่นนั้น แต่เอริกะได้สาบานกับท่านพ่อเอาไว้แล้ว

 

[ การประลองเมื่อซักครู่ช่างยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ แม้สำหรับดิฉัน ผู้ซึ่งไม่มีความสนใจในเรื่องของวิชาดาบ แต่ดิฉันก็เข้าใจดีว่าท่านฮาโรลด์นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ]

[ สมกับพี่น้องกันนะ ที่เธอมานี่คงจะเอาเกลือมาทาบนแผลสินะ? ] 

[ ไม่ใช่ค่ะ ถึงคุณจะพ่ายแพ่ในการประลองแต่ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ชนะในสงครามไม่ใช่รึคะ ]

[ ข้าเข้าใจแล้ว เธอจะมาต่อปากต่อคำกับข้าสินะ ? ]

 

ถึงแม้ฮาโรลด์จะพ่ายแพ้ในการประลองเพราะทำผิดกฎ แต่สำหรับฮาโรลด์ การพ่ายแพ้ในการประลอง=ความตายในสงคราม

มันคงจะคิดได้เพียงสิ่งเดียวว่านี่คือการจงใจยั่วยุแก่เขา

 

[ อึก . . . ดิฉันขอประทานโทษค่ะ ดูเหมือนดิฉันจะพูดมากเกินไปหน่อย ]

 

ดูเหมือนว่าเอริกะเองก็ตระหนักถึงมันเช่นกัน

แต่ยิ่งกว่านั้น สำหรับฮาโรลด์ มันยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ที่ว่าทำไมเอริกะถึงมาพูดจาปกติกับเขา ยิ่งไปกว่า เธอดูไม่เหมือนแต่ก่อน

 

[ ฮืม? ถ้าหากเธออยากจะพูดอะไรไร้สาระเช่นนี้ กลับไปวิ่งเล่นกับแม่คนรับใช้ของเธอเถอะ ]

[ กรุณารอเดี่ยวค่ะ ]

 

เอริกะได้ขวางฮาโรลด์ไว้ในตอนที่เขาอยากจะออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การก่อกวนที่ไม่สามารถรับรู้ความตั้งใจของเอริกะ มันได้ก่อตัวกลายเป็นความหงุดหงิดและปากของเขาก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

 

[ หลีก ข้าไม่อยากเสียเวลากับเธออีกแล้ว! และถ้าหากยังอีก ข้าจะฝ่ามันไป ]

[ ถ้าเช่นนั้น ดิฉันก็จะไม่สามารถพูดคุยเรื่องที่ควรจะกล่าวกับท่านฮาโรลด์ได้สิคะ ]

[ ใช่ และนั้นคือเรื่องที่ดี ]

[ น่าเสียดาย ที่ดิฉันไม่สามารถให้เหตุการณ์กลายเป็นเช่นนั้นได้ค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็ขอแค่ตอนนี้ ได้โปรดสละเวลาของคุณให้ดิฉันสักหน่อยเถอะค่ะ ]

 

การแสดงออกของเอริกะมันมีแต่ความนุ่มนวลราวกับดอกไม้ตลอดจนถึง ณ ตอนนี้ เขารู้สึกว่าราวกับว่าเธอนั้นไม่สามารถสั่นคลอนได้ ราวกับเป็นต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกลงสู่ผืนดิน เขารู้สึกได้เลยว่าเธอจะไม่ยอมขยับไปไหนแม้แต่นิ้วเดียว

 

“เหห ? นี้เขากำลังถูกบังคับโดยตัวละครภายในเกมส์งั้นรึ” ฮาโรลด์ได้แต่เดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ และสิ่งที่มาพร้อมกับอารมณ์บูดบึ้งที่แผ่ออกมา คือคำกล่าวของเขา

 

[ . . .  ถ้าเธอมีธุระนัก รีบทำให้มันจบโดยไว ]

[ ขอบคุณมากค่ะ ]

 

เมื่อกล่าวเช่นนั้น เอริกะก้มหัวของเธอลงอยู่ในท่าโค้งตัว

 

[ ดิฉันเสียใจจริงๆกับเรื่องเมื่อคราวก่อน แม้ตอนนั้นดิฉันจะกำลังโกรธ แต่มันก็เป็นความผิดที่ดิฉันพูดจาหยาบคายและถึงขั้นลงไม้ลงมือ ดิฉันอยากจะขอโทษค่ะ ]

[ หา ? เธอมานี่เพื่อจะพูดเรื่องนี้? ไร้สาระ ]

 

แม้คำพูดของเขาช่างเย็นฉา แต่นั้นมันออกมาจาความรู้สึกของเขาจริงๆ ฮาโรลด์นั้นจงใจทำให้เอริกะโมโห และผลการกระทำนั้นเหมาะสมแล้ว ตามปกติ คนที่โดนไม่ควรที่จะคิดถึงเรื่องการขอโทษด้วยซ้ำ 

มันต้องไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่ว่าความเมตตานั้นคือคุณธรรมภายในใจของเธอ เธอนั้นเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับฮาโรลด์ ที่ชื่นชอบเธอสมัยที่เขายังเป็นผู้เล่นเกมส์

แต่สำหรับฮาโรลด์ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดคือไอ้ความเมตตาที่มีมากจนเกินไปนั้นมันคือคมเขี้ยวที่แฝงมาด้วยพิษร้าย ที่กัดเพียงแค่ครั้งเดียวก็ถึงตาย 

เธอขึ้นชื่อเรื่องเห็นแก่ตัวในด้านความมีเมตตา และเมื่อเขาคิดถึงสิ่งนั้น ปากของเขาก็เปิดออก

 

[ มันไม่มีค่าอะไรเลยในคำขอโทษของเธอ ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆที่เธอเสียน้ำตาให้กับสิ่งเหล่านั้นแท้ๆ แต่กับมาขอโทษในสิ่งที่ทำไว้เมื่อตอนนั้นเนี้ยนะ นี่เธอปัญญาอ่อนรึไง? อันดับแรก ไอ้ความใจดีที่เธอมักแสดงออกมานั้นมันก็เป็นแค่ความหลอกลวงที่มาจากความปราถนาดีของเธอก็เท่านั้น มันช่างน่ารังเกียจ และมันยิ่งทำให้เธอดูเหมือนไอ้พวกโง่ที่เต้นไปๆมาๆรอบๆ ดังนั้น อย่ามาขวางทางข้า อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก เธอมันคือสิ่งอุจาดลูกตาสำหรับข้าและมันยิ่งทำให้ข้าหงุดหงิด ]

 

สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในความโหดร้าบโดยธรรมชาติของปากฮาโรลด์ มันคือความไม่พอใจที่มีต่อเอริกะที่ได้สะสมมาเรื่อยๆจนปะทุออกมาเมื่อสักครู่ หลังจากพ่นคำด่าเหล่านั้นออกไป เขาก็เริ่มสงบลง ดูเหมือนว่าเขาจะพูดมากเกินไป ยิ่งกว่านั้น เขาเผลอระบายความโกรธของเขาไปให้กับเธอ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันกับทำให้เขาอยากจะร้องไห้อีกครั้ง แต่เหตุผลในการร้องมันต่างจากก่อนหน้านี้

เธอยังคงรับคำดุด่าด้วยท่าทางก้มโค้งขอโทษ และไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหวใดๆที่ออกมาจากตัวของเอริกะ “ผมทำเธอร้องไห้หรือทำเธอโกรธ?” ขณะที่เขากำลังสังเกตการณ์อยู่นั้น เอริกะก็ได้ยกตัวของเธอขึ้น

มันไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างที่เธอจะโกรธหรือเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ถ้าจะให้พูด เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคำพูดที่ดุด่าเธอเหล่านั้น

ไอ้อารมณ์สงบราวกับเด็กสาวศักดิ์สิทธิ์ในภาพวาดนี่มันอะไร? เธอยอมรับในคำดุด่าของฮาโรลด์งั้นรึ?

เอริกะได้ปรับเปลี่ยนท่าทีของตนเองในเรื่องที่รู้ว่าการที่ฮาโรลด์แสดงท่าทีออกมาเช่นนี้นั้นเป็ผลมาจากคำขอโทษของเธอ เพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นบุคคลผู้ซึ่งเข้มแข็งและรุนแรง แต่เนื้อแท้ของคนๆนี้คือความเมตตาที่แตกต่างจากเธอ มันไม่มีคำโกหกใดๆเลยที่ถูกผสมลงไปในคำพูดดุด่าเหล่านั้นที่โถมเข้าใส่เอริกะ เธอรู้ถึงเรื่องนี้ดี ที่ว่าการคงอยู่ของตัวเธอนั้นมันไร้ค่าสำหรับเขา

 

( ถึงหลายๆสิ่งที่ดิฉันยังไม่มี ทั้งพละกำลังที่จะใช้ต่อสู้ยังคงเป็นไปได้ยาก และความเมตตาที่มากเกินไปจนเรียกได้ว่ามันคือความอ่อนแอ  )

 

แม้ว่าเธอจะผิดพลาดไปในตอนเริ่มต้น การยื่นมือเข้าช่วยเหลือไม่ใช่สิ่งเดียวที่เรียกว่าความเมตตา การเฝ้ามองเพียงอย่างเดียว เชื่อใจเพียงอย่างเดียว หรือแม้กระทั้งการไม่ทำอะไรเลยมันก็เป็นอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่าความเมตตา เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ให้กับคนๆนั้น ความคิดของเธอจำเป็นที่จะต้องเติบโตขึ้น

แต่ในทางปฎิบัติจริงๆแล้ว ความเชื่อมั่นในตัวของคนอื่นคือสิ่งที่จำเป็น คนผู้นั้น คนที่จะกลายมาเป็นคนสนับสนุนฮาโรลด์ เขาจะต้องเป็นคนประเภทนั้น

นั้นคือเหตุผล ไม่ว่าเธอจะได้รับคำพูดโหดร้ายจากฮาโรลด์สักเพียงใด แต่นั้นคือสิ่งย้ำเตือนในความอ่อนประสบการณ์ของเธอ และใช้สิ่งนี้เป็นแรงผลักดันให้เธอสามารถเติบโตกลายเป็นบุคคลผู้ซึ่งได้รับความเชื่อใจและสามารถสนับสนุนเขาได้ นี้ถือว่ามันคือก้าวแรกสำหรับเธอ

 

[ . . . . ฮึม ]

 

ฮาโรลด์ได้ออกไปจากที่นี่ราวกับว่าเขาหมดในความสนใจ

เอริกะได้กล่าวคำพูดหนึ่งออกมาแก่ร่างเล็กๆที่ตอนนี้ได้หายเข้าไปในโรงฝึกเป็นที่เรียบร้อย

 

[ ดิฉันจะไม่พูดว่า “กรุณารอดิฉันก่อนนะคะ” แต่ดิฉันจะต้องไล่ตามคุณให้ทันแน่นอน ไม่มีทางที่ดิฉันจะทิ้งคุณให้อยู่เพียงลำพังค่ะ ]

 

คำพูดที่เอริกะพึมพัมออกมาได้ถูกสายลมหอบพาล่องลอยไปยังบนฟ้าสีครามพร้อมกับกลีบดอกซากุระ

———————————-

TL: สู้เขานะ เอริกะจัง T T
ปล. ปากแกจะโหดร้ายไปไหนตอนนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด