My Death Flags Show No Sign of Ending 11

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 11 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาจเพราะต้องการที่จะทำลายบรรยากาศที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จูโนะเธอจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

[ เอโต. .  ท่านเอริกะขา~ ท่านมีแผนจะทำอย่างไรเกี่ยวกับการเดทวันพรุ่งนี้บ้างน๊า~? ]

[ ก็ไปตามปกติ ? ในเมื่อมันเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าใกล้ท่านฮาโรลด์ ]

 

     เอริกะแสดงถึงพลังใจของเธอด้วยการกำมือที่ข้างลำตัวจนแน่นพร้อมกับส่งเสียงดัง “ฮึบ” ในเมื่อฮาโรลด์เคยบอกพวกเธอไว้ว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเขาแม้ว่าพวกเราจะพบหน้ากัน มันทำให้เธอได้แต่อับจนหนทางเพราะไม่รู้ว่าจะควรทำอย่างไรดี แต่แล้วโอกาสก็ได้มาถึงเธอเพราะคำสั่งจากเฮย์เดน แม้ว่าเอริกะเองเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีกับคำเสนอแนะของเฮย์เดนเท่าไรนัก แต่ว่าเธอก็ไม่ควรที่จะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

 

[ ถ้าง๊าน~ มันคงต้องให้ท่านแต่งตัวซะหน่อยแล้ว~ เอาแบบนี้ดีมั้ยคะ ลองสวมชุดสไตล์ตะวันตกดีมั้ยน้า~ นานๆท่านจะได้สวมสักครั้งนี่นา~~ ]

[ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องกะตือรือร้นเกี่ยวกับมันเลย . . . ]

 

     จูโนะได้แต่เชียร์เธอเกี่ยวกับเดทครั้งนี้ ทั้งๆที่คู่เดทนั้นเป็นฮาโรลด์แท้ๆ มันคงจะยากที่จะคิดว่าสถานการณ์นี้จะกลายเป็นโรแมนติกไปได้

     และจริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การเที่ยวชมรอบๆตัวเมือง ไม่ใช่การเดทซะหน่อย มันควรจะเรียกว่าการพาชมเมืองมากกว่าซะอีก

 

[ ไม่ได้นะค๊า~ เด็กสาวควรที่จะดูงดงามอยู่เสมอไม่ว่าเวลาไหนก็ตามนะคะ ~ ]

 

     ราวกับเป็นพี่สาว จูโนะยังคงยอในสิ่งที่เด็กสาวควรกระทำ แต่ว่าคำพูดเหล่านั้นควรเป็นเอริกะที่ควรพูดมากกว่า

     นั้นเพราะแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเวลางาน จูโนะก็จะสวมแต่ชุดทำครัวอยู่ตลอดทุกๆวัน เอริกะอดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวควรจะไปใส่ชุดแบบนั้นได้อย่างไรกัน เพราะในความทรงจำของเอริกะนั้น เธอจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นจูโนะไม่ได้สวมชุดทำครัวอยู่เลยซักครั้ง ถ้าหากจูโนะต้องการจะโต้แย้งในเรื่องสิ่งที่เด็กสาวควรทำแล้วล่ะก็ . . . . เธอคงควรพิจารณาที่ตัวเองก่อนอันดับแรก

 

[ แล้วจูโนะเคยแต่งตัวในชุดแฟชั่นสักครั้งรึปล่าวล่ะ? ทั้งๆที่เธอก็ออกจะสวยแท้ๆ แบบนี้มันช่างเสียของจริงๆ ]

[ คิ คิ คิ ~ นั้นมันเป็นกลยุทธ์น่ะค่ะ ~ ในขณะที่โอกาสสำคัญมาถึง ดิชั้นก็จะนำเสนอตัวเองด้วยชุดที่แตกต่างจากปกติ และทีนี้ ดิชั้นก็จะสามารถคว้าหัวใจคนๆได้ไงล๊า ~ ]

[ ถ้างั้น เราก็จะเก็บวิธีนี้ไว้ใช้บ้างตอนถึงโอกาสสำคัญละกันนะ ]

[ เอ๋~~ แต่นี้มันเดทแรกของท่านนะคะ ? ถ้ามันไปด้วยดี ท่านจะต้องทำให้ท่านฮาโรลด์ตกหลุมรักท่านจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน~ ]

[ เขาไม่ใช่คนจะยอมก้มหัวให้กับคนอื่นด้วยอะไรเพียงแค่นี้หรอก ]

 

     ไม่ว่าจะยังไง เอริกะก็ไม่สามารถจินตนาการถึงฮาโรลด์ผู้ที่จะปฎิบัติอย่างอ่อนโยนกับผู้หญิงได้เลย แต่ว่าถ้าจะให้จินตนาการถึงเขากำลังด่าทอปากหมาใส่เธอโดยไม่ปราณีแล้วล่ะก็ . . เธอนึกภาพออกอย่างง่ายๆ ถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดที่แต่งองค์ทรงเครื่องแล้วก็เถอะ

 

[ เมื่อวาน ดิชั้นไปเจอชุดวันพีชน่ารักๆชุดหนึ่ง ~ สวมมันนะคะ ท่านเอริกะ ~~~ ! ]

[ เธอไปซื้อไอ้ของแบบนี้ตอนไหนกัน . . . ]

 

     จูโนะหยิบชุดวันพีชชุดหนึ่งออกมาจากภายในห่อผ้า แล้วกล่าวอ้างกับเอริกะว่า สิ่งนี้นั้นมันคือสิ่งที่มีไว้รักษาเกียรติของเด็กสาวและยังสามารถไว้ใช้เป็นกับดักกับฮาโรลด์ได้อีกด้วย ถึงแม้โดยส่วนตัวของเธอแล้วเธอเพียงแค่อยากเห็นเอริกะสวมมันเฉยๆก็เถอะ  

 

[ จูโนะ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นนะ เธอก็รู้อยู่แก่ใจ ใช่มั้ย? ]

[ บูววว น่าเสียดายจัง~ ]

 

     ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนั้นทำให้ไม่มีที่ว่างให้เจรจาต่อรองต่อ จูโนะจึงเก็บชุดนั้นลงห่อผ้าตามเดิม แน่นอน ถึงมันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่สิ่งที่จูโนะต้องการนั้นคือการเปลี่ยนบรรยากาศ และนั้นมันก็ทำให้เอริกะลดความกังวลใจลง

     อาจเพราะเอริกะจะพอมองออกถึงการกระทำของจูโนะ เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่ว่าความจริงที่ว่าเธอนั้นก็ยังคงทำใจเย็นไม่ไหวอยู่ดีนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

[ ถ้างั้น พวกเรากลับมายังปัญหาจริงๆนะคะ~ ดิชั้นจะบอกท่านเกี่ยวกับจุดที่ท่านจะต้องจำเอาไว้ในใจเมื่อได้เข้าไปพบปะกับท่านฮาโรลด์~ ]

[ ค่ะ รบกวนด้วย ]

 

     ภายใต้ชายคาเดียวกัน แม้อีกฝั่งพยายามจะไล่หนี,แต่อีกฝั่งพยายามเข้าหา กระนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังพยายามหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายเหมือนๆกัน 

ในที่สุดไกปืนก็ได้ถูกปลดล๊อค. . .

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

     คาซูกิที่กำลังจะสวมบทบาทเป็นไกด์พาทัวให้กับเอริกะ แต่ว่าการที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลงได้นั้น เขานั้นยังมีปัญหาใหญ่อยู่ นั้นคือเขาในแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองเลยน่ะสิ แล้วเขาดันต้องมาแสดงเป็นไกด์พาเที่ยวเมืองนี้

     อันดับแรก ดินแดนของตระกูลสโต์กนั้นถูกอธิบายในเกมส์แค่ไม่กี่ประโยคและในฉากสำคัญเท่านั้น แถมตอนเล่นเกมส์นั้นก็ไม่ได้มีแผนที่เมืองนี้ให้ดูอีกด้วย ถ้าหากนอร์แมนไม่ได้ให้แผนที่กับเขาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกต้องของเมืองนี้ได้

     อีกอย่าง คาซูกินั้นใช้เวลาของเขาทั้งหมดไปกับการหลบเลี่ยงแฟ็กต่างๆเป็นเวลา 3 เดือนกว่าแล้ว และจำนวนครั้งที่เขาออกจากบ้านไปที่เมืองนั้นนับด้วยนิ้วแค่มือเดียวยังได้เลย ดังนั้น ที่เดียวที่เขาเคยไปนั้นก็มีแค่ที่วัด เขาไม่เคยแม้จะไปช็อบปิ้งหรือดูบ้านดูเมืองเลยซักหนเดียว

แต่ก็. . นี่มันก็เหมือนกับว่าเขาได้พาตัวเองเที่ยวชมรอบๆเมืองเหมือนกัน

     อย่างไรก็ตาม คาซูกิตัดสินใจว่าจะใช้มันให้เป็นโอกาส

     ถึงคาซูกิไม่รู้อะไรหลายๆสิ่งเกี่ยวกับเมืองนี้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าฮาโรลด์จะไม่รู้จักด้วยสิ ถ้าหากสถานที่ที่ฮาโรลด์ไปอยู่บ่อยๆ แต่ว่ากับกลายมาเป็นเขาดันไม่รู้จักมัน แบบนี้มันก็จะกลายเป็นพิรุธได้

     และตอนนี้ เขาได้ถูกข้อบังคับให้ ” พาเอริกะเที่ยวชมรอบๆเมือง ” มันคงผิดธรรมชาติแน่ถ้าเขาดันไปถามเกี่ยวกับสถานที่ในเมือง . . .

     “แต่ถ้าเราไปไล่ถามคนอื่นเกี่ยวกับสถานที่ที่จะพาใครสักคนไปเที่ยวชมแทนที่จะบอกว่าผมอยากรู้เองแล้ว. . ” เมื่อคิดได้แบบนั้น และก็เป็นจริงอย่างที่เขาหวัง เขาได้ข้อมูล(สำหรับเขาทางอ้อม)มามากมายจากคนอื่นๆในคฤหาสน์

 

(  อืม จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรมากนักหรอก . . . )

 

     ตั้งแต่แรก คาซูกิไม่ได้มีความตั้งใจอะไรที่จะพาเอริกะเที่ยวชมหรอก นั้นเพราะเขาก็ไม่ได้อยากจะเพิ่มคะแนนทางความรักของเธอเลยซักนิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการคืออยู่รอดปลอดภัยเท่านั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่อาจจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นสำหรับในอนาคต 

ถึงแม้ว่า . .  สถานการณ์ตอนนี้มันจะเหนือความคาดหมายไปซักหน่อย

 

[ เอ่อ . คือ ท่านฮาโรลด์คะ . . . ]

 

เอริกะพูดอย่างตะกุกตะกักเพื่อที่จะเรียกคาซูกิ(ฮาโรลด์)

เพราะตอนนี้เธอได้สับสนอย่างแท้จริง

 

[ อะไร? ]

[ . . .ปล่าวค่ะ ไม่มีอะไร ]

 

     ในตอนที่ฮาโรลด์ตอบกลับมานั้น มันดูเหมือนว่าเขากำลังหัวเสียสุดๆ เอริกะถึงกับรีบหุบปากและไม่กล่าวอะไรต่ออีกเลย ภายในรถม้าตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึดอัด สาเหตุนั้นมาจากที่ด้านนอกของรถม้า มันคือแหล่งที่อยู่อาศัยของในตัวเมือง

     เธอสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่พวกเธอลงจากรถม้าเพียงแค่ก้าวแรก

ไม่สิ บรรยากาศมันอาจจะเปลี่ยนไปตั้งแต่พวกเราเข้ามาในตัวเมืองแล้ว

     สิ่งนั้นก็คือความเงียบ มันเงียบซะจนพวกเธอรู้สึกเจ็บหู

ถ้าหากจะให้คาซูกิยกเหตุการณ์ที่คล้ายๆกับสถานการณ์นี้ มันคงเหมือนกับตอนนั้น ตอนที่ทุกอย่างต่างหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง ตอนนั้นมันอยู่ในช่วงม.ปลาย และอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้น เขาเป็นอาจารย์พละและเหล่านักเรียนทุกคนต่างเกรงกลัว และเขามีหน้าที่ค้นหาสิ่งของผิดกฎต่างๆในห้องเรียน ที่อยากจะบอกคือ อาจารย์พละคนนั้นเปรียบดั่งฮาโรลด์ตอนนี้

     ทันทีที่ร่างของฮาโรลด์ปรากฎ ประชาชนต่างหยุดเดินทันที และเมื่อเขาเริ่มเดิน พวกเขาต่างแยกออกเป็นทางให้ฮาโรลด์เดินผ่าน  หน้าของเจ้าของร้านกลายเป็นซีดขาวและหวาดกลัว และเหล่าประชาชนที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบต่างจ้องมองมาด้วยความไม่เป็นมิตร

อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ถูกทำให้อึดอัดโดยความเงียบอันแปลกประหลาดนี้ ท่าทีที่แสดงออกมาเหล่านี้มันขูดลึกไปยังจิตใจของคาซูกิ

 

(ข่าวลือที่ผมดันละเลยไป. . .เรื่องผมสังหารคลาร่า ตอนนี้ได้ส่งผลเสียออกมาแล้วแหะ . . .)

 

     ตอนแรก แม้คาซูกิคิดจะทำอะไรบางอย่างกับข่าวลือนั้น แต่ว่า เพื่อจะมั่นใจได้ว่าคลาร่าและคลอเล็ตจะปลอดภัย และรวมไปถึงหลีกหนีปัญหาที่เกิดจากความผิดใจกับพ่อแม่ของเขา เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าจะใช้วิธีไหนได้

และสุดท้ายจึงปล่อยละเลย และนี่คือผลได้จากการละเลย. . .

     เมื่อได้มองฮาโรลด์ และรวมไปถึงตระกูลสโตร์กนั้นถูกเกลียดขนาดไหนในสายตาของเธอเอง เอริกะถึงกับพูดไม่ออก

     ประชาชนนั้นยังไม่รู้เรื่องของเอริกะ บอกได้เลยว่าประชาชนเหล่านั้นก็มีปฎิกิริยาอย่างรุนแรงกับเธอตั้งแต่เธอไปพร้อมกับคาซูกิ(ฮาโรลด์) แม้ว่าอีกไม่นานคงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องที่เอริกะนั้นเป็นคู่หมั้นของฮาโรลด์ ตอนนั้นพวกเขาก็คงเลิกที่จะมองเอริกะในแง่ร้ายเหมือนกับฮาโรลด์ แต่คงกลายมาเป็นเหมือนคนแม่หญิงรับใช้คนนั้น นั้นคือมองด้วยสายตาเวทนา

     จากที่กล่าวมา ถ้าหากพวกเขายังเดินเที่ยวเล่นไปทั่วเมืองทั้งๆแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังสูญเสียทางจิตใจทั้งๆที่มันควรจะได้รับการเยียวยามากกว่า

แต่พวกเขายังคงไปรอบๆเมืองอีกเกือบๆชั่วโมง และตอนนั้น คาซูกิก็ได้มาถึงขีดจำกัด

 

[ นี่มันคงเพียงพอแล้ว พวกเราจะกลับล่ะ ]

[. . . . . ค่ะ ]

 

     เอริกะเองก็ตอบรับด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความอิดโรยอย่างชัดเจน นั้นเพราะเธอเองก็ถูกสายตาเกลียดชังจ้องมองมาโดยตลอดการเดินเที่ยวชมเมืองครั้งนี้

     ได้รับความรักไม่ขาดจากพ่อแม่ของเธอ, รวมถึงความรักจากผู้คนรอบข้างและผู้คนในดินแดนซูเมะรากิมาโดยตลอด นี่คือครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ได้รับประสบการณ์ความรู้สึกถึงความเกลียดชังมากขนาดนี้

เธอไม่เคยคิดเลยว่าความเกลียดนั้นจะมีความรุนแรงขนาดนี้

     นั้นคือเหตุผล ที่เธอไม่แม้จะขัดต่อคำพูดของฮาโรลด์ 

     ถ้าหากเธอได้พูดเธอเองก็จะขอกลับเหมือนกัน 

มันไม่ได้มีบทสนทนาใดๆของคนทั้ง 2 เกิดขึ้นอีกตลอดการเดินทางจนถึงคฤหาสน์สโตร์ก

 

[ ท่านกลับมาไวจางง~ ]

 

     จูโนะได้ส่งเสียงเรียกเอริกะ ผู้ที่กลับมาค่อนข้างไว แต่เธอเองก็ไม่ได้สอบถามอะไรเกี่ยวกับมัน

นั้นเพราะ จูโนะก็ได้ออกสำรวจที่อื่นๆในเวลาเดียวกันมา และนั้น ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ดี

 

[ เราได้ยินมาว่าการสนับสนุนที่เหล่าประชาชนมีต่อตระกูลสโตร์กนั้นค่อนข้างต่ำ แต่เรานึกไม่ถึงเลยว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ]

 

เอริกะเธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง

พูดกันตามตรง แม้ว่ามันจะเพียงแค่แป็บเดียว แต่เธอก็รู้สึกราวว่าตอนนั้นเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

 

[ อ่าจ้า~ ดูเหมือนว่าความเกลียดชังนี้มันจะไม่ธรรมดาซักเท่าไรน่ะ~  ]

 

     การสนทนาที่จูโนะได้ยินมาจากเหล่าคนรับใช้และข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่นั้นมันฟังดูค่อนข้างน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าเรื่องที่เงินของเหล่าประชาชนที่หามาได้ถูกรีดไถโดยภาษี ทั้งแรงงานที่ถูกใช้งานจนแทบจะไม่มีเวลาพัก

     แม้กระทั้งแรงกายของประชาชนยังถูกพวกเขาขูดรีด เพื่อเขาพวกมันหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกฮือต่อต้าน อีกอย่าง เมื่อเทียบกับขุนนางที่ปกครองดินแดนที่ขนาดพอๆกันและระดับเศรษฐกิจ ตระกูลสโตร์กนั้นลงทุนในด้านการทหารอย่างมหาศาล และด้วยเหตุนี้ การใช้ชีวิตของประชาชนสโตร์กจึงถูกจำกัดไว้อย่างเข้มงวด ดังนั้น แม้ถ้าพวกเขาจะก่อกบฎขึ้นมาจริงๆ มันก็เหมือนกับการเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า

 

[ ดูเหมือนว่าการตรวจสอบภายในจะเป็นไปด้วยดีนะ ]

[ นั้นก็. . .จริงอยู่ค่ะ~ ]

 

     ก็ถ้าคนในคฤหาสน์ถูกถามซักเรื่องแล้วล่ะก็ . . พวกเขาจะตอบกลับมา 10 ถึง 20 เรื่องเลยทีเดียว 

นี่แสดงถึงความเกลียดที่พวกเขามีต่อตระกูลนี้ว่ามากเพียงใด

แต่ เพราะข้อมูลที่รวบรวมมาได้นี้ มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อไปได้

 

[ แล้วอีกอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลที่น่ากังวลบางข้อมูลอยู่ค่ะ~ ]

[ ข้อมูลที่น่ากังวลงั้นรึ ? ]

[ ค่า~ ]

 

     มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เธอจะสงสัยในสิ่งที่ตนได้ยินมา เธอนั้นไม่รีรอที่จะถาม “มันเป็นเรื่องเข้าใจอะไรผิดรึปล่าว ?” แต่ว่าเธอกับได้หลักฐานมากมายที่ทำให้เธอจำเป็นต้องเชื่อในเรื่องนี้ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะบอกเรื่องนี้แก่เอริกะ แต่เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นั้นเพราะมันเหมือนกับเพิกเฉยต่อสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายกับเธอ ดังนั้น จูโนะจึงยอมเปิดปากพูดออกมา

 

[ ที่จริง ดูเหมือนเมื่อเร็วๆนี้ ท่านฮาโรลด์จะใช้เวทย์มนตร์เผาคนรับใช้และครอบครัวจนตายค่ะ~]

[ เอ๋ ? ]

 

คำกล่าวที่ออกมาจากปากของจูโนะ มันทำเอริกะเผลอส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

[ ดูเหมือนว่าคนที่ถูกฆ่าจะเป็นผู้หญิงชื่อว่า คลาร่า ค่ะ เธอเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์นี้ และลูกสาวของเธอ คลอเล็ตจัง~ ]

[ ดะ , เดี่ยวก่อน จูโนะ นี้มันเป็นเรื่องจริงหรือคะ ? ไม่ใช่มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือหรอกหรือ . . . ]

[ ถึงมันจะมีความเป็นไปได้อยู่ที่จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ . . แต่ว่า เมื่อดิชั้นไปถามหลายๆคนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ยืนยันมาเหมือนๆกันค่ะ ~ รู้สึกว่ามันไม่เป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอยแน่นอนค่ะ ~ ]

[ นะ , นั้นมัน . . .  ]

 

     ถึงปากของฮาโรลด์นั้นจะแย่ และท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของเขา เอริกะเองก็รู้สึกว่าเขานั้นชอบดูถูกคนอื่น ถือคติกับคนเหล่านั้นและหลบเลี่ยงที่จะพบปะกับคนอื่นๆ

     แต่ตอนนั้น ฮาโรลด์ได้แสดงมันออกมา . . ความหวังที่สามารถช่วยเหลือประชาชนชาวซูเมะรากิ แม้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปจะมีจุดประสงค์ในตัวของเขาเอง แต่ความจริงที่เขาช่วยเหลือผู้คนก็ไม่เปลี่ยนแปลง

     ในลึกๆแล้ว เอริกะคิดว่าฮาโรลด์นั้นแตกต่างจากพ่อแม่ของเขา และนั้น เพราะคำพูดของจูโนะนั้นนำพาซึ่งความตกใจอย่างใหญ่หลวงให้กับเอริกะ มือทั้ง 2 ของเธอนั้นถึงกับกุมอยู่ที่ปากที่เริ่มจะสั่นเทา

 

[ ดิชั้นจะยังคงสืบค้นต่อไปค่ะ แต่ว่า . . ช่วงนี้ได้โปรดละเว้นการอยู่กับท่านฮาโรลด์สองต่อสองนะคะ~ เพราะพวกเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น~ ]

[ . . . ตกลงค่ะ เราจะระวัง ]

[ ไม่เป็นไรนะคะ ท่านเอริกะ~ ดิชั้นอยู่นี่ทั้งคน~ ]

 

     ราวกับการปลอบโยนลูกสาว ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จูโนะพยายามให้กำลังใจเอริกะ ด้วยการบอกว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ เอริกะ เธอจะปลอดภัย 

แต่ถึงกระนั้น เอริกะก็ไม่สามารถที่จะหยุดสั่นเทาลงได้เลย . . 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

My Death Flags Show No Sign of Ending 11

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 11 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาจเพราะต้องการที่จะทำลายบรรยากาศที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จูโนะเธอจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

[ เอโต. .  ท่านเอริกะขา~ ท่านมีแผนจะทำอย่างไรเกี่ยวกับการเดทวันพรุ่งนี้บ้างน๊า~? ]

[ ก็ไปตามปกติ ? ในเมื่อมันเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าใกล้ท่านฮาโรลด์ ]

 

     เอริกะแสดงถึงพลังใจของเธอด้วยการกำมือที่ข้างลำตัวจนแน่นพร้อมกับส่งเสียงดัง “ฮึบ” ในเมื่อฮาโรลด์เคยบอกพวกเธอไว้ว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเขาแม้ว่าพวกเราจะพบหน้ากัน มันทำให้เธอได้แต่อับจนหนทางเพราะไม่รู้ว่าจะควรทำอย่างไรดี แต่แล้วโอกาสก็ได้มาถึงเธอเพราะคำสั่งจากเฮย์เดน แม้ว่าเอริกะเองเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีกับคำเสนอแนะของเฮย์เดนเท่าไรนัก แต่ว่าเธอก็ไม่ควรที่จะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

 

[ ถ้าง๊าน~ มันคงต้องให้ท่านแต่งตัวซะหน่อยแล้ว~ เอาแบบนี้ดีมั้ยคะ ลองสวมชุดสไตล์ตะวันตกดีมั้ยน้า~ นานๆท่านจะได้สวมสักครั้งนี่นา~~ ]

[ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องกะตือรือร้นเกี่ยวกับมันเลย . . . ]

 

     จูโนะได้แต่เชียร์เธอเกี่ยวกับเดทครั้งนี้ ทั้งๆที่คู่เดทนั้นเป็นฮาโรลด์แท้ๆ มันคงจะยากที่จะคิดว่าสถานการณ์นี้จะกลายเป็นโรแมนติกไปได้

     และจริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การเที่ยวชมรอบๆตัวเมือง ไม่ใช่การเดทซะหน่อย มันควรจะเรียกว่าการพาชมเมืองมากกว่าซะอีก

 

[ ไม่ได้นะค๊า~ เด็กสาวควรที่จะดูงดงามอยู่เสมอไม่ว่าเวลาไหนก็ตามนะคะ ~ ]

 

     ราวกับเป็นพี่สาว จูโนะยังคงยอในสิ่งที่เด็กสาวควรกระทำ แต่ว่าคำพูดเหล่านั้นควรเป็นเอริกะที่ควรพูดมากกว่า

     นั้นเพราะแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเวลางาน จูโนะก็จะสวมแต่ชุดทำครัวอยู่ตลอดทุกๆวัน เอริกะอดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวควรจะไปใส่ชุดแบบนั้นได้อย่างไรกัน เพราะในความทรงจำของเอริกะนั้น เธอจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นจูโนะไม่ได้สวมชุดทำครัวอยู่เลยซักครั้ง ถ้าหากจูโนะต้องการจะโต้แย้งในเรื่องสิ่งที่เด็กสาวควรทำแล้วล่ะก็ . . . . เธอคงควรพิจารณาที่ตัวเองก่อนอันดับแรก

 

[ แล้วจูโนะเคยแต่งตัวในชุดแฟชั่นสักครั้งรึปล่าวล่ะ? ทั้งๆที่เธอก็ออกจะสวยแท้ๆ แบบนี้มันช่างเสียของจริงๆ ]

[ คิ คิ คิ ~ นั้นมันเป็นกลยุทธ์น่ะค่ะ ~ ในขณะที่โอกาสสำคัญมาถึง ดิชั้นก็จะนำเสนอตัวเองด้วยชุดที่แตกต่างจากปกติ และทีนี้ ดิชั้นก็จะสามารถคว้าหัวใจคนๆได้ไงล๊า ~ ]

[ ถ้างั้น เราก็จะเก็บวิธีนี้ไว้ใช้บ้างตอนถึงโอกาสสำคัญละกันนะ ]

[ เอ๋~~ แต่นี้มันเดทแรกของท่านนะคะ ? ถ้ามันไปด้วยดี ท่านจะต้องทำให้ท่านฮาโรลด์ตกหลุมรักท่านจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน~ ]

[ เขาไม่ใช่คนจะยอมก้มหัวให้กับคนอื่นด้วยอะไรเพียงแค่นี้หรอก ]

 

     ไม่ว่าจะยังไง เอริกะก็ไม่สามารถจินตนาการถึงฮาโรลด์ผู้ที่จะปฎิบัติอย่างอ่อนโยนกับผู้หญิงได้เลย แต่ว่าถ้าจะให้จินตนาการถึงเขากำลังด่าทอปากหมาใส่เธอโดยไม่ปราณีแล้วล่ะก็ . . เธอนึกภาพออกอย่างง่ายๆ ถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดที่แต่งองค์ทรงเครื่องแล้วก็เถอะ

 

[ เมื่อวาน ดิชั้นไปเจอชุดวันพีชน่ารักๆชุดหนึ่ง ~ สวมมันนะคะ ท่านเอริกะ ~~~ ! ]

[ เธอไปซื้อไอ้ของแบบนี้ตอนไหนกัน . . . ]

 

     จูโนะหยิบชุดวันพีชชุดหนึ่งออกมาจากภายในห่อผ้า แล้วกล่าวอ้างกับเอริกะว่า สิ่งนี้นั้นมันคือสิ่งที่มีไว้รักษาเกียรติของเด็กสาวและยังสามารถไว้ใช้เป็นกับดักกับฮาโรลด์ได้อีกด้วย ถึงแม้โดยส่วนตัวของเธอแล้วเธอเพียงแค่อยากเห็นเอริกะสวมมันเฉยๆก็เถอะ  

 

[ จูโนะ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นนะ เธอก็รู้อยู่แก่ใจ ใช่มั้ย? ]

[ บูววว น่าเสียดายจัง~ ]

 

     ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนั้นทำให้ไม่มีที่ว่างให้เจรจาต่อรองต่อ จูโนะจึงเก็บชุดนั้นลงห่อผ้าตามเดิม แน่นอน ถึงมันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่สิ่งที่จูโนะต้องการนั้นคือการเปลี่ยนบรรยากาศ และนั้นมันก็ทำให้เอริกะลดความกังวลใจลง

     อาจเพราะเอริกะจะพอมองออกถึงการกระทำของจูโนะ เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่ว่าความจริงที่ว่าเธอนั้นก็ยังคงทำใจเย็นไม่ไหวอยู่ดีนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

[ ถ้างั้น พวกเรากลับมายังปัญหาจริงๆนะคะ~ ดิชั้นจะบอกท่านเกี่ยวกับจุดที่ท่านจะต้องจำเอาไว้ในใจเมื่อได้เข้าไปพบปะกับท่านฮาโรลด์~ ]

[ ค่ะ รบกวนด้วย ]

 

     ภายใต้ชายคาเดียวกัน แม้อีกฝั่งพยายามจะไล่หนี,แต่อีกฝั่งพยายามเข้าหา กระนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังพยายามหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายเหมือนๆกัน 

ในที่สุดไกปืนก็ได้ถูกปลดล๊อค. . .

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

     คาซูกิที่กำลังจะสวมบทบาทเป็นไกด์พาทัวให้กับเอริกะ แต่ว่าการที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลงได้นั้น เขานั้นยังมีปัญหาใหญ่อยู่ นั้นคือเขาในแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองเลยน่ะสิ แล้วเขาดันต้องมาแสดงเป็นไกด์พาเที่ยวเมืองนี้

     อันดับแรก ดินแดนของตระกูลสโต์กนั้นถูกอธิบายในเกมส์แค่ไม่กี่ประโยคและในฉากสำคัญเท่านั้น แถมตอนเล่นเกมส์นั้นก็ไม่ได้มีแผนที่เมืองนี้ให้ดูอีกด้วย ถ้าหากนอร์แมนไม่ได้ให้แผนที่กับเขาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกต้องของเมืองนี้ได้

     อีกอย่าง คาซูกินั้นใช้เวลาของเขาทั้งหมดไปกับการหลบเลี่ยงแฟ็กต่างๆเป็นเวลา 3 เดือนกว่าแล้ว และจำนวนครั้งที่เขาออกจากบ้านไปที่เมืองนั้นนับด้วยนิ้วแค่มือเดียวยังได้เลย ดังนั้น ที่เดียวที่เขาเคยไปนั้นก็มีแค่ที่วัด เขาไม่เคยแม้จะไปช็อบปิ้งหรือดูบ้านดูเมืองเลยซักหนเดียว

แต่ก็. . นี่มันก็เหมือนกับว่าเขาได้พาตัวเองเที่ยวชมรอบๆเมืองเหมือนกัน

     อย่างไรก็ตาม คาซูกิตัดสินใจว่าจะใช้มันให้เป็นโอกาส

     ถึงคาซูกิไม่รู้อะไรหลายๆสิ่งเกี่ยวกับเมืองนี้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าฮาโรลด์จะไม่รู้จักด้วยสิ ถ้าหากสถานที่ที่ฮาโรลด์ไปอยู่บ่อยๆ แต่ว่ากับกลายมาเป็นเขาดันไม่รู้จักมัน แบบนี้มันก็จะกลายเป็นพิรุธได้

     และตอนนี้ เขาได้ถูกข้อบังคับให้ ” พาเอริกะเที่ยวชมรอบๆเมือง ” มันคงผิดธรรมชาติแน่ถ้าเขาดันไปถามเกี่ยวกับสถานที่ในเมือง . . .

     “แต่ถ้าเราไปไล่ถามคนอื่นเกี่ยวกับสถานที่ที่จะพาใครสักคนไปเที่ยวชมแทนที่จะบอกว่าผมอยากรู้เองแล้ว. . ” เมื่อคิดได้แบบนั้น และก็เป็นจริงอย่างที่เขาหวัง เขาได้ข้อมูล(สำหรับเขาทางอ้อม)มามากมายจากคนอื่นๆในคฤหาสน์

 

(  อืม จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรมากนักหรอก . . . )

 

     ตั้งแต่แรก คาซูกิไม่ได้มีความตั้งใจอะไรที่จะพาเอริกะเที่ยวชมหรอก นั้นเพราะเขาก็ไม่ได้อยากจะเพิ่มคะแนนทางความรักของเธอเลยซักนิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการคืออยู่รอดปลอดภัยเท่านั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่อาจจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นสำหรับในอนาคต 

ถึงแม้ว่า . .  สถานการณ์ตอนนี้มันจะเหนือความคาดหมายไปซักหน่อย

 

[ เอ่อ . คือ ท่านฮาโรลด์คะ . . . ]

 

เอริกะพูดอย่างตะกุกตะกักเพื่อที่จะเรียกคาซูกิ(ฮาโรลด์)

เพราะตอนนี้เธอได้สับสนอย่างแท้จริง

 

[ อะไร? ]

[ . . .ปล่าวค่ะ ไม่มีอะไร ]

 

     ในตอนที่ฮาโรลด์ตอบกลับมานั้น มันดูเหมือนว่าเขากำลังหัวเสียสุดๆ เอริกะถึงกับรีบหุบปากและไม่กล่าวอะไรต่ออีกเลย ภายในรถม้าตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึดอัด สาเหตุนั้นมาจากที่ด้านนอกของรถม้า มันคือแหล่งที่อยู่อาศัยของในตัวเมือง

     เธอสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่พวกเธอลงจากรถม้าเพียงแค่ก้าวแรก

ไม่สิ บรรยากาศมันอาจจะเปลี่ยนไปตั้งแต่พวกเราเข้ามาในตัวเมืองแล้ว

     สิ่งนั้นก็คือความเงียบ มันเงียบซะจนพวกเธอรู้สึกเจ็บหู

ถ้าหากจะให้คาซูกิยกเหตุการณ์ที่คล้ายๆกับสถานการณ์นี้ มันคงเหมือนกับตอนนั้น ตอนที่ทุกอย่างต่างหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง ตอนนั้นมันอยู่ในช่วงม.ปลาย และอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้น เขาเป็นอาจารย์พละและเหล่านักเรียนทุกคนต่างเกรงกลัว และเขามีหน้าที่ค้นหาสิ่งของผิดกฎต่างๆในห้องเรียน ที่อยากจะบอกคือ อาจารย์พละคนนั้นเปรียบดั่งฮาโรลด์ตอนนี้

     ทันทีที่ร่างของฮาโรลด์ปรากฎ ประชาชนต่างหยุดเดินทันที และเมื่อเขาเริ่มเดิน พวกเขาต่างแยกออกเป็นทางให้ฮาโรลด์เดินผ่าน  หน้าของเจ้าของร้านกลายเป็นซีดขาวและหวาดกลัว และเหล่าประชาชนที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบต่างจ้องมองมาด้วยความไม่เป็นมิตร

อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ถูกทำให้อึดอัดโดยความเงียบอันแปลกประหลาดนี้ ท่าทีที่แสดงออกมาเหล่านี้มันขูดลึกไปยังจิตใจของคาซูกิ

 

(ข่าวลือที่ผมดันละเลยไป. . .เรื่องผมสังหารคลาร่า ตอนนี้ได้ส่งผลเสียออกมาแล้วแหะ . . .)

 

     ตอนแรก แม้คาซูกิคิดจะทำอะไรบางอย่างกับข่าวลือนั้น แต่ว่า เพื่อจะมั่นใจได้ว่าคลาร่าและคลอเล็ตจะปลอดภัย และรวมไปถึงหลีกหนีปัญหาที่เกิดจากความผิดใจกับพ่อแม่ของเขา เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าจะใช้วิธีไหนได้

และสุดท้ายจึงปล่อยละเลย และนี่คือผลได้จากการละเลย. . .

     เมื่อได้มองฮาโรลด์ และรวมไปถึงตระกูลสโตร์กนั้นถูกเกลียดขนาดไหนในสายตาของเธอเอง เอริกะถึงกับพูดไม่ออก

     ประชาชนนั้นยังไม่รู้เรื่องของเอริกะ บอกได้เลยว่าประชาชนเหล่านั้นก็มีปฎิกิริยาอย่างรุนแรงกับเธอตั้งแต่เธอไปพร้อมกับคาซูกิ(ฮาโรลด์) แม้ว่าอีกไม่นานคงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องที่เอริกะนั้นเป็นคู่หมั้นของฮาโรลด์ ตอนนั้นพวกเขาก็คงเลิกที่จะมองเอริกะในแง่ร้ายเหมือนกับฮาโรลด์ แต่คงกลายมาเป็นเหมือนคนแม่หญิงรับใช้คนนั้น นั้นคือมองด้วยสายตาเวทนา

     จากที่กล่าวมา ถ้าหากพวกเขายังเดินเที่ยวเล่นไปทั่วเมืองทั้งๆแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังสูญเสียทางจิตใจทั้งๆที่มันควรจะได้รับการเยียวยามากกว่า

แต่พวกเขายังคงไปรอบๆเมืองอีกเกือบๆชั่วโมง และตอนนั้น คาซูกิก็ได้มาถึงขีดจำกัด

 

[ นี่มันคงเพียงพอแล้ว พวกเราจะกลับล่ะ ]

[. . . . . ค่ะ ]

 

     เอริกะเองก็ตอบรับด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความอิดโรยอย่างชัดเจน นั้นเพราะเธอเองก็ถูกสายตาเกลียดชังจ้องมองมาโดยตลอดการเดินเที่ยวชมเมืองครั้งนี้

     ได้รับความรักไม่ขาดจากพ่อแม่ของเธอ, รวมถึงความรักจากผู้คนรอบข้างและผู้คนในดินแดนซูเมะรากิมาโดยตลอด นี่คือครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ได้รับประสบการณ์ความรู้สึกถึงความเกลียดชังมากขนาดนี้

เธอไม่เคยคิดเลยว่าความเกลียดนั้นจะมีความรุนแรงขนาดนี้

     นั้นคือเหตุผล ที่เธอไม่แม้จะขัดต่อคำพูดของฮาโรลด์ 

     ถ้าหากเธอได้พูดเธอเองก็จะขอกลับเหมือนกัน 

มันไม่ได้มีบทสนทนาใดๆของคนทั้ง 2 เกิดขึ้นอีกตลอดการเดินทางจนถึงคฤหาสน์สโตร์ก

 

[ ท่านกลับมาไวจางง~ ]

 

     จูโนะได้ส่งเสียงเรียกเอริกะ ผู้ที่กลับมาค่อนข้างไว แต่เธอเองก็ไม่ได้สอบถามอะไรเกี่ยวกับมัน

นั้นเพราะ จูโนะก็ได้ออกสำรวจที่อื่นๆในเวลาเดียวกันมา และนั้น ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ดี

 

[ เราได้ยินมาว่าการสนับสนุนที่เหล่าประชาชนมีต่อตระกูลสโตร์กนั้นค่อนข้างต่ำ แต่เรานึกไม่ถึงเลยว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ]

 

เอริกะเธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง

พูดกันตามตรง แม้ว่ามันจะเพียงแค่แป็บเดียว แต่เธอก็รู้สึกราวว่าตอนนั้นเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

 

[ อ่าจ้า~ ดูเหมือนว่าความเกลียดชังนี้มันจะไม่ธรรมดาซักเท่าไรน่ะ~  ]

 

     การสนทนาที่จูโนะได้ยินมาจากเหล่าคนรับใช้และข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่นั้นมันฟังดูค่อนข้างน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าเรื่องที่เงินของเหล่าประชาชนที่หามาได้ถูกรีดไถโดยภาษี ทั้งแรงงานที่ถูกใช้งานจนแทบจะไม่มีเวลาพัก

     แม้กระทั้งแรงกายของประชาชนยังถูกพวกเขาขูดรีด เพื่อเขาพวกมันหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกฮือต่อต้าน อีกอย่าง เมื่อเทียบกับขุนนางที่ปกครองดินแดนที่ขนาดพอๆกันและระดับเศรษฐกิจ ตระกูลสโตร์กนั้นลงทุนในด้านการทหารอย่างมหาศาล และด้วยเหตุนี้ การใช้ชีวิตของประชาชนสโตร์กจึงถูกจำกัดไว้อย่างเข้มงวด ดังนั้น แม้ถ้าพวกเขาจะก่อกบฎขึ้นมาจริงๆ มันก็เหมือนกับการเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า

 

[ ดูเหมือนว่าการตรวจสอบภายในจะเป็นไปด้วยดีนะ ]

[ นั้นก็. . .จริงอยู่ค่ะ~ ]

 

     ก็ถ้าคนในคฤหาสน์ถูกถามซักเรื่องแล้วล่ะก็ . . พวกเขาจะตอบกลับมา 10 ถึง 20 เรื่องเลยทีเดียว 

นี่แสดงถึงความเกลียดที่พวกเขามีต่อตระกูลนี้ว่ามากเพียงใด

แต่ เพราะข้อมูลที่รวบรวมมาได้นี้ มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อไปได้

 

[ แล้วอีกอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลที่น่ากังวลบางข้อมูลอยู่ค่ะ~ ]

[ ข้อมูลที่น่ากังวลงั้นรึ ? ]

[ ค่า~ ]

 

     มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เธอจะสงสัยในสิ่งที่ตนได้ยินมา เธอนั้นไม่รีรอที่จะถาม “มันเป็นเรื่องเข้าใจอะไรผิดรึปล่าว ?” แต่ว่าเธอกับได้หลักฐานมากมายที่ทำให้เธอจำเป็นต้องเชื่อในเรื่องนี้ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะบอกเรื่องนี้แก่เอริกะ แต่เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นั้นเพราะมันเหมือนกับเพิกเฉยต่อสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายกับเธอ ดังนั้น จูโนะจึงยอมเปิดปากพูดออกมา

 

[ ที่จริง ดูเหมือนเมื่อเร็วๆนี้ ท่านฮาโรลด์จะใช้เวทย์มนตร์เผาคนรับใช้และครอบครัวจนตายค่ะ~]

[ เอ๋ ? ]

 

คำกล่าวที่ออกมาจากปากของจูโนะ มันทำเอริกะเผลอส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

[ ดูเหมือนว่าคนที่ถูกฆ่าจะเป็นผู้หญิงชื่อว่า คลาร่า ค่ะ เธอเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์นี้ และลูกสาวของเธอ คลอเล็ตจัง~ ]

[ ดะ , เดี่ยวก่อน จูโนะ นี้มันเป็นเรื่องจริงหรือคะ ? ไม่ใช่มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือหรอกหรือ . . . ]

[ ถึงมันจะมีความเป็นไปได้อยู่ที่จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ . . แต่ว่า เมื่อดิชั้นไปถามหลายๆคนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ยืนยันมาเหมือนๆกันค่ะ ~ รู้สึกว่ามันไม่เป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอยแน่นอนค่ะ ~ ]

[ นะ , นั้นมัน . . .  ]

 

     ถึงปากของฮาโรลด์นั้นจะแย่ และท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของเขา เอริกะเองก็รู้สึกว่าเขานั้นชอบดูถูกคนอื่น ถือคติกับคนเหล่านั้นและหลบเลี่ยงที่จะพบปะกับคนอื่นๆ

     แต่ตอนนั้น ฮาโรลด์ได้แสดงมันออกมา . . ความหวังที่สามารถช่วยเหลือประชาชนชาวซูเมะรากิ แม้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปจะมีจุดประสงค์ในตัวของเขาเอง แต่ความจริงที่เขาช่วยเหลือผู้คนก็ไม่เปลี่ยนแปลง

     ในลึกๆแล้ว เอริกะคิดว่าฮาโรลด์นั้นแตกต่างจากพ่อแม่ของเขา และนั้น เพราะคำพูดของจูโนะนั้นนำพาซึ่งความตกใจอย่างใหญ่หลวงให้กับเอริกะ มือทั้ง 2 ของเธอนั้นถึงกับกุมอยู่ที่ปากที่เริ่มจะสั่นเทา

 

[ ดิชั้นจะยังคงสืบค้นต่อไปค่ะ แต่ว่า . . ช่วงนี้ได้โปรดละเว้นการอยู่กับท่านฮาโรลด์สองต่อสองนะคะ~ เพราะพวกเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น~ ]

[ . . . ตกลงค่ะ เราจะระวัง ]

[ ไม่เป็นไรนะคะ ท่านเอริกะ~ ดิชั้นอยู่นี่ทั้งคน~ ]

 

     ราวกับการปลอบโยนลูกสาว ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จูโนะพยายามให้กำลังใจเอริกะ ด้วยการบอกว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ เอริกะ เธอจะปลอดภัย 

แต่ถึงกระนั้น เอริกะก็ไม่สามารถที่จะหยุดสั่นเทาลงได้เลย . . 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+