My Death Flags Show No Sign of Ending 79 เอลล์ยอดนักแซะข้อมูล

Now you are reading My Death Flags Show No Sign of Ending Chapter 79 เอลล์ยอดนักแซะข้อมูล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อคลอเล็ตออกมาจากภายในห้องรักษาพยาบาลพร้อมกับไลเนอร์ นอกจากคุณพยาบาลแล้ว ยังมีอีก 1 คนที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หนุ่มหน้าสวยที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร เขาแนะนำตัวเองว่าเอลล์ ด้วยบุคลิคของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าคนๆนี้อายุใกล้เคียงกับเธอและไลเนอร์ ไม่สิ บางทีอาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ เอลล์เล่าว่า เขาเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้พร้อมกับพ่อค้าคนหนึ่งในฐานะเด็กฝึกงาน และทันทีที่เขาเล่าว่าเขาพึ่งเดินทางมาจากเมืองใกล้ๆนี้ ไลเนอร์ก็ปรี่เข้าไปหาเอลล์ทันที

 

[ ตอนระหว่างที่นายเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ นายเห็นคน 2 คนที่แต่งตัวปกปิดตนเองด้วยชุดคลุมสีดำรึปล่าว ? ] – ไลเนอร์

 

จากคำพูดของไลเนอร์ เรื่องแย่ๆที่เธอพอจะเดาๆเอาไว้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความจริงเสียแล้ว ไลเนอร์เค้าวางแผนที่จะไล่ตามพวกโจรที่ชิงดาบไปพร้อมกับทำร้ายพ่อแม่ของเขา หากคิดตามความจริงแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ยากเกินตัวไปหน่อย นั้นเพราะ ขนาดพ่อและแม่ของไลเนอร์ที่เป็นผู้ฝึกฝนให้กับเขายังพ่ายแพ้ให้กับพวกโจร หรือก็คือ พวกโจรต้องแข็งแกร่งกว่าไลเนอร์แน่ๆ ดังนั้น การที่ไลเนอร์พยายามจะสู้กับพวกโจรตามลำพังนั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย และยิ่งไปกว่านั้น หากเอลล์บังเอิญบอกว่าพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเหล่านั้นที่อาจจะเป็นพวกโจรที่บุกมาปล้นบ้านตระกูลกริฟฟิธ ไลเนอร์คงไม่รีรอและรีบไล่ตามพวกมันไปทันทีแน่ๆ

และนั้นคือสาเหตุที่คลอเล็ตภาวนาอยู่ในใจลึก ขอร้องให้เอลล์ตอบกลับมาว่าไม่เคยพบเห็นคนเหล่านั้น แต่ทว่า คำภาวนาของเธอกลับไม่มีใครได้ยิน

 

[ อืม พอมาคิดดูดีๆ ผมจำได้ว่าลุงของผมเคยบอกกับผมว่าเขาเห็นคนที่ท่าทางน่าสงสัยเดินอยู่ระหว่างทางมาที่นี่ตอนกลางคืนด้วย แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าจะใช่ 2 คนนั้นรึปล่าวนี่สิ ] – เอลล์

[ จริงหรอ ?! ] – ไลเนอร์

[ อ่าา ผมว่าเดี่ยวผมไปถามรายละเอียดกับคุณลุงมาเพิ่มให้ดีกว่า ] – เอลล์

 

การพูดคุยของพวกเขาทั้งคู่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว 

ลุงที่เอลล์พูดถึงน่าจะเป็นพ่อค้าคนที่เอลล์กำลังติดตามอยู่ เขานำทางคลอเล็ตและไลเนอร์มาที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้าน เอลล์บอกให้ทั้งคู่รออยู่ครู่หนึ่งก่อนหายขึ้นไปที่ชั้น 2 ของโรงแรม

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับชายคนหนึ่ง

 

[ ขอโทษที่ต้องให้รอนะ คุณลุง นี่คือ 2 คนที่ผมเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ คนนี้คือไลเนอร์ และนั้น คลอเล็ต ] – เอลล์

[ สวัสดี ข้าได้ยินเรื่องของพวกเธอแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเจอกันมาหนักทีเดียว ] – ลุง

[ ใช่ครับ … เอ่ออ เกี่ยวกับเรื่องนั้น คือผมได้ยินมาว่าคุณลุงเห็นคนน่าสงสัยเมื่อคืนนี้ คุณลุงพอจำลักษณะคนเหล่านั้นได้รึปล่าวครับ ? ] – ไลเนอร์

[ ลักษณะงั้นรึ ? อืมม ? ข้าเองก็เดินอยู่ที่ถนนด้วยโคมไฟเพียงอันเดียวด้วยสิ มันค่อนข้างมืดแถมข้าก็มองไม่ค่อยจะชัด … แต่ข้าค่อนข้างแน่ใจ เมื่อคืนข้าเห็น “2” คนนั้นในชุดดำ พวกเขาสวมชุดคลุมดำยาวที่ปิดไปครึ่งใบหน้า ] – ลุง

[ มีรายละเอียดอะไรอีกไหมครับ ? ] – ไลเนอร์

[ ดูเหมือนว่า จะมี 1 คนที่กำลังถือกล่องอะไรบางอย่างอยู่ ลักษณะมันยาวๆ ไม่กว้างมาก ] – ลุง

[ พวกมัน!! พวกมันจริงๆด้วย !! ต้องเป็นพวกมันแน่ๆ !! ]  – ไลเนอร์

 

ทันใดนั้นไลเนอร์ก็อุทานจนเสียงดังลั่น 

คน 2 คน ที่กำลังสวมชุดคลุมยาวสีดำ กำลังถือกล่องอะไรบางอย่างยาวๆ ไม่กว้างมาก ยิ่งกว่านั้น ทิศทางที่พวกโจรหนีไปยังตรงกับทิศทางที่คุณลุงคนนี้เจอ ค่อนข้างเกือบจะ 100 % แล้วที่ทั้ง 2 คนที่คุณลุงเจอจะเป็นพวกโจร นั้นหมายความ สิ่งที่ไลเนอร์จะกระทำเป็นอย่างต่อไปถูกตัดสินไว้แน่นอนแล้ว

 

[ ผมมัวเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว ผมต้องรีบแล้ว ต้องรีบตามพวกมัน ต้อ— ! ] – ไลเนอร์

[ จะ-ใจเย็นก่อนไลเนอร์ ] – คลอเล็ต

[ เธอพูดถูก มีหลายๆสิ่งต้องเตรียมตัวก่อนจะไล่ตามพวกมันไป เพราะถึงแม้ว่านายจะไล่ตามพวกมันไปตั้งแต่ตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะจับพวกมันได้ ] – เอลล์

 

คลอเล็ตที่พยายามพูดให้ไลเนอร์ใจเย็นลง โดยมีเอลล์เป็นคนพูดเสริมด้วยคำพูดที่มีเหตุผล ซึ่งมันก็ได้ผล ดูเหมือนว่าอารมณ์ของไลเนอร์จะลดอุณหภูมิลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาก็ลดลงเช่นกัน

 

[ ตะ-แต่ว่า .. ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมก็ต้องไปทวงดาบเล่มนั้มที่พวกมันขโมยไปกลับมาให้ได้ ดาบเล่มนั้นสำคัญกับผมมากๆ ] – ไลเนอร์

[ ถึงกระนั้น ขนาดนั้นคุณลีโอน่ากับคุณโอเบลยังไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วนายจะไปสู้ด้วยตัวคนเดียว มันอันตรายนะ! ] – คลอเล็ต

[ ผมรู้ แต่ว่า เธออยากจะให้พวกเราปล่อยพวกมันไปเฉยๆจริงๆงั้นหรือ ? ] – ไลเนอร์

[ ไม่ ชั้นไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! นายก็ได้เห็นใบหน้า 1 ในพวกมันแล้ว ดังนั้น นายก็แค่อธิบายลักษณะพวกมันให้กับพวกคุณทหารยามหรือไม่ก็อัศวิน และขอความช่วยเหลือกับพวกเขาให้ตามจับพวกมันเอาก็ได้ ] – คลอเล็ต

[ แบบนั้นมันช้าเกินไป ไอ้พวกโจรต้องหนีรอดไปแน่ ! ] – ไลเนอร์

 

ไลเนอร์เริ่มอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง ไม่สิ แม้แต่คลอเล็ตเองก็เริ่มจะเดือดขึ้นด้วยเช่นกัน และไม่ว่าจะยังไง ความคิดของทั้งคู่มันดูราวกับเส้นขนาด 2 เส้นที่ไม่มีทางมาบรรจบ ทันใดนั้น ก็มีเสียงตบมือดังขึ้นเพื่อหยุดการทะเลาะของทั้ง 2 ซึ่งไม่ใช่ฝีมือของใครอื่น เอลล์นั้นเอง

 

[ พวกเธอทั้งคู่ควรใจเย็นลงก่อนนะ จะไล่ตามพวกมันไปหรือแจ้งกับเหล่าทหารยามหรืออะไรก็ช่าง ยิ่งพวกเธอลงมือเร็ว โอกาสสำเร็จของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะสามารถลงมือได้เร็วแค่ไหน ] – เอลล์

[ ใช่ นั้นก็จริง …. ] – คลอเล็ต

[ ยิ่งไปกว่านั้น ผมว่าพวกเธอก็ควรแจ้งเรื่องนี้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยให้เร็วกว่านี้นะ แต่ว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ] – คลอเล็ต

 

คลอเล็ตไม่มีอะไรที่จะสามารถตอบกลับไปได้ เธอสับสนและไม่ได้คิดไปไกลกว่านั้น และยิ่งกว่านั้น เธอกังวลและกลัวว่าไลเนอร์จะไล่ตามพวกโจรไป นั้นจึงทำให้บอกได้ยากว่าความคิดของเธอนั้นอยู่ในสภาวะปกติได้รึปล่าว

และเอลล์ เมื่อหันไปเห็นภาพของคลอเล็ต เขาก็หยิบกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ และกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

 

[ ผมเองก็ค่อนข้างมั่นใจเรื่องฝีมือการวาดรูป ดังนั้น ถ้าหากพวกเธอบอกได้ว่าพวกโจรมีหน้าตาเป็นแบบไหน บอกกับผม เดี่ยวผมจะวาดมัน เผื่อจะสามารถใช้มันใช้ตามหาคนร้ายได้ ] – เอลล์

 

 

———————————–

 

 

เอลล์ถอนหายใจออกมาเล็กๆขณะที่กำลังมองดูภาพเหมือนที่เขาเป็นคนวาดมันขึ้นมาเอง “ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะคิดแผนล่วงหน้าไว้ค่อนข้างรัดกุม แต่ฉันคิดว่าแผนครั้งนี้ของเขามันค่อนข้างจะออกนอกแผนเกินไปรึปล่าว?” นั้นคือสิ่งที่เอลล์สงสัย 

นั้นเพราะบุคคลที่ไลเนอร์เป็นคนบอกลักษณะกับเอลล์นั้นเป็นชายหนุ่มที่แก้มค่อนข้างตอบและมีผมสีม่วง ดวงตาไร้ชีวิตชีวา และนั้นอาจเป็นเพราะเขาสูญเสียอารมณ์ความรู้สึก ดั่งที่ฮาโรลด์เคยบอกเอาไว้ หากข้อมูลนี้แพร่ออกไป มันคงกลายเป็นเรื่องยากมากที่ฮาโรลด์และคนอื่นๆจะออกเคลื่อนไหวต่อได้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกของฮาโรลด์เองก็ไม่สามารถที่จะปกปิดใบหน้าของตนไว้ตลอดเวลาได้ เพราะคนที่ทำเช่นนั้นจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นในสายตาคนอื่น และยิ่งถ้าพวกเขาพบเจอกับผู้คนบ่อยๆ โอกาสที่ตัวตนของพวกเขาจะถูกเปิดเผยก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่า ปัญหาในครั้งนี้นั้นแก้ง่ายมาก

หลังจากบอกกับ 2คนนั้นว่าจะนำภาพเหล่านี้ไปแจ้งกับหน่วยรักษาความปลอดภัย เอลล์ก็แยกตัวออกมาจากไลเนอร์และคลอเล็ต และเมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆตัว เขาก็เก็บภาพวาดนั้นลงในกระเป๋า ถือว่าโชคดีมากที่เขาสามารถป้องกันไม่ให้เรื่องภาพเหล่านี้แพร่ออกไปได้ แม้ว่านั้นจะไม่ใช่ใบหน้าของฮาโรลด์เองก็ตาม แต่เอลล์เองก็ไม่คิดว่าฮาโรลด์จะจงใจให้ใบหน้าของพรรคพวกถูกเปิดเผยออกมาโดยเจตนา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เอลล์รู้สึกประหลาดใจ และยังคงไม่แน่ใจเท่าไหร่

และในตอนที่เอลล์กำลังวาดภาพคนร้ายใกล้เสร็จนั้น เธอได้แอบถามอ้อมกับไลเนอร์ว่าเขาได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นๆบ้างรึปล่าว ซึ่งไลเนอร์ก็บอกว่าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร 

ถ้าหากเอลล์สามารถทำลายภาพเหมือนอันนี้ทิ้งไปได้ มันน่าจะลดความเสี่ยงที่ฮาโรลด์จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากได้แน่ ดังนั้นเอลล์จึงอยากที่เชื่อสัญชาตญานตัวเอง ซึ่งในกรณีนี้มันอยู่นอกแผนของฮาโรลด์

สำหรับตอนนี้ เพื่อยืนยันให้ได้ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้หลุดใบหน้าของพรรคพวกของเขานั้น เป็น 1 ในแผนการหรือไม่ เอลล์จึงส่งม้าเร็วไปยังที่อยู่ของฮาโรลด์ และถ้าหากนั้นเป็นความตั้งใจของฮาโรลด์จริงๆ เธอจะได้เอาภาพเหมือนนี้กลับไปแจ้งกับหน่วยรักษาความปลอดภัย

แม้จะยุ่งยากสักหน่อย นั้นเพราะฮาโรลด์มักจะให้ข้อมูลที่น้อยมากๆกว่าที่จำเป็นเสมอ บางทีฮาโรลด์อาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลอะไรกับเธอมากเกินจำเป็น หรือก็คือ เธอคิดว่าฮาโรลด์นั้นยังไม่ไว้ใจเธอนั้นเอง

ถ้าอย่างน้อย เธอรู้เป้าหมายจริงๆของเบื้องหลังแผนการของฮาโรลด์บ้าง เธออาจจะเดินเกมส์ได้ง่ายขึ้น แต่ว่า …

 

“ถึงจะบ่นไปตอนนี้ก็ไม่ได้ ยังไงซะ มีอีกเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการ”

 

นั้นเพราะเอลล์มีอีกปัญหาที่เธอยังเป็นกังวล

จากที่เธอได้พูดคุยกับไลเนอร์และคลอเล็ตก่อนหน้านี้ ท่าทีของไลเนอร์นั้นต้องการจะไล่ตามพวกโจรไปทันที แต่คลอเล็ตกลับไม่ใช่ เธอเลือกที่จะใช้วิธีให้บุคคลที่ 3 เข้ามาจัดการแก้ปัญหานี้ จริงๆมันไม่ได้อยู่ที่วิธีของใครถูกหรือผิด นั้นเพราะหากความเห็นของทั้ง 2 ยังไม่ลงรอยกับ มีโอกาสสูงที่จะมีเพียงไลเนอร์เท่านั้นที่ไล่ตามฮาโรลด์ไป

จากคำพูดของฮาโรลด์ ทั้ง 2 จะต้องไล่ตามเขาไป นั้นคือสิ่งที่อยู่ในแผนของเขาแน่ๆ แล้วถ้าหาก ท่าทีของไลเนอร์และคลอเล็ตแตกต่างกันล่ะ ? นี่เลยเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เอลล์ลำบากใจ และเธอต้องหาวิธีทำให้คลอเล็ตไล่ตามฮาโรลด์ไปอีกคนเช่นกัน ในขณะแจ้งกับม้าเร็วเกี่ยวกับเรื่องที่คลอเล็ตอาจไม่ไล่ตามไปด้วย เธอก็กลับมาสังเกตการณ์ทั้ง 2 ต่อ พร้อมกับรอคำตอบจากฮาโรลด์

แต่ทว่า เมื่อเธอกลับมาหาทั้งคู่ เธอกลับไม่พบไลเนอร์อยู่แล้ว

 

[ เอ๋ ไลเนอร์ไปไหนหรอ ? ] – เอลล์

[ ….. เขากำลังกลับไปเตรียมตัว เพื่อที่จะไล่ตามโจรพวกนั้น ] – คลอเล็ต

 

เธอคงหมายความว่า เขากำลังกลับไปเตรียมอาวุธและอุปกรณ์ให้พร้อม แต่จริงๆทั้งชุดและอาวุธที่ไลเนอร์มีอยู่กับตัวก็พร้อมอยู่มากๆแล้ว บางทีเขาคงจะไล่ตามพวกโจรไปในทันที

คลอเล็ตที่กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ อารมณ์ค่อยๆดิ่งลงตามที่เอลล์คาด

 

[ เธอกังวลเกี่ยวกับไลเนอร์หรอ ? ] – เอลล์

[ ใช่ จะไม่ว่ายังไง ฉันก็คิดว่านี่มันอันตรายเกินไป … ] – คลอเล็ต

[ นั้นก็จริงที่มันอันตรายเกินไป แต่ทำไมเธอถึงมัวแต่คิดล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ตามเขาไปด้วย ? ] – เอลล์

[ นั้นมันเป็นไปไม่ได้ ฉันน่ะ– ฉันต่อสู้ได้แย่มาก … ] – คลอเล็ต

 

“ต่อสู้ได้แย่มาก” อย่างที่คลอเล็ตกล่าว บางทีมันอาจจะจริงตามนั้น อย่างไรก็ตาม เอลล์สังเกตว่ามีบางอย่างติดอยู่บริเวณต้นขาของเธอ มันเหมือนกับซองหนังที่มีไว้เก็บอะไรบางอย่างเป็นแท่งกลมๆ แม้ว่าซองนั้นจะว่างปล่าว แต่มีโอกาสสูงที่ซองนั้นจะมีไว้เพื่อเก็บอาวุธอะไรบางอย่าง แต่ว่าการต่อสู้ได้แย่กับการต่อสู้ไม่ได้นั้นไม่เหมือนกัน เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไลเนอร์ จึงคิดออกได้ไม่ยากว่าเธอเองก็น่าจะเคยฝึกการต่อสู้จากพ่อแม่ของไลเนอร์มาพร้อมๆกับเขา

บางที ด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอทำให้เธอไม่ชอบการต่อสู้งั้นรึ ? หรือเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างในอดีตที่ทำให้เธอเกลียดการต่อสู้?

 

( เรื่องในอดีต– , เอ๊ะ นั้นทำให้ฉันนึกขึ้นได้ ฮาโรลด์พูดเกี่ยวกับไลเนอร์และคลอเล็ตราวกับรู้จัก 2 คนนี้มาก่อน …. ) – เอลล์

 

และทันใดนั้นเอง ใบหน้าของฮาโรลด์ผู้ที่เธอไม่สามารถรู้เบื้องลึกหนาบางได้แว๊บเข้ามาภายในหัวของเธอ “ลองสืบดูสักหน่อยดีกว่า” นั้นคือสิ่งที่เอลล์คิด

 

[ อืม ผมสงสัยอยู่เรื่องนึง พวกโจรที่มาบุกปล้นบ้านของไลเนอร์เป็นคนแบบไหนกันนะ ? ] – เอลล์

[ แบบไหน ? ] – คลอเล็ต

[ ผมใช้คำไม่ดีเท่าไหร่แหะ คือผมจะหมายถึง–  นี่มันหมู่บ้านเล็กๆห่างไกลจากเมืองหลวง คงไม่มีของมีค่าอะไรมากมายหรอกใช่ไหมล่ะ? แต่พวกมันยังถ่อมาไกลถึงที่นี่เพื่อขโมยของ ผมเลยคิดว่าพวกมันคงมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง ] – เอลล์

[ เป้าหมายก็คือมาขโมยดาบเล่มนั้นงั้นเหรอ… เรื่องที่พวกโจรมาปล้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรอ? ] – คลอเล็ต

[ งั้นแสดงว่า พวกโจรบังเอิญมาขโมยดาบที่บ้านของไลเนอร์ ผู้ที่พ่อแม่ของเขาเป็นอดีตนักผจญภัยที่แข็งแกร่ง แต่ว่าพวกโจรบังเอิญแข็งแกร่งกว่า เรื่องเหล่านี้ดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญได้นะสำหรับผม ] – เอลล์

 

นี่มันบังเอิญในบังเอิญในบังเอิญอีกที เห็นได้ชัดว่าเรื่องในครั้งนี้ถูกวางแผนเอาไว้แล้ว 

ในตอนที่เหตุการณ์กำลังชุนละมุน ทำให้ทั้งไลเนอร์และคลอเล็ตมองไม่เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ที่มีหลายๆอย่างน่าสงสัย ดังนั้นเอลล์จึงพยายามใบ้ให้พวกเขาทั้งคู่มองเห็นภาพรวมโดยรอบ บางทีการที่พวกเขาทั้งคู่มีลักษณะการคิดที่ค่อนข้างซื่อตรงนั้น อาจเพราะพวกเขาทั้งคู่เกิดในชนบท

 

[ ใช่… มันน่าจะเป็นอย่างที่คุณพูด … ] – คลอเล็ต

[ ดาบที่ถูกขโมยไปนั้นมีค่ามากหรอ ? นั้นคือเรื่องที่ผมสงสัย ] – เอลล์

 

เพราะไม่ว่าจะยังไง ดาบในตำนานสำหรับเอลล์ เธอเคยมองมันเป็นสิ่งเพ้อฝัน ดังนั้นเรื่องในครั้งนี้สำหรับเธอถึงไปกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ

นั้นเพราะมันไม่มีทางที่จะไม่ใช่ดาบธรรมดา ไม่งั้นยูสทัสคงไม่ลงทุนลงแรงเพื่อรวบรวมมันแน่

 

[ เหมือนว่าท่านพ่อและท่านแม่ของไลเนอร์จะพบดาบเล่มนั้นในดันเจี้ยนสมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนักผจญภัยน่ะ ] – คลอเล็ต

[ ดันเจี้ยนงั้นหรอ ? ฟังดูน่าตื่นเต้นจัง ] – เอลล์

[ ตื่นเต้นงั้นหรอ ? ] 

[ ผมหมายถึง มันคือวิธีสุดคลาสสิคที่ใครๆก็ตามก็เคยฝันที่จะรวยทางลัดไม่ใช่รึ ? ] – เอลล์

 

เพื่อที่จะสืบข้อมูลเรื่องราวในอดีตของคลอเล็ต เอลล์จึงพยายามสร้างความเป็นมิตรผ่านบทสนทนาในเรื่องไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆเสียก่อน แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกถึงความระแวงที่คลอเล็ตมีต่อเธออีกแล้ว แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับที่จะรุกเข้าไปต่อ จริงๆเอลล์ก็ไม่ได้หวังที่จะได้คำตอบในวันนี้หรือพรุ่งนี้ นั้นเพราะ ยังไงซะ เอลล์คิดว่าจะต้องมีโอกาสได้พบกับเธออีกหลายๆครั้งแน่นอนในอนาคต เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้น เอลล์จึงคิดว่าค่อยๆเก็บสะสมความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆน่าจะดีกว่า

หลังจากนั้น ทั้งเอลล์และคลอเล็ตก็พูดเรื่องนั้นหรือนี้ไปเรื่อยระหว่างรอไลเนอร์ ในจังหวะที่บทสนทนาของทั้งคู่กำลังจะเงียบลง เอลล์ก็ได้จังหวะเพื่อแสร้งพึมพัมอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ

 

[ ชุดคลุมดำงั้นเหรอ… ? ] – เอลล์

[ นายรู้อะไรเกี่ยวกับมันงั้นเหรอ ? ] – คลอเล็ต

[ ไม่หรอก ก็แค่ – หากพูดถึงชุดคลุมสีดำ หรือ คนที่สวมชุดดำทั้งตัว มันจะมีอยู่คนๆหนึ่งที่แว๊บเข้ามาภายในหัวไม่ใช่หรอ ? ] – เอลล์

[ คนๆหนึ่งที่แว๊บเข้ามาในหัว ? ] – คลอเล็ต

[ เธอไม่เคยได้ยินเรื่องของหมอนั้นหรอ คลอเล็ต ? เขามีชื่อว่า ฮาโรลด์ สโตร์ก ] – เอลล์

 

ทันทีที่ชื่อนั้นถูกเอ่ยขึ้น สีหน้าของคลอเล็ตเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นั้นเพียงพอแล้วที่ทำให้เอลล์เชื่อว่าคลอเล็ตมีซัมติงอะไรบางอย่างกับฮาโรลด์ แม้ว่าเธอจะพยายามปกปิด แต่การโกหกของเธอนั้นแย่มาก

 

[ ชะ- ชั้นไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนเลย ] – คลอเล็ต

[ งั้นหรอ ? เขาดังมากนะในเมืองหลวง อายุของเขาพอๆกับเธอและไลเนอร์ด้วย แต่เขาถูกขนานนามว่าเป็นวายร้ายอันดับ 1 ของอาณาจักรเลยล่ะ ] – เอลล์

 

สีหน้าของคลอเล็ตกลายเป็นเศร้าในทันที แต่ถึงกระนั้น เอลล์ก็ไม่หยุดพูดต่อ

 

[ เขาเป็นคนทรยศต่ออาณาจักร หักหลังพวกพ้องอัศวิน และพยายามก่อสงคราม ยิ่งกว่านั้น เขาเป็น “นักฆ่าอัศวิน” แม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกจากอัศวินแล้วเขาก็ยังไม่ไล่สังหารอัศวินหลาย 10 คน ผู้เคยเป็นอดีตสหายของเขา นี่คือเรื่องเพียงส่วนเดียวที่เขาพูดกันในเมืองหลวง หากจะให้พูดถึงความชั่วร้ายของเขา จะให้พูดทั้งวันก็ยังไม่หมด ] – เอลล์

[ …. ] – คลอเล็ต

 

ในที่สุดคลอเล็ตก็เงียบไป สายตาของเธอมองต่ำราวกับไม่ต้องการที่จะฟังเรื่องราวเหล่านี้อีก หากใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่องราวของฮาโรลด์แล้วได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ครั้งแรก พวกเขาจะแสดงท่าทีว่า “ไอ้หมอนี่มันชั่วร้ายขนาดนี้เลยหรอ” แต่ถ้าพวกเขาเคยได้ยินมาบ้างและเห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้ พวกเขาจะแสดงออกประมาณว่า “ไอ้หมอนั้นเป็นคนที่บาปหนาจริงๆ”

 

แล้วคนแบบไหนล่ะถึงแสดงปฎิกิริยาแบบคลอเล็ต?

 

นั้นคือคนที่รู้เบื้องหลังของฮาโรลด์และรู้ว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอย่างในข่าวลือ และเรื่องราวที่เอลล์กำลังเล่านั้นมันเกินกว่าที่จะทนฟังต่อไปได้ กล่าวอีกนัยก็คือ คลอเล็ตอาจจะเป็น 1 ในคนจำนวนน้อยนิดที่เคยได้รับความกรุณาที่ยากจะเข้าใจจากฮาโรลด์ ชายผู้ปากเสียและมักพ่นคำเหยียดหยามออกมาอยู่เสมอ

 

[ ดังนั้น ผมเลยคิดว่า บางที เหตุการณ์ในครั้งนี้ กลุ่มโจรพวกนนั้น อาจเป็นฮาโรลด์และพรรค— ] – เอลล์

[ ไม่จริง !! ฮาโรลด์ไม่มีทา– ! ] – คลอเล็ต

 

ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดว่า “ไม่มีทางทำแบบนั้น” แต่ว่าจนสุดท้าย เธอก็ไม่ได้กล่าวคำเหล่านั้นออกมา อย่างไรก็ตาม ที่เธอหยุดพูดนั้นไม่ใช่เพราะเธอสงสัยหรือลังเลในตัวของฮาโรลด์แต่อย่างใด แต่ที่เธอหยุดก็เพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว

แต่ว่ามันสายไปแล้ว

ใบหน้าของคลอเล็ตซีดเผือกอย่างรวดเร็ว 

 

[ ฮาโรลด์ไม่มีอะไรเหรอ คลอเล็ต … ] – เอลล์

[ มะ-ไม่ใช่ ชะชะ ชั้นไม่ได้หมายความแบบนั้น … ] – คลอเล็ต

 

เธอพยายามปฎิเสธโดยการส่ายหัวไปมาพร้อมกับพูดออกมาว่า “มะ-ไม่ใช่ ชะชะ ชั้นไม่ได้หมายความแบบนั้น …” ด้วยสภาพแบบนี้ทำให้เธอดูราวกับเป็นเด็กๆ ที่ทั้งดูอ่อนแอและหวาดกลัว

สำหรับคลอเล็ตที่กำลังกังวลและอยากจะปกปิดเรื่องที่เธอเผลอพูดออกไป บางที เธอคงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับอดีตของฮาโรลด์ นั้นคือสิ่งที่เอลล์เชื่อมั่น และสำหรับคลอเล็ต การที่เธอตัดสินใจปกปิดความจริงของฮาโรลด์เอาไว้แบบนี้ไม่ถือว่าเธอเป็นคนใจร้ายไปหน่อยหรอ ? 

 

[ ผมเข้าใจแล้วคลอเล็ต ผมจะทำเป็นว่าไม่เคยถามละกัน ] – เอลล์

 

เอลล์เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าเพื่อให้คลอเล็ตรู้สึกโล่งใจ เด็กสาวผู้ที่ถูกเอลล์หลอกอย่างง่ายๆกล่าวคำ”ขอบคุณ”ออกมาเบาๆ 

แน่นอนว่าเด็กสาวไม่มทางรู้เลยว่า เกิดอะไรขึ้นภายในความคิดของเอลล์ผู้ที่เธอพึ่งจะกล่าวคำขอบคุณออกไป

 

( คลอเล็ต เอมเมอร์เรล ถ้าเราสืบอดีตของเธอ บางทีเราอาจจะได้เห็นส่วนหนึ่งความลับของฮาโรลด์ก็เป็นได้ ) – เอลล์

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เอลล์จึงคิดที่จะเริ่มต้นแผนการณ์ขุดคุ้ยอดีตของคลอเล็ต

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด