Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1838

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1838 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กล่องดูธรรมดาราวกับเป็นของทั่วไปและมีแต่ฝุ่นปกคลุม ทว่ากล่องนี้กลับสามารถป้องกันไม่ให้สัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างในได้ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!

มีผนึกสีเหลืองที่แห้งเหี่ยวไปแล้ว มันเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับอยู่มานานเกินไปและไม่มีใครปลดผนึกสีเหลืองซีดนี้ออกมา

หวังหลินมองกล่อง พลางขบคิด แต่ดวงตาส่องสว่างขึ้นและฉีกเปิดผนึกสีเหลืองที่ไม่มีคนแกะออกมานานหลายปี!

เมื่อผนึกถูกถอนออกไป หวังหลินสัมผัสได้ชัดเจนถึงพลังประหลาดเข้าแทรกซึมในร่างกาย มันโคจรในร่างเขาหนึ่งรอบและจากไปอย่างรวดเร็วราวกับตัดสินว่าคนที่เปิดกล่องเป็นคนที่ถูกเลือกหรือไม่

กระดาษปิดผนึกนั้นมีอายุมานานหลายปีและเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงเบื้องหน้าทันที ตอนนี้เหลือเพียงกล่องที่ลอยอยู่อย่างสงบนิ่ง

หวังหลินมีสีหน้าเคร่งเครียด ตอนที่ผนึกถูกปลดปล่อย เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนจากกล่องซึ่งตรวจสอบได้ยากและพลาดกันง่ายๆ

หวังหลินยกแขนและสะบัดใส่กล่องให้มันเปิดและเผยสิ่งที่อยู่ข้างใน!

มันคือก้อนหินสีดำขนาดเท่ากำปั้น ก้อนหินนี้มีรูปทรงขรุขระและดูไม่แตกต่างอะไรกับก้อนหินธรรมดา แต่มันกลับมีหลุมเล็กเต็มไปหมดและเปล่งความผันผวนบางๆ กระจายออกมาเต็มไปทั่วทั้งถ้ำ

หวังหลินมองก้อนหินและขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรจึงส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปใส่ ทว่าเมื่อสัมผัสวิญญาณเข้าไปใกล้มันกลับถูกดูดเข้าไปในหลุมเล็กๆ พวกนั้น

หวังหลินสงบนิ่งและยอมให้ก้อนหินดูดซับสัมผัสวิญญาณ จนกระทั่งเขาเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไป!

‘นี่มัน…’ หวังหลินเห็นว่าก้อนหินเล็กก้อนนี้มีอวกาศที่มิอาจวัดได้อยู่ภายใน ดูเหมือนหลุมเล็กทุกหลุมจะมีอวกาศของมันเองแยกกันอย่างอิสระ

“นี่คือเศษหินมิติ…สมบัติชิ้นแรกสำหรับเจ้า…ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งมาจากโลกถ้ำเข้าสู่แผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นเจ้าจะต้องเปิดมิติเก็บของได้ยากแน่นอน คุณค่าของหินมิติก้อนนี้คือเจ้าสามารถนำของออกมาจากมิติเก็บของได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย แต่ไม่สามารถนำออกมาได้มากกว่าหนึ่งชิ้น ไม่เช่นนั้นมิติจะไม่มั่นคงและพังทลายลง” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจากหินมิติ

“นี่แค่วิธีใช้หินมิติวิธีแรกเท่านั้น มันมีอีกหน้าที่หนึ่งด้วยนั่นคือใช้หล่อเลี้ยงเต๋าแห่งสวรรค์…ข้ารู้ว่าเจ้ามีเต๋าแห่งสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ติดมาด้วย จงหล่อเลี้ยงมันที่นี่ มันจะค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้นช้าๆ…”

“ของขวัญชิ้นแรกนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบมัน” น้ำเสียงเก่าแก่ค่อยๆ เบาลงจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าหวังหลินจะค้นหาในหินมิติมากแค่ไหนก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของเสียงนั้นได้

หวังหลินหรี่ตา ถอนสัมผัสวิญญาณออกมาจากหินมิติ จ้องมองและขบคิด

เขาไม่ได้รีบลงมือแต่วางก้อนหินไว้ด้านข้าง สายตาจับจ้องไปยังกล่องที่สอง ผนึกยังอยู่บนกล่อง และเมื่อหวังหลินสะบัดแขนเข้าใส่ ผนึกก็หลุดออกไปและมีเสียงดังปัง กล่องเปิดออกมา

ภายในมีของสิ่งเดียวคือหินหยกที่มีสายหมอกห่อหุ้ม มันดูเหมือนเป็นหินหยกที่ถูกสร้างขึ้นจากสายหมอก เมื่อมันปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน สายหมอกจึงเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด

หวังหลินจ้องหินหยกและขมวดคิ้ว ยื่นมืออกไปให้หินหยกลอยเข้ามาในฝ่ามือ จังหวะที่หินหยกสัมผัสกับแขน น้ำเสียงเก่าแก่ดังกึกก้องขึ้นในจิตใจ

“นี่คือของขวัญชิ้นที่สองที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า…หินหยกนี้ถูกสร้างขึ้นจากการบ่มเพาะเต๋าเนตรวิญญาณตลอดชั่วชีวิตของข้า มันสามารถทำให้เจ้ามองเห็นการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินเซียนดาราได้ครั้งเดียวหรือมันจะสามารถทำนายให้เจ้าได้หนึ่งเรื่อง…”

“แต่ได้ครั้งเดียวเท่านั้น…”

น้ำเสียงหายไป หวังหลินขบคิดเงียบๆ และมองหินหยกในมือ เขาเห็นร่างนับไม่ถ้วนข้างในและรู้สึกว่าตราบใดที่เขาต้องการก็จะสามารถจัดหาคนให้มาทำนายด้วยหินหยกก้อนนี้ได้

ของชิ้นแรกทำให้หวังหลินเปิดมิติเก็บของได้อย่างปลอดภัยและหล่อเลี้ยงเต๋าแห่งสวรรค์ แม้จะน่าดึงดูดแต่ไม่ได้จำเป็นมากนัก

ทว่าของขวัญชิ้นที่สองกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันมีค่ามากกว่าของชิ้นแรกหลายเท่า หากเรื่องที่เสียงนั้นบอกเป็นเรื่องจริงและสามารถทำนายอดีตและอนาคตของตัวเขาหรือคนอื่นได้ เช่นนั้นมันก็มีค่าต่อหวังหลินอย่างมหาศาล

ในยามวิกฤติ มันสามารถช่วยชีวิตเขาได้แน่!

หวังหลินมองหินหยก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ผ่านไปสักพักจึงถอนสายตาออกมาดูกล่องที่สาม!

‘ของชิ้นแรกก็มีค่ามากแล้ว ชิ้นที่สองล้ำกว่ายิ่งกว่าอีก สงสัยจริงว่าชิ้นที่สามจะเป็นอะไร…’ หวังหลินวางหินหยกไว้ด้านข้าง แขนขวาจับไปยังกล่องที่สาม

เมื่อผนึกบนกล่องหายไป แม้แต่ตัวกล่องก็ดูเหมือนเสื่อมสลายลง มันเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นและเผยหยดน้ำผลึกใสขนาดเท่าเล็บก้อย!

หยดน้ำหยดนี้ดูคล้ายเต็มไปด้วยสายหมอกและเปล่งแสงแพรวพราวจนทำให้จิตใจพร่าเลือน หากมองดูไปนานๆ อาจจะมัวเมาอยู่ในโลกของหยดน้ำก็เป็นไปได้

กลิ่นอายแก่นแท้วารีอันทรงพลังปะทุออกมาจากหยดน้ำและเต็มไปทั่วถ้ำ กลิ่นอายได้แผ่กระจายไปทั่วภูเขาและแทบทำให้เปลวเพลิงเกิดสัญญาณใกล้จะมอดดับ!

พอหวังหลินเห็นหยดน้ำ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปและหรี่ตาแคบ เขาจ้องมองหยดน้ำและเกิดคลื่นรุนแรงขึ้นในใจ

ของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการยิ่งกว่าสองชิ้นก่อนหน้านี้ มันคือสิ่งที่หวังหลินใฝ่ฝัน แก่นแท้วารีของเขาสมบูรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนที่อยู่บนดาวเบญจธาตุและไม่มีความก้าวหน้า ทำให้เขาติดอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย

แม้หลังจากร่างแก่นแท้จะก่อตัวขึ้น มันก็ยังไม่ทำให้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินก้าวหน้า เพียงแต่มันทำให้วิชาของเขารุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

‘ข้ามีเจ็ดแก่นแท้แล้ว เมื่อแก่นแท้วารีนี้สมบูรณ์แบบ ข้าก็จะมีแปดแก่นแท้และบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุด หากข้าได้แก่นแท้ที่เก้าหลังจากนี้ ข้าสามารถผสานเข้าด้วยกันเพื่อทะลวงขั้นวิญญาณดับสูญและกลายเป็นเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญได้!’

‘ถึงตอนนั้น แม้ข้าจะอยู่แค่ขั้นแก่นแท้ดับสูญ ด้วยเก้าแก่นแท้ของข้าแล้วจึงจะสามารถต่อกรกับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นโดยไม่ต้องใช้เหล่าสุดยอดวิชาเลย เมื่อข้าบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลาย ข้าจะไม่ต้องผ่านด่านวิบากแก่นแท้ทีละด่านแต่ผ่านทั้งเก้าด่านรวดเดียว!! จากนั้นข้าก็จะกลายเป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญ!’

หวังหลินเข้าใจดีว่าเส้นทางการบ่มเพาะของเขาแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่มีเพลิงนรกานต์และพึ่งพาแต่ความเข้าใจอันบริสุทธิ์และการปล้นชิงฟ้าดิน หลังจากได้รับเก้าแก่นแท้มาและบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญ เขาคงจะแตกต่างจากคนอื่นเป็นอย่างมาก

กล่าวได้ว่ากุญแจสำคัญในการเพิ่มระดับบ่มเพาะของหวังหลินคือแก่นแท้!

แม้คำว่าแก่นแท้จะฟังดูง่ายดาย แต่การได้มาและทำให้สมบูรณ์แบบถือเป็นเรื่องยากมาก พอหวังหลินมองแก่นแท้วารีเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับหยดแก่นแท้วารีมา มันเป็นครั้งที่สองแล้ว! ครั้งแรกจากเทียนหยุน ซึ่งด้วยหยดน้ำและโชควาสนาบนดาวเบญจธาตุได้ทำให้แก่นแท้วารีของเขาสมบูรณ์ไปหนึ่งขั้นเล็กๆ

ทว่าหยดน้ำในมือนี้กลับเหนือล้ำกว่าสิ่งที่เทียนหยุนให้มา เทียบกับสองอย่างก่อนหน้านี้มันเหมือนเอาดวงจันทร์ไปเทียบกับหิ่งห้อย!

“หยดแก่นแท้วารีนี้คือของขวัญชิ้นที่สามที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า ข้าหลอมแม่น้ำ 99 สายในแคว้นธารสวรรค์และยังใช้เซียนจำนวนหนึ่งที่มีแก่นแท้วารีเพื่อหล่อเลี้ยงมัน ข้าไม่รู้ว่าแก่นแท้วารีเจ้าจะสมบูรณ์หรือไม่หลังจากดูดซับไป แต่หากไม่สมบูรณ์มันก็น่าจะห่างอีกไม่ไกลนัก…”

“ข้าหวังว่าเจ้าจะชื่นชอบของขวัญทั้งสามนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะปกป้องสำนักมหาวิญญาณของข้า…เพื่อให้ลูกหลานของข้าได้กลับคืนสู่แคว้นกลาง!”

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง หลังจากเสียงเก่าแก่หายไปจากความคิด เขาจึงคว้าหยดน้ำเอาไว้ มันสำคัญสำหรับเขามากเหลือเกิน!

หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในหยดแก่นแท้วารี หลังจากค้นดูอย่างละเอียดจึงมั่นใจว่ามันไม่มีปัญหา ดวงตาส่องสว่างขึ้นมาสายตาแทงทะลุออกไปนอกถ้ำ

“หากในอนาคตข้ามีความสามารถในการปกป้องสำนักมหาวิญญาณ ข้าจะปกป้องมันเอง!” หวังหลินเอ่ยคำพูดเสียงดังกึกก้อง ประกายสายฟ้าดังไปถึงด้านนอกสำนักมหาวิญญาณ

เซียนหลายคนสั่นสะท้าน บรรพชนกระทิงเขียวลุกขึ้นมาและลืมตา จิตใจสั่นไหวและหรี่ตาจ้องมองไปยังเสียงดังสนั่นเหมือนกับสายฟ้าที่ด้านนอก

‘บรรพชนรุ่นแรก…’

หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นมาสร้างผนึก กระจายแรงกดดันทรงพลังออกมาจากร่างกายและห่อหุ้มภูเขา

“ร่างแก่นแท้ ปกป้องข้า!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้องในสำนัก แขนขวาสร้างผนึก เปลวเพลิงจากภูเขาเพลิงไหม้ได้รวมตัวกันด้านนอกถ้ำเพื่อสร้างเป็นร่างแก่นแท้และนั่งลงไป

ขณะเดียวกันฟ่านชานเมิ่งดวงตาส่องสว่างและมองไปยังยอดเขาที่มีแต่เปลวเพลิงปกคลุม นางกำลังคิดสิ่งใดไม่มีใครรู้

หวังหลินไม่เมินเฉยฟ่านชานเมิ่งอยู่แล้ว หากเขากล้าพานางมาที่นี่ก็หมายความว่ามีวิธีต่อกรกับนาง ทันที่หวังหลินหลับตา แขนขวาจับไปยังหินมิติ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด