Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2013 เขาเป็นใคร?

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 2013 เขาเป็นใคร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2013 เขาเป็นใคร?

ท้องฟ้าสีครามและมีตำหนักหลายแห่งอยู่เบื้องล่างคล้ายกับเป็นสำนัก แต่ชื่อของสำนักแห่งนี้พร่ามัวจนไม่สามารถมองเห็นได้ ยิ่งพยายามมองแค่ไหนยิ่งพร่าเลือน

ภายในตำหนักหนึ่งในนั้นมีสตรีคนหนึ่ง นางมีใบหน้าอันคุ้นเคยยิ่ง นางกัดริมฝีปากพลางมองไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง…

‘นางเป็นใคร…ข้าเป็นใคร…’

พื้นดินกว้างใหญ่ ท้องฟ้ามืดมิด รอบด้านเต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิตราวกับเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ นางกำลังหลบหนีไปบนท้องฟ้า ใบหน้าซีดเผือดจากอาการตื่นตระหนก นางมักจะมองกลับมาเห็นเซียนผู้หนึ่งที่มีแววตาคุกคามและไล่ตามนางมาด้วย

ในช่วงวิกฤติที่สุดนั้น นางได้เห็นบุรุษผู้มีใบหน้าคุ้นเคยกำลังซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง…

‘นางเป็นใคร เขาเป็นใคร…ข้าเป็นใคร…’

ณ ทะเลหมอกและถ้ำที่ดูธรรมดา ชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในถ้ำราวกับอยู่ในช่วงวิกฤติของการสร้างแกนลมปราณ

นางยืนอยู่นอกถ้ำ แม้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่มีสายตามุ่งมั่น เบื้องหน้าคือเหล่าเซียนมากมายที่กำลังใช้วิชาพยายามทะลายค่ายกลเข้ามาในถ้ำ

นางกัดฟันและควบคุมค่ายกลให้ต่อต้านจนกระทั่งใช้แรงไปหมด นางเอนร่างถอยไปแต่ก็พบว่าได้พิงกับหน้าอกที่อบอุ่น

“ข้าจะพาเจ้าไปสังหารพวกมัน!”

ประโยคนี้คล้ายกับทะลุท้องฟ้าและเชื่อมความรักของทั้งคู่ไปตราบชั่วชีวิต…

‘นางเป็นใคร เขาเป็นใคร…ข้าเป็นใคร…’

ยังอยู่ใต้ท้องฟ้าสีคราม ใต้สำนักที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน นางนั่งอยู่เงียบๆ ด้านนอกตำหนัก บรรเลงพิณไปด้วยความเศร้า นางกำลังจะแต่งงาน

แต่พอนางก้าวเดินออกมาจากตำหนักเพื่อเผชิญหน้ากับทุกอย่าง บุรุษผู้มีระดับบ่มเพาะสูงส่งปรากฏขึ้นมาและเดินอยู่เบื้องหน้า

รอยยิ้มอ่อนโยนทำให้นางตกตะลึง

นางต้องการรู้ว่าเขาเป็นใคร นางเป็นใครและตัวเองเป็นใครกันแน่…

ลำแสงสายหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นกำลังส่องกระทบบนหุบเขาอันเงียงบสงัด ที่นั่นมีบ้านไม้หลังหนึ่งและมีเสียงพิณอันไพเราะ นางมองดูบุรุษที่กำลังพิงกายและเผยสายตาอ่อนละมุน

นางดูมีความสุขมาก…แต่นางเป็นใคร และชายผู้นี้เป็นใคร…ข้าเป็นใคร

นางดูเหมือนกำลังจะจำอะไรบางอย่างได้แต่ก็นึกไม่ออก จิตใจของนางพร่าเลือนราวกับหลับใหลมานานมาก…

ในภาพพร่าเลือนนั้น ภาพอันอ่อนโยนแตกออกและสลายไปอย่างช้าๆ กลายเป็นวันที่มีพายุโหมกระหน่ำ ชายคนนั้นอุ้มนางไว้พร้อมกับน้ำตาไหลนองบนใบหน้า เขาส่งเสียงคำรามร้องใส่ท้องฟ้า เสียงคำรามแฝงความเจ็บปวดและความมุ่งมั่น!!

“แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าก็จะพาเจ้ากลับมา!!!”

ภายในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ในห้องอันหรูหราของวังหลวง สตรีผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม แม้นางจะไม่ได้งดงามไร้ที่ติแต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดสายตา กระนั้นนางกำลังดิ้นรนจนใบหน้าซีดเผือด เปลือกตาสั่นไหวราวกับกำลังฝันร้ายและพยายามตื่นจากความฝัน

บนขอบตามีรอยน้ำตาไหลออกมาลงแก้มสองข้าง ทำให้หมอนสีขาวเปียกชื้น

ในความฝันของนาง เสียงคำรามที่ทำให้ใจสั่นนั้นดังกึกก้องอยู่ในใจ มันเป็นเสียงคำรามตรงเข้าสู่ท้องฟ้าเพื่อต้องการฝืนชะตา ฝืนเจตจำนง ฝืนลิขิตสวรรค์!

ด้วยเสียงนี้จึงทำให้น้ำตาไหลออกมามากกว่าเดิม…

แต่นางจำไม่ได้ว่าสตรีคนนี้เป็นใครหรือชายที่กำลังส่งเสียงร้องสะเทือนหัวใจเป็นใครกัน…นางต้องการนึกให้ออกแต่ก็จำไม่ได้ว่านางเป็นใคร

ในความฝันของนาง นางได้เห็นชายคนนั้นปรากฏตัวข้างโลงศพ เขาดูแลรักษาโลงศพเป็นอย่างดีและมีใบหน้าอ่อนโยนมาเสมอ ใบหน้าเขาทำให้นางเจ็บปวดหัวใจ…

หยดน้ำตาที่ไหลลงบนโลงศพทำให้นางรู้สึกเศร้า…นางเกิดแรงกระตุ้นให้ลืมตาเพื่อสัมผัสกับใบหน้าชายคนนั้นและปาดน้ำตาของเขา

ในความดิ้นรนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในความฝันก็พังทลาย นางหายไปและชายคนนั้นคล้ายกับหายเข้าไปในสายหมอก ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลือนลาง

นางลืมตาขึ้นมา

“เจ้าตื่นแล้ว…” เสียงอ่อนนุ่มดังออกมาด้านข้าง

นางมองลวดลายอันงดงามบนเตียงและมีแววตาสับสน ทุกสิ่งทุกอย่างจากความฝันยังคงอยู่แต่มันพร่าเลือน

นางหันศีรษะไปตามเสียงและเห็นชายผมขาวในชุดคลุมสูงศักดิ์ แม้เขาจะอยู่ในวัยกลางคนไปแล้วแต่ก็ค่อนข้างหล่อเหลาและมีบรรยากาศอันสูงส่ง ทั้งกำลังยิ้มให้นางด้วย

“เจ้า…เป็นใคร…ข้า…เป็นใคร…” นางมีแววตาสับสนยิ่งขึ้นและรู้สึกเจ็บปวดมาก ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นมาป้องกันไม่ให้นางค้นหาตัวเองเจอ

“ข้าคือจักรพรรดิเต๋า ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาเขตเต๋า ข้าคือสามีเจ้า! เจ้ามีชื่อว่าซ่งจื่อ เจ้ามาจากอาณาเขตฉีและเจ้าคือจักรพรรดินีของข้า!” ชายคนนั้นยิ้มพลางเอ่ยขึ้นมา กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิแผ่กระจายออกมาจากร่าง

“สามี…” คำพูดนี้ดังกึกก้อง อีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ ร่างนี้กำลังมองบนท้องฟ้าและส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด

ร่างนี้นั่งอยู่กับนางและฟังนางเล่นพิณอย่างมีความสุข

ร่างนี้กอดนางและบอกนางว่าจะพานางไปสังหารคนพวกนั้น…

ร่างนี้…พร่าเลือน คล้ายกับทับซ้อนชุดคลุมสูงศักดิ์และทับซ้อนกันอย่างช้าๆ…ราวกับว่านางเพิ่งรู้สึกว่าอยู่คนละที่ และหลังจากภาพทับซ้อนกัน สิ่งเหล่านั้นก็หายไป

ในใจเกิดความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอีกครั้ง นางหลับตาและสลบไป

สีหน้าของจักรพรรดิเต๋าเริ่มมืดหม่นทันทีและเอ่ยขึ้น “บอกเหตุผลข้ามา!”

ระลอกคลื่นสะท้อนออกมาด้านหลังและมีชายชราผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา คุกเข่าลงหนึ่งข้าง “ใต้ฝ่าละอองพระบาท ซ่ง…หลังจากจักรพรรดินีผสานกับวิญญาณ ร่างกายนางจึงอ่อนแอ นางมีวิญญาณของตัวเองอยู่แล้วและการผสานกันทำให้ความทรงจำของนางเกิดความสับสน”

“แต่ไม่มีอันตราย จักรพรรดินีแค่ต้องพักผ่อนไปอีกสักพัก ทว่าความทรงจำของนางยังคงสับสน แต่นี่ถือเป็นเรื่องดีที่ท่านจะได้ค่อยๆ เติมความทรงจำเข้าไปในความคิดนางและกลายเป็นความทรงจำที่แท้จริง”

“ร่างกายนี้เหมาะสมต่อวิญญาณมากและหล่อเลี้ยงได้อย่างต่อเนื่อง ภายในไม่กี่ปี วิญญาณและร่างกายนี้จะผสานกันอย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นแม้แต่ร่างจริงของวิญญาณดวงนี้ก็ไม่สามารถกลับมาผสานกันได้อีกต่อไป”

จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้น “เจ้าไปได้”

ชายชรารีบพยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นควันและหายไปจากห้อง เหลือไว้เพียงจักรพรรดิเต๋าและหญิงสาว

จักรพรรดิเต๋านั่งอยู่ด้านข้างและมองนางด้วยสายตาเป็นประกายแปลกประหลาด

“ราชครูพูดเอาไว้ครั้งหนึ่งว่าวิญญาณดวงนี้สามารถทำให้ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิโบราณที่แท้จริงซึ่งจะรวมทั้งสามเผ่าให้เป็นหนึ่งเดียว…ราชครูไม่อาจผิดพลาด…เช่นนั้นการทำให้นางเป็นจักรพรรดินีถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุด”

เพียงแค่เขาพึมพำ พลันยกแขนขึ้นมาวาดบนใบหน้านางอย่างเบามือ จากนั้นเผยรอยยิ้ม

“แม้นางจะไม่สวย แต่นางก็มีเสน่ห์ของตัวเอง ข้าสงสัยมาเสมอว่าราชครูไปได้วิญญาณดวงนี้มาจากไหน แต่เขาก็ไม่พูด…อย่างไรก็ตามวิญญาณดวงนี้ก็งดงามอยู่แล้ว…นางอาจมีคนรักของตัวเองและบางทีคนรักของนางอาจจะรู้สึกเจ็บปวดมหาศาลหลังจากที่นางตาย…”

“น่าเสียดายที่เขาไม่มีวันรู้ว่าสตรีคนนี้อยู่ในมือข้า…หากมีโอกาสได้เห็นคนรักในอดีตของนาง ก็คงน่าสนใจมาก”

“บางทีเขาอาจตายไปนานแล้ว หากไม่ตายและได้เจอกัน จะจดจำนางได้หรือไม่…” จักรพรรดิเต๋ายิ้มอีกครั้ง

“ข้ากำลังคิดเผื่ออนาคต…แต่พอคิดดูแล้วคงไม่มีวันนั้นหรอก” จักรพรรดิเต๋าจิ้มใบหน้านางเบาๆ จนกลายเป็นรอยช้ำ

ร่างของนางสั่นเทาราวกับรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย หยาดน้ำตาไหลลงสองแก้ม

“ถ้าไม่ใช่เพราะนางต้องไม่เสียพรหมจรรย์เพื่อเป็นจักรพรรดินี ข้าคงอยากเปลี่ยนนางเป็นหญิงสาวของข้าไปแล้วจริงๆ แต่ว่าไม่ต้องรีบหรอก เมื่องานพิธีจบลง ข้าจะใช้เวลาสุขสมกับวิญญาณดวงนี้” จักรพรรดิเต๋ายืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นสะบัดแขนเสื้อจากไป

ขณะที่หยาดน้ำตาของนางไหลริน ห่างออกไปไกลที่ใต้ภูเขากุ้ยต้าว หวังหลินมองไปบนยอดเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ

เห็นได้ชัดว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไม่ยอมรับเขา แต่หวังหลินก็ไม่ได้ยอมรับทั้งเผ่าโบราณ คนเดียวที่เขาเคารพคือซวนลั่ว!

หากไม่มีซวนลั่ว หวังหลินคงไม่มีวันมาที่นี่!

“สามร้อยขั้น…” ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้านหลังหวังหลินปลดปล่อยแสงสีดำและขาวอันทรงพลัง หวังหลินยกเท้าขึ้น!

เขาไม่ได้ก้าวแค่ขั้นเดียวแต่หลายสิบขั้น!

เมื่อเท้าหยุดลง หวังหลินยืนอยู่บนขั้นที่ 39 จากนั้นแรงกดดันทรงพลังกระแทกเข้าใส่จนหวังหลินต้องหยุดชะงัก ราวกับภูเขานับไม่ถ้วนกำลังกดทับอยู่บนบ่า

พริบตาเดียวขั้นบันไดที่นำทางไปสู่ยอดเขาเริ่มบิดเบี้ยวราวกับมีชีวิต

หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น โครงร่างดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้านหลังหวังหลินยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้น หวังหลินก้าวอีกครั้งกระโจนออกไปอีกรอบ

ขั้นที่ 42

ขั้นที่ 57

ขั้นที่ 69

ขั้นที่ 83…เสียงดังสนั่นกึกก้องในสองหูเนื่องจากเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันทรงพลังจนหวังหลินมาถึงขั้นที่ 99

เขายกเท้าและเหยียบไปบนขั้นที่หนึ่งร้อยอย่างรุนแรง!

เมื่อเท้าเหยียบลงไป ทั่วบริเวณเกิดอาการสั่นสะเทือน ภูเขากุ้ยต้าวกำลังสั่นไหว แรงกดดันทรงพลังกระหน่ำเข้าใส่หวังหลินทำให้จิตใจสั่นคลอน โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก

แรงกดดันนี้ออกมาจากภูเขา ออกมาจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว!

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด