Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1845

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1845 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
อัจฉริยะแห่งทิศบูรพา!

เสียงโผล่ออกมาขึ้นฉับพลัน ทะเลโดยรอบเริ่มเคลื่อนไหว

หวังหลินก้าวเดินออกมาจากน้ำทะเล ท่าทีสงบนิ่ง เสื้อผ้าสีขาวไม่คล้อยไปตามสายน้ำ เรือนผมประบ่า ดวงตาเย็นเยียบ

“หวังหลิน!” พยัคฆ์ขาวตกตะลึง วิหคศักดิ์สิทธิ์และเต่าดำตกตะลึงไปด้วย ทั้งสามไม่คาดคิดว่าจะมาเจอหวังหลินที่นี่!

หวังหลินพยักหน้าให้กับทั้งสาม สายตามองมาทางเซียนทั้งสองจากแคว้นมารเขียว

เซียนแซ่เฉียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาไม่คิดว่าหวังหลินเป็นภัยคุกคามเพราะระดับบ่มเพาะอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุดเท่านั้น ซึ่งไม่มากพอจะเป็นภัยคุกคาม เขากังวลแค่เรื่องความสามารถในการซ่อนตัวของหวังหลิน

‘คนผู้นี้ต้องเก่งด้านการซ่อนตัว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยที่ข้าไม่สามารถสังเกตเห็นได้!’ เซียนแซ่เฉียนเยาะเย้ย ไม่เพียงแต่เขาจะไม่หยุดแต่ยังทะยานออกไปหาหวังหลินเร็วขึ้น

“ในเมื่อพวกเจ้ารู้จักกัน ก็ตามกันไปโลกหลังความตายได้เลย!”

ส่วนชายหนุ่มใบหน้าขาวละเอียดนั้นรู้สึกตรงข้ามกับเซียนแซ่เฉียน ตอนที่เขาเห็นหวังหลินปรากฏตัว จึงหรี่ตาแคบและหยุดลง แทนที่จะพุ่งไปข้างหน้ากลับถอยร่นอย่างรวดเร็ว

‘คนผู้นี้ดูธรรมดาแต่มีสัมผัสโลหิตรอบตัวที่มองไม่เห็น เขาสังหารคนไปมากมายในทะเลโอสถ!’ ชายหนุ่มหน้าขาวฝึกฝนวิธีการทำให้สัมผัสไวต่อโลหิต พอหวังหลินปรากฏมาจึงสัมผัสได้ว่ามันแข็งแกร่งมากจนเขาอึดอัด ซึ่งไม่มีใครสัมผัสได้

ขณะถอยร่นจึงยกแขนขวาขึ้นมาปิดตาขวา ลืมตาเพียงแต่ตาซ้าย รูม่านตาในตาซ้ายหมุนอย่างประหลาดและมองเห็นวิญญาณอาฆาตนับพันรอบตัวหวังหลินทันที ทั้งหมดคือเซียนแคว้นมารเขียวที่โดนหวังหลินฆ่า!

พอเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มหน้าขาวจึงตัวสั่นและถอยร่นเต็มกำลังโดยไม่รอสหายร่วมทาง

เกิดเป็นความแตกต่างระหว่างทั้งสอง หนึ่งล่าถอยส่วนอีกหนึ่งมุ่งไปข้างหน้า!

“รนหาที่ตาย!” หวังหลินเยาะเย้ย ขณะที่เซียนแซ่เฉียนเข้ามาใกล้ หวังหลินสะบัดแขนปรากฏหมอกสีดำกระจายออกไป เสียงดังคำรามออกมาปรากฏเป็นหุ่นเชิดเย่ซื่อ ลิ้นสีแดงสดโผล่ออกมาจากสายหมอก มันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมพลางกระโจนเข้าหาเซียนแซ่เฉียน

ระดับบ่มเพาะของเซียนตรงหน้านั้นเมื่อเทียบกับหุ่นเชิดเย่ซื่อแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!

เซียนแซ่เฉียนเบิกตากว้าง เหงื่อท่วมร่าง รู้สึกถึงความเป็นความตายขึ้นทั่วจิตใจ วินาทีนี้ร่างกายบิดตัวและเปลี่ยนทิศทางเพื่อหลบหนีโดยไม่ลังเล

‘บัดซบ มันไปมีหุ่นเชิดทรงพลังแบบนั้นได้อย่างไร!? มันเป็นใครกัน!? นั่นมันหุ่นเชิดขั้นวิบากดับสูญระดับต้นชัดๆ!!  ’ เซียนแซ่เฉียนเกิดความหวาดกลัวแต่ความเร็วกลับเทียบไม่ได้กับหุ่นเชิด จนโดนไล่ตามทันและถูกล้อมรอบด้วยหมอกสีดำ ภายในหมอกเกิดเสียงดังสนั่นและโลหิตเกิดการระเบิด

ด้านชายหนุ่มหน้าขาวที่หนีเป็นคนแรกกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรีบถอยเพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับหวังหลิน เขากำลังผสานกับเขตอาคมเพื่อเคลื่อนย้ายพริบตาออกไป

หวังหลินมองดูเซียนแคว้นมารเขียวที่กำลังจะหนี แขนขวายื่นออกไปหากระแสน้ำ สายน้ำก่อตัวเป็นมือยักษ์ส่งเข้าใส่ชายหนุ่มหน้าขาว

ชายหนุ่มเปิดพัดในมือ รูปพัดด้านหน้าเป็นม้าหมื่นตัวกำลังวิ่ง จากนั้นมีเสียงม้าปรากฏขึ้นมา ขณะเดียวกันภาพม้าหมื่นตัวเหมือนในพัดได้ปรากฏขึ้นด้านหลัง!

ท้องทะเลสั่นไหวเนื่องจากมีม้าพุ่งออกมาปะทะกับแขนที่หวังหลินสร้างขึ้น

เสียงดังสนั่นกระจายออกไปทั่วทะเลโอสถ ปรากฏเป็นวังวนยักษ์ขึ้นมาจนทะเลต้องหมุนไปพร้อมกับวังวน

ทั้งแขนและม้าหมื่นตัวแตกสลายไปพร้อมกัน ส่วนชายหนุ่มหน้าขาวเข้าผสานกับเขตอาคมและหายตัวไป

อีกด้านหนึ่งของทะเลโอสถ ใกล้กับแคว้นมารเขียว ตรงจุดที่ธงสามผืนตั้งอยู่ ชายหนุ่มปรากฏตัวข้างหญิงสาวถือเข็มทิศ เขากระอักโลหิตออกมา ใบหน้าและสายตายังคงตื่นกลัว

หลังปาดโลหิตออกจากมุมปากจึงเอ่ยขึ้น “เกิดเหตุฉุกเฉิน ดูเหมือนพี่เฉียนจะตายแล้ว…แคว้นกระทิงสวรรค์มีเซียนระดับนั้นตั้งแต่ตอนไหน? เขาชื่อหวังหลิน! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับอาจารย์”

เซียนสตรียังคงจ้องดูเข็มทิศในมือ สายตาจับจ้องตรงจุดสีขาวที่เป็นตัวแทนของหวังหลิน

ผ่านไปสักพัก นางเผยแววตาจิตสังหารและเอ่ยขึ้นเบาๆ “เขาอยู่ในค่ายกล ดังนั้นจึงไม่สามารถหนีออกไปไหนได้! ข้าได้รายงานเรื่องนี้ให้กับทางสำนักแล้ว สามบรรพชนส่งพี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้นมาที่นี่…เมื่อพี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้นมาถึง กองทัพของทั้งสามสำนักจะมาถึงเช่นกัน…เราแค่ต้องรอให้พี่ใหญ่หลอมทะเลเมฆาให้กลายเป็นเม็ดยาเทพจึงจะปัดเป่าม่านพลังรอบแคว้นกระทิงสวรรค์ออกไปได้! จากนั้นทุกอย่างก็จะจบ!”

“พี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้น!!” ชายหนุ่มหน้าขาวถึงกับมีแววตาเคารพตอนที่ได้ยินชื่อ เมฆาสูญสิ้นเป็นชื่อที่โด่งดังในแคว้นมารเขียวและกระทั่งดังไปไกลทั่วแผ่นดินทิศบูรพา!

เมฆาสูญสิ้นเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดินทิศบูรพา! เขาไม่ได้อยู่สำนักใดสำนักนึงและสามสำนักใหญ่ของแคว้นมารเขียวล้วนเต้นสำนักของเขา เขาสามารถไปสำนักใดก็ได้และเรียนรู้วิชาสำนักนั้นมา นั่นเป็นความหมายของพี่ใหญ่แห่งศิษย์ทุกคนในแคว้นมารเขียว!

“พูดกันว่าพี่ใหญ่เมฆาสูญสิ้นได้เข้าสู่แผ่นดินเหนือและเข้าร่วมสำนักของมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงเพื่อเรียนรู้เต๋า ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของเขาลึกล้ำยิ่ง เพียงแค่มีเขาอยู่ด้วย เจ้าหวังหลินนั่นคงจะต้องตายแน่นอน!” ชายหนุ่มหน้าขาวกำลังตื่นเต้น

ทางด้านหวังหลินนั้น เซียนแซ่เฉียนไม่อาจเทียบได้กับเย่ซื่อเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้จบลงด้วยเสียงร้องและร่างกายแตกสลาย เจ้าหุ่นเชิดกลืนกินร่างกายแต่เหลือวิญญาณดั้งเดิมให้หวังหลินตามคำสั่งเจ้านาย

หวังหลินเริ่มค้นวิญญาณดั้งเดิมเบื้องหน้าสามขุนพล หลังจากค้นวิญญาณเสร็จสิ้นจึงปลดปล่อยวิญญาณดั้งเดิม เจ้าหุ่นเชิดโผล่ลิ้นออกมาแต่หวังหลินผนึกเอาไว้และเก็บเข้าไปก่อน

เย่ซื่อตกตะลึงและจ้องหวังหลินด้วยสายตาโมโห

“ข้ายังต้องใช้เขา!” หวังหลินมองเย่ซื่อด้วยสายตาสงบนิ่งแฝงจิตสังหารมหึมา มันร้องคำรามต่ำ ก้มหน้าลงและไม่ร้องอีก

เมื่อระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้น ตราประทับบนหุ่นเชิดเย่ซื่อจึงรุนแรง มันไม่มีวันต่อต้านคำสั่งของหวังหลินเว้นแต่จะหมดหนทาง

“สามสหาย เราไม่เจอกันมาหลายปี ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่…” หวังหลินหันกลับมามองพยัคฆ์ขาวและอีกสองคนที่มีท่าทีอธิบายไม่ถูก หวังหลินคำนับฝ่ามือและยิ้มออกมา

พยัคฆ์ขาวและอีกสองคนต่างรู้สึกอับอาย

“หวังหลิน ตั้งแต่ที่แคว้นมารเขียวลงมือ พวกมันจะยิ่งรวดเร็วปานสายฟ้า ตอนนี้ข้ากลัวว่าเซียนแคว้นกระทิงสวรร์ส่วนใหญ่ถูกสังหารไปแล้ว เรา…เราจะออกไปได้อย่างไร…” เต่าดำมองหวังหลินและถอนหายใจ

วิหคศักดิ์สิทธิ์ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ “นี่เป็นครั้งแรกที่แคว้นมารเขียวพยายามเข้าสู่แคว้นกระทิงสวรรค์ครั้งใหญ่ แต่พวกมันได้ถูกม่านพลังที่บรรพชนของสำนักมหาวิญญาณและสำนักกุ้ยยี่หยุดเอาไว้ กระนั้นก็ยังเริ่มเข่นฆ่าเซียนไร้สำนักในทะเลโอสถ เป้าหมายหลักของพวกมันคงเป็นเรื่องใหญ่เกินจิตนาการแน่!”

“เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กำลังถูกแคว้นมารเขียวปิดบัง ดังนั้นสำนักมหาวิญญาณและสำนักกุ้ยยี่จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องออกไปส่งข้อความให้ผู้คนของแคว้นกระทิงสวรรค์!” พยัคฆ์ขาวพูดขึ้น

“นี่ไม่ใช่เวลามาพูด ออกไปกันก่อน!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ กระแสน้ำหลายสายปรากฏขึ้นมาพาพวกเขาทะยานไปข้างหน้า

ทั้งสี่คนท่องทะยานและเจอกับเซียนของแคว้นมารเขียวหลายครั้ง แต่ละครั้งที่เจอ หวังหลินจะใช้เพลิงไร้ลักษณ์เข้าสังหารในพริบตา

ทว่าขณะที่พวกเขาเดินทาง เหล่าเซียนมารเขียวปรากฏตัวน้อยลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ไม่เจออีกเลยราวกับหายไปแล้ว

‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…’ หวังหลินหรี่ตา เขาอยู่ห่างจากแคว้นกระทิงสวรรค์ไม่ไกลนักและใกล้กับชายขอบ พอพวกเขาทะยานต่อไป พื้นทะเลเริ่มยกสูงขึ้น ทั้งสี่ทะยานออกมาจากทะเล

ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้แสงจันทร์!

โลกที่มืดมิดทำให้ทะเลขุ่นมัว มีเพียงสายลมที่ทำให้คลื่นกระเพื่อมและส่งเสียง ภายในคลื่นได้กลิ่นโลหิตเจือจาง

หลังจากทะลุออกมาจากทะเลได้ ทั้งสี่คนทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า นอกจากเสียงทะเลแล้ว ทุกอย่างกลับเงียบสนิท

พยัคฆ์ขาวและพรรคพวกสังเกตถึงความผิดปกติได้ พวกเขามองไปรอบๆ ดวงตาส่องสว่างเนื่องจากถูกล้อมรอบด้วยความมืดและเห็นแต่เพียงเค้าโครงของแคว้นกระทิงสวรรค์ได้ลางๆ

“พวกเจ้าสามคนช่วยปกป้องข้าที ข้าจะไปดูว่าเขตอาคมนี้ทรงพลังแค่ไหน!” หวังหลินเพ่งสมาธิ หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงกดฝ่ามือขวาลงไปที่ทะเลด้านล่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด