Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1928 พุ่งทะลวง!

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1928 พุ่งทะลวง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1928 พุ่งทะลวง!

ดาวเคราะห์เก้าดวงคล้ายกับถูกพลังลึกลับเปลี่ยนวิถีการโคจรและทะยานเข้ามาหาหวังหลิน

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้บังคับให้หวังหลินต้องขยับออกจากตำแหน่งปัจจุบัน ทว่าดาวเคราะห์ทั้งเก้าเปลี่ยนทิศทางและทะยานเข้าหาต่อ

‘หรือจะเป็นบททดสอบชั้นฟ้าระดับแรก?’ หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายและไม่หลบอีกต่อไป เขาก้าวทะยานเข้าหาดาวเคราะห์ที่กำลังใกล้เข้ามา ยกแขนขวาและโยนกำปั้นใส่!

“เรียกขานสายลม!” กำปั้นนี้มีวิชาเรียกขานสายลมถึงเก้าครั้ง กลายเป็นพายุคล้ายมังกรดำของจริงเข้าปะทะกับดาวเคราะห์แรก

ดาวเคราะห์พังทลายเสียงดังกึกก้อง หลังจากนั้นหวังหลินหันตัวกลับเตะเข้าใส่ดาวเคราะห์ดวงที่สอง

เกิดเป็นเสียงดังอึกทึก หวังหลินเคลื่อนร่างเกิดเป็นภาพติดตาเบื้องหน้าดาวเคราะห์ที่เหลือ แล้วโยนกำปั้นออกไปหลายชุด

ทั่วดาราจักรเกิดเสียงดังกึกก้อง ดาวเคราะห์ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็แตกกระจายแต่มีพลังรุนแรงโผล่ออกมา ตรงเข้ามาผลักหวังหลินออกไปจากดาราจักรแห่งนี้

หวังหลินทัศนวิสัยพร่าเลือน พอรู้สึกตัวอีกครั้งเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายและถูกผลักออกมาจากตำหนักแรก ตกลงใส่พื้นและถอยไปหลายพันฟุตก่อนจะประคองตัวเองได้อย่างมั่นคง

‘ล้มเหลว?’ หวังหลินพลันมองขึ้นไปและขบคิด

ตำหนักไม่ได้ปลดปล่อยแสงสีทอง ซึ่งหมายความว่าหวังหลินล้มเหลวในบททดสอบแรก!

เซียนรอบด้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ประหลาดใจ เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ได้ต่อสู้กับหวังหลินต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“ผ่านไม่ได้แม้แต่ระดับแรก…เขา…”

“หายากนักที่จะมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่สามารถผ่านระดับแรกได้ วันนี้ข้าได้เจอแล้วคนหนึ่ง”

“เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น พลังต่อสู้ของหวังหลินแข็งแกร่งมาก เขาจะล้มเหลวในระดับแรกได้อย่างไร?”

ตอนนี้หวังหลินกำลังโดนคนรอบด้านจ้องมอง มีทั้งความประหลาดใจ ดูถูกและสายตาที่ไม่สนใจ

ทุกคนที่นี่สามารถผ่านระดับแรกได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพอเห็นหวังหลินล้มเหลวจึงเกิดความดูถูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ได้เผยออกมาแต่ก็มีอยู่ภายในใจ

ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินมองหวังหลิน จากนั้นก็หลับตา

หวังหลินขบคิดพลางมองตำหนักสีดำเบื้องหน้า จากนั้นแววตากะพริบเย็นเยียบ เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบทั้งหมดมองเห็นการกระทำของหวังหลินและส่วนใหญ่ส่ายศีรษะ

“หลังจากล้มเหลว ยากที่จะสำเร็จในครั้งที่สอง แทนที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ ออกไปฝึกฝนให้หนักจะดีกว่า”

“ดูเหมือนเขายังพึ่งพาโชควาสนา ฮ่าฮ่า ก็ดีนะ บางทีระดับแรกอาจผ่านได้ด้วยโชควาสนา”

หวังหลินพุ่งเข้าสู่ตำหนักอย่างรวดเร็วมาก ทัศนวิสัยพร่าเลือนและปรากฏตัวในดาราจักรดวงดาว

เขาสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านกับความล้มเหลวเลยแม้แต่น้อย หวังหลินยืนจ้องมองออกไปด้วยสายตาเปล่งประกาย เสียงดังสนั่นกึกก้อง ดาวเคราะห์ทั้งเก้าพลันเปลี่ยนวิถีการโคจรราวกับถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้ พวกมันพุ่งตรงเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินไม่ได้ขยับและส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปบริเวณรอบด้าน พอดาวทั้งเก้าเข้ามาในระยะพันฟุต แรงกดดันตรงเข้าใส่ร่างเขา หวังหลินยกแขนขึ้นทันที ผสานเรียกขานสายลมทั้งเก้าเข้าใส่กำปั้นและชกเข้าใส่ความว่างเปล่า

กำปั้นถึงกับทำให้ดาราจักรสั่นเทา แม้แต่ดาวเคราะห์ทั้งเก้าก็ยังสั่นไหว มองไกลๆ ราวกับร่างหวังหลินได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยมังกรดำเก้าหัว มันพุ่งตรงเข้าใส่ดาวเคราะห์ทันที

เกิดเป็นเสียงดังครั้งเดียวแต่กึกก้องไม่มีที่สิ้นสุด ดาวเคราะห์ทั้งเก้าพลันแตกสลายในเวลาเดียวกัน

เมื่อดาวทั้งเก้าพังทลาย แสงสีทองมากมายแผ่กระจายเต็มไปทั่วดวงดาวและกระจายออกมาจากตำหนักแรก

เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่นั่งอยู่ด้านนอกเกิดความสนใจกับแสงสีทองและเกิดสายตาแปลกประหลาด เขาเห็นเซียนผมขาวพุ่งออกมาจากยอดตำหนักและตรงเข้าสู่ตำหนักที่สองด้านบนด้วยความเร็วสูง!

“เขาสำเร็จจริงหรือ?”

“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวช่างน่าสนใจ!”

“ครั้งแรกล้มเหลว ครั้งที่สองน่าจะเป็นโชควาสนา แต่โชคคงไม่ช่วยอะไรได้ในระดับสอง มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น!”

ผู้สูงส่งชั้นฟ้ารอบด้านได้สนใจเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงสีทองส่องสว่างออกมาจากตำหนักระดับสอง!!

แสงสีทองจากตำหนักแรกยังไม่หายไปดีก็มีแสงสีทองออกมาจากตำหนักระดับสองแล้ว แสงสีทองผสานกันจากสองตำหนักแทบทำให้ทั้งแผ่นดินสองสว่างขึ้นมา!

เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่มีความเยือกเย็นและสุขุมต่างก็ตกตะลึง

“เอ๋?”

“เขาจบระดับสองได้เร็วขนาดนั้น?!”

“เขาใช้เวลานานแค่ไหน? เพิ่งล้มเหลวในระดับแรกแต่กลับผ่านสองระดับในครั้งเดียว!”

ร่างหวังหลินพุ่งทะยานจากตำหนักระดับสองพร้อมกับแสงสีทองเปล่งประกายเจิดจ้า หวังหลินได้พุ่งทะยานเข้าหาตำหนักระดับสามโดยไม่ลังเล

การกระทำของเขาทำให้เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนใหญ่พวกเขาอยูที่ตำหนักระดับสามและเพราะหวังหลินล้มเหลวในระดับแรก พวกเขาจึงไม่มั่นใจว่าหวังหลินจะผ่านไปได้หรือไม่

“ในตำหนักระดับสาม นอกจากการผสานวิชา 27 วิชาเข้าไปในร่างกายแล้ว ดาวเคราะห์สีทองข้างในคือกุญแจสำคัญ!”

“ข้าสามารถผสาน 30 วิชาเข้าไปในร่างกายได้แต่ก็ยังล้มเหลวเพราะดาวเคราะห์สีทอง มันเทียบได้กับดาวเคราะห์ทั้งหมดรวมกัน!”

“คงยากนักที่เขาจะผ่านระดับสามไปได้!”

ผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าครึ่งได้มองเข้าไป ขณะที่คาดเดาผลลัพธ์ เสียงร้องตกตะลึงดังออกมาจากเซียนจำนวนหนึ่ง

ทุกคนเห็นตำหนักที่สามเปล่งประกายเจิดจ้าหลังจากหวังหลินเข้าไปในชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น!!

เวลานี้แสงสีทองจากตำหนักแรกและตำหนักสองยังไม่สลายไปดี แสงสีทองจากตำหนักที่สามเปล่งประกายและสอดประสานกัน ราวกับมังกรค่อยๆ เติบโตยาวขึ้นไป

แสงสีทองเพิ่มมากขึ้นอย่างมหึมา พอล้อมรอบบริเวณจึงทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างมีสายตาเปล่งประกาย

“ผ่าน!”

“เขาผ่านสามระดับในครั้งเดียว! ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาไปล้มเหลวในระดับแรกได้อย่างไร?”

“เร็วอะไรขนาดนั้น! การผ่านสามระดับแรกด้วยความเร็วเท่านี้นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งมาก!”

“ทำให้ตำหนักสองสว่างอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าคิดจริงๆ ว่าเขาจะทำให้ส่องสว่างได้กี่แห่ง!”

หวังหลินพุ่งทะยานออกจากตำหนักที่สามและมองยังตำหนักระดับสี่ พุ่งทะยานเข้าหาโดยไม่ลังเล

“บททดสอบชั้นฟ้านี้จะต้องทำลายดาวเคราะห์ทั้งหมดในครั้งเดียว หากข้าทำลายพวกมันทีละดวงเท่ากับเกิดความล้มเหลว!” หวังหลินสงบนิ่ง สามระดับแรกไม่ท้าทายเขามากนัก

พริบตาเดียวเขาก็หายเข้าไปในตำหนักระดับสี่

แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินยังลืมตาและมองไปยังตำหนักระดับสี่ ไม่ใช่เพียงแค่เขาแต่แทบทุกคนได้มองเข้าไป

ตำหนักระดับสี่คือคอขวดในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า มีคนไม่ถึงสองร้อยคนที่สามารถผ่านระดับสี่ไปได้ ส่วนใหญ่มักจะหยุดอยู่ระดับนี้!

ดังนั้นการกระทำของหวังหลินจึงกระตุ้นความสนใจของแต่ละคน การที่สามารถผ่านระดับสี่ไปได้เท่ากับว่าแข็งแกร่งมากในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า!

เวลาผ่านไป หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ…

แสงสีทองจากตำหนักแรกดูเหมือนหมองหม่นลงและเผยสัญญาณแตกกระจาย

เวลาที่หวังหลินใช้ในตำหนักระดับสี่มีมากกว่าตำหนักที่สาม

แต่ขณะที่แสงจากตำหนักแรกกำลังจะหายไป เหล่าเซียนหลายสิบคนรอบด้านพลันยืนขึ้นและมองไปยังท้องฟ้า ตำหนักระดับสี่ปลดปล่อยแสงสีทองรุนแรงกว่าแสงจากสามตำหนักแรกเสียอีก!!

พอแสงสีทองโผล่ขึ้นมา ทำให้แสงจากสี่ตำหนักเชื่อมประสานกันอย่างสมบูรณ์ ราวกับเป็นหางมังกรส่วนเล็กๆ แต่ทำให้กลายเป็นภาพอันน่าตกตะลึง!

“เขาทะลวงผ่านระดับสี่ได้!!”

“เขาผ่านระดับสี่ได้จริงๆ! ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นฟ้า!”

ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินหรี่ตาพลางจ้องมองร่างที่ก้าวออกมาจากตำหนักระดับสี่ เขารู้สึกว่าร่างนั้นเป็นภัยคุกคาม

หวังหลินยืนอยู่ในแสงสีทองรอบตำหนักระดับสี่และมองไปที่ตำหนักระดับห้า ดวงตาเปล่งประกาย

‘ระดับสี่มีดาวเคราะห์ 36 ดวงและมีดาวเคราะห์ทองสองดวง ข้าผสานร่างอวตารทั้งหมด ระดับสี่ถือเป็นขีดจำกัดของข้าแล้วโดยไม่ใช้เกราะวิญญาณ’

‘แต่หากข้าสวมเกราะวิญญาณ…ช่างน่าสงสัยจริงว่าข้าจะทะลวงผ่านได้ถึงระดับไหน! น่าเสียดายที่ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังทะเลขุนเขาเพื่อไปเอาต้นไม้ การแสดงความแข็งแกร่งของข้าที่นี่คงไม่สะดวกนัก หลังจากข้าได้ต้นไม้ทะเลขุนเขา ข้าจะกลับมาลองอีกครั้ง!’

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด