Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1851

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1851 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
สาส์นวิญญาณ

ผู้คนมากมายพร้อมกับเหล่าเซียนนับหมื่นได้ตายในทะเลโอสถ ร่างอวตารของเมฆาสูญสิ้นอยู่ใกล้มากและตายเป็นคนแรก ไม่ว่าเจตจำนงกระบี่ของเขาจะทรงพลังแค่ไหน เมื่อเผชิญกับการระเบิดของเม็ดยาสวรรค์ จึงย่อยยับเหมือนเศษกระดาษ!

ด้วยการพังทลายนี้ ทั้งทะเลโอสถจึงหายไป แคว้นมารเขียวสูญเสียเซียนไปมากกว่าหมื่นคน ที่เหลือไม่สามารถหลบหนีจากพลังทำลายล้างได้และเต็มไปด้วยความสิ้นหวังแต่กลับมีร่างเงายักษ์ปรากฏขึ้นมา ร่างเงานี้ดูเหมือนคนแต่ไม่สามารถเห็นรูปร่างหน้าตาได้ชัดเจน เพียงเขาสะบัดแขนจึงห่อหุ้มเหล่าเซียนที่เหลือของแคว้นมารเขียว

ขณะที่พลังทำลายล้างเข้าไปใกล้ ร่างนั้นจึงล่าถอยอีกครั้งและแทบจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น ถึงจะหายวับไปได้อย่างไร้ร่องรอย ความจริงยังได้รับบาดเจ็บ

ทะเลโอสถกลายเป็นความว่างเปล่า พื้นดินใกล้ทะเลโอสถที่อยู่บนแคว้นกระทิงสวรรค์เริ่มพังทลาย แรงกระแทกเกิดเป็นพายุฝุ่นขึ้นมาพักใหญ่

พื้นดินของแคว้นมารเขียวก็แตกกระจายไปเช่นกัน บางส่วนลอยขึ้นไปในท้องฟ้าเหมือนก้อนเมฆและกระจายออกไปไกล

โชคดีที่เม็ดยาสวรรค์ระเบิดอยู่ใจกลางทะเลโอสถ หากมันอยู่ใกล้แคว้นกระทิงสวรรค์คงได้รับความเสียหายต่อพื้นดินหนักกว่านี้

จากตรงนี้คงเห็นภาพชัดว่าต้นกำเนิดของเม็ดยาสวรรค์นั้นลึกลับและพิเศษแค่ไหน!

สามวันต่อมา พลังทำลายล้างจากการระเบิดของเม็ดยาสวรรค์ได้อ่อนแอลงในที่สุดจนกระทั่งหายไป ทว่าพายุฝุ่นที่ก่อตัวขึ้นตรงขอบของทั้งสองแคว้นยังคงอยู่

ทางด้านแคว้นมารเขียว หลังจากเงียบหายไปสามวัน พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแผนการเข้าสู่แคว้นกระทิงสวรรค์ สำนักใหญ่ทั้งสามร่วมมือกันรวมศิษย์และผู้อาวุโสจนก่อเกิดเป็นกองทัพเซียนเจ็ดหมื่นคนมุ่งหน้าเข้าสู่แคว้นกระทิงสวรรค์ที่ไม่มีม่านพลังอีกต่อไป!

เซียนส่วนหนึ่งที่บรรลุขั้นวิบากดับสูญได้แตกออกมาจากกองทัพหลัก ลำแสงนับสิบสายพุ่งทะยานไปข้างหน้า พวกเขาคือแนวหน้าของสงครามครั้งนี้! ทั้งยังเป็นกองกำลังที่ทำหน้าที่หลักในสงคราม!

ณ แคว้นกระทิงสวรรค์ เทือกเขาแห่งหนึ่งใกล้ทะเลโอสถ ภูเขาที่นี่พังทลาย ท้องฟ้ามืดดำและเต็มไปด้วยฝุ่นจนดูมืดมน

เสียงสายลมหวีดหวิวจนดูเหมือนเสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณอาฆาต น่าขนลุกจนสั่นสะเทือนจิตใจ

ภูเขาที่พังทลายนั้นมีสายหมอกซึ่งมีชายหนุ่มผมขาวนั่งอยู่ข้างใน เขาคือหวังหลิน

หวังหลินในตอนนี้มีใบหน้าซีดเซียว เขาใช้เวลาสามวันฟื้นคืนอาการบาดเจ็บ บนพื้นมีคราบโลหิตสีแดงเข้ม เขากระอักโลหิตนี้ออกมาเพราะเกิดอาการบาดเจ็บ

พลังทำลายล้างยังอยู่ในการคาดการณ์ของหวังหลินแต่เขาก็ยังโดนแรงกระแทกตามหลังมาอยู่ดี

แม้จะโดนเข้ากับร่างเพียงเสี้ยวพริบตา ในตอนนั้นหวังหลินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก วิญญาณดั้งเดิมกำลังโดนทำลาย หลังจากมาถึงที่นี่เขาจึงทนไม่ไหว กระอักโลหิตและรีบฟื้นฟูทันที

หากเป็นเซียนธรรมดา ถ้าไม่ตายคงต้องหาร่างใหม่ แต่ด้วยร่างบัญชาโบราณของหวังหลินจึงแค่บาดเจ็บเท่านั้น

ยามค่ำของวันที่สาม หวังหลินลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรกและสูดลมหายใจเข้า เขาขมวดคิ้วเนื่องจากมีฝุ่นในอากาศจนทำให้การหายใจติดขัด หวังหลินมองไปบนท้องฟ้า แม้จะพลบค่ำแต่ฝุ่นผงทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงตะวันหรือดวงจันทร์ได้

‘คุ้มค่าแล้ว! แม้ข้าจะบาดเจ็บ แต่ก่อนเขาตายได้บอกว่าจะไม่ปล่อยข้าไป นั่นหมายความว่าเขาอาจจะมาด้วยร่างอวตาร กระนั้นร่างอวตารในตอนนี้ก็คงใกล้ตายไปแล้ว!’

‘การตายของร่างอวตารจะส่งผลกระทบต่อร่างดั้งเดิม! ไม่รู้ว่าผลกระทบนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน…มันไม่น่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย!’

‘และข้าก็ได้สิ่งนี้มาด้วย!’ หวังหลินส่ายศีรษะ ใบหน้าซีดพลันแดงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นสะบัดแขนเกิดแสงกะพริบ ปรากฏเข็มทิศขึ้นในฝ่ามือ

เข็มทิศดูธรรมดา แผนที่ในทะเลโอสถได้หายไปแล้วแต่กลับมีพื้นที่บริเวณรอบตัวหวังหลินในตอนนี้

และไม่มีจุดแสงอยู่บนนั้น

‘เขตอาคมกลุ่มนี้ช่างลึกลับ หลังจากข้ากลืนกินไปแก่นแท้เขตอาคมของข้าจะเพิ่มพูน…แต่มันยังมีประโยชน์ คงยังไม่ต้องรีบกลืนกินไปหรอก’ ที่หวังหลินกล้าฟื้นฟูตัวเองที่นี่ก็เนื่องมาจากเขตอาคมนี้

ก่อนที่เขาจะเริ่มฟื้นฟู หวังหลินได้วางเขตอาคมเอาไว้ซึ่งมันเล็กกว่าเดิมแต่ทรงพลังมากกขึ้นและอนุญาตให้ออกไปได้เท่านั้น!

‘บาดแผลของข้าฟื้นคืนมาได้ เจ็ดถึงแปดในสิบส่วนแล้ว ตอนนี้น่าจะไม่มีปัญหา…แก่นแท้วารีของข้าสมบูรณ์ไปแล้ว ข้าจำเป็นต้องกลับไปยังสำนักมหาวิญญาณ สงสัยอยู่ว่าพวกเขาได้รับหินหยกข้าแล้วหรือไม่’

‘ดูเวลาตอนนี้น่าจะยังไม่ถึง แต่การสั่นสะเทือนของแคว้นกระทิงสรรค์เมื่อสามวันก่อนน่าจะทำให้เกิดความสนใจอยู่บ้าง’ หวังหลินขบคิดพลางยืนขึ้น ดวงตาเปล่งประกายพลางยื่นแขนซ้ายออกมาปรากฏเป็นหินหยก

หินหยกก้อนนี้ดูธรรมดามากแต่กลับมีฉากเหตุการณ์ที่หวังหลินเข้าไปในทะเลโอสถเป็นครั้งที่สอง ตอนที่เขาทำลายธงสามผืน ขโมยเข็มทิศ ผ่าเม็ดยาสวรรค์และสังหารเมฆาสูญสิ้น

มันบันทึกจนกระทั่งหวังหลินออกมาจากทะเลโอสถ

หวังหลินไม่ใช่เซียนหนุ่มที่ไม่รู้อะไร หลังจากเข้าร่วมสำนักมหาวิญญาณเขาจึงรู้ว่าการทำความดีความชอบให้กับสำนักคือวิธีการหลักในการได้รับสมบัติ เม็ดยาและวิธีการฝึกฝน!

หากเขาเพียงแค่บอกคนอื่น คนอื่นคงสงสัยและไม่เชื่อ วิธีการที่ดีที่สุดคือการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งคือการบันทึกทุกอย่างเอาไว้ในหินหยก ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แค่มองดูก็น่าจะพอ!

หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินได้ตัดเหตุการณ์ที่เขาได้รับเข็มทิศ เหลือไว้แต่ตอนผ่าเม็ดยาสวรรค์ นั่นก็พอแล้ว!

‘เพียงเท่านี้ ข้าสามารถขอวิชามายาทับซ้อนจากบรรพชนกระทิงเขียวได้!’ หวังหลินเก็บหินหยกและเข็มทิศกลับไป หลังจากถอนเขตอาคมจึงทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของแคว้นกระทิงสวรรค์

หลังจากท่องทะยานมาได้มากกว่าแสนฟุต ระลอกคลื่นส่งเสียงดังกึกก้องและเขาหายตัวไป ปรากฏตัวอีกครั้งอยู่พื้นที่ชั้นในของแคว้นกระทิงสวรรค์และห่างไกลจากทะเลโอสถ

เขาไม่หยุดชะงักและมุ่งหน้าต่อไป

พริบตาเดียวผ่านไปอีกครึ่งเดือน หวังหลินอยู่ไม่ไกลจากสำนักมหาวิญญาณแต่มุมมองนี้แค่ใช้วิชาบิดมิติก็เพียงแค่ครั้งเดียว หากท่องทะยานไปเองคงต้องใช้เวลาหลายเดือน

ที่นี่ยังเป็นส่วนลึกภายในแคว้นกระทิงสวรรค์ ทุกแห่งหนมีเทือกเขาและต้นไม้ใบหญ้าปกคลุมผืนดิน พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากทะเลโอสถเลย อีกทั้งแคว้นกระทิงสวรรค์ก็กว้างใหญ่มาก พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดเป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น

ช่วงรอใช้วิชาบิดมิติอีกครั้ง หวังหลินมักจะนั่งบนราชายุงและฟื้นฟูตัวเอง หลังจากผ่านไปได้อีกครึ่งเดือนเขาฟื้นฟูกำลังกลับมาแปดถึงเก้าส่วน อาการบาดเจ็บที่เหลือเป็นเรื่องเล็กน้อย

ในวันนี้ขณะที่หวังหลินกำลังเหาะเหิน เขาพลันเงยหน้าขึ้นไป ดวงตาหรี่แคบ เพราะเบื้องหน้ามีแสงน่ากลัววูบวาบหลายสาย ภายในแสงมีนกระเรียนกระดาษสีดำ!

กระเรียนกระดาษเหล่านี้บินทะยานออกไปทิศทางแตกต่างกันและเร็วกว่าหวังหลิน โชคดีที่มีตัวหนึ่งบินผ่านหวังหลินไป ขณะที่ตัวนั้นกำลังจะเลือนหาย หวังหลินใช้วิชายับยั้งให้หยุดห่างไปหลายร้อยฟุต เขาสะบัดแขนให้มันลอยเข้ามาในมือ

หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในกระเรียนกระดาษ เสียงทรงอำนาจดังกึกก้องในใจ

“แคว้นมารเขียวกำลังรุกราน ทะเลโอสถถูกทำลายรวมถึงม่านพลังรอบแคว้นกระทิงสวรรค์ด้วย กองทัพพวกมันจะมาถึงในอีกไม่ช้า สำนักมหาวิญญาณและสำนักกุ้ยยี่กำลังออกสาส์นวิญญาณ ให้สำนักทั้งหมดปิดผนึก เหล่าเซียนทั้งหมดเตรียมพร้อมรบให้รวมกันที่เจ็ดจุดสำคัญซึ่งสร้างเอาไว้หลายปีก่อน!”

หวังหลินปล่อยกระเรียนกระดาษให้มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หวังหลินมองดูท้องฟ้าเบื้องหน้าพลางคิดหลายสิ่งหลายอย่าง ผ่านไปสักพักจึงขมวดคิ้วและไม่คิดเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในใจอีก เขาสงบลง นั่งลงบนหลังอสูรยุงและให้มันทะยานออกไป

ขณะที่หวังหลินอยู่ระหว่างทางกลับสำนักมหาวิญญาณ หลังจากเกิดการระเบิดวันที่ยี่สิบ เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญหลายสิบคนจากแคว้นมารเขียวได้มาถึงก่อนล่วงหน้า เป้าหมายคือการกำจัดเซียนขั้นที่สามในแคว้นกระทิงสวรรค์ได้ให้มากที่สุด!

ยิ่งสังหารมากเท่าไร ยิ่งได้รับชัยชนะมากขึ้นเท่านั้น!

หนึ่งเดือนให้หลัง กองทัพเซียนเจ็ดหมื่นคนของแคว้นมารเขียวได้ปกคลุมน่านฟ้าและเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ

ด้านหลังกองทัพเซียนเจ็ดหมื่นคน มีร่างเงากระบี่น่ากลัวกำลังติดตามไปอย่างช้าๆ กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่โบราณสีทอง บนปลายกระบี่มีชายหนุ่มชุดฟ้านั่งอยู่ เรือนผมขาวปกคลุมบ่าและหน้าตาหล่อเหลาดุจปิศาจ เขาสงบนิ่งแต่ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อยพลางมองดูแคว้นกระทิงสวรรค์ไกลๆ แววตากะพริบเย็นเยียบ

‘มันทำลายร่างอวตารของข้าและบังคับให้ระดับบ่มเพาะของข้าตกลงไปยังขั้นวิบากดับสูญระดับต้น ข้าจะทำให้มันได้รู้สำนึกเสียใจ!!’

กระบี่โบราณสีทองข้างใต้เปล่งกลิ่นอายสูงส่ง ร่างเงายักษ์สวมเกราะสีทองในชุดคลุมล้ำค่าพลันปรากฏขึ้นด้านหลังกระบี่ ร่างนี้ใหญ่จนมิอาจวัดได้และเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่

กระบี่เล่มนี้ช่างพิเศษยิ่ง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด